ประกิต สิริวัฒนเกตุ
เดือนหน้า (พ.ย.) คลี่คลาย
ต.ค.61 โลกถูกรุมกระหน่ำด้วยสารพัดปัจจัยลบจนทำให้เกิดสภาวะ Risk-Off กระแสเงินลงทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดหุ้นทั่วโลกลงกระหน่ำ แต่ ครับ แต่ ....
ผมมองว่าเราซึมซับปัจจัยลบไปเยอะมากๆแล้ว และเมื่อมองไปที่เดือนหน้า (พ.ย.61) มีความเป็นไปได้ที่หลายปัจจัยลบในตอนนี้ มันมีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลงไล่ตั้งแต่
1.สถานการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มบรรเทา การรายงานเงินเฟ้อ Core PCE เดือน ก.ย. ในวันที่ 29 ต.ค.61 น่าจะยังไม่เกิน 2% เมื่อดูจากการรายงาน CPI เดือน ก.ย. ที่มีการรายงานไปในช่วงต้นเดือน ต.ค. และมีโอกาสสูงที่การรายงาน PPI และ CPI ในช่วง 14-15 พ.ย.61 จะชะลอตัวต่อเนื่อง ตามการปรับลดลงของราคาน้ำมันในเดือน ต.ค. นี้ กว่า 9%
2.การที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีปกป้องประเด็นซาอุฯเรื่องการหายตัวของ จามาล จาชอกกี อาจเป็นสิ่งที่ซาอุฯให้ความร่วมมือกับสหรัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อลดแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ ล่าสุดคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดีอาระเบีย ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ซาอุฯจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวันในอนาคต
3.การกล่าวถ้อยแถลงของ Jerome Powell ในวันที่ 9 พ.ย.61 คาดว่าจะลดโทน Hawkish ลง หลังที่ผ่านมาถูก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตีมาหลายครั้ง
4.ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีโอกาสที่จะเกิดการเจรจาหลังการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ 6 พ.ย.61 ล่าสุด Larry Kudlow ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลสหรัฐ ได้ออกมากล่าวว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ ปธน.สี จิ้นผิง จะมีการประชุมนอกรอบก่อนถึงการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.61
5.ความเสี่ยงประเด็นเรื่อง Geopolitical Risk ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เชื่อว่าจะเป็นแค่เกมการเมืองเรียกคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ทั้งนี้ John R.Bolton ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐ ได้กล่าวว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการพบปะเพื่อเจรจากับ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในวันที่ 11 พ.ย.61
6.BREXIT คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือน พ.ย. หลังนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Theresa May ได้ออกมาเปิดเผยว่าข้อตกลงระหว่าง UK และ EU ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 95%
7.ความกังวลเกี่ยวกับการจัดทำร่างงบประมาณขาดดุลงบประมาณจำนวนมากของอิตาลี น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น หลัง EU ปฎิเสธร่างการขาดดุล -2.4% ของ GDP โดยอิตาลีมีเวลาในการเสนอร่างใหม่ภายใน 3 สัปดาห์ ทำให้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.61 ประเด็นนี้น่าจะจบลงได้
จากหลายเหตุผลข้างต้น คาดว่าในเดือน พ.ย. ปัจจัยลบต่างๆที่เริ่มดีขึ้นจะกลายเป็นตัวดึงให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึง SET Index ของไทยมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ โดยตลาดไทยยังมีประเด็นบวกที่รอสนับสนุนต่อในเดือน ธ.ค.61 ไล่ตั้งแต่ 1) การขายของต่างชาติที่จะเบาลงหลังขายหนักไปแล้วในเดือน ต.ค.61 โดยต่างชาติน่าจะพักการลงทุนก่อนถึงเทศกาลปลายปี 2) แรงซื้อ LTF ที่คาดหวังใน ธ.ค.61 กว่า 3 หมื่นล้านบาท 3) การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาล 4) พิธีบรมราชาภิเษกที่จะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งในปลาย ก.พ.62
1800 จุดยังไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ผมยังเชื่ออย่างนั้น
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
เดือนหน้า (พ.ย.) คลี่คลาย เขียนโดย ประกิต สิริวัฒนเกตุ
เดือนหน้า (พ.ย.) คลี่คลาย
ต.ค.61 โลกถูกรุมกระหน่ำด้วยสารพัดปัจจัยลบจนทำให้เกิดสภาวะ Risk-Off กระแสเงินลงทุนไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ตลาดหุ้นทั่วโลกลงกระหน่ำ แต่ ครับ แต่ ....
ผมมองว่าเราซึมซับปัจจัยลบไปเยอะมากๆแล้ว และเมื่อมองไปที่เดือนหน้า (พ.ย.61) มีความเป็นไปได้ที่หลายปัจจัยลบในตอนนี้ มันมีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลงไล่ตั้งแต่
1.สถานการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มบรรเทา การรายงานเงินเฟ้อ Core PCE เดือน ก.ย. ในวันที่ 29 ต.ค.61 น่าจะยังไม่เกิน 2% เมื่อดูจากการรายงาน CPI เดือน ก.ย. ที่มีการรายงานไปในช่วงต้นเดือน ต.ค. และมีโอกาสสูงที่การรายงาน PPI และ CPI ในช่วง 14-15 พ.ย.61 จะชะลอตัวต่อเนื่อง ตามการปรับลดลงของราคาน้ำมันในเดือน ต.ค. นี้ กว่า 9%
2.การที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ มีท่าทีปกป้องประเด็นซาอุฯเรื่องการหายตัวของ จามาล จาชอกกี อาจเป็นสิ่งที่ซาอุฯให้ความร่วมมือกับสหรัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อลดแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ ล่าสุดคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดีอาระเบีย ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ซาอุฯจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1-2 ล้านบาร์เรลต่อวันในอนาคต
3.การกล่าวถ้อยแถลงของ Jerome Powell ในวันที่ 9 พ.ย.61 คาดว่าจะลดโทน Hawkish ลง หลังที่ผ่านมาถูก ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโจมตีมาหลายครั้ง
4.ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีโอกาสที่จะเกิดการเจรจาหลังการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ 6 พ.ย.61 ล่าสุด Larry Kudlow ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลสหรัฐ ได้ออกมากล่าวว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ ปธน.สี จิ้นผิง จะมีการประชุมนอกรอบก่อนถึงการประชุม G20 ในวันที่ 30 พ.ย.61
5.ความเสี่ยงประเด็นเรื่อง Geopolitical Risk ระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เชื่อว่าจะเป็นแค่เกมการเมืองเรียกคะแนนเสียงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ทั้งนี้ John R.Bolton ที่ปรึกษาความมั่นคงของสหรัฐ ได้กล่าวว่า ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการพบปะเพื่อเจรจากับ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียในวันที่ 11 พ.ย.61
6.BREXIT คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในเดือน พ.ย. หลังนายกรัฐมนตรีอังกฤษ Theresa May ได้ออกมาเปิดเผยว่าข้อตกลงระหว่าง UK และ EU ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว 95%
7.ความกังวลเกี่ยวกับการจัดทำร่างงบประมาณขาดดุลงบประมาณจำนวนมากของอิตาลี น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น หลัง EU ปฎิเสธร่างการขาดดุล -2.4% ของ GDP โดยอิตาลีมีเวลาในการเสนอร่างใหม่ภายใน 3 สัปดาห์ ทำให้ในช่วงกลางเดือน พ.ย.61 ประเด็นนี้น่าจะจบลงได้
จากหลายเหตุผลข้างต้น คาดว่าในเดือน พ.ย. ปัจจัยลบต่างๆที่เริ่มดีขึ้นจะกลายเป็นตัวดึงให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึง SET Index ของไทยมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ โดยตลาดไทยยังมีประเด็นบวกที่รอสนับสนุนต่อในเดือน ธ.ค.61 ไล่ตั้งแต่ 1) การขายของต่างชาติที่จะเบาลงหลังขายหนักไปแล้วในเดือน ต.ค.61 โดยต่างชาติน่าจะพักการลงทุนก่อนถึงเทศกาลปลายปี 2) แรงซื้อ LTF ที่คาดหวังใน ธ.ค.61 กว่า 3 หมื่นล้านบาท 3) การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆของรัฐบาล 4) พิธีบรมราชาภิเษกที่จะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งในปลาย ก.พ.62
1800 จุดยังไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ผมยังเชื่ออย่างนั้น
ประกิต สิริวัฒนเกตุ