ประสบการณ์เปลี่ยนงานแบบไม่ตั้งใจ ชีวิตพลิกตีลังกา ในวัย 32 ปี

ไม่เคยได้คิดฝันเลยค่ะว่าวันนี้จะได้มารีวิวการเปลี่ยนงานแบบไม่ตั้งใจ 
แต่ก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆทุกคน ให้เป็นเรื่องเตือนใจตัวเองตอนย้อนกลับมาอ่าน และเป็นบทเรียนที่อาจเอามาปรับใช้ได้กับเพื่อนๆท่านอื่น 

เกริ่นข้อมูลทั่วไปก่อนนะคะ
• อายุงานในสายอาชีพ 9 ปี 
Part 1 ทำไมถึงได้เริ่มมองหางานใหม่ 
ตัวเราอยู่ที่ตำแหน่งงานมาได้ประมาณ 5 ปี (เป็นบริษัทที่ 2 ในการทำงาน) และกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ และเราเองพยายามหาข้อมูลถึงแนวทางในอนาคตว่าเราจะอยู่ตรงไหนในโครงสร้างได้บ้าง อยู่แล้วจะเติบโตไปได้ดีในวันที่เราอายุ 40 ไหม หรือว่าเปลี่ยนแล้วเราจะไปเติบโตตรงไหนต่อไม่ได้ เพราะทำงานมาไม่รอบด้าน และฐานเงินเดือนเยอะเกินไปที่จะออกไปเติบโตด้านนอกองค์กร
ปัจจัยแรกคือเรื่อง ความก้าวหน้า และผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับหน้าที่รับผิดชอบ 

ณ ช่วงเวลาตลอด 5 ปีเราได้เรียนรู้และได้ทำ Project ยากๆหลายตัวเลยค่ะ เป็นทุนมนุษย์ที่ขอบคุณเจ้านายอยู่เสมอที่ให้โอกาสเราได้ทำ แต่...ในระหว่าง Journey นั้นเราก็ได้รับบาดแผลทางใจมาพอสมควรเลยค่ะ ทั้งความกดดันที่เราคาดหวังกับตัวเองสูง และอยากให้ทุกอย่างออกมาใกล้เคียงคำว่า ยอดเยี่ยม ไม่อยากให้เจ้านายเสียหน้า อยากให้ทีมได้รับคำชม ... ทุ่มมากก็คาดหวังมาก จนกลายมาเป็นภาระทางจิตใจอยู่ช่วงหนึ่ง 
เราได้รับ Feedback เรื่องความเป็นผู้ใหญ่ ด้วยบุคลิกและภาพลักษณ์ของเราเองค่ะ คิดไว ทำไว และมุ่งผลลัพท์จนไม่ค่อยสนใจคนอื่น ตอนนั้นก็ดิ่งไปช่วงหนึ่ง แต่สิ่งที่เสียใจยิ่งกว่าคือ มุมมองของคนในทีม ที่อยากให้เราปรับเป็นคนอีกคนเป็นแบบที่เค้าต้องการ แต่อาจลืมไปว่าเราเองแค่แตกต่าง ไม่เหมือนกันกับเขา นั่นเป็นจุดที่เรารู้สึกว่า ที่นี่ดีมากเลยนะ แต่วัฒนธรรมในทีมสำหรับกลุ่มที่จะขึ้นบริหารในอนาคต อาจไม่เหมาะกับตัวตนของเราอีกต่อไปแล้ว
ปัจจัยที่สอง คือ สุขภาพใจ ค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกัน และความหวังด้านพฤติกรรมที่ฝืนตัวตนเกินไป

การแข่งขันและการเมืองภายในองค์กร ด้วยขนาดขององค์กร (10,001+ คน) ทำให้เรื่องการเมือง การแข่งขันในทีม ระหว่างทีม ระหว่างแผนก มีเยอะมากๆ และด้วยเนื้องานที่เราทำ มีส่วนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้เสมอ เรารู้สึกว่าเริ่มรับไม่ไหวกับบรรยากาศ อยากพักไปอยู่ที่ชิลๆบ้างจัง
ปัจจัยที่สาม คือ การเมืองภายใน 

สรุป ทำไมถึงได้เริ่มมองหางานใหม่ 
• ความก้าวหน้า และผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลกับหน้าที่รับผิดชอบ 
• สุขภาพใจ ค่านิยมที่ไม่สอดคล้องกัน และความหวังด้านพฤติกรรมที่ฝืนตัวตนเกินไป
• การเมืองภายใน 

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Part 2 งานใหม่มาจากไหนบ้าง
พออายุงานใกล้ 10 ปี เราควรพึ่ง Recuitment Agency และ Connection ส่วนตัวมากขึ้นในการเปลี่ยนงาน เพราะโอกาสที่จะได้งานค่าตอบแทนสูง และตำแหน่งดีมีมากกว่าสมัครด้วยตัวเอง แต่เว็บหางานก็อย่ามองข้ามไปนะคะ ตัวของเราเอง ก็ได้งานจากที่สมัครด้วยตัวเองค่ะ 
แต่กว่าจะได้ ก็ไปสัมภาษณ์ของ Agency มาเหมือนกัน 

Trick : แต่ละ Agency และ Website มีตลาดลูกค้าเป็นของตัวเองที่เค้าเรียกว่า Benchmark / Market positioning
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากได้งานบริษัทข้ามชาติ ฝั่ง อเมริกา-ยุโรป ต้อง Agency xxx, บริษัทในเอเชีย ต้อง Agency yyy 
ช่วงเงินเดือนก็มีเช่นกัน บาง Agency จะรับหาเฉพาะช่วงเงินเดือน 50k ขึ้นไปเท่านั้น ถ้าประสบการณ์ไม่ถึงอาจจะต้องเก็บประสบการณ์ในมากขึ้นอีกหน่อย
**บริษัทใหญ่ ณ ยุคนี้ ใช้ Heandhunt หรือ Agency ลดลงมาก เพราะมีหน่วยงานสรรหาและว่าจ้างของตัวเอง โดยประกาศรับผ่านทางเว็บไซต์หางานชั้นนำทั่วไป และ Social Media ขององค์กร ดังนั้นอยากทำที่ไหนก็ไปติดตามเอาไว้นะคะ เพิ่มโอกาสให้ตัวเอง 

สรุป งานใหม่มาจากไหนบ้าง
• ฝากโปรไฟล์กับ Recruitment Agency 
• กดสมัครในเว็บไซต์หางานชั้นนำ 
• Connection จากการทำงานที่ผ่านมา

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Part 3 ขั้นตอนการเตรียมสัมภาษณ์งาน 
อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว จากการเปลี่ยนงานรอบนี้นะคะ
เราจะเตรียมรายละเอียดของงานใหม่โดยละเอียด ที่หาได้จากประกาศรับสมัครงานนั้นๆ มาเขียนเองอีกรอบเพื่อค่อยๆสังเคราะห์สิ่งที่องค์กรคาดหวัง และเขียนลิสต์คู่กันไปถึงความสามารถและประสบการณ์ของตัวเองที่เคยทำมา และถ้าอันไหนเราไม่เคยทำ ให้เราเขียนสิ่งที่เราคิดว่ามีประสบการณ์ใกล้เคียงลงไป และเรามีความตั้งใจในการจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร ถ้าเราไม่เคยได้ทำโดยตรง 

เปลี่ยนงานรอบนี้สัมภาษณ์ไปทั้งหมด 7 บริษัท 4 บริษัทเราไม่ได้เตรียมตัวสัมภาษณ์ แบบที่เขียนด้านบน เลยมีโอกาสแค่ได้ทำความรู้จักกับผู้สัมภาษณ์รอบแรกเท่านั้น ส่วนอีก 3 บริษัท เราเขียนละเอียดและทำความเข้าใจทุกความคาดหวังในตำแหน่งงาน ได้เข้ารอบ Final 1 ที่ และได้รับ Job offer 2 ที่

สรุป ขั้นตอนการเตรียมสัมภาษณ์งาน 
• เขียนความคาดหวังของตำแหน่งงาน 
• เขียนคู่กันไปกับความคาดหวังของตำแหน่งงานว่าเรามีประสบการณ์อะไรที่สอดคล้อง และจุดที่ไม่เชี่ยวชาญ เราพร้อมจะเรียนรู้อะไร

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Part 4 เลือกบริษัทที่ใช่อย่างไร
ยุคนี้ไม่ใช่แค่บริษัทเลือกคนสมัครงานอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นผู้สมัครเองก็ต้องเลือกองค์กรที่ใช่เหมือนกัน 
ภาพรวมของคนทำงานในยุคนี้ ไม่ได้มองแค่ผลตอบแทนเป็นตัวเงิน และความมั่นคงขององค์กรเพียงอย่างเดียวแต่ยังมองถึงความเข้ากันได้ของค่านิยมองค์กร และค่านิยมส่วนตัว รูปแบบการทำงานที่ตอบรับการรูปแบบชีวิต สวัสดิการที่ดูใช้งานได้จริง วันพักร้อนที่นานพอจะพักจนหายร้อนได้จริง และต้องลาง่ายด้วย และสำคัญที่สุด คือ ความรู้สึกตื่นเต้นในหัวใจค่ะ เลือกงานให้เหมือนเลือกแฟนค่ะ เลือกองค์กรที่ทำให้เราใจเต้นที่จะได้อยู่กับเขา รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยเมื่อได้คุย 
ดังนั้น ต้องทำลิสต์ค่ะ เขียนเป็นตารางลงมาเลย และเปรียบเทียบให้คะแนนลงไปเลย เพื่อให้ผลคะแนนช่วยเราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น 

รอบการเลือกของบริษัทของเรา เราเครียดมากๆเลยค่ะ เพราะว่าบริษัทปัจจุบันก็รัก บริษัทใหม่ก็ดี พอทำคะแนนออกมา เราเลือกบริษัทใหม่ค่ะ (เลือกที่ใหม่แต่ไม่ใช่บริษัทที่เราได้ทำงานด้วยนะคะ มันมีเหตุการณ์ไม่ประทับใจเกิดขึ้น เดี๋ยวจะเล่าใน Part ถัดไปค่ะ)

สรุป เลือกบริษัทที่ใช่อย่างไร
• วัฒนธรรมองค์กร 
• รูปแบบการทำงานที่ตอบโจทย์ 
• สวัสดิการพื้นฐาน 
• ความรู้สึกถูกใจส่วนบุคคล
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่