สวัสดีครับชาวพันทิป วันนี้ผมมีสถานที่ท่องเที่ยวไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไรมาแนะนำ คือเกาะสีชัง (อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี) สามารถไปกลับอย่างสบายๆ เหมาะสำหรับวันพักผ่อน ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพง ถ้าทริปไปกลับก็คงไม่เกิน 500 บาท(สำหรับค่าใช้จ่ายภายในเกาะ) ทริปเกาะสีชังนี้ล่มมาหลายครั้งแล้วครับ555555 เพิ่งจะได้มีโอกาสไป เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
เราเริ่มเดินทางด้วยรถส่วนตัวจากมหาวิทยาลัยย่านบางแสน เวลาประมาณ 9โมงกว่าๆ
หลังจากนั้นเดินทางไม่นานเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือที่ อ.ศรีราชา รีบหาที่จอดรถเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวในเกาะเยอะหน่อย
ทางเข้าท่าเรือ ตรงนี้วิวสวยอยู่นะครับ
เรารีบเดินตรงเพื่อได้ซื้อตั๋วเรือ ค่าตั๋วไปเกาะสีชัง 50 บาท แต่น่าเสียได้เรือเพิ่งออกก่อนน่าไปเพียง10นาที เราได้เรือไปเกาะสีชังรอบ 11 โมง ทำให้เราต้องนั่งเล่นฆ่าเวลา
ตู้จำหน่ายตั๋วจะอยู่ทางด้าขวา
ระหว่างรอมีเจ้าเหมียวเจ้าของถิ่นเข้ามาทักทาย
และแล้วก็ถึงเวลาเรือจะออกจากท่าแล้ว เย่ๆ ลุงคนขับเรือแนะนำให้ขึ้นเรือจากทางด้านหัวเรือ มีความเชื่อว่าถ้าขึ้นจากทางท้ายเรือตกน้ำไปจะหาไม่เจอ (ความเชื่อส่วนบุคคล เอาไว้ประดับความรู้)
เรานั่งรอบนเรืออยู่สักพัก เรือค่อนข้างโคลงเคลงเป็นเพราะคลื่นที่พัดเข้ามา ทำเอาตัวผมเองที่ไม่มีอาการเมารถ รู้สึกเริ่มเวียนหัวนิดๆเหมือนกัน พอเรือออกจากท่าก็ปกติดี ถ้าคนที่เมารถเมาเรือเตรียมยาไปด้วยก็ดี อย่าไปอ้วกใส่คนข้างหน้าก็พอ
เรือมาจากท่ามาสักพักก็มีการเรียกเก็บตั๋ว เราก็นั่งชิวดูทะเลกับเรือไปเรื่อยๆ
ก่อนจะถึงสีชังเรือเจอเยอะมากๆเลย
เราใช้เวลาประมาณ40นาทีเราก็เดินทางมาใกล้ถึงเกาะสีงชังแล้ว ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากบนเรือ
เมื่อถึงเกาะสีชังก็จะมีเสียงประชาสัมพันธ์ถึงประเภทรถที่ใช้ในการเที่ยวในเกาะ เราได้เดินเข้าไปสอบถามจากป้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเกาะ
ป้าให้คำแนะนำดีมาก มีแผ่นพับแนะนำสถานที่ด้วย
ในเกาะสีชังมีรถทั้งหมด 3 ประเภท รถสองแถว(เหมาะสำหรับคนที่มาด้วยกันเยอะๆ) รถสามล้อ(นั่งได้ไม่เกิน5คน ราคาเหมา250บาท) รถมอเตอร์ไซต์(คันละ300บาท)
รถก็จะออกตามคิวของแต่ละคัน จะอยู่ทางด้านซ้ายของศูนย์ประชาสัมพันธ์
พวกเรามากัน5คน เลือกรถสามล้อ เฉลี่ยคนละ50บาทเอง พี่ที่ขับรถสามรถล้อแนะนำดีมากเล่าเรื่องให้ฟังไปตลอดทาง มีแนะนำร้านอาหารกับร้านกาแฟที่คนมานั่งเยอะที่สุดในในเกาะด้วย แต่เสียดายเรามีเวลาน้อยเลยไม่ได้ไป มีทั้งหมด4สถานที่ที่จะไป คือ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ช่องอิศริยาภรณ์ พระราชวังร.5 หาดถ้ำพัง
สถานที่แรกศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเกาะสีชังและคนทั่วไปให้ความเคารพสักการะ ศาลเจ้ามีลักษณะเป็นอาคารใหญ่ทรงวิหารจีน รวมถึงภายในที่เป็นถ้ำได้ถูกดัดแปลงเป็นศาสนสถานที่ผสมผสานไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนและไทย
รถสายพานที่เราขึ้นไปที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ แล้วแต่เราจะบริจาค สร้างความหวาดเสียวพอตัวเลยความรู้สึกเหมือนรถจะถอยหลัง มีบันไดให้ขึ้นที่ด้านข้างด้วย
วิวจากมุมสูงของเกาะสีชัง บ้านเรือนหนาแน่นมากกก มีเกร็ดเล็กๆมาฝากเกาะสีชังมีฐานเป็นอำเภอ มีทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล วัด โรงเรียน สถานีตำรวจ
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็เป็นจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง
เราได้ตัดสินเดินขึ้นไปชมพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขา เดินขึ้นบันได้เหนื่อยพอตัวเลย วันนั้นแดดค่อนข้างแรงด้วย แต่บรรยากาศร่มลื่น
ระหว่างเดินขึ้นก็พักระหว่างทางไปหลายรอบเลย
บรรยากาศด้านบนทำให้เราหายเหนี่อยไปบ้าง
ความชุ่มชื่นและความเขียวขจีของต้นไม้ทำให้ผ่อนคลายความเหนี่อยล้าในการเดิน
อีกนิดเดียวก็จะถึงรอยพระพุทธบาทจำลองแล้ว แต่เพื่อนเดินไม่ไหว ผมเลยขึ้นไปคนเดียว สำหรับคนที่ไม่ได้ขึ้นก็เก็บภาพบางส่วนมาฝาก วิวข้างบนคุ้มค่ามากลมพัดเย็น
เราใช้เวลาในการขึ้นลงบันไดในจุดแรกไปพอสมควร แต่ก็คุ้มค่ากับวิวในมุมสูง
มาต่อกันในสถานที่ที่สองกันเลย ช่องอิศริยาภรณ์ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งเกาะ หน้าผา และทะเล อีกทั้งยังทรงใช้เป็นหอดูดาวอีกด้วย ในบริเวณเดียวกันจะมีสะพานปูนสีขาวทอดยาวไปตามหน้าผาลงไปถึงริมทะเลด้านล่าง สามารถลงไปเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกได้ มีลมพัดเย็นสบายอีกด้วย เหมาะสำหรับการถ่ายรูปแต่แดดแรงไปนิด ช่วงเย็นน่าจะโรแมนติกมากเลย เพราะสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ด้วย
สามารถเดินไปถ่ายรูปด้านล่างได้ เราใช้เวลาในจุดนี้ไม่นานเท่าไร
สถานที่ที่สามพระราชวังร.5 เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนเกาะแห่งเเดียวในประเทศไทย สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยเริ่มก่อสร้างเป็นอาคารที่พักหลังต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2432 และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานเพื่อประทับในฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมไปถึงพระราชวงศ์ โดยภายในมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง อกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้แก่ สระน้ำ บ่อน้ำ สะพานท่าเทียบเรือ บรรยากาศภายในค่อนข้างร่มลื่น ไม่ร้อน ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่เราใช้เวลาดูในจุดนี้ไม่ครบทุกอาคาร
ก่อนเข้าไปด้านในแวะถ่ายรูปตรงริมหาดสักหน่อย น้ำใสมาก
ตอนที่ไปเกาะสีชังกำลังมีงาน165ปีเกาะสีชัง มีการแต่งตัวย้อนยุค คอนเสิร์ต และร้านค้ามากมาย แต่งานมีช่วงเย็น มีเรือรับส่งฟรี มีชุดให้เช่า แต่เสียดายที่เราไปก่อนหนี่งวัน งานมีวันที่ 19 กันยายนของทุกปี
พื้นที่บางส่วนมีการประดับไฟบ้างแล้ว
ตรงนี้เป็นลานสรงน้ำของรัชกาลที่ 5 ข้างๆจะมีบ่อน้ำ
ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ภายในก็จะมีนิทรรศการ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
มีโมเดลจำลองอาคารอยู่ในนิทรรศการด้วย
ส่วนตรงนี้เป็นนิทรรศการของตึกอภิรมย์
ต้นไม้ข้างตึกอภิรมย์เป็นจุดน่าถ่ายรูปอีกหนึ่งจุด
บันไดตรงนี้ชื่อว่าบันได้ศิลาสีอ่อน
เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงสะพานอัษฎางค์ จุดแลนด์มาร์คสำคัญในการถ่ายรูปวิวดีมากๆ แต่อยู่ในช่วงจัดงาน มีการประดับไฟ ทำให้เสียบรรยากาศไปเล็กน้อย
ภาพจากมุมไกลของสะพานอัษฎางค์
เราก็เก็บภาพความประทับใจตรงนี้สักเล็กน้อย
ต่อไปเป็นส่วนการการจัดแสดงสัตว์น้ำ อยู่ก่อนทางเข้าพระราชวัง อยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีภาพมาฝากเล็กๆน้อยๆ
น้องเต่า~~~~~~~~~~~~~
ใครไม่เก๋า ปลาเก๋า
เราใช้เวลามากไปนิด กลัวไม่ทันเรือรอบบ่าย3โมง เพราะมีเรียนต่อตอน5โมงเย็น5555555 ทำให้เราไม่ได้ไปเก็บบรรยากาศที่หาดถ้ำพัง น่าเสียได้มากๆ ทริปนี้เราก็ใช้เวลามาพอสมควรแล้ว ได้เวลากลับสู่บางแสน
จุดจำหน่ายตั๋วใกล้กับบริเวณที่ลองจากเรือเมื่อเช้า
ที่นี้มีห้องพักหลายราคาสำหรับคนที่จัดทริปมาค้างคืน ก็เลือกได้ตามความเหมาะสะนะครับ ผมไม่ทราบราคาที่แน่ชัด
เรือลำนี้จะพาเรากลับ นั่งชั้นสองชมวิวสบายๆ
บ๊ายบายเกาะสีชัง ถ้ามีโอกาสจะมาเก็บภาพความประทับใจอีกครั้ง โดยรวมสนุกดีครับ เหมาะสำหรับทุกวัย ภายในเกาะมีสิ่งของบริการครบครัน ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร
ป.ล. หากกระทู้นี้มีข้อมูลหรือพิมพ์ผิดพลาด ขออภัยด้วยครับ
[CR] สีชังวันเดียวก็เที่ยวได้
เราเริ่มเดินทางด้วยรถส่วนตัวจากมหาวิทยาลัยย่านบางแสน เวลาประมาณ 9โมงกว่าๆ
หลังจากนั้นเดินทางไม่นานเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือที่ อ.ศรีราชา รีบหาที่จอดรถเพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวในเกาะเยอะหน่อย
เรารีบเดินตรงเพื่อได้ซื้อตั๋วเรือ ค่าตั๋วไปเกาะสีชัง 50 บาท แต่น่าเสียได้เรือเพิ่งออกก่อนน่าไปเพียง10นาที เราได้เรือไปเกาะสีชังรอบ 11 โมง ทำให้เราต้องนั่งเล่นฆ่าเวลา
และแล้วก็ถึงเวลาเรือจะออกจากท่าแล้ว เย่ๆ ลุงคนขับเรือแนะนำให้ขึ้นเรือจากทางด้านหัวเรือ มีความเชื่อว่าถ้าขึ้นจากทางท้ายเรือตกน้ำไปจะหาไม่เจอ (ความเชื่อส่วนบุคคล เอาไว้ประดับความรู้)
เรานั่งรอบนเรืออยู่สักพัก เรือค่อนข้างโคลงเคลงเป็นเพราะคลื่นที่พัดเข้ามา ทำเอาตัวผมเองที่ไม่มีอาการเมารถ รู้สึกเริ่มเวียนหัวนิดๆเหมือนกัน พอเรือออกจากท่าก็ปกติดี ถ้าคนที่เมารถเมาเรือเตรียมยาไปด้วยก็ดี อย่าไปอ้วกใส่คนข้างหน้าก็พอ
เราใช้เวลาประมาณ40นาทีเราก็เดินทางมาใกล้ถึงเกาะสีงชังแล้ว ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากบนเรือ
เมื่อถึงเกาะสีชังก็จะมีเสียงประชาสัมพันธ์ถึงประเภทรถที่ใช้ในการเที่ยวในเกาะ เราได้เดินเข้าไปสอบถามจากป้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเกาะ
ในเกาะสีชังมีรถทั้งหมด 3 ประเภท รถสองแถว(เหมาะสำหรับคนที่มาด้วยกันเยอะๆ) รถสามล้อ(นั่งได้ไม่เกิน5คน ราคาเหมา250บาท) รถมอเตอร์ไซต์(คันละ300บาท)
พวกเรามากัน5คน เลือกรถสามล้อ เฉลี่ยคนละ50บาทเอง พี่ที่ขับรถสามรถล้อแนะนำดีมากเล่าเรื่องให้ฟังไปตลอดทาง มีแนะนำร้านอาหารกับร้านกาแฟที่คนมานั่งเยอะที่สุดในในเกาะด้วย แต่เสียดายเรามีเวลาน้อยเลยไม่ได้ไป มีทั้งหมด4สถานที่ที่จะไป คือ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ช่องอิศริยาภรณ์ พระราชวังร.5 หาดถ้ำพัง
สถานที่แรกศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเกาะสีชังและคนทั่วไปให้ความเคารพสักการะ ศาลเจ้ามีลักษณะเป็นอาคารใหญ่ทรงวิหารจีน รวมถึงภายในที่เป็นถ้ำได้ถูกดัดแปลงเป็นศาสนสถานที่ผสมผสานไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนและไทย
เราได้ตัดสินเดินขึ้นไปชมพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขา เดินขึ้นบันได้เหนื่อยพอตัวเลย วันนั้นแดดค่อนข้างแรงด้วย แต่บรรยากาศร่มลื่น
อีกนิดเดียวก็จะถึงรอยพระพุทธบาทจำลองแล้ว แต่เพื่อนเดินไม่ไหว ผมเลยขึ้นไปคนเดียว สำหรับคนที่ไม่ได้ขึ้นก็เก็บภาพบางส่วนมาฝาก วิวข้างบนคุ้มค่ามากลมพัดเย็น
มาต่อกันในสถานที่ที่สองกันเลย ช่องอิศริยาภรณ์ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งเกาะ หน้าผา และทะเล อีกทั้งยังทรงใช้เป็นหอดูดาวอีกด้วย ในบริเวณเดียวกันจะมีสะพานปูนสีขาวทอดยาวไปตามหน้าผาลงไปถึงริมทะเลด้านล่าง สามารถลงไปเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกได้ มีลมพัดเย็นสบายอีกด้วย เหมาะสำหรับการถ่ายรูปแต่แดดแรงไปนิด ช่วงเย็นน่าจะโรแมนติกมากเลย เพราะสามารถดูพระอาทิตย์ตกได้ด้วย
สถานที่ที่สามพระราชวังร.5 เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนเกาะแห่งเเดียวในประเทศไทย สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยเริ่มก่อสร้างเป็นอาคารที่พักหลังต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2432 และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานเพื่อประทับในฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมไปถึงพระราชวงศ์ โดยภายในมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง อกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้แก่ สระน้ำ บ่อน้ำ สะพานท่าเทียบเรือ บรรยากาศภายในค่อนข้างร่มลื่น ไม่ร้อน ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่เราใช้เวลาดูในจุดนี้ไม่ครบทุกอาคาร
เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงสะพานอัษฎางค์ จุดแลนด์มาร์คสำคัญในการถ่ายรูปวิวดีมากๆ แต่อยู่ในช่วงจัดงาน มีการประดับไฟ ทำให้เสียบรรยากาศไปเล็กน้อย
ต่อไปเป็นส่วนการการจัดแสดงสัตว์น้ำ อยู่ก่อนทางเข้าพระราชวัง อยู่ในความดูแลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็มีภาพมาฝากเล็กๆน้อยๆ
เราใช้เวลามากไปนิด กลัวไม่ทันเรือรอบบ่าย3โมง เพราะมีเรียนต่อตอน5โมงเย็น5555555 ทำให้เราไม่ได้ไปเก็บบรรยากาศที่หาดถ้ำพัง น่าเสียได้มากๆ ทริปนี้เราก็ใช้เวลามาพอสมควรแล้ว ได้เวลากลับสู่บางแสน
ที่นี้มีห้องพักหลายราคาสำหรับคนที่จัดทริปมาค้างคืน ก็เลือกได้ตามความเหมาะสะนะครับ ผมไม่ทราบราคาที่แน่ชัด
บ๊ายบายเกาะสีชัง ถ้ามีโอกาสจะมาเก็บภาพความประทับใจอีกครั้ง โดยรวมสนุกดีครับ เหมาะสำหรับทุกวัย ภายในเกาะมีสิ่งของบริการครบครัน ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร
ป.ล. หากกระทู้นี้มีข้อมูลหรือพิมพ์ผิดพลาด ขออภัยด้วยครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้