มะเร็งระยะที่ 1 ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด! แชร์วิธีการดูแลร่างกายคนไข้มะเร็ง (ระยะแรก)

หวังเอาไว้ว่าการแชร์ในครั้งจะเป็นประโยชน์กับคนที่อยู่สถานการณ์เดียวกับเรา ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเราเป็นพยาบาล ทำงานที่คลินิกเอกชนที่ดูแลรักษาคนไข้ในเชิงป้องกัน หรือที่เรียกว่า Preventive Medicine ส่วนตัวเราทำงานอยู่ในแผนกที่ดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ในทุกๆวันก็จะได้พบคนไข้มะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จนระยะสุดท้าย สิ่งเดียวที่ภาวนาอยู่ลึกๆคือขอให้โรคมะเร็งอย่าเกิดกับครอบครัวของเราเลย แต่แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่พ่อป่วยเป็นมะเร็งระยะที่1 แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแอบแฝง เพราะเราตรวจเจอเร็ว รู้เร็ว และรู้วิธีในการดูแลคนไข้ ขั้นตอนในการดูแลจึงไม่ยากมาก แต่ถามว่าเราตกใจรึเปล่า ใช่เราตกใจแต่สติและกำลังใจของเรากับพ่อค่อนข้างดี และเราสัญญากันว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน

พ่อเราอายุ  58 ย่าง 59 ปกติพ่อจะเป็นคนแข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี ทุกเช้าก่อนไปทำงาน พ่อจะออกกำลังเบาๆ ของแกไปเรื่อย ทำแบบนี้มาตลอด จนมาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา เราสังเกตว่าพ่อดูผอมลงมาก เลยชั่งน้ำหนักและก็จริงน้ำหนักลดลงไป 5 โล อาทิตย์ต่อมาลองชั่งก็ลดลดอีก และเริ่มมีอาการมึนหัว วูบ หน้ามืดบ่อย และถ่ายยาก ท้องผูก เราเลยรู้สึกผิดสังเกต เลยรีบพาพ่อไปตรวจเลือดและตรวจเช็คร่างกาย ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นเกี่ยวกับความดันสูงตามอายุ แต่ผลที่ได้คือ พบว่าพ่อเป็น มะเร็งลำไส้ มีค่ามะเร็ง CEA อยู่ที่ 8.7 ตามหลักถ้าเป็นคนปกติทั่วไปที่เห็นผลอาจจะตกใจไม่น้อย แต่สำหรับเราตกใจแต่เราเองก็รู้ว่ามันคือเป็นระยะแรกเท่านั้น


(ผลตรวจค่ามะเร็งลำไส้ของพ่อเรา)

ซึ่งเราเป็นพยาบาลที่ดูแลคนไข้มะเร็งมาตลอด เลยรู้ว่า พ่อยังไม่ต้องให้คีโม เพราะมันยังไม่หนักมาก และสามารถรักษาให้หายได้ สิ่งแรกเลยที่อยากบอกทุกคนที่มีคนใกล้ตัวเจอโรคร้ายแรง คือ กำลังใจ เราให้กำลังใจพ่อ เพราะพ่อเราตกใจมาก จากคนที่ร่าเริงก็เริ่มเครียด ซึ่งการให้กำลังใจต้องทำควบคู่คือทั้งการพูดและการกระทำ หลังจากนั้นเราก็ปรับวิถีการใช้ชีวิตของพ่อใหม่ทั้งหมด

อันดับที่ 1 การกิน คือ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผ่านมาพ่อชอบกินของทอดมาก ก็คือต้องงดทันทีเพราะของทอด และของหวาน เป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับเซลล์มะเร็ง สิ่งที่พ่อต้องทำคือหันมากินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในทุกมื้อ เน้นผัก ผลไม้ให้มาก เราก็จะจัดเซตให้พ่อทุกวัน พร้อมกับกินอาหารเสริมภูมิต้านมะเร็ง (ดีโทก้า) [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

อันดับที่ 2 การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งพ่อเรานอนเยอะอยู่แล้วก็ไม่มีปัญหา ที่เพิ่มมาคือก่อนนอนให้พ่อสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือเปิดยูทูปธรรมะให้ฟัง เพื่อลดความเครียดและดีต่อจิตใจ

อันดับที่ 3 การออกกำลังกาย พ่อเราก็เน้นเดิน แกว่งแขน ตามสวนแถวบ้าน ทุกๆเช้า ทำทุกวันสม่ำเสมอ
และในหนึ่งอาทิตย์ก็จะมีการดีท๊อกซ์ลำไส้ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น การกินไฟเบอร์ดีท๊อกซ์ หรือ Treatment ดีท๊อกที่คลินิกที่เราทำงานอยู่

ซึ่งเราดูแลพ่อด้วยการปฏิบัติตัวให้ถูกหลักอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งระยะที่1 วันที่ 09/07/2018 จนถึง วันที่ 08/10/2018 เป็นระยะเวลา 2 เดือนเศษๆ ผลที่ได้คือ ค่ามะเร็งของพ่อลดลง จาก CEA = 8.7 ng/mL ลดลงเหลือ CEA  = 5.2 ng/mL (เป็นค่าปกติ)


(ผลตรวจค่ามะเร็งลำไส้ของพ่อเรา หลังจากดูแลตัวเองอย่างดี)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรากับพ่อก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะหลังจากนี้พ่อก็ต้องปฎิบัติตัวแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีกก็มี บทเรียนในครั้งนี้ทำให้รู้เลยว่ามะเร็งจะเกิดขึ้นกับใครหรือเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนหมั่นเช็คร่างกายของตัวเองให้ดี กินอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ตอนนี้มีบทความเยอะมากๆ ที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง บอกเลยว่าการเป็นพยาบาลของเราทำให้เราโชคดี และมีประสบการณ์ตรงจึงมีความรู้และมีวิธีต่างๆ ที่เจอกับคนไข้และนำมารักษาพ่อตัวเอง และวันนี้อยากขอมาแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้น เผื่อใครที่กำลังเผชิญปัญหาแบบครอบครัวของเรา จะได้เอาไปเป็นแนวทางการดูแลรักษาอีกวิธีหนึ่ง หากใครมีปัญหาหรืออยากถามอะไรก็หลังไมค์มาสอบถามเราได้เลยนะ พร้อมตอบทุกคำถาม และเป็นกำลังใจให้กับคนที่ประสบปัญหาเหมือนครอบครัวของเรานะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่