“ความสุขของพ่อ”
“...คนที่ไปดูก็เห็นได้ว่า เริ่มต้นด้วยไม่มีอะไรเลย แต่ว่าต่อมาภายในวันเดียว ทุกคนในท้องที่นั้น ก็เข้าใจว่าต้องช่วยกัน และยิ่งในสมัยนี้ในระยะนี้เราต้องร่วมมือกันทำ เพราะว่าถ้าไม่มีการร่วมมือกัน ก็ไม่ก้าวหน้า ไม่มีความก้าวหน้า ฉะนั้นการที่ท่านได้ทำแล้วมีความก้าวหน้านี้เป็นสิ่งที่ดีมาก หลักการก็อยู่ที่ทุกคนต้องช่วยกันเสียสละ เพื่อให้กิจการในท้องที่ก้าวหน้าไปด้วยดี ก้าวหน้าได้อย่างไร ก็ด้วยการช่วยเหลือกัน แต่ก่อนนั้นเคยเห็นว่ากิจการที่ทำ มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทำแล้วก็ทำให้ก้าวหน้า แต่อันนี้มันไม่ใช่กลุ่มหนึ่ง มันทั้งหมดร่วมกันทำและก็มีความก้าวหน้าแน่นอน อันนี้เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และเป็นสิ่งที่ทำให้มีความหวัง มีความหวังว่าประเทศชาติจะก้าวหน้า ประเทศชาติจะมีความสำเร็จ...”
พระราชดํารัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552
17 ต.ค. 2561 ผมได้ร่วมโครงการ “ความสุขของพ่อ” ซึ่งจัดโดย ผ้าเบรกคอมแพ็ค ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเยี่ยมชมโครงการนี้ (ถึงแม้จะได้ยินเรื่องราวมาหลายปีมาก) ที่นี่เป็นเสมือนโครงการ ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้ทุกคนรู้จักคำว่า “พอเพียง” นั่นเอง...ท่านทรงสอนพวกเราทางอ้อม มุ่งมั่นในการทำงาน และสามัคคีกับเพื่อนในชุมชน ร่วมกันพัฒนาอาชีพให้กับตนเอง และคนในพื้นที่ สามารถครองชีพอย่างพอเพียงได้ด้วยตัวเอง
ในอดีตผืนดินแถวนี้เคยแห้งแล้งมาก เพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้สภาพพื้นที่โดยทั่ว ๆ ไป แห้งแล้ง ดินปนทรายและหินลูกรัง เมื่อปี พ.ศ. 2551 ช่วงเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเอาหัวมันเทศ วางบนตาชั่งตั้งไว้บนโต๊ะทรงงาน เพื่อเป็นคติเตือนใจ “ชั่งหัวมัน” หัวมันเทศเมื่อวางอยู่นานเข้าก็จะแตกใบ มีต้นงอกออกมา ก็ทรงให้เอาต้นมันนั้นไปเพาะเลี้ยงไว้ในเรือนเพาะชำ แล้วนำมันเทศหัวใหม่มาวางไว้บนตาชั่งแทน ทำเช่นนี้เรื่อยไป ในเรือนเพาะชำก็มีแต่ต้นมันเทศ ทรงมีดำริว่า หัวมันเทศวางไว้บนตาชั่งไม่มีดินและน้ำยังงอกได้ที่ดินแปลงนี้ มีดินและพอมีน้ำอยู่บ้างก็น่าจะปลูกมันเทศได้ จึงทรงพระราชทานต้นมันเทศจากเรือนเพาะชำมาปลูกไว้ที่นี่ และพระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ”
ตั้งแต่นั้นมา โครงการพัฒนาที่ดินที่พระราชทานชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" ก็ได้ดำเนินงานสานต่อพระราชดำริ เปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งไม่มีราคากลายเป็นพื้นที่ๆ อุดมสมบูรณ์ มีพืชเพาะปลูกมากมายหลายอย่างทั้งพืชเศรษฐกิจและพืชเพื่ออนุรักษ์ ที่ดินรอบๆ มีการเลี้ยงฟาร์มวัวนม โรงงานแปรรูปผลที่ผลิตนมสดพาสเจอร์ไรส์ และ สเตอริไรซ์ และโรงเลี้ยงไก่ไข่ ระบบพลังงานทดแทนทั้งพลังงานไฟฟ้ากังหันลมผลิตไฟฟ้าใช้ในโครงการและส่งขายให้การไฟฟ้า น้ำมันไบโอดีเซล
ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ได้สร้างให้พวกเราเห็นว่า ที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายในการคิดค้น ทดลอง และพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทรงเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตที่สมถะตามวิถีพอเพียง ถ้าเรามุ่งมั่นและจริงจังทุกอย่างสามารถฝ่าอุปสรรคไปได้ ยังมีอีกนับพันโครงการที่พระองค์ทรงงานเพื่อความสุขของประชาชนทั้งประเทศ เพราะความสุขของประชาชนคือความสุขของพระองค์นั่นเอง นี่แหละ #ความสุขของพ่อ เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวทุกโครงการของพระองค์ และเราจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนี้ตลอดไป
ต้องขอขอบคุณ Compact Brakes สำหรับโครงการดีๆ "ความสุขของพ่อ" ที่พาพวกเราได้ไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ครับ...หวังว่าจะได้ร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ตลอดไปครับ
"ความสุขของพ่อ"
“...คนที่ไปดูก็เห็นได้ว่า เริ่มต้นด้วยไม่มีอะไรเลย แต่ว่าต่อมาภายในวันเดียว ทุกคนในท้องที่นั้น ก็เข้าใจว่าต้องช่วยกัน และยิ่งในสมัยนี้ในระยะนี้เราต้องร่วมมือกันทำ เพราะว่าถ้าไม่มีการร่วมมือกัน ก็ไม่ก้าวหน้า ไม่มีความก้าวหน้า ฉะนั้นการที่ท่านได้ทำแล้วมีความก้าวหน้านี้เป็นสิ่งที่ดีมาก หลักการก็อยู่ที่ทุกคนต้องช่วยกันเสียสละ เพื่อให้กิจการในท้องที่ก้าวหน้าไปด้วยดี ก้าวหน้าได้อย่างไร ก็ด้วยการช่วยเหลือกัน แต่ก่อนนั้นเคยเห็นว่ากิจการที่ทำ มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งทำแล้วก็ทำให้ก้าวหน้า แต่อันนี้มันไม่ใช่กลุ่มหนึ่ง มันทั้งหมดร่วมกันทำและก็มีความก้าวหน้าแน่นอน อันนี้เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และเป็นสิ่งที่ทำให้มีความหวัง มีความหวังว่าประเทศชาติจะก้าวหน้า ประเทศชาติจะมีความสำเร็จ...”
พระราชดํารัสของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พระราชทานเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2552
17 ต.ค. 2561 ผมได้ร่วมโครงการ “ความสุขของพ่อ” ซึ่งจัดโดย ผ้าเบรกคอมแพ็ค ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาเยี่ยมชมโครงการนี้ (ถึงแม้จะได้ยินเรื่องราวมาหลายปีมาก) ที่นี่เป็นเสมือนโครงการ ที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้ทุกคนรู้จักคำว่า “พอเพียง” นั่นเอง...ท่านทรงสอนพวกเราทางอ้อม มุ่งมั่นในการทำงาน และสามัคคีกับเพื่อนในชุมชน ร่วมกันพัฒนาอาชีพให้กับตนเอง และคนในพื้นที่ สามารถครองชีพอย่างพอเพียงได้ด้วยตัวเอง
ในอดีตผืนดินแถวนี้เคยแห้งแล้งมาก เพาะปลูกอะไรก็ไม่ได้สภาพพื้นที่โดยทั่ว ๆ ไป แห้งแล้ง ดินปนทรายและหินลูกรัง เมื่อปี พ.ศ. 2551 ช่วงเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงเอาหัวมันเทศ วางบนตาชั่งตั้งไว้บนโต๊ะทรงงาน เพื่อเป็นคติเตือนใจ “ชั่งหัวมัน” หัวมันเทศเมื่อวางอยู่นานเข้าก็จะแตกใบ มีต้นงอกออกมา ก็ทรงให้เอาต้นมันนั้นไปเพาะเลี้ยงไว้ในเรือนเพาะชำ แล้วนำมันเทศหัวใหม่มาวางไว้บนตาชั่งแทน ทำเช่นนี้เรื่อยไป ในเรือนเพาะชำก็มีแต่ต้นมันเทศ ทรงมีดำริว่า หัวมันเทศวางไว้บนตาชั่งไม่มีดินและน้ำยังงอกได้ที่ดินแปลงนี้ มีดินและพอมีน้ำอยู่บ้างก็น่าจะปลูกมันเทศได้ จึงทรงพระราชทานต้นมันเทศจากเรือนเพาะชำมาปลูกไว้ที่นี่ และพระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า “โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ”
ตั้งแต่นั้นมา โครงการพัฒนาที่ดินที่พระราชทานชื่อว่า "ชั่งหัวมัน" ก็ได้ดำเนินงานสานต่อพระราชดำริ เปลี่ยนพื้นที่แห้งแล้งไม่มีราคากลายเป็นพื้นที่ๆ อุดมสมบูรณ์ มีพืชเพาะปลูกมากมายหลายอย่างทั้งพืชเศรษฐกิจและพืชเพื่ออนุรักษ์ ที่ดินรอบๆ มีการเลี้ยงฟาร์มวัวนม โรงงานแปรรูปผลที่ผลิตนมสดพาสเจอร์ไรส์ และ สเตอริไรซ์ และโรงเลี้ยงไก่ไข่ ระบบพลังงานทดแทนทั้งพลังงานไฟฟ้ากังหันลมผลิตไฟฟ้าใช้ในโครงการและส่งขายให้การไฟฟ้า น้ำมันไบโอดีเซล
ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่พ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ได้สร้างให้พวกเราเห็นว่า ที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายในการคิดค้น ทดลอง และพัฒนาสิ่งต่างๆ เพื่อให้ประชาชนของพระองค์ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และทรงเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตที่สมถะตามวิถีพอเพียง ถ้าเรามุ่งมั่นและจริงจังทุกอย่างสามารถฝ่าอุปสรรคไปได้ ยังมีอีกนับพันโครงการที่พระองค์ทรงงานเพื่อความสุขของประชาชนทั้งประเทศ เพราะความสุขของประชาชนคือความสุขของพระองค์นั่นเอง นี่แหละ #ความสุขของพ่อ เรามีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยวทุกโครงการของพระองค์ และเราจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนี้ตลอดไป
ต้องขอขอบคุณ Compact Brakes สำหรับโครงการดีๆ "ความสุขของพ่อ" ที่พาพวกเราได้ไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ครับ...หวังว่าจะได้ร่วมกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ตลอดไปครับ