สวัสดีครับนี้คือกระทู้เเรกในชีวิตของผม.. "ใครก็ได้ช่วยผมที ผมมีปัญหา​เรื่องการเข้าสังคมกับกลุ่มเพื่อน"

กระทู้คำถาม
สวัสดีครับ ผมเป็นเด็กคนหนึ่งครับอายุ 14ปีเเล้วครับ ตอนนี้ผมอยู่ ม.2ผมจะเล่าเรื่อง
ความรู้สึกตั้งเเต่ที่ผมเริ่มจะเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม
"เรื่องมันอาจจะยาวนิดหน่อยผมจะเล่าเอาน้ำด้วย  ผมขอเล่าเรื่องราวตั้งเเต่เด็กของผมเลยนะครับTT  ตั้งใจอ่านก่อนนะครับ หลังๆพี่จะเข้าใจสาเหตุเอง

ตอนเด็กผมโตมาใน หมู่บ้านเเห่งหนึ่ง ฐานะ​ปลานกลาง พ่อรายได้ประมาณ​หมื่นกว่าบาท
เเม่รายได้ประมาณ​2หมื่นกว่าบาท

บ้านผมเป็นคนครัวเล็ก มีคนอยู่ 4คน
มี พ่อ เเม่ พี่สาวอยู่ม.5 เเละผม
ช่วงชีวิตเเรกของผมที่เกิดมาผมเรียนร.รวัดอยู่ใกล้บ้านผม

ช่วงเเรกเริ่มต้นของชีวิตของผมที่โรงเรียนวัด
ตอนอนุบาลผมจำความได้ผมไม่ค่อยเขิน หรือ ไม่อยากเข้าหาเพื่อนอะไรตอนอนุบาล
ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ผมก็จะจำได้เเต่ความซวนเเละประสบการณ์​เเย่ๆตอนผมท้องเสียอะนะ555 เเต่ตอนเด็กก็ไม่อายหรอก

ตอนเด็กผมเป็นคนชั่งสังเกตุที่ได้นิสัยมาจากพ่อเวลาพ่อขับรถไปเที่ยวผมนั่งอยู่ข้างหน้ารถ
จะชอบถามนู่นถามนี้ระหว่างทางอยู่ตลอด
พ่อผมก็ชอบชมว่าผมเป็นคนชั่งสังเกตุ มันเลยทำให้ผมจำความได้   ตอนอนุบาล​2-3ผมเริ่มมีสติ ครั้งเเรก เหมือนผมเริ่มมีควาทรู้สึกนึกคิด สามารถควบคุมตัวเองได้ ขยับร่างกายเองได้
เเบบใจอยาก 

ผมเริ่มเห็นการพัฒนาของตัวเองเห็นคนอื่นจับช้อนกินข้าวหน้าผม เห็นมือตัวเองตักข้าวเข้าปาก เห็นรอยขอบตาของเพื่อน  เห็นเเววตาของเพื่อน

เริ่มมีความฝัน เริ่มมีความจำเกิดขึ้นมาในหัวสมองของผม

ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากช่วงอนุบาล
จบอนุบาล3 ความรู้สึกกลัวการเข้าสังคมก้ได้เกิดขึ้นครั้วเเรก​ คือเป็นตอนบ่ายวันนั้นที่ผม เห็นเลโก้ของเล่น ที่ครูเอามาสำหรับห้อง
ให้เด็กๆเล่นกัน  เพื่อนผมก็เล่นเป็นวงล้อมมากมาย

ผมตัดสินใจลองเข้าไปหยิบเล่นของเล่นต่อเลโก้มั้ง  เเต่ทันได้นั้น เพื่อนผมก็บ่นว่าเลโก้ตัวนี้มันหายไปไหนวะ  มันคืออันที่ผมหยิบอยู่
มันก็เลยว่าผมเเย่ง อะไรสักอย่างผมเริ่มเกิดความเสียใจครั้งเเรก

เเล้วสิ่งที่ไม่ขาดคิดก้เกิดขึ้นผมต้องจากเพื่อน ที่เรียนมาตั้งเเต่ อนุบาล 1-ป.2
ผมโดนเเม่ให้ย้ายมาร.รประถ.เอกชน  ร.รใหญ่   วันเเรกที่ผมเข้ามา เจอครูนิ้วเเกเขาเเก่เเล้ว เป็นครูประจำชั้น อายุประมาณ​
60กว่าได้มั้ง  เขาก็เเนะนำผม เพื่อนก็ต้อนรับ
เเต่ช่วงเป็นเด็กก็ไม่ได้มีใครเข้ามาทักทายผมหรอก 

มีเเต่ไอ่ต้นหอม วันเเรกผมจำได้เลยมันมาขอเงินผม 5บาท หรือ 10บาท  จริงๆก็เรียกว่าไถ่เงินก็ได้เหอะ 

ด้วยความตอนนั้นพ่อผมก็สอนเเล้วว่าอย่างนี้เขาเรียกว่าไถ่เงิน  เป็นสิ่งไม่ดี  ตอนพักเที่ยงมันมาไถ่เงินผม สั*นั้นวันเเรกของกุเลยนะหนะ ต่อมาทุกๆพักเที่ยงผมก็เลยไม่ลงไปำกนมีเเต่ลงไปซื้อขนมเเล้วขค้นมากินข้าว กีบพวกครูนั่งล้อมวงกินข้าวคุยกัน

ผมไม่มีเพื่อนเลย ป.2 ครูเขาก็หาเพื่อนให้นะ
ชวนผมไปเเตะบอล เล่นซ่อนเเอบด้วย  
เเต่ไม่รู้ทำไมผมถึงทุกเที่ยงไม่ไปเล่นกับพวกเขาเลย  เหมือนผมมีปมไม่ชอบเข้าสังคมอะไรสักอย่าง

จนมาป.3ผมได้เพื่อนสนิท มันเป็นคนตลกมากๆๆ  มันชอบพูดอะไรไรสาระ​เเต่ก็ฮาอะ เหมือนเจออะไรข้างทางก็เล่า ดันเเปลงให้ตลกมั้งกับคำว่า สมติว่า หรือไม่ก็ ชอบปรึกษา​ผมเรื่องทางบ้านของเขา   เพื่อนสนิทผมชื่อว่า "โย่"

ตั้งเเต่ป.3-ป.6ผมอยู่ด้วยกันมาตลอด 3คน มี ผม โย่ พีท พีทนี้เพื่อนโย่คนก็ตลกด้วยเเหละ
โย่คือคนตลก โย่คือคนอ่อนเเอ ไม่สู้คน เพียงเเต่เป็นคนหัวร้อนง่าย ในขณะที่เพื่อนห้องผู้ชายหลายๆคน เรื่องที่จะมีสไตล์​  คำพูด  นิสัยของตัวเอง ที่เเมนๆกัน  ว่าง่ายๆนิสัยนักเลงฟันน้ำนมหน่อยอะ   เเต่ผม..  อยู่กับโย่มาตลอด

โย่เป็นคนติดเเม่มาก เเล้วนิสัยเเม่เขาอ่อนโยนมากก ไงโย่ไม่ค่อยอยู่กับพ่อนะ  เเล้วก็ผมได้นั่งโต๊ะเดียวกับโย่2คนมาตลอด  ทำให้ผมติดนิสัยมันไปเลย

คือ! 1.เป็นคนชอบคิดอะไรกลับหัวกลับด้าน  เปลี่ยนอารมณ์​ให้เป็นเรื่องฮาได้  เเล้วก็เป็นคนยิ้มง่ายมากๆๆ เหมือนคนไม่รู้จักกาลเทศะ​อะ คุยกับคนอื่นหน้านิ่งเเต่ผมยิ้มนิดหน่อย เหมือนรอเรื่องตลกเข้ามาให้ขำ
2.นิสัยผมไม่ชอบเรื่องการชกต่อย  ไม่ชอบด่าคนอื่นเช่น  ทำไมโง่จัง, ไปไกลๆกูดิ้ , ไอ่ควาย,  พูดอะไรของ, ปัญญาอ่อน,
ผมมองว่าการที่เพื่อนไม่รู้อะไรเเล้วถาม

ถึงมันจะด่าเล่นๆเหมือนเพื่อนสนิทกันเเล้วก็เหอะ มันก็ทำให้รู้สึกน้อยใจเหมือนกัน
คือกลัวการปฏิเสธของเพื่อน   ห้องผมอะผู้หญิงทำงานเก่งมาก ผู้ชายก็บางคน
เเต่ผม3คนอะดิ  โย่ พีท ผม ทำงานเเย่มาก วาดรูปไม่สวย ออกเเบบหน้าคนไม่เก่งเลย วาดผู้หญิงก็ไม่เป็นไม่มีนม รูปทรงก็ไม่ได้ห่าำรเลย  เเค่เติมผมให้มันยาวๆก็หมายถึงผู้หญิงสำหรับพวกผม 555+

รู้ไหม ผมรู้สึกทุกข์ใจมากที่สุดตอนประถมคืออะไร
ตอนที่ครูให้จับกลุ่มทำงานเเล้วไม่มีเพื่อนคนไหนเอาผมเข้ากลุ่มเลย เขามองว่าผมไม่ทำงาน เอาจริงๆผมเป็นคนตั้งใจช่วย เเต่ผมไม่มีความสามารถวาดรูป อะไรเลย ไม่กล้าออกเเบบ ไม่ชอบเป็นผู้นำเลย มีเเต่ระบายสีเเละซื้อของเท่านั้น อย่าว่าเเต่พรีเซ็นงานเลยนะ ไม่!

นับตั้งเเต่ป.2ถึงป.6 เป็นช่วงเวลาสังคมคนอื่นที่เเย่มาก ผมไม่ชอบคุยกับคนอื่นบ้าวเลย ผมชอบมองเขาว่าเป็นนักเลง เเต่เอาจริงๆความหมายตอนนี้ก็คือ เป็นเรื่อวปกติที่เพศชายเขาจะมีนิสัยชอบเถียงชอบปกป้อวตัวเอง มีเพื่อนมาคุ้มกัน กล้าด่าคนอื่น เออนั้นเเหละกล้าด่าคนอื่น

เเละเเล้วชีวิตผมก็ได้เริ่มต้นขึ้น ผมขึ้นม.1 ที่โรงเรียนรัฐบาล​ชื่อดัง
ผมมาพร้อมกับปมด้อยการเข้าสังคมเพื่อนที่ชอบ ด่า ล้อ นินทาเพื่อนตัวเอง หรือด่ากันขำๆ
หรือชอบวัดความมั่นใจ ตัวไม่สั่นเวลาด่าคนอื่น

ม.1ผมมีชีวิตที่เงียบเหงามาก ตอนกินข้าวผมนั่งกินข้าวคนเดียวในโรงิาหารใหญ่มาตลอด
เเต่ข้อดี ความสามารถที่ผมเป็นคนตลกติดตัวมาจาก ประถมก็ทำให้ผมเข้ากับเพื่อนที่ตลกได้อย่างดี
เเต่เพื่อนกลั่มพวกนั้นก็มากินข้าวกับผมบ้าง เ้ล่วก็ไป  ส่วนมากผมกินข้าวคนเดียว

ชีวิตผมไม่ได้มีคนเดินตามข้างหลัง คอยชวนคุย หรือ ได้รับโอกาส เป็นคนเด่นๆในห้อง

เหมือนหัวหน้าชั้นที่กล้าเต้นสายย่อ หน้าชั้นเรียกต่อหน้าเพื่อน
หรือคนที่กล้าชอบพูดทำให้คนทั้งห้องหัวเราะกัน

​เเละเเล้วบทพิสูจน์​ เรียนวันเเรกก็ได้เริ่มขึ้น  มันคือช่วงของการคัดเพื่อน เกาะกลุ่มคุยกัน  ด้วยความเป็นวัยรุ่นเเล้วมันก็จะ การชกต่อยกัน ผู้หญิงเเรดๆ เเรงๆ ก็เริ่มมี

ผมกลัว ผมกลัวเหลือเกินตอนที่เพื่อนนิสัยเเรงๆเข้ามาคุย  มันเป็นโมเม้นของคนไม่เข้าสังคมคือ ชอบหลบอยู่หลังห้อง กลัวการเด่นกว่าคนอื่น  กลัวเรียกไปพูดหน้าชั้นเรียนคนเดียว  กลัวสายตาของคนอื่นมาจ้องที่เรา
กลัวเสียงหัวเราะเยาะเย้ย​ของเพื่อน

เเต่พวกพี่ๆ น้องๆ อย่าคิดว่าชีวิต ผมจะไม่มีการเปลี่ยนเเปลงอะไรนะครับ
คุณเคยรู้จัก  เอาความเจ็บปวดมาเป็นพลังไหมครับ  ประสบการณ์​เเย่ๆ ตอนประถม ไม่กล้าเเสดงออกอะไร  ผมเอามาเป็นเชื้อไฟ
พลักดันตัวเอง ให้กล้าเเสดงออกบ้างเรืาองเช่น เริ่มกล้าเเสดงออกกับเพื่อนที่ผมคิดว่าปลอดภัยจากคำ ดูถูก ว่าปัญญาอ่อน​ ผมกล้าเเสดงท่าทาง ตอนที่ผมเล่าเรื่องตลก หรือ ผมกล้า ที่จะเรียกชื่อว่าไอ่  เถอะ คำหยาบกับเพื่อน เเต่ก็ไม่เคย ด่ามันให้ตกต่ำเพื่อที่ให้ตัวเองสูงขึ้นเหมือนคนอื่นๆเลยนะ

ชีวิต ม.1ผมจบมา เเย่ลงกว่า ประถมเพราะผมไม่มีเพื่อนสนิทที่หล่อเลี้ยง ความสุขผมตลอดมา

ผมกลายเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนที่เห็นค่าเท่าไหร่
ตอนปิดเทอม เฟสผมก็เล่นนะ เเต่ไม่กล้าโพสมุกเสี้ยว หรือ ไม่กล้าถ่ายรูปตัวเอง เเบบคนเดียวเเบบเท่ๆ โชว์คนอื่นให้รู้สึกว่าดูดี มีราคาในสังคม  เพื่อนผู้หญิงหลายคน เริ่มโพส อัพโปรฟาย เขียนเหงากันใหญ่อยากมีเเฟนกัน

เเต่ผมไม่ตั้งสถานะอะไรเลย

ผมก็อยากมีเเฟนเหมือนกันนะเเต่ผมคิดว่า ผมคงรับมือไม่ได้กับพวกผู้หญิงที่เอาเเต่ใจ ชอบให้ที่รักซื้อของนู่นนี้ให้ เเต่งตัวสวยๆ
เป็นคนดังมีคนกดไลค์เยอะในเฟส


ผมอยากมีเเฟนที่รักกันจริง ไม่ใช่ หลงเสน่ห์​ความเท่ อะไรของผู้ชาย เหมือนเรารักษาดูเเลสุขภาพร่างกายคนอื่น  เเฟนเป็นผู้หญิงที่ตั้งใจเรียน ปรึกษา​ได้

................................................................
ปิดเทอม ม.1 เป็นเวลา3เดือน เเล้วร.รเขาจะคัดเด็กอีกที ให้มีการอยู่ห้อง ต้น เเบบ เด็กเก่ง เด็กเกเรียน มี/อยู่ที่หมด 15ทับ /1คือ ห้องกิ๊บเต็ดห้องลูกคนรวย สมองฉลาด

ผมโดนย้ายมาอยู่/6 ก่อนคืนขึ้นวันเรียกครั้วเเรกของม.2นั้น ผมรู้ดีว่าต้องมีเพื่อนใหม่อีกเเล้ว

ผมเริ่มเครียดเเละกังวลมากคืนนั้น  ผมเครียดเริ่มคิดถึง ผมเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีคำพูดที่เปรียบดังพิษของงู ที่เป็นคนที่มีพิษมีภัยสะบ้าง ผมไม่มีเอกลักษณ์​ สไตล์​ ความนักเลง ที่เป็นตัวของตัวเองบ้าง
เเต่มีเพียงนิสัยที่ผมมีคือ
1.เป็นคนวิชาการมาก ชอบพูดบรรยายในหัวตัวเอง มีความคิดที่คุยกับตัวเอง มีคำถามพุดสงสัยขึ้นมาให้ผมหาคำตอบมันอยู่เสมอ

2.เป็นคนชอบคิดวิว ที่มันเศร้าๆได้ดี
3.เป็นคนทักทายทำความรู้จักกับคนอื่นไม่เป็น
นอกจากโชคชะตา​มันนำผม กับคนที่เป็นคนตลกตามสเปคเพื่อนสนิทผมมาเจอกัน
4.ผมเป็นคนที่ดูคลิปให้กำลังใจมาเยอะมากก
dr.pop ขุนเขา pro chan ฌอน
5.คลิปพวกนั้นทำให้ผมเอาความเจ็บปวดมาเป็นพลังคือ!!

ม.2 วันเเรกผม เดินเข้ามาร.รตอนเช้า อย่างมั่นใจยิ้มเเช้ง เดินเข้าเเถว นั่งหลังตรง
วันเเรกเรียนคาบอังกฤษ​คาบเเรก
ครูให้ออกมาเเนะนำตัวภาษาอังกฤษ​
ผมมองว่าคนอื่น พูดเเนะนำตัวอังกฤษ​ไม่ดีเท่าผม   ด้วยความที่อยู่บ้านผมเป็นคน คุยกับพี่ คุยกับ พ่อ เเม่ อยู่บ่อยๆ เเม่ผมก็พูดอังกฤษ​ได้..

ผมจึงหยิบไมค์จากครูเเล้ว ออกไปเเนะนำตัวภาษา อังกฤษ​อย่างมั่นใจมาก ผมเห็นเเววตาคนอื่นที่มองผม หลังจากจบการนำเสนออย่างประทับใจ ทั้งผู้หญิง ทั้งผู้ชายบอกว่าสุดยอดวะนาย  เสียงตบมือดังลั่น
.
เเละในสายตาคนอื่นเขามองผมเป็นคน เด่นของห้อง เป็นที่ยอมรับผมเข้าใจดีว่า มันเป็นเพียง คำชื่นชม ผมมีความสุขมากๆ ที่ชีวิตผมไม่เคยออกมาทำอะไรอย่างนี้เลย

เเละก็มีคาบภาษาไทยอยู่คาบหนึ่งตอนนั้นครูเขาให้นักเรียนทุกคนออกมาพรีเซ็น นำเสนอข้อมูลดีๆ เช่น ความรู้จากที่อ่านหนังสือมา หรือทจะเป็น เว็ปดีๆ บทกลอนดีๆ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์​

คืนนั้นผมรู้ดีว่าโอกาสของผมกำลังมาถึง
ผมเอาเรื่อง การท้องก่อนวัยอันควรครับ
เพราะผมเห็นว่า ร.ร ผู้ใหญ่ไม่ค่อย ออกมาพูดให้ความรู้เรื่อวนี้กันสักเท่าไหร่ เเล้วก็เรื่องเพศเด็กมันจะชอบตลก ขำ เขิน อายกัน มันเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ผมจะเผชิญ​หน้า
คืนนั้นผมทำไม่เหมือนคนอื่น ผมไปเสพข้อมูลมาเยอะๆ เเล้วก็เขียนลงในกระดาษ อารมณ์​เหมือนทำหนังสือความเข้าใจของตัวเองขึ้นมาอะ

ผมจำวันนั้นได้ดีเลย พอถึงคาบภาษาไทยครูเขาให้ ออกมาพรีเซ็นเเล้วไม่มี
ผมเลยลุก ออกมาคนเเรก เเล้วเพื่อนทุกคนในห้องก็ดีใจ กันใหญ่เพราะไม่โดนครูสุ่มเลือก
ผมพูดได้ดีมาก เหมือนนักพูดในฝันผมเลย

ผมจำได้ดีตอนผมพูดขอบคุณ​คร้าบบ จบ เงือยหน้าขึ้นมาทุกคนตบมือดังลั่น เป็นช่วงที้ผมฮิตมากเลยครับ ทุกคมเข้ามาหาผม

เเต่ก็อย่างว่าเเละครับ ลึกๆนิสัยผมเป็นคนไม่เข้าสังคม  ผมรู้สึกเสียใจมาก เหมือนกับว่าทุกคนเขามาเเล้วก็รู้สึกว่าผมมันไม่น่าค้นหา ไม่น่าสนใจอะไรเลย  
จริงๆทุกคนครับผมอยากจะบอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวเลยว่าเราต้องทำตัวให้คนอื่นเห็นค่า

ความสุขที่ต้องพึ่งรอจากคนอื่น มันยากเเละทรมาน
เราควรจะมีความสุขด้วยตัวเอง
เเต่ผมีปัญหา​TT ผมอยากเเก้ไขปมด้อยของผมสักที..

คือผมเป็นคน ไม่มีพิษมีภัย มันคือยังไงอะ ผมอธิบายไม่ถูก ผมโดนเเกล้ง โดนล้อ เเต่ผมเป็น มันเเกล้งเเล้ว มันก็รู้สึกสะใจ มันรู้สึกว่าไม่ต้องไปกลัวว่าจะเสียอะไร ผมคงเป็นคนไม่เอาจริงจังกับคนมั้ง จิตใจผมคงจะอ่อนเเอเกินไป เลยทำให้มันสามารถ มาล้อ มาด่า ผมได้
ผมคงเป็นคนยอมคนง่ายเกินไป อยากรู้วิธี หรือ เทคนิกที่ชนะใจคนพวกนี้สักที  ใครก็ได้ช่วยผมทีด้วยครับ ผมอยากจะเเก้ปมในใจของผมสักทีTT
ปล. สุดท่ายผมขอขอบคุณ​อย่างซึ้งใจเลยนะครับ ขอบคุณ​ทั้งคนที่อ่านจบ เเละอ่านไม่จบ ขอบคนที่มีคนบนโลกนี้มาเห็นโพสของเด็กคนหนึงในประเทศไทย ผมดีใจมากๆเเละขอบคุณ​สำหรับ คอมเม้นนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่