สิ้นลาย “โอสถสภา”

กระทู้คำถาม
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ได้รับเสียงเชียร์อย่างท่วมท้น ในฐานะหุ้นตัวใหญ่ที่สุดที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นปีนี้ และเป็นกิจการที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี แต่เข้ามาซื้อขายได้ 2 วัน ทำท่าจะถอดลาย ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง จนเมื่อวัน 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งราคาหวิดจะหลุดราคาจอง

“โอสถสภา” ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ เจ้าของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง M-150 , ลิโพ เครื่องดื่มเกลือแร่และกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งกลุ่มโอสถานุเคราะห์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นำหุ้นจำนวน 603 ล้านหุ้น เสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 25 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุด หลังจากก่อนหน้ากำหนดช่วงราคาเสนอขายระหว่าง 22-25 บาท

ความต้องการของนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้น OSP จำนวนมาก นำไปสู่การเสนอขายที่ราคาสูงสุด 25 บาท และ เป็นราคาที่อาจจะเต็มกลืน สูงจนอาจเต็มมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน และแทบไม่มีช่องว่างที่นักลงทุนจะทำกำไร

อาการหุ้น OSP ส่งสัญญาณไม่ดีตั้งแต่วันแรกที่เข้าซื้อขาย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม โดยเปิดการซื้อขายที่ราคา 30 บาท สูงกว่าจอง 5 บาทหรือสูงกว่าราคาจอง 20% และเป็นราคาสูงสุดของวันนั้น ก่อนจะอ่อนตัวลง จนต่ำสุดที่ 27 บาท และปิดการซื้อขายที่ 27.25 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.25 บาท หรือสูงกว่าจอง 9%

แม้บรรยากาศการซื้อขายจะคึกคัก เคาะซื้อเคาะขายกันสนั่น 14,129.30 ล้านบาท แต่ราคากลับไม่ร้อนแรงอย่างที่นักลงทุนคิด และนักเก็งกำไรที่แห่เข้าไปลุยหุ้น OSP ส่วนใหญ่จะเจ็บเนื้อเจ็บตัว เพราะราคาหุ้นเปิดสูงปิดต่ำ ใครเข้าไปเล่นขาดทุนโดยถ้วนหน้า

ส่วนการซื้อขายวันที่สอง สถานการณ์ไม่แตกต่างจากวันแรก โดยเปิดที่ราคา 27 บาท และเป็นราคาสูงสุดของวัน ก่อนจะถอยลงมา และปิดต่ำสุดที่ 25.50 บาท ลดลง 1.75 บาท หรือลดลง 6.42 %

กันชนระหว่างราคาจองกับราคาที่ซื้อขายเหลือน้อยเต็มที่ เพราะราคาบนกระดานทรุดลงเหลือเพียง 25.50 บาท เหนือกว่าราคาจองเพียง 50 สตางค์ และมีแนวโน้มที่จะหลุดจอง ทั้งที่เข้ามาซื้อขายได้ไม่กี่วัน

ราคาหุ้น OSP ที่ซึมลงจนหวิดจะหลุดจองนั้น จะอ้างภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจคงไม่ได้

เพราะวันแรกที่เข้า บรรยากาศการลงทุนเอื้ออำนวยเสียด้วยซ้ำ และแม้วันที่สอง ดัชนีราคาหุ้น ตลาดหลักทรัพย์จะปรับฐานลง แต่ไม่ได้รุนแรงนัก ลงเพียง 12 จุด ไม่ได้ร่วงถล่มทลาย 40-50 จุดที่ใครจะนำมาแก้ตัวได้

สาเหตุที่ราคาหุ้น “โอสถสภา ” เป็นที่น่าผิดหวัง น่าจะเป็นผลจากราคาที่เสนอขายนักลงทุนทั่วไปมากกว่า โดยถือโอกาสที่นักลงทุนแสดงความสนใจจองซื้อล้น กำหนดราคาสูงจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้นักลงทุนที่จองซื้อทำกำไร เมื่อเข้ามาซื้อขาย ราคาจึงสะท้อนกับปัจจัยพื้นฐานที่เป็นจริง โดยนักลงทุนไม่ได้ประเมินราคาจากความคาดหวังผลประกอบการในอนาคต ซึ่งถูกสร้างภาพไว้อย่างสวยหรู

และผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ซึ่งประกาศก่อนหุ้นจะเข้าซื้อขายเพียงวันเดียว ตัวเลขผลกำไรก็ไม่ดีนัก โดยมีกำไรสุทธิ 1,471.9 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,795.4 ล้านบาท โดยกำไรที่ลดลง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในแนวโน้มผลประกอบการของ “โอสถสภา ”จนนักเก็งกำไรไม่กล้าไล่ราคาหุ้น

หุ้น “โอสถสภา ” ที่ถูกโหมกระพือข่าวว่า น่าจะเป็นหุ้นชั้นดี ซึ่งจะช่วยปลุกกระแสหุ้นใหม่ที่ซบเซาเกือบทั้งปี แต่เมื่อเข้ามาซื้อขายจริง กลับแทบเอาตัวไม่รอด และตอกย้ำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุนในหุ้นใหม่ โดยอย่ามองโลกสวยเกินไป

เพราะปีนี้หุ้นน้องใหม่ ทำให้นักลงทุนหมดกระเป๋าไปแล้วหลายตัว ซึ่งอาจจะรวมถึงหุ้น OSP ที่ส่ออาการจะต่ำกว่าจองอีกตัวด้วย

บริษัทขนาดใหญ่มีประวัติก่อตั้งมานาน ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ยอดขายปีละหลายหมื่นล้านบาท มีผลประกอบการที่ดี ไม่ใช่ใบรับประกันว่า เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว จะต้องเป็นหุ้นที่ดีเสมอไป

หุ้นจะดีหรือไม่ หุ้นที่ดูน่าจะดี แต่ถ้ากำหนดราคาสูงเกินไป เป็นราคาที่เต็มกลืนสำหรับการทำกำไร อาจกลายเป็นหุ้นไม่ดีไปก็ได้

OSP ตั้งราคาเสนอขาย 25 บาท บนค่า พี/อี เรโช ประมาณ 32 เท่า แพงไปหรือไม่ ราคาหุ้นบนกระดานกำลังเป็นตัวฟ้อง ส่วนจะอ้างว่า หุ้นตัวนี้อนาคตดี และต้องซื้อกันด้วยอนาคต ใคร ๆ ก็อ้างได้ทั้งนั้นแหละ

https://mgronline.com/stockmarket/detail/9610000105477
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่