น้ำตกรูปหัวใจบนดอยที่สูงชันและมือที่ลั่นไปเอง
Day 1 / ๒๘ ก.ย. ๖๐
-เปรโต๊ะลอซู (ปิตุโกร) น้ำตกรูปหัวใจที่สูงที่สุดในประเทศไทย
-ดอยมะม่วงสามหมื่น เทือกเขาแบ่งเขตไทย-เมียนร์ม่า อ.อุ้มผาง จ.ตาก 1,219 โค้ง
*ภาพจากโทรศัพท์มือถือทั้งหมด วันแรกไม่ค่อยมีภาพ รอภาพประกอบ Day 2 - 4 นะครับ*
ตะวันบ่ายคล้อยสาดแสงลงมาบอกเวลาประมาณบ่ายสามโมง ก้าวออกจากห้องพร้อมเพื่อนร่วมทริปนามสิมิลัน ถึงปากซอยจรัญฯโบกแท็กซี่ไปลาดพร้าวตามที่นัดกันไว้ ว่าจะเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปอุ้มผางประมาณห้าโมงเย็น โดยมีนายไทเพื่อนป้อเป็นคนขับและเจ้าของรถ นั่งแท็กซี่มาถึงลาดพร้าวราวๆสี่โมงครึ่ง พบกับป้อที่นั่งรออยู่ ทักทายกันเสร็จเรียบร้อย ป้อบอกว่าต้องนั่งรอศุภไทกำลังขับรถมาที่นี่ เราจึงออกไปหาอะไรใส่กระเพาะกันก่อน ระหว่างที่นั่งกิน เรานั่งรอสมาชิกมาครบ 5 คน อิ่มแล้วเราก็ได้เริ่มออกเดินทางกันตอนห้าโมงเย็น ก่อนไปก็ได้ดูรีวิวมาคร่าวๆว่าที่เราจะไปเป็นยังไงต้องเตรียม
อะไรบ้าง (เราก็เตรียมข้าวของได้ตามเป้าหมายระดับหนึ่ง) หลักๆเราคิดว่าจะไปชมน้ำตกเปรโต๊ะลอซูที่เดียว นั่งรถไปเรื่อยๆ ฟังเพลง คุยกันไป สนุกสานเฮฮา แวะปั๊มบ้าง เช็กลมยางบ้าง หาอะไรกินบ้าง รถแล่นไปเพลินๆเรื่อยมา แวะเปลี่ยนคนขับเป็นนายป้อให้ศุภไทได้พักบ้าง เริ่มเข้าจังหวัดกำแพงเพชร เจอด่านตรวจข้างหน้า ชะลอรถต่อแถวเข้าด่านตรวจพร้อมลดกระจกลง "อากาศข้างนอกเริ่มเย็นแล้ว" ป๊อบกล่าว ศุภไทลดกระจกข้างตัวเองลงแล้วยื่นมือออกไปบ้าง "เออเย็นจริงๆ" ตำรวจก็มองอยู่ไกลๆ "ไอ้ไทจะยื่นมือออกไปทำไมเดี๋ยวตำรวจเขาก็คิดว่าโยนอะไรทิ้งหรอก" สวดกันขำๆ ถึงพี่ตำรวจปุ๊บ "สวัสดีครับ ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ" ไอ้ป้อคนขับผิวคล้ำรูปร่างล่ำสันยื่นให้ ตำรวจมองหน้าแล้วมองใบขับขี่สลับกัน "ไปไหนกันครับ" ตำรวจถาม "อึกอักๆ ไปอุ้มผางครับ" ป้อตอบด้วยความตื่นเต้นจนนึกไม่ออกว่าจะไปไหนกัน (คือจะลนทำไมตำรวจก็ดูเรายิ่งมีพิรุธ) "มากจากไหนกันครับ" ตำรวจถามต่อ "กรุงเทพฯครับ" ป้อตอบชัดเจน ตำรวจมองหน้าดูใบขับขี่อีกที มาจากกรุงเทพฯ ใบขับขี่ชลบุรี ทะเบียนรถสิงห์บุรี - -* (มีพิรุธชัดๆ) "ทำงานอะไร" ตำรวจถามต่ออีก "ก่อสร้างครับ" ป้อตอบด้วยความซื่อ เท่านั้นแหละจบเลย "เชิญจอดด้านขวาเลยครับ ขอค้นรถหน่อย" คือไอ้ป้อเป็นวิศวะกรโยธา ทำงานเกี่ยวกับก่อสร้างไง ก็เลยบอกทำงานก่อสร้าง ตำรวจก็คิดว่าเป็นจับกังอ่ะดิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (แต่เราไม่มีอะไรผิดกฎหมายอยู่ในรถอยู่แล้วมีแต่ไอ้ป้อนี่แหละ
ที่ตอบผิด - -/) กำลังชะลอรถเข้าทางขวาก็มีพี่ตำรวจเหมือนจะยศใหญ่กว่าเดินมาบอกพี่ตำรวจคนที่ตรวจเราว่าอะไรเราไม่ได้ยิน แล้วพี่ตำรวจคนนั้นก็เดินเอาบัตรมาคืนแล้วบอกไปได้! เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆ คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ (เหรอ *0*) พ้นด่านมาแล้วก็หน้ารื่นกันต่อ เม้าท์มอยกันตามประสา ฟังเพลงเริ่มเบื่อเปลี่ยนไปฟังเดอะช็อกกันบ้างเหอะ ไอเดียไอ้ป้อผุดขึ้นมาแต่ก็ไม่มีใครขัดเพราะอยู่กันเยอะคงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะมันชอบฟังเรื่องผีตอนขับรถ เลือกฟังเรื่องแรก กม.115 อุ้มผาง เข้าใจเลือกจริงๆนะ กลัวก็กลัวแต่ทุกคนก็ต้องทำแมนกันเข้าไว้ เรื่องเล่าว่าชาวบ้านเจอผีที่ กม.115 กันบ่อยมากจนร่ำลือกันไปทั่ว คนแถวนั้นใครๆก็รู้ว่าแถวนี้ของจริง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินปกติจะไม่ค่อยมีรถขึ้นไปอุ้มผาง มีแต่รถลงมาเท่านั้น รถเสียก็จอดนอนกันเลย ไม่มีช่างขึ้นไปแน่นอน คนไม่เคยไปแค่ฟังก็ไม่อยากไปช่วงค่ำๆแล้วล่ะ ด้วยทางขึ้นเขาที่เปลี่ยวและแถมลาดชันอีกด้วย แถมยังมีโค้งอีก 1,219 โค้ง ดูจากเวลาเราคงได้ไปเริ่มขึ้นอุ้มผางประมาณตีสองมันจะน่ากลัวไหมล่ะ สปอยกูมาขนาดนี้ - -*
และแล้วก็มาถึงกำแพงเพชรที่เรานัดกับรถเพื่อนอีกคันที่มาจากด่านช้าง สุพรรณบุรี เพื่อรวมตัวกันร่วมเดินทางไปอุ้มผางพร้อมกัน ได้เพื่อนร่วมทาง
ครบ 8 คนแล้วเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้ากันต่อไป ทางไปแม่สอดเริ่มมืดและเปลี่ยว มีแต่รถบรรทุก ทางก็กำลังก่อสร้างขยายถนน ฝุ่นเยอะมาก มีกวรยสีส้มตั้งบอกทางเบี่ยงไปเบี่ยงมา งงมาก ทางก็มืดบางทีก็มองไม่ค่อยเห็น รถก็เบี่ยงไปตามกรวย โผล่มาอีกทีขึ้นไปจอดอยู่บนเนิน ไปต่อไม่ได้ ต้องถอยกลับมาเพื่อไปอีกเลน "สมน้ำหน้าตามกูมาทำไม" (บอกคันที่ตามมาข้างหลัง) ฮ่าๆๆๆๆๆ เราขับช้าๆคลานๆตามกันมาเรื่อยๆ และเราก็มาถึงทางขึ้นอุ้มผางจนได้ เป็นเวลาประมาณตีสอง แวะปั๊มเข้าห้องน้ำ ซื้อเสบียงให้เรียบร้อย เตรียมตัวกันก่อนขึ้นพิชิต 1,219 โค้ง ลุยยยยยยยยยยย! ทางเริ่มขึ้นเขามาแล้วครับ ถนนมืดมากโค้งไปโค้งมา ใช้ความเร็วไม่ได้เลย ระหว่างทางไม่ค่อยมีรถขึ้นมาจริงๆครับ มีแต่รถบรรทุกสวนลงไปนานๆคันหนึ่ง บรรยากาศวังเวงเริ่มน่ากลัวบวกกับเรื่องที่เพิ่งฟังมายิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก จินตนาการเริ่มโลดแล่น บางคนเริ่มพูดถึง กม.115 ว่าใกล้ถึงรึยัง อยู่ตรงไหน อีกไกลไหม *+0/=@#^$^$$&O)&)%-* เฮ้ยยยยยยยยย! ผมอุทานด้วยความตกใจ แสงไฟสาดส่องไปเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาดำทมึนขวางถนนอยู่เกือบเต็มหนึ่งเลน ไอ้ไทหักหลบ! ผ่านไปได้อย่างสบายๆเพราะรถไม่ได้ขับเร็ว แต่ก็ตกใจนิดหน่อย …นึกว่าโดนดีเข้าแล้ว ที่ไหนได้ ฝูงวัวนี่เอง! นอนกันสบายใจเต็มถนนกันเลยทีเดียว
ชิลเลยนะ แถวนี้ก็แปลกครับเลี้ยงวัวก็ปล่อยนอนออกมาตรงถนนไม่กลัวรถชน อันตรายมากๆครับ ถึงจะขับเร็วไม่ได้ก็เหอะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทนี่แหละครับ ตลอดเส้นอุ้มผางเจอวัวที่นอนอยู่ 3-4 ฝูง ผ่านมาแล้วหลายร้อยโค้งถึงจุดพักรถอุ้มเปี้ยม ตอนกลางวันมีร้านค้าขายอาหารเครื่องดื่ม
มีห้องน้ำ แต่ตอนนี้เงียบสนิทมีไฟไม่กี่ดวง บรรยากาศชวนขนลุก ฝนตกปรอยๆ อากาศเริ่มหนาวเพราะอยู่บนเขา ลมพัดมาทีมีสั่นเหมือนกัน ทำธุระกันเสร็จเรียบร้อยผมเปลี่ยนมานั่งหลังเพราะน้องคนหนึ่งเมารถอ้วกแตกไปเรียบร้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ (อ่อนจริงๆ) นั่งได้สักพักอยากจะหลับเพราะยังไม่ได้นอนเลย
นี่ก็ปาเข้าไปตีสามครึ่งแล้ว เก้าโมงเช้าเราก็ต้องออกเดินทางไปยังเปรโต๊ะลอซู แต่โค้งทำให้เรางีบไม่ได้เลย เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา เออว่ะ จะอ้วกเหมือนกันนะ หรือคนขับมันไม่ดีอันนี้ก็น่าคิด - -! รถก็แล่นไปเรื่อย หูฟังเรื่องเพื่อนในรถคุยกันโน่นนี่นั่น ลืมตามาบ้างเป็นช่วงๆ หลับไม่ลงจริงๆ เหลือบไปเห็นหลักกิโลข้างทาง เลข กม.120 อ่อ เลย กม.115 มาแล้ว เริ่มมีคนพูดถึงว่าผ่านมาหรือยัง อยู่ตรงไหน ไม่เห็นเลย มีอะไรรึเปล่า เป็นยังไงบ้าง (ตอนผ่านไม่มีใครกล้าพูดถึง หึหึหึ) เวลาผ่านไปผ่านโค้งผ่านวัวไปเรื่อยๆ ไอ้ไทคนขับท่าจะแย่ตาเริ่มปิดหัวเริ่มแกว่ง "ไหวไหมเฮ้ย! ไม่ไหวบอก" ผมถามขึ้น "ไม่ค่อยไหวแล้วครับพี่ เปลี่ยนก็ดีครับ" ไอ้ไทตอบ เหลืออีกประมาณ 20 กม. จะถึงแล้ว ด้วยความที่เพลียกันมากจึงไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนไปขับแทนไอ้ไท "อีกหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว ทนหน่อย" เสียงน้องชายร่างเล็กหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงไผ่พงศธรเอ่ย ที่เหลือพูดตามๆกัน "เออ สู้ๆนะเว้ย ทนหน่อย เดี๋ยวก็ถึง" ไอ้ไทตอบ "ครับ" เสียงแผ่วๆแล้วก็ขับต่อไป รถก็เคลื่อนไปด้วยความง่วง ส่ายบ้างจะเลยโค้งบ้าง หลังจากนั้นก็ถามไถ่มันอีก 2-3 ครั้งก่อนจะถึง แล้วมันก็ตอบแบบเดิม พวกผมก็ตอบแบบเดิมเช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ -/\- และแล้วก็เดินทางมาถึงสักที "อุ้มผาง" ฟ้ายังมืดอยู่ ณ ขณะนี้เวลาตีห้าครึ่ง เปิดจีพีเอสมุ่งไปยังคำสิงห์โฮมสเตย์ เจ้าของชื่อพี่คำสิงห์ ใจดีมาก ดูแลเป็นอย่างดี ถึงที่พักเรียบร้อยเจ้าของบอกให้นอนพักก่อน พักฟรีไม่คิดเงิน เปิดให้เราสองห้องนอน นอนห้องละสี่คน ไม่ทำอะไรทั้งสิ้นหลังจากทักทายเจ้าบ้าน เข้าห้องวางกระเป๋าทิ้งตัวนอนเลยครับ เจอกันพรุ่งนี้ (หกโมงเช้าแล้วอีกชั่วโมงก็ต้องตื่นแล้ว)
z Z Z
*ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ -/\-
[CR] น้ำตกรูปหัวใจบนดอยที่สูงชันและมือที่ลั่นไปเอง Day 1 / ๒๘ ก.ย. ๖๐
Day 1 / ๒๘ ก.ย. ๖๐
-เปรโต๊ะลอซู (ปิตุโกร) น้ำตกรูปหัวใจที่สูงที่สุดในประเทศไทย
-ดอยมะม่วงสามหมื่น เทือกเขาแบ่งเขตไทย-เมียนร์ม่า อ.อุ้มผาง จ.ตาก 1,219 โค้ง
*ภาพจากโทรศัพท์มือถือทั้งหมด วันแรกไม่ค่อยมีภาพ รอภาพประกอบ Day 2 - 4 นะครับ*
ตะวันบ่ายคล้อยสาดแสงลงมาบอกเวลาประมาณบ่ายสามโมง ก้าวออกจากห้องพร้อมเพื่อนร่วมทริปนามสิมิลัน ถึงปากซอยจรัญฯโบกแท็กซี่ไปลาดพร้าวตามที่นัดกันไว้ ว่าจะเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปอุ้มผางประมาณห้าโมงเย็น โดยมีนายไทเพื่อนป้อเป็นคนขับและเจ้าของรถ นั่งแท็กซี่มาถึงลาดพร้าวราวๆสี่โมงครึ่ง พบกับป้อที่นั่งรออยู่ ทักทายกันเสร็จเรียบร้อย ป้อบอกว่าต้องนั่งรอศุภไทกำลังขับรถมาที่นี่ เราจึงออกไปหาอะไรใส่กระเพาะกันก่อน ระหว่างที่นั่งกิน เรานั่งรอสมาชิกมาครบ 5 คน อิ่มแล้วเราก็ได้เริ่มออกเดินทางกันตอนห้าโมงเย็น ก่อนไปก็ได้ดูรีวิวมาคร่าวๆว่าที่เราจะไปเป็นยังไงต้องเตรียม
อะไรบ้าง (เราก็เตรียมข้าวของได้ตามเป้าหมายระดับหนึ่ง) หลักๆเราคิดว่าจะไปชมน้ำตกเปรโต๊ะลอซูที่เดียว นั่งรถไปเรื่อยๆ ฟังเพลง คุยกันไป สนุกสานเฮฮา แวะปั๊มบ้าง เช็กลมยางบ้าง หาอะไรกินบ้าง รถแล่นไปเพลินๆเรื่อยมา แวะเปลี่ยนคนขับเป็นนายป้อให้ศุภไทได้พักบ้าง เริ่มเข้าจังหวัดกำแพงเพชร เจอด่านตรวจข้างหน้า ชะลอรถต่อแถวเข้าด่านตรวจพร้อมลดกระจกลง "อากาศข้างนอกเริ่มเย็นแล้ว" ป๊อบกล่าว ศุภไทลดกระจกข้างตัวเองลงแล้วยื่นมือออกไปบ้าง "เออเย็นจริงๆ" ตำรวจก็มองอยู่ไกลๆ "ไอ้ไทจะยื่นมือออกไปทำไมเดี๋ยวตำรวจเขาก็คิดว่าโยนอะไรทิ้งหรอก" สวดกันขำๆ ถึงพี่ตำรวจปุ๊บ "สวัสดีครับ ขอดูใบขับขี่ด้วยครับ" ไอ้ป้อคนขับผิวคล้ำรูปร่างล่ำสันยื่นให้ ตำรวจมองหน้าแล้วมองใบขับขี่สลับกัน "ไปไหนกันครับ" ตำรวจถาม "อึกอักๆ ไปอุ้มผางครับ" ป้อตอบด้วยความตื่นเต้นจนนึกไม่ออกว่าจะไปไหนกัน (คือจะลนทำไมตำรวจก็ดูเรายิ่งมีพิรุธ) "มากจากไหนกันครับ" ตำรวจถามต่อ "กรุงเทพฯครับ" ป้อตอบชัดเจน ตำรวจมองหน้าดูใบขับขี่อีกที มาจากกรุงเทพฯ ใบขับขี่ชลบุรี ทะเบียนรถสิงห์บุรี - -* (มีพิรุธชัดๆ) "ทำงานอะไร" ตำรวจถามต่ออีก "ก่อสร้างครับ" ป้อตอบด้วยความซื่อ เท่านั้นแหละจบเลย "เชิญจอดด้านขวาเลยครับ ขอค้นรถหน่อย" คือไอ้ป้อเป็นวิศวะกรโยธา ทำงานเกี่ยวกับก่อสร้างไง ก็เลยบอกทำงานก่อสร้าง ตำรวจก็คิดว่าเป็นจับกังอ่ะดิ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (แต่เราไม่มีอะไรผิดกฎหมายอยู่ในรถอยู่แล้วมีแต่ไอ้ป้อนี่แหละ
ที่ตอบผิด - -/) กำลังชะลอรถเข้าทางขวาก็มีพี่ตำรวจเหมือนจะยศใหญ่กว่าเดินมาบอกพี่ตำรวจคนที่ตรวจเราว่าอะไรเราไม่ได้ยิน แล้วพี่ตำรวจคนนั้นก็เดินเอาบัตรมาคืนแล้วบอกไปได้! เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆ คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ (เหรอ *0*) พ้นด่านมาแล้วก็หน้ารื่นกันต่อ เม้าท์มอยกันตามประสา ฟังเพลงเริ่มเบื่อเปลี่ยนไปฟังเดอะช็อกกันบ้างเหอะ ไอเดียไอ้ป้อผุดขึ้นมาแต่ก็ไม่มีใครขัดเพราะอยู่กันเยอะคงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพราะมันชอบฟังเรื่องผีตอนขับรถ เลือกฟังเรื่องแรก กม.115 อุ้มผาง เข้าใจเลือกจริงๆนะ กลัวก็กลัวแต่ทุกคนก็ต้องทำแมนกันเข้าไว้ เรื่องเล่าว่าชาวบ้านเจอผีที่ กม.115 กันบ่อยมากจนร่ำลือกันไปทั่ว คนแถวนั้นใครๆก็รู้ว่าแถวนี้ของจริง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินปกติจะไม่ค่อยมีรถขึ้นไปอุ้มผาง มีแต่รถลงมาเท่านั้น รถเสียก็จอดนอนกันเลย ไม่มีช่างขึ้นไปแน่นอน คนไม่เคยไปแค่ฟังก็ไม่อยากไปช่วงค่ำๆแล้วล่ะ ด้วยทางขึ้นเขาที่เปลี่ยวและแถมลาดชันอีกด้วย แถมยังมีโค้งอีก 1,219 โค้ง ดูจากเวลาเราคงได้ไปเริ่มขึ้นอุ้มผางประมาณตีสองมันจะน่ากลัวไหมล่ะ สปอยกูมาขนาดนี้ - -*
และแล้วก็มาถึงกำแพงเพชรที่เรานัดกับรถเพื่อนอีกคันที่มาจากด่านช้าง สุพรรณบุรี เพื่อรวมตัวกันร่วมเดินทางไปอุ้มผางพร้อมกัน ได้เพื่อนร่วมทาง
ครบ 8 คนแล้วเราก็ออกเดินทางมุ่งหน้ากันต่อไป ทางไปแม่สอดเริ่มมืดและเปลี่ยว มีแต่รถบรรทุก ทางก็กำลังก่อสร้างขยายถนน ฝุ่นเยอะมาก มีกวรยสีส้มตั้งบอกทางเบี่ยงไปเบี่ยงมา งงมาก ทางก็มืดบางทีก็มองไม่ค่อยเห็น รถก็เบี่ยงไปตามกรวย โผล่มาอีกทีขึ้นไปจอดอยู่บนเนิน ไปต่อไม่ได้ ต้องถอยกลับมาเพื่อไปอีกเลน "สมน้ำหน้าตามกูมาทำไม" (บอกคันที่ตามมาข้างหลัง) ฮ่าๆๆๆๆๆ เราขับช้าๆคลานๆตามกันมาเรื่อยๆ และเราก็มาถึงทางขึ้นอุ้มผางจนได้ เป็นเวลาประมาณตีสอง แวะปั๊มเข้าห้องน้ำ ซื้อเสบียงให้เรียบร้อย เตรียมตัวกันก่อนขึ้นพิชิต 1,219 โค้ง ลุยยยยยยยยยยย! ทางเริ่มขึ้นเขามาแล้วครับ ถนนมืดมากโค้งไปโค้งมา ใช้ความเร็วไม่ได้เลย ระหว่างทางไม่ค่อยมีรถขึ้นมาจริงๆครับ มีแต่รถบรรทุกสวนลงไปนานๆคันหนึ่ง บรรยากาศวังเวงเริ่มน่ากลัวบวกกับเรื่องที่เพิ่งฟังมายิ่งน่ากลัวเข้าไปอีก จินตนาการเริ่มโลดแล่น บางคนเริ่มพูดถึง กม.115 ว่าใกล้ถึงรึยัง อยู่ตรงไหน อีกไกลไหม *+0/=@#^$^$$&O)&)%-* เฮ้ยยยยยยยยย! ผมอุทานด้วยความตกใจ แสงไฟสาดส่องไปเห็นอะไรบางอย่างเป็นเงาดำทมึนขวางถนนอยู่เกือบเต็มหนึ่งเลน ไอ้ไทหักหลบ! ผ่านไปได้อย่างสบายๆเพราะรถไม่ได้ขับเร็ว แต่ก็ตกใจนิดหน่อย …นึกว่าโดนดีเข้าแล้ว ที่ไหนได้ ฝูงวัวนี่เอง! นอนกันสบายใจเต็มถนนกันเลยทีเดียว
ชิลเลยนะ แถวนี้ก็แปลกครับเลี้ยงวัวก็ปล่อยนอนออกมาตรงถนนไม่กลัวรถชน อันตรายมากๆครับ ถึงจะขับเร็วไม่ได้ก็เหอะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทนี่แหละครับ ตลอดเส้นอุ้มผางเจอวัวที่นอนอยู่ 3-4 ฝูง ผ่านมาแล้วหลายร้อยโค้งถึงจุดพักรถอุ้มเปี้ยม ตอนกลางวันมีร้านค้าขายอาหารเครื่องดื่ม
มีห้องน้ำ แต่ตอนนี้เงียบสนิทมีไฟไม่กี่ดวง บรรยากาศชวนขนลุก ฝนตกปรอยๆ อากาศเริ่มหนาวเพราะอยู่บนเขา ลมพัดมาทีมีสั่นเหมือนกัน ทำธุระกันเสร็จเรียบร้อยผมเปลี่ยนมานั่งหลังเพราะน้องคนหนึ่งเมารถอ้วกแตกไปเรียบร้อย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ (อ่อนจริงๆ) นั่งได้สักพักอยากจะหลับเพราะยังไม่ได้นอนเลย
นี่ก็ปาเข้าไปตีสามครึ่งแล้ว เก้าโมงเช้าเราก็ต้องออกเดินทางไปยังเปรโต๊ะลอซู แต่โค้งทำให้เรางีบไม่ได้เลย เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา เออว่ะ จะอ้วกเหมือนกันนะ หรือคนขับมันไม่ดีอันนี้ก็น่าคิด - -! รถก็แล่นไปเรื่อย หูฟังเรื่องเพื่อนในรถคุยกันโน่นนี่นั่น ลืมตามาบ้างเป็นช่วงๆ หลับไม่ลงจริงๆ เหลือบไปเห็นหลักกิโลข้างทาง เลข กม.120 อ่อ เลย กม.115 มาแล้ว เริ่มมีคนพูดถึงว่าผ่านมาหรือยัง อยู่ตรงไหน ไม่เห็นเลย มีอะไรรึเปล่า เป็นยังไงบ้าง (ตอนผ่านไม่มีใครกล้าพูดถึง หึหึหึ) เวลาผ่านไปผ่านโค้งผ่านวัวไปเรื่อยๆ ไอ้ไทคนขับท่าจะแย่ตาเริ่มปิดหัวเริ่มแกว่ง "ไหวไหมเฮ้ย! ไม่ไหวบอก" ผมถามขึ้น "ไม่ค่อยไหวแล้วครับพี่ เปลี่ยนก็ดีครับ" ไอ้ไทตอบ เหลืออีกประมาณ 20 กม. จะถึงแล้ว ด้วยความที่เพลียกันมากจึงไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนไปขับแทนไอ้ไท "อีกหน่อยเดียวก็ถึงแล้ว ทนหน่อย" เสียงน้องชายร่างเล็กหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงไผ่พงศธรเอ่ย ที่เหลือพูดตามๆกัน "เออ สู้ๆนะเว้ย ทนหน่อย เดี๋ยวก็ถึง" ไอ้ไทตอบ "ครับ" เสียงแผ่วๆแล้วก็ขับต่อไป รถก็เคลื่อนไปด้วยความง่วง ส่ายบ้างจะเลยโค้งบ้าง หลังจากนั้นก็ถามไถ่มันอีก 2-3 ครั้งก่อนจะถึง แล้วมันก็ตอบแบบเดิม พวกผมก็ตอบแบบเดิมเช่นกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ -/\- และแล้วก็เดินทางมาถึงสักที "อุ้มผาง" ฟ้ายังมืดอยู่ ณ ขณะนี้เวลาตีห้าครึ่ง เปิดจีพีเอสมุ่งไปยังคำสิงห์โฮมสเตย์ เจ้าของชื่อพี่คำสิงห์ ใจดีมาก ดูแลเป็นอย่างดี ถึงที่พักเรียบร้อยเจ้าของบอกให้นอนพักก่อน พักฟรีไม่คิดเงิน เปิดให้เราสองห้องนอน นอนห้องละสี่คน ไม่ทำอะไรทั้งสิ้นหลังจากทักทายเจ้าบ้าน เข้าห้องวางกระเป๋าทิ้งตัวนอนเลยครับ เจอกันพรุ่งนี้ (หกโมงเช้าแล้วอีกชั่วโมงก็ต้องตื่นแล้ว)
z Z Z
*ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ -/\-
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น