มือใหม่หัดรีวิวครับ ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะครับบบ!
30 Sep 2018 - 3 Oct 2018
บันทึกภาพการเดินทางจากบ้านไกลครั้งแรกด้วยตัวคนเดียว เที่ยวคนเดียว มิตรภาพไปหาเอาตามหนทางข้างหน้า ตามคอนเซปต์
" Unexpected adventures and chance encounters with interesting people around the world "
โดยใน EP. แรกนี้ จะพาไปทัวร์เมืองน่าน > ดอยเสมอดาว > ผาชู้ โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.เวียงสา และ อ.นาน้อยกันครับ พร้อมแล้ว .. ไปกันเลยยย !
.
.
วันแรก .. (11.40น.)
เดินทางออกจาก กทม. โดยสายการบินหางแดง ขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจ้าาาา
คำเตือน!! จะมาสนามบินโปรดเผื่อเวลากันนะครับ เพราะการจราจรในสนามบินนั้นสาหัสเหลือเกิน
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ช้าอยู่ไยล่ะ รีบขึ้นไปเลย
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงนิดหน่อยโดยประมาณ ก็มาถึงท่าอากาศยานน่านนครแล้ว ฟ้าสวยใสมาก แดดจ้าเลย รีบเดินเข้าเทอมินอลให้ไว
โรงแรมที่ผมพักชื่อ น่านนครา ครับ มีรถบริการรับ-ส่งที่สนามบินเลย ไม่ทันไรคุณลุงคนขับก็โทรมา ลุงแกยืนรออยู่แล้วครับ .. ไปที่โรงแรมกันนนน
มาถึงแล้ว โรงแรมน่านนครา อยู่ติดกับวัดภูมินทร์เลย แจ่มแมวมากแทบจะกลางเมือง ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาที่โรงแรมไม่นานนะ ประมาณ 10 กว่านาที เพราะห่างกันแค่ 4 กิโล
นี่ก็อีกโซนนึงของโรงแรม เป็นห้องอาหาร ไว้เสริฟมื้อเช้า ส่วนจักรยานที่เห็นก็จัดไว้ให้ ลค. ใช้ปั่นเล่นในตัวเมืองนะ ดีมาก ๆ เลย
.
.
หลังจาก Check-in เก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ถึงเวลาเผชิญโลกกว้างแล้วครับ
ผมเดินมาที่แรกใกล้โรงแรมที่สุด
" วัดภูมินทร์ "
เป็นวัดที่แปลกกว่าวัดอื่น ๆ ที่เคยเห็นเลย คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันประตูไม้ทั้งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายโดยช่างฝีมือล้านนาสวยมาก ๆ ส่วนฝาผนังด้านในโบสถ์ยังแสดงถึงวิถีชีวิตและ วัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่านด้วยนะ ที่สำคัญคือมีภาพวาดขึ้นชื่อของเมืองน่านอยู่นั่นก็คือ ... >>>>>>
ทาด๊าาา ! ภาพปู่ม่านย่าม่าน นั่นเอง
" กระซิบรักบรรลือโลก "
ภาพ "ปู่ม่านย่าม่าน" เป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงของงานจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งด้านองค์ประกอบและอารมณ์เลยนะ
.
.
หลังจากผมออกจากวัดภูมินทร์มา ก็เอาแต่เดินไปเรื่อย ๆ จนมาสะดุดตากับ พระอุโบสถของวัดศรีพันต้นครับ ถ่ายรูปไม่ได้เรื่องแต่ของจริงสวยกว่านี้มาก ลองนึกภาพแสงแดดที่ตกกระทบกับโบสถ์สีทองทั้งหลังสิครับ มันจะวิบวับแค่ไหน โดยเฉพาะพญานาค 7 เศียรสองข้างบันไดด้านหน้าทั้งสอง อลังการมาก
ภายในวิหารได้มีการเขียนภาพลายเส้นประวัติของพระพุทธเจ้า และประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นภาพ เขียนลายเส้นลงสีธรรมชาติสวยงามและมีคุณค่ามาก ๆ
ต่อมาเป็นวัดสวนตาล ซึ่งอยู่ห่างจากวัดที่ผ่านมานิดหน่อยครับ ใครเดินไหวใคร่เดินก็เดิน ใครมีรถส่วนตัวก็ขับมา หรือจะปั่นจักรยานจากโรงแรมมาก็ไม่ว่ากัน เพราะเมืองน่านรถยนต์น้อยมาก ๆ ไม่มีรถติดให้เห็นเลย
วัดสวนตาลเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองน่านอีกวัดนึง ซึ่งมีอายุถึง 600 ปีเลย นอกจากนี้ วัดสวนตาลยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่มีลักษณะแปลกตาด้วย ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ผมก็คนนึงล่ะ ไหน ๆ มาแล้วก็ขอกราบไหว้ซะหน่อย
ไฮไลท์อีกแห่งนึงของเมืองน่าน คงหนีไม่พ้นที่นี่ครับ
" พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน "
เพราะอะไรอ่ะหรออออ ตามมา ผมจะพาไปดู .. >>>>
นี่ล่ะครับ ด้านนอกของตัวอาคารเราจะพบเห็นนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนถ่ายรูปกันตรงนี้เยอะแยะเลย
" ซุ้มต้นลีลาวดี หรือ ซุ้มต้นลั่นทม "
โลเคชั่นถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวที่สวยงามสะดุดตาครับ ต้นลีลาวดีถูกปลูกเรียงรายสองข้างทางเดิน ซึ่งจะทำให้เราได้ภาพเปอร์สเปคทีฟสวย ๆ จากมุมนี้แหละ
ใครมาช่วงเทศกาลก็ทำใจหน่อยเนอะ เพราะคนจะเยอะมาก แย่งกันโพสท่าถ่ายรูป คนนี้เข้าเฟรมคนนู้น คนนู้นเข้าเฟรมคนนี้ ยังไงก็ใจเย็น ๆ กันนะครับ
(เปิดให้เข้าอาคารแค่วันพุธ-อาทิตย์เท่านั้นนะ)
.
.
พาเข้ามาดูภายในอาคารกันครับ จะมีการจัดแสดงประวัติต่าง ๆ ของเจ้าผู้ครองนครน่าน ส่วนภาพที่เห็นนี่คือความชอบส่วนตัวครับ เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ได้เสด็จเยือนเมืองน่านถึง 23 ครั้ง เพื่อช่วยเหลือ ดูแลประชาชน และเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ สมัยก่อนจังหวัดน่านเป็นพื้นที่สีแดงครับ พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรมาก ดีใจจริง ๆ ที่เกิดเป็นคนไทย
พิพิธภัณฑ์จะมี 2 ชั้นนะ ชั้นบนจะมีการจัดแสดง งาช้างดำ ซึ่งเป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านมาเนิ่นนาน ว่ากันว่าเป็นงาช้างต้องคำสาปจากเจ้าผู้ครองนครในยุคก่อน ๆ ที่ไม่ให้ตกไปเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้ใด ต้องเก็บไว้ที่คุ้มเจ้าเมืองตลอดเวลา ไม่งั้นจะโชคร้ายครับ แล้วแต่ความเชื่อนะ แต่ผมอ่านแล้วยังขนลุก งาช้างดำต้องคำสาป
หลังจากเดินมาทั้งวันละ กลับมาที่วัดภูมินทร์ตอนเย็น วันนี้เป็นวันอาทิตย์มีถนนคนเดิน (ถนนคนเดินจะมีทุกสุดสัปดาห์อยู่ข้างวัดภูมินทร์เลยครับ) ก็จะมีขายของหลายสิ่ง ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของฝาก แล้วตรงข่วงเมืองน่านหน้าวัดเนี่ยทางจังหวัดเค้าก็มีเสื่อปู ขันโตกตั้ง ให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ซื้ออาหารมานั่งล้อมวงทานกัน ดูแล้วอบอุ่นดี มีดนตรีสดเล่นให้ฟังด้วยนะ จะเป็นเพลงไทยเก่า ๆ ฟังเพลินมาก ๆ หลังจากหาไรทานเสร็จก็กลับโรงแรมพักผ่อน เตรียมตัวลุยป่าฝ่าดงตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ติดตามวันต่อไป สนุกแน่นอน ..
.
.
เช้าวันที่ 2 ผมรีบตื่นมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ ตามที่เห็นครับ อเมริกันเบรคฟาสต์ กับขนม ผลไม้ ซัดให้เต็มถังครับ ระยะทางไปดอยเสมอดาวยังอีกไกล
การเดินทาง ผมใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 จากตัวเมืองน่าน ลงใต้ผ่าน อ.เวียงสา > อ.นาน้อย เพื่อขึ้น อช.ศรีน่าน สองข้างทางจะผ่านทิวทัศน์แบบในภาพครับ เพิ่มพลังได้ดีมาก ๆ
แฮ่ !! ถนนหนทางดีมาก ไม่เจอหลุมบ่อขรุขระ มีซ่อมผิวถนนนิดหน่อยแต่ไม่เกิน 100 เมตรครับ ขี่ไปฟังเพลงไปเพลิน ๆ แทบไม่มีรถคันอื่นครับ
ในภาพนี่เริ่มจะมีหมอกมาให้เห็นแล้ว อากาศเย็นขึ้นเรื่อย ๆ พอขี่ผ่านสายหมอกนี่มีสะท้านเหมือนกันครับ โค้งเยอะนิดนึง แต่ไม่ชันมาก รถยนต์ มอไซต์ ขึ้นได้สบาย ๆ ครับ
ขี่มาเพลิน ๆ เกือบเลยป้าย ปากทางจะมีป้ายนี้ครับ เห็นเด่นชัด สังเกตุฝั่งตรงข้ามจะมีร้านอาหารตามสั่งตั้งเป็นแนวยาว มีหมูกระทะด้วยเน้อออ ..
เลี้ยวเข้าไปเลยยย
และแล้วเราก็มาถึง ดอยเสมอดาว อช.ศรีน่าน ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิด ๆ มีค่าเข้า 20 บาทต่อคน และ ค่าสองล้ออีก 20 บาทต่อคันนะครับ
เนื่องด้วยผมมาไวมาก 10 โมงเช้า วันแรกของปีนี้ที่ดอยเสมอดาวเปิดให้กางเต๊นท์ เต๊นท์จีงยังไม่ได้กางครับ จนท. ยังเดินตัดหญ้ากันอยู่เลย หุหุ แต่วิวดอยเสมอดาวที่ไม่มีเต๊นท์กาง สวยสะอาดตามาก ๆ ครับ
กะจะมาเป็นเต๊นท์แรกของปีนี้ ก็ .. สมใจอยาก
" ผาหัวสิงห์ " ที่ร่ำลือกันครับ
เค้าว่าเมื่อก่อนสามารถเดินขึ้นไปได้ แต่เดี๋ยวนี้ห้ามแล้วครับ เนื่องจากมันอันตราย
ระหว่างรอ จนท. กางเต๊นท์ ผมก็ตระเวนสิครับ ขี่รถขึ้นผาชู้ ดูหน่อยซิว่าจะสวยเหมือนกันมั้ย ทางขึ้นผาชู้ก็ต้องเลยดอยเสมอดาวออกไปทางอุตรดิตถ์นะครับ
ในภาพคือเส้นทางขึ้นผาชู้ อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้ครับ
เรื่องพีคใกล้เข้ามาแล้ว นี่คือจุดกางเต๊นท์บนผาชู้ วิวบนนี้สุดลูกหูลูกตาครับ วันที่ผมไปมีเต๊นท์กางอยู่ไม่ถึง 5 หลังเองมั้ง ฟ้าสวยจริง ๆ
" เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด!! "
ภาพนี้อย่าพึ่งตกใจไปครับ เรื่องพีคคือระหว่างที่ผมลงจากผาชู้ ฝนเทกระหน่ำลงมา ตกหนักซะจนขี่รถไม่ไหว
ครับ ตกขนาดนี้แล้วคืนนี้จะมีดาวมั้ยเนี่ย
" ขอจอดรถหลบฝนหน่อยนะครับลุง "
คุณลุง จนท. ตรงจุดตรวจใจดีมาก ๆ พูดคุยสนุกสนาน คนน่านทั้งในและนอกเมืองเป็นมิตรมากครับ ยิ้มแย้ม พูดจาเป็นมิตรทุกคน ผมเลยได้ใช้เวลาตรงนี้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณลุง จนท. รอฝนหยุด ถือว่ารอเวลากางเต๊นท์ด้วยเพราะมาเร็วเกิ๊นนนน
ใครจะขึ้นผาชู้ต้องมาเสียตังที่ผมก่อนนะครับ 5555
.
.
ภาพพาโนราม่า ของเช้าวันที่ 3 ครับ จริง ๆ ผมกะมาถ่ายรูปทางช้างเผือกด้วยแต่ฝนตกละฟ้าปิด เลยไม่เห็นดาวซักดวง แต่ทำให้เมื่อคืนมีหมอกหนามาก แถมหนาวเย็นสุด ๆ ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อย ทะเลหมอก กับ แสงแรก ก็ปลอบใจผมได้บ้าง ถึงยังไงผมก็ต้องกลับมาซ่อมแน่ ๆ ครับ 5555
ทะเลหมอก กับ แสงแรกครับ
ขากลับลงมาก็แวะสถานที่ขึ้นชื่อ เสาดินนาน้อยและคอกเสือ ตั้งอยู่ใน อ.นาน้อย จะเจอป้ายตามทางที่ลงมาจากดอยเสมอดาว
เสาดินนาน้อย เป็นเสาดินที่มีลักษณะแปลกตาคล้าย “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่ จากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่าเสาดินนาน้อยเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำและลมตามธรรมชาติ นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 10,000-30,000 ปีมาแล้ว เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน และจากหลักฐานการค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า
*สาระล้วน ๆ
ต่อตอนหน้านะครับ มีอีกหน่อยยยย ....
[CR] EP1: น่านนคร (ครั้งเดียวไม่พอ) เมืองน่าน > ดอยเสมอดาว > ผาชู้
30 Sep 2018 - 3 Oct 2018
บันทึกภาพการเดินทางจากบ้านไกลครั้งแรกด้วยตัวคนเดียว เที่ยวคนเดียว มิตรภาพไปหาเอาตามหนทางข้างหน้า ตามคอนเซปต์
" Unexpected adventures and chance encounters with interesting people around the world "
โดยใน EP. แรกนี้ จะพาไปทัวร์เมืองน่าน > ดอยเสมอดาว > ผาชู้ โดยใช้เส้นทางผ่าน อ.เวียงสา และ อ.นาน้อยกันครับ พร้อมแล้ว .. ไปกันเลยยย !
.
.
วันแรก .. (11.40น.)
เดินทางออกจาก กทม. โดยสายการบินหางแดง ขึ้นเครื่องที่ท่าอากาศยานดอนเมืองจ้าาาา
คำเตือน!! จะมาสนามบินโปรดเผื่อเวลากันนะครับ เพราะการจราจรในสนามบินนั้นสาหัสเหลือเกิน
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ช้าอยู่ไยล่ะ รีบขึ้นไปเลย
ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงนิดหน่อยโดยประมาณ ก็มาถึงท่าอากาศยานน่านนครแล้ว ฟ้าสวยใสมาก แดดจ้าเลย รีบเดินเข้าเทอมินอลให้ไว
โรงแรมที่ผมพักชื่อ น่านนครา ครับ มีรถบริการรับ-ส่งที่สนามบินเลย ไม่ทันไรคุณลุงคนขับก็โทรมา ลุงแกยืนรออยู่แล้วครับ .. ไปที่โรงแรมกันนนน
มาถึงแล้ว โรงแรมน่านนครา อยู่ติดกับวัดภูมินทร์เลย แจ่มแมวมากแทบจะกลางเมือง ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินมาที่โรงแรมไม่นานนะ ประมาณ 10 กว่านาที เพราะห่างกันแค่ 4 กิโล
นี่ก็อีกโซนนึงของโรงแรม เป็นห้องอาหาร ไว้เสริฟมื้อเช้า ส่วนจักรยานที่เห็นก็จัดไว้ให้ ลค. ใช้ปั่นเล่นในตัวเมืองนะ ดีมาก ๆ เลย
.
.
หลังจาก Check-in เก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ถึงเวลาเผชิญโลกกว้างแล้วครับ
ผมเดินมาที่แรกใกล้โรงแรมที่สุด
" วัดภูมินทร์ "
เป็นวัดที่แปลกกว่าวัดอื่น ๆ ที่เคยเห็นเลย คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกันประตูไม้ทั้งสี่ทิศ แกะสลักลวดลายโดยช่างฝีมือล้านนาสวยมาก ๆ ส่วนฝาผนังด้านในโบสถ์ยังแสดงถึงวิถีชีวิตและ วัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่านด้วยนะ ที่สำคัญคือมีภาพวาดขึ้นชื่อของเมืองน่านอยู่นั่นก็คือ ... >>>>>>
ทาด๊าาา ! ภาพปู่ม่านย่าม่าน นั่นเอง
" กระซิบรักบรรลือโลก "
ภาพ "ปู่ม่านย่าม่าน" เป็นหนึ่งในภาพที่มีชื่อเสียงของงานจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดทั้งด้านองค์ประกอบและอารมณ์เลยนะ
.
.
หลังจากผมออกจากวัดภูมินทร์มา ก็เอาแต่เดินไปเรื่อย ๆ จนมาสะดุดตากับ พระอุโบสถของวัดศรีพันต้นครับ ถ่ายรูปไม่ได้เรื่องแต่ของจริงสวยกว่านี้มาก ลองนึกภาพแสงแดดที่ตกกระทบกับโบสถ์สีทองทั้งหลังสิครับ มันจะวิบวับแค่ไหน โดยเฉพาะพญานาค 7 เศียรสองข้างบันไดด้านหน้าทั้งสอง อลังการมาก
ภายในวิหารได้มีการเขียนภาพลายเส้นประวัติของพระพุทธเจ้า และประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นภาพ เขียนลายเส้นลงสีธรรมชาติสวยงามและมีคุณค่ามาก ๆ
ต่อมาเป็นวัดสวนตาล ซึ่งอยู่ห่างจากวัดที่ผ่านมานิดหน่อยครับ ใครเดินไหวใคร่เดินก็เดิน ใครมีรถส่วนตัวก็ขับมา หรือจะปั่นจักรยานจากโรงแรมมาก็ไม่ว่ากัน เพราะเมืองน่านรถยนต์น้อยมาก ๆ ไม่มีรถติดให้เห็นเลย
วัดสวนตาลเป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองน่านอีกวัดนึง ซึ่งมีอายุถึง 600 ปีเลย นอกจากนี้ วัดสวนตาลยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ ที่มีลักษณะแปลกตาด้วย ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ผมก็คนนึงล่ะ ไหน ๆ มาแล้วก็ขอกราบไหว้ซะหน่อย
ไฮไลท์อีกแห่งนึงของเมืองน่าน คงหนีไม่พ้นที่นี่ครับ
" พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน "
เพราะอะไรอ่ะหรออออ ตามมา ผมจะพาไปดู .. >>>>
นี่ล่ะครับ ด้านนอกของตัวอาคารเราจะพบเห็นนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนถ่ายรูปกันตรงนี้เยอะแยะเลย
" ซุ้มต้นลีลาวดี หรือ ซุ้มต้นลั่นทม "
โลเคชั่นถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวที่สวยงามสะดุดตาครับ ต้นลีลาวดีถูกปลูกเรียงรายสองข้างทางเดิน ซึ่งจะทำให้เราได้ภาพเปอร์สเปคทีฟสวย ๆ จากมุมนี้แหละ
ใครมาช่วงเทศกาลก็ทำใจหน่อยเนอะ เพราะคนจะเยอะมาก แย่งกันโพสท่าถ่ายรูป คนนี้เข้าเฟรมคนนู้น คนนู้นเข้าเฟรมคนนี้ ยังไงก็ใจเย็น ๆ กันนะครับ
(เปิดให้เข้าอาคารแค่วันพุธ-อาทิตย์เท่านั้นนะ)
.
.
พาเข้ามาดูภายในอาคารกันครับ จะมีการจัดแสดงประวัติต่าง ๆ ของเจ้าผู้ครองนครน่าน ส่วนภาพที่เห็นนี่คือความชอบส่วนตัวครับ เป็นภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ได้เสด็จเยือนเมืองน่านถึง 23 ครั้ง เพื่อช่วยเหลือ ดูแลประชาชน และเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ สมัยก่อนจังหวัดน่านเป็นพื้นที่สีแดงครับ พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรมาก ดีใจจริง ๆ ที่เกิดเป็นคนไทย
พิพิธภัณฑ์จะมี 2 ชั้นนะ ชั้นบนจะมีการจัดแสดง งาช้างดำ ซึ่งเป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านมาเนิ่นนาน ว่ากันว่าเป็นงาช้างต้องคำสาปจากเจ้าผู้ครองนครในยุคก่อน ๆ ที่ไม่ให้ตกไปเป็นสมบัติส่วนตัวของผู้ใด ต้องเก็บไว้ที่คุ้มเจ้าเมืองตลอดเวลา ไม่งั้นจะโชคร้ายครับ แล้วแต่ความเชื่อนะ แต่ผมอ่านแล้วยังขนลุก งาช้างดำต้องคำสาป
หลังจากเดินมาทั้งวันละ กลับมาที่วัดภูมินทร์ตอนเย็น วันนี้เป็นวันอาทิตย์มีถนนคนเดิน (ถนนคนเดินจะมีทุกสุดสัปดาห์อยู่ข้างวัดภูมินทร์เลยครับ) ก็จะมีขายของหลายสิ่ง ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ของฝาก แล้วตรงข่วงเมืองน่านหน้าวัดเนี่ยทางจังหวัดเค้าก็มีเสื่อปู ขันโตกตั้ง ให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ซื้ออาหารมานั่งล้อมวงทานกัน ดูแล้วอบอุ่นดี มีดนตรีสดเล่นให้ฟังด้วยนะ จะเป็นเพลงไทยเก่า ๆ ฟังเพลินมาก ๆ หลังจากหาไรทานเสร็จก็กลับโรงแรมพักผ่อน เตรียมตัวลุยป่าฝ่าดงตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ติดตามวันต่อไป สนุกแน่นอน ..
.
.
เช้าวันที่ 2 ผมรีบตื่นมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ ตามที่เห็นครับ อเมริกันเบรคฟาสต์ กับขนม ผลไม้ ซัดให้เต็มถังครับ ระยะทางไปดอยเสมอดาวยังอีกไกล
การเดินทาง ผมใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 จากตัวเมืองน่าน ลงใต้ผ่าน อ.เวียงสา > อ.นาน้อย เพื่อขึ้น อช.ศรีน่าน สองข้างทางจะผ่านทิวทัศน์แบบในภาพครับ เพิ่มพลังได้ดีมาก ๆ
แฮ่ !! ถนนหนทางดีมาก ไม่เจอหลุมบ่อขรุขระ มีซ่อมผิวถนนนิดหน่อยแต่ไม่เกิน 100 เมตรครับ ขี่ไปฟังเพลงไปเพลิน ๆ แทบไม่มีรถคันอื่นครับ
ในภาพนี่เริ่มจะมีหมอกมาให้เห็นแล้ว อากาศเย็นขึ้นเรื่อย ๆ พอขี่ผ่านสายหมอกนี่มีสะท้านเหมือนกันครับ โค้งเยอะนิดนึง แต่ไม่ชันมาก รถยนต์ มอไซต์ ขึ้นได้สบาย ๆ ครับ
ขี่มาเพลิน ๆ เกือบเลยป้าย ปากทางจะมีป้ายนี้ครับ เห็นเด่นชัด สังเกตุฝั่งตรงข้ามจะมีร้านอาหารตามสั่งตั้งเป็นแนวยาว มีหมูกระทะด้วยเน้อออ ..
เลี้ยวเข้าไปเลยยย
และแล้วเราก็มาถึง ดอยเสมอดาว อช.ศรีน่าน ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงนิด ๆ มีค่าเข้า 20 บาทต่อคน และ ค่าสองล้ออีก 20 บาทต่อคันนะครับ
เนื่องด้วยผมมาไวมาก 10 โมงเช้า วันแรกของปีนี้ที่ดอยเสมอดาวเปิดให้กางเต๊นท์ เต๊นท์จีงยังไม่ได้กางครับ จนท. ยังเดินตัดหญ้ากันอยู่เลย หุหุ แต่วิวดอยเสมอดาวที่ไม่มีเต๊นท์กาง สวยสะอาดตามาก ๆ ครับ
กะจะมาเป็นเต๊นท์แรกของปีนี้ ก็ .. สมใจอยาก
" ผาหัวสิงห์ " ที่ร่ำลือกันครับ
เค้าว่าเมื่อก่อนสามารถเดินขึ้นไปได้ แต่เดี๋ยวนี้ห้ามแล้วครับ เนื่องจากมันอันตราย
ระหว่างรอ จนท. กางเต๊นท์ ผมก็ตระเวนสิครับ ขี่รถขึ้นผาชู้ ดูหน่อยซิว่าจะสวยเหมือนกันมั้ย ทางขึ้นผาชู้ก็ต้องเลยดอยเสมอดาวออกไปทางอุตรดิตถ์นะครับ
ในภาพคือเส้นทางขึ้นผาชู้ อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้ครับ
เรื่องพีคใกล้เข้ามาแล้ว นี่คือจุดกางเต๊นท์บนผาชู้ วิวบนนี้สุดลูกหูลูกตาครับ วันที่ผมไปมีเต๊นท์กางอยู่ไม่ถึง 5 หลังเองมั้ง ฟ้าสวยจริง ๆ
" เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด!! "
ภาพนี้อย่าพึ่งตกใจไปครับ เรื่องพีคคือระหว่างที่ผมลงจากผาชู้ ฝนเทกระหน่ำลงมา ตกหนักซะจนขี่รถไม่ไหว
ครับ ตกขนาดนี้แล้วคืนนี้จะมีดาวมั้ยเนี่ย
" ขอจอดรถหลบฝนหน่อยนะครับลุง "
คุณลุง จนท. ตรงจุดตรวจใจดีมาก ๆ พูดคุยสนุกสนาน คนน่านทั้งในและนอกเมืองเป็นมิตรมากครับ ยิ้มแย้ม พูดจาเป็นมิตรทุกคน ผมเลยได้ใช้เวลาตรงนี้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณลุง จนท. รอฝนหยุด ถือว่ารอเวลากางเต๊นท์ด้วยเพราะมาเร็วเกิ๊นนนน
ใครจะขึ้นผาชู้ต้องมาเสียตังที่ผมก่อนนะครับ 5555
.
.
ภาพพาโนราม่า ของเช้าวันที่ 3 ครับ จริง ๆ ผมกะมาถ่ายรูปทางช้างเผือกด้วยแต่ฝนตกละฟ้าปิด เลยไม่เห็นดาวซักดวง แต่ทำให้เมื่อคืนมีหมอกหนามาก แถมหนาวเย็นสุด ๆ ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อย ทะเลหมอก กับ แสงแรก ก็ปลอบใจผมได้บ้าง ถึงยังไงผมก็ต้องกลับมาซ่อมแน่ ๆ ครับ 5555
ทะเลหมอก กับ แสงแรกครับ
ขากลับลงมาก็แวะสถานที่ขึ้นชื่อ เสาดินนาน้อยและคอกเสือ ตั้งอยู่ใน อ.นาน้อย จะเจอป้ายตามทางที่ลงมาจากดอยเสมอดาว
เสาดินนาน้อย เป็นเสาดินที่มีลักษณะแปลกตาคล้าย “แพะเมืองผี” ที่จังหวัดแพร่ จากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่าเสาดินนาน้อยเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำและลมตามธรรมชาติ นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 10,000-30,000 ปีมาแล้ว เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน และจากหลักฐานการค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า
*สาระล้วน ๆ
ต่อตอนหน้านะครับ มีอีกหน่อยยยย ....
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น