สวัสดีค่ะ เราเป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ หลังจากที่เราจบมาได้ไม่นาน  ทางมหาวิทยาลัยที่เราสำเร็จการศึกษามาก็ได้เปิดสอบคัดเลือกพนักงานหลายตำแหน่ง ซึ่งความใฝ่ฝันของเราหลังจากจบใหม่ คือการทำงานที่ ม ที่เราจบมา เนื่องจากเราอยากทำงานใกล้บ้าน เราเลยไปสมัครทันทีหลังจากที่เราได้เห็นประกาศในเว็บไซต์ ในวันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบข้อเขียน มีผู้สมัครประมาณเกือบๆ 200 คน แต่ตำแหน่งเปิดรับแค่ 1 อัตรา เราเองก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่เห็นตัวเลขเยอะขนาดนี้ แต่เราก็คิดว่าถ้าเตรียมตัวมาดี ทำข้อสอบได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเราเองก็เรียนมาตรงสายและมีประสบการณ์ฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครไปอยู่แล้ว ซึ่งข้อเขียนก็มีวิชาความรู้ความสามารถทั่วไปและวิชาเฉพาะตำแหน่ง เราเองก็คิดว่าเราทำได้พอสมควร

หลังจากที่เราสอบข้อเขียนไปได้ 1 เดือน ทางมหาวิทยาลัยก็ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ มีผู้ผ่านเข้ารอบนี้ 14 คน รวมทั้งเราด้วย คนผ่านเข้ามาในรอบนี้ก็มีหลากหลาย ทั้งเด็กจบใหม่เหมือนเรา และคนที่ทำงานแล้ว เราเองก็เตรียมพร้อมมาในระดับหนึ่ง ตอนสัมภาษณ์ก็ตื่นเต้นนิดหน่อย กรรมการยิงคำถามเยอะมาก คำถามส่วนใหญ่เป็นคำถามเกี่ยวกับเนื้องานที่จะต้องทำ ซึ่งเรามีประสบการณ์มาโดยตรง ก็เลยตอบได้ไม่ยาก หลังจากวันสัมภาษณ์ ถัดมา 1 เดือน ทางมหาลัยก็ได้ประกาศผล ปรากฎว่าเราติดสำรอง โดยในประกาศจะประกาศเฉพาะชื่อของตัวจริง 1 คน และสำรอง 1 คน เท่านั้น เราเองก็คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ได้สำรอง ถือว่าโอเคแล้วสำหรับสนามแรกในชีวิต คนที่ได้ทำงาน รู้สึกจะเป็นพี่ที่เขาทำงานโรงแรมมาก่อน เพราะเราเองก็ได้คุยนิดหน่อยก่อนที่จะเข้าห้องสัมภาษณ์ เราเองก็ไม่ได้อะไร น้อมรับผลตามที่ประกาศมา คิดว่าเขาคงเลือกคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วในการทำงาน เพราะการสัมภาษณ์เข้มข้นมาก (เราขอแทนตำแหน่งที่เราติดสำรองเป็น ตำแหน่ง A นะคะ เพื่อจะได้เข้าใจง่าย)

ก่อนหน้าที่จะประกาศผลตำแหน่ง A 2-3 วัน ได้มีบุคลากรในสังกัดหนึ่งใน ม โทรเข้ามาหาเรา ขอให้เราไปสัมภาษณ์ในตำแหน่งอีกตำแหน่งหนึ่ง (ขอแทนว่าตำแหน่ง C นะคะ)  เราเองก็ยัง งงๆ ว่าทำไมพี่เขาโทรมา เราก็บอกว่าเรายังรอประกาศอยู่ ว่าเราจะได้ทำงานในตำแหน่งที่เราเพิ่งไปสอบมาไหม พี่เขาบอกว่าเราติดสำรอง เลยยืมบัญชีมา เราเลยตอบตกลงและไปสัมภาษณ์ในตำแหน่ง C ในวันสัมภาษณ์เราเจอเพื่อนอีกคนหนึ่ง (เดาว่าน่าจะติดสำรองเหมือนกัน เพราะเพื่อนคนนี้สอบตำแหน่ง B) ก็โดนเรียกมาสัมตำแหน่ง C เหมือนกับเรา ผลการสัมออกมาคือเขาเลือกเพื่อนเรา โอเค เราก็ยอมรับแหละ ว่าเพื่อนเราเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่า โปรไฟล์สวยกว่าเรามาก เราเข้าใจว่าเขาก็เลือกคนที่เหมาะสมกับงานที่สุดเข้าไปทำ ก็ยินดีกับเพื่อนไป เราเองก็ยังไม่หมดหวัง กะว่า ถ้าทาง ม เปิดรับสมัครในตำแหน่งที่เราสมัครได้ เราก็สมัครสอบไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ ก็คิดซะว่าที่ของเรายังไม่มา

หลังจากนั้นประมาณเดือนกว่าๆ เพื่อนสนิทเราได้ส่งรูปมาให้เราและบอกว่า เนี้ย เพื่อนที่จบที่เดียวกับเรา ที่ได้เข้าไปสัมภาษณ์พร้อมกับเราตอนนั้น แต่ไม่ติดทั้งตัวจริงและสำรองได้ทำงานในตำแหน่ง A  เราตกใจมาก เพราะเราได้ไปเห็นหลักฐานที่เขาได้ทำงานในนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เราสอบได้และติดสำรอง เราเลยตัดสินใจโทรไปถามทางส่วนเจ้าหน้าที่ว่า คนที่ไม่ติดตัวจริงและสำรองได้ขึ้นบัญชีด้วยหรอ แล้วทำไมถึงไม่เรียกเราที่เป็นตัวสำรองไปก่อน แต่ดันเรียกเพื่อนเราที่ไม่มีชื่อในประกาศไป เราเองก็ดูแล้วว่าเพื่อนไม่ได้ติดสำรองหรือตัวจริงตำแหน่งอื่นๆด้วย

เราเลยถามไปว่า "พี่คะ พอดีหนูติดสำรองของตำแหน่ง A แต่หนูเห็นเพื่อนที่ไม่ติดอะไรเลยได้ทำงานอยู่ในนั้นค่ะ เขาไม่เรียกสำรองก่อนหรอคะ?" ทางเจ้าหน้าที่ตอบเราด้วยน้ำเสียงเรียบๆและบอกว่า "ในการพิจารณาบุคคลเข้าทำงานขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ทางหน่วยงานอาจจะส่งเรื่องเป็นคำขอพิเศษ ติดสำรองไม่ได้หมายความว่าจะถูกเรียกเสมอไป..." แล้วพี่เค้าก็เงียบ ไม่พูดไรต่อ เราเองก็เลยบอกว่า ขอบคุณมากค่ะ แล้วก็วางสายไป

เงิบเลยจ้าาาาา ไม่คิดไม่ฝันว่าหน่วยงานกึ่งรัฐกึ่งเอกชนก็มีแบบนี้ คือเราเองก็เข้าใจนะว่าเป็นธรรมดาของหน่วยงานราชการ ก็อาจจะมีบ้าง แต่นี้รู้สึกว่าน่าเกลียดเกินไป ทั้งๆที่ปณิธานพร่ำสอนให้เราเป็นคนดีของสังคม แต่ดันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น บัณฑิตดันมาโกงซะเอง เจ้าหน้าที่ก็ตอบคำถามเราเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ไม่อะไรเลย เราไม่โอเคมากๆ อยากทราบว่าเราพอจะทำอะไรได้บ้างคะ? เราอยากได้คำชี้แจงที่มีเหตุผลมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่อ้างว่าเป็นเพราะคำขอพิเศษ แล้วก็จบ

ปล. ขออนุญาตแท็กงานราชการนะคะ พอดีแท็กมหาวิทยาลัยดูเหมือนเกี่ยวกับแนะนำการเรียนมากกว่า  หากทำท่านใดสับสนหรือเข้าใจผิด ต้องขออภัยด้วยค่ะ