เดือนก่อนโน้น ตอนมีงานหนังสือ Big Bad Wolves ลูกสาวคนโตมาอ้อนบอกให้พาไปหน่อย
ชีจะไปเลือกหนังสือ (แน่นอนค่ะ หนีบแม่ไปด้วย ดิฉันคงเล่นบทอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็น "ขาเปย์" คอยจ่ายให้ลูก)
ระหว่างที่เราแยกย้ายกันไปดูหนังสือที่ตัวเองสนใจ ดิฉันก็ไปสะดุดตากับหนังสือเล่มนี้ค่ะ
Finding Love Again by Dr. Terri L.Orbuch หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า "พบรักใหม่อีกครั้ง"
ดิฉันก็เป็นคนแปลกอยู่อย่างคือ สนใจเรื่องความสัมพันธ์มาตั้งแต่สมัยอายุยังน้อย ๆ อยากรู้ อยากเห็นว่าทำไมคนเราถึงสนใจ ชอบ รัก จนถึงเลิกกัน
ถ้าเลิกเลิกเพราะอะไร ถ้ารักรักเพราะอะไร
วันนั้น ไปรื้อแฟ้มเก่า ๆ ของตัวเองออกมาดู เห็น print-out เก่า ๆ ที่ตัวเองสะสมไว้เกี่ยวกับ quote เรื่องความสัมพันธ์กับความรักเต็มไปหมด
ไว้ว่าง ๆ จะลองเอามาแชร์นะคะ
ที่เลือกเล่มนี้มาอ่าน เพราะเห็นว่าน่าสนใจดี การเขียนหนังสือไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการมโน หรือ เก็บประสบการณ์เรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาเล่าแนวลูกทุ่ง ๆ แบบธาราสินธุ์
แต่เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการศึกษาพฤติกรรมของคู่สมรสต่างเพศจำนวน 373 คู่ หรือ 746 คน ศึกษา สัมภาษณ์กันตั้งแต่บางคู่เริ่มตั้งงานใหม่ ๆ จนถึงแยกทางหย่าร้างกันไป แต่งงานใหม่ และชีวิตระหว่างเลิกรากับคู่ของตนและมองหาคู่เดทคนใหม่
ผู้เขียนเล่มนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "คุณหมอรัก" หรือ The Love Doctor (ชื่อนี้เป็นชื่อที่เป็นลิขสิทธิ์ของดร.เทรี่นะคะ) ค่าที่เธอเป็นที่ปรึกษา นักวิจัยและนักบำบัดด้านความสัมพันธ์ ให้กับสถาบันต่าง ๆ มากมาย
แม้ว่า หนังสือจะทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน แต่ก็มีประเด็นบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์กับเราบ้าง
เลยขอค่อย ๆย่อยหรือคัดบางส่วนมาให้อ่านนะคะ
เริ่มกระทู้จากคำถาม set นี้ให้ลองตอบกันดีกว่าค่ะ
ดร.เทรี่เริ่มต้นด้วยการพูดว่า
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า เรารู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์มากมาย และที่สำคัญ เราเชื่อด้วยว่าสิ่งที่เราเข้าใจมัน "ถูกต้อง" แต่มาดูกันหน่อยดีกว่าว่า คุณ "รู้" เรื่องความสัมพันธ์มากอย่างที่คุณคิดหรือไม่ ลองตอบคำถามพวกนี้ดู คุณคิดว่าข้อความเหล่านี้ถูกหรือผิด
๑. หลังจากคุณหย่าหรือเลิกกับแฟน มีระยะเวลาที่ค่อนข้างแน่นอนระยะเวลาหนึ่งที่เป็นช่วงพักใจก่อนคุณจะพร้อมสำหรับการออกสังคม และเริ่มเดทอีกครั้ง
๒. คนที่มีนิสัยคนละขั้ว (ใจร้อน กับ ใจเย็น, ชอบวิจารณ์ กับ ชอบอยู่เงียบ ๆ ) ไม่เพียงแต่ดึงดูดใจกันเท่านั้น แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะอยู่ด้วยกัน และตกหลุมรักกัน
๓. ผู้ชายและผู้หญิงจะไม่มีวันเป็นได้ "แค่เพื่อน"
๔. เวลาคุณออกเดทกับใคร มันเป็นการดีที่สุดที่จะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณเองในช่วงต้นเลยเพื่อให้คู่ของคุณรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ จะได้ไม่ต้องมีความลับหรือเซอร์ไพรซ์ต่อกัน
๕. ผู้หญิงมักมีความคิด ความเชื่อ ความรู้สึกที่โรแมนติคเกี่ยวกับเรื่องรักและความสัมพันธ์มากกว่าที่ผู้ชายมี
๖. ผู้หญิงตกหลุมรักเร็วกว่าผู้ชาย
๗. ความขัดแย้งและการโต้เถียง ถือว่าเป็นลางที่ไม่ดีสำหรับความสัมพันธ์
๘. ไม่มีหรอกที่เรียกว่า "จากกันด้วยดีน่ะ"
อะ... ลองตอบกันดูนะคะ ว่าคุณเลือกคำตอบถูกกี่ข้อ ผิดกี่ข้อ
มีคนตอบสักนิดนึง แล้วเดี๋ยวธาราสินธุ์มาเฉลยต่อนะจ๊ะ
คุณมีความรู้เรื่องความสัมพันธ์ (ระหว่างหนุ่มสาว) มากแค่ไหน ?
ชีจะไปเลือกหนังสือ (แน่นอนค่ะ หนีบแม่ไปด้วย ดิฉันคงเล่นบทอื่นไปไม่ได้นอกจากเป็น "ขาเปย์" คอยจ่ายให้ลูก)
ระหว่างที่เราแยกย้ายกันไปดูหนังสือที่ตัวเองสนใจ ดิฉันก็ไปสะดุดตากับหนังสือเล่มนี้ค่ะ
Finding Love Again by Dr. Terri L.Orbuch หรือแปลเป็นไทยง่าย ๆ ว่า "พบรักใหม่อีกครั้ง"
ดิฉันก็เป็นคนแปลกอยู่อย่างคือ สนใจเรื่องความสัมพันธ์มาตั้งแต่สมัยอายุยังน้อย ๆ อยากรู้ อยากเห็นว่าทำไมคนเราถึงสนใจ ชอบ รัก จนถึงเลิกกัน
ถ้าเลิกเลิกเพราะอะไร ถ้ารักรักเพราะอะไร
วันนั้น ไปรื้อแฟ้มเก่า ๆ ของตัวเองออกมาดู เห็น print-out เก่า ๆ ที่ตัวเองสะสมไว้เกี่ยวกับ quote เรื่องความสัมพันธ์กับความรักเต็มไปหมด
ไว้ว่าง ๆ จะลองเอามาแชร์นะคะ
ที่เลือกเล่มนี้มาอ่าน เพราะเห็นว่าน่าสนใจดี การเขียนหนังสือไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของการมโน หรือ เก็บประสบการณ์เรื่องที่ได้ยินได้ฟังมาเล่าแนวลูกทุ่ง ๆ แบบธาราสินธุ์
แต่เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการศึกษาพฤติกรรมของคู่สมรสต่างเพศจำนวน 373 คู่ หรือ 746 คน ศึกษา สัมภาษณ์กันตั้งแต่บางคู่เริ่มตั้งงานใหม่ ๆ จนถึงแยกทางหย่าร้างกันไป แต่งงานใหม่ และชีวิตระหว่างเลิกรากับคู่ของตนและมองหาคู่เดทคนใหม่
ผู้เขียนเล่มนี้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "คุณหมอรัก" หรือ The Love Doctor (ชื่อนี้เป็นชื่อที่เป็นลิขสิทธิ์ของดร.เทรี่นะคะ) ค่าที่เธอเป็นที่ปรึกษา นักวิจัยและนักบำบัดด้านความสัมพันธ์ ให้กับสถาบันต่าง ๆ มากมาย
แม้ว่า หนังสือจะทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน แต่ก็มีประเด็นบางอย่างที่อาจเป็นประโยชน์กับเราบ้าง
เลยขอค่อย ๆย่อยหรือคัดบางส่วนมาให้อ่านนะคะ
เริ่มกระทู้จากคำถาม set นี้ให้ลองตอบกันดีกว่าค่ะ
ดร.เทรี่เริ่มต้นด้วยการพูดว่า
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า เรารู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์มากมาย และที่สำคัญ เราเชื่อด้วยว่าสิ่งที่เราเข้าใจมัน "ถูกต้อง" แต่มาดูกันหน่อยดีกว่าว่า คุณ "รู้" เรื่องความสัมพันธ์มากอย่างที่คุณคิดหรือไม่ ลองตอบคำถามพวกนี้ดู คุณคิดว่าข้อความเหล่านี้ถูกหรือผิด
๑. หลังจากคุณหย่าหรือเลิกกับแฟน มีระยะเวลาที่ค่อนข้างแน่นอนระยะเวลาหนึ่งที่เป็นช่วงพักใจก่อนคุณจะพร้อมสำหรับการออกสังคม และเริ่มเดทอีกครั้ง
๒. คนที่มีนิสัยคนละขั้ว (ใจร้อน กับ ใจเย็น, ชอบวิจารณ์ กับ ชอบอยู่เงียบ ๆ ) ไม่เพียงแต่ดึงดูดใจกันเท่านั้น แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะอยู่ด้วยกัน และตกหลุมรักกัน
๓. ผู้ชายและผู้หญิงจะไม่มีวันเป็นได้ "แค่เพื่อน"
๔. เวลาคุณออกเดทกับใคร มันเป็นการดีที่สุดที่จะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณเองในช่วงต้นเลยเพื่อให้คู่ของคุณรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ จะได้ไม่ต้องมีความลับหรือเซอร์ไพรซ์ต่อกัน
๕. ผู้หญิงมักมีความคิด ความเชื่อ ความรู้สึกที่โรแมนติคเกี่ยวกับเรื่องรักและความสัมพันธ์มากกว่าที่ผู้ชายมี
๖. ผู้หญิงตกหลุมรักเร็วกว่าผู้ชาย
๗. ความขัดแย้งและการโต้เถียง ถือว่าเป็นลางที่ไม่ดีสำหรับความสัมพันธ์
๘. ไม่มีหรอกที่เรียกว่า "จากกันด้วยดีน่ะ"
อะ... ลองตอบกันดูนะคะ ว่าคุณเลือกคำตอบถูกกี่ข้อ ผิดกี่ข้อ
มีคนตอบสักนิดนึง แล้วเดี๋ยวธาราสินธุ์มาเฉลยต่อนะจ๊ะ