คนรุ่นใหม่สมัยนี้ ดูได้ใช้ชีวิตเยอะมาก เค้าเก็บเงิน/หาเงิน/จัดสรรเงิน กันยังไงครับ

สวัสดีครับ   พอดีวันหยุดยาว มีโอกาสได้นั่งวางแผนการเงิน การใช้ชีวิต และกำลังจะแต่งงานในเร็วๆนี้ ก็มีความคิดหลายๆอย่างขึ้นมา อยากจะมาแชร์มาพูดคุยกันกับชาวพันทิปครับ
ผมอายุ 28 ย่าง 29   จบจาก ม.รัฐแห่งนึงนี่แหละครับ สมัยเรียนการเรียนกลางๆ แต่ภาษาอังกฤษใช้ได้ แต่ค่อนข้างโชคดี ผู้ใหญ่ให้โอกาส เลยได้ทำงานที่รายได้ค่อนข้างดี งาน 6 วัน/สัปดาห์ ไม่ค่อยมีวันหยุด นายสั่ง ลูกค้าสั่ง ทำหมด จะหยุดเทศกาลหรือหยุดสุดสัปดาห์ ได้ครับพี่ดีครับท่าน ผมทำหมด
เงินเดือนประมาณ 110,000

ส่วนแฟน เด็กกว่าผม 2 ปี จบมาที่เดียวกัน เงินเดือนโอเค การงานโอเค ไม่เครียดมาก มีความสุขดี ผมชอบนะ เค้าเป็นคนค่อนข้างประหยัด พอกินพอใช้ แต่enjoyกับทุกสิ่งที่มีมาก ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช้ของแบรนด์เนม การงานเธอนิ่งๆ เงินเดือนประมาณ 50,000 สวัสดิการโอเคเลยละ ค่าใช้จ่ายประจำวัน บริษัทแทบจะออกให้หมด

รวมๆกัน บวกลบ ตีเฉลี่ยเราได้ประมาณ 160,000 ต่อเดือน

เราสองคนกำลังจะแต่งงานกัน ผมเพิ่งขอเธอได้ไม่กี่วัน ก็ตื่นเต้นดีครับ ที่จะได้เริ่มต้นชีวิตของเรากัน

เราคบกันมา 8 ปีเเล้ว ความจริงแอบผิดธรรมเนียมนิดนึง คือเราอยู่ด้วยกันมา 3 ปีแล้ว ตอนแรกคอนโดทีแม่ผมซื้อไว้ให้ตอนมาเรียนในกรุงเทพฯ จนปีที่เเล้ว เราตัดสินใจช่วยผ่อนบ้าน ช่วยกันโป๋ะแบบสุดชีวิตอยู่
สำหรับผม อยู่ก่อนแต่ง ไม่ได้เป็นเรื่องแย่ขนาดนั้น(ให้กำลังใจติดเองนิดนึง) เพราะรู้เลยว่า การที่คนเราอยู่ด้วยกันต้องปรับตัวเยอะมาก ขนาดเป็นคนใจเย็นมากๆทั้งคู่ทั้งมีเรื่องผิดใจกันบ้าง แต่ก็ถอยกันคนละก้าว มาจนวันนี้ไม่เคยทะเลาะกันเลยซักครั้ง
เพื่อนสนิทผมบางคน ตอนคบนี่หวานชื่นมาก แต่งได้ไม่ถึงสองปี อยู่ด้วยกันไม่ได้จนแยกกันอยู่เเล้วก็มี
ที่ซื้อบ้าน เพราะคุยกันไว้แต่แรกว่าแต่งงานเเล้วจะมีลูกเลย เลยต้องเตรียมพื้นที่สำหรับสมาชิกใหม่ในอนาคตด้วย

ใน 160,000 เราแบ่งเงินกันอย่างนี้ (เอาเป็บเลขกลมๆนะครับ)
40,000 ผ่อนบ้าน
10,000 ผ่อนรถ เราเลือใช้รถญี่ปุ่นทั้งคู่ คันนึงผ่อนหมดเเล้ว ติดแก็ส lpg maintenanceตลอดระยะ ไม่เคยมีปัญหางอแง ประหยัดน้ำมันไปได้เยอะครับ
20,000 ผมใช้ในชีวิตประจำวัน เหลือ เก็บเป็นงบฉุกเฉิน
20,000 เธอใช้ในชีวิตประจำวัน เหลือเก็บฉุกเฉิน
20,000 ส่งกลับบ้านทั้งคู่คนละหมื่น
30,000 เก็บลงทุนซื้อหุ้น/กองทุน/ประกัน บางส่วนมีกันเป็นเงินฉุกเฉิน
10,000 เป็นกองกลาง ไว้ใช้ไร้สาระ โอกาสพิเศษด้วยกัน...
10,000  ผมเหมือนเป็นเงินทำบุญ ผมเป็นคนไม่เข้าวัดเท่าไร เลยตัดสินใจกับแฟน จ้างครูฝรั่งหมู่บ้านใกล้ๆ ให้เปิดบ้านสอนภาษาอังกฤษให้ ลูกรปภ. ลูกแม่บ้านโครงการที่ผมอยู่ รวมๆเด็ก 10กว่าคน อายุตั้งแต่ 5 - 16(ให้ถึงม.ต้นครับ) ให้มาคุยกัน เล่นเกมส์ เล่นกิจกรรมกันเป็นภาษาอังกฤษ สัปดาห์ละ 2 วัน เดือนละ 8 ครั้ง แต่ให้เน้นการใช้ภาษาในชีวิตจริง มากกว่ามานั่งท่องแกรมม่าไวยกรณ์แบบที่เราเรียนๆในสมัยเด็กๆ
ผมมีวันนี้ได้เพราะภาษาอังกฤษ เลยคิดว่าถ้าเด็กกลุ่มนี้ ได้ภาษา อย่างน้อย เขาก็มีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าพ่อแม่เขา
ผมไม่ทำบุญกับวัด เพราะคิดว่าวัดรวยกว่าเราอยู่เเล้ว...เราไม่ให้ ก็มีคนอื่นให้   เราให้คนที่โอกาสด้อยกว่าเราดีกว่า

จะเห็นว่า 160,000 แค่นี้ ก็ตึงมากๆเเล้ว แทบจะไม่มีที่ดิ้นเเล้ว (ผมรีบปิดบ้านให้จบครับ หนี้ก้อนใหญ่)

นี่ยังไม่รวมเงินที่จะกันไว้ให้เจ้าตัวน้อยที่ตั้งใจจะมีหลังแต่งงาน...เงินที่เก็บไว้แต่งงาน ก็เอามาดาวน์บ้านหมดเเล้ว

ในขณะที่ เวลาเราเปิดดูในเฟส เห็นเพื่อนๆในรุ่น ไปเที่ยวต่างประเทศ ใช้ชีวิต กินดีๆกินหรูตามโรงแรม บางคน เห็นฮิจกันกินอาหารญี่ปุ่น ที่เป็นแบบเชฟเสิร์ฟให้แบบomakase แบบหัวละหลายๆพัน โอ้วมายก๊อด เขาจ่ายกันได้อย่างไร เอาจริงๆผมรู้ว่าเงินหายากนะ กว่าจะได้มา เเล้วจัดสรรทีก็หมดแล้ว

จนวันก่อน ไปร้านนั่งกลางคืนกับเพื่อนๆที่มหาลัย(เจอกันเดือนละครั้ง) ทุกคนจะเห็นผมเป็นคนไม่กินไม่เที่ยว ต่างประเทศนี่เรียก 5 ปีครั้งเลยละ
มีคนนึงถามผมว่า   เงินเดือน ขนาดนี้เเล้ว ทำไม มะรึง ไม่รวยซักทีวะ?? มันต้องกินเที่ยวใช้ ออกไปเห็นโลก เพื่อหาโอกาสที่ดีกว่า...
ไอคนที่ถามผม ไอนี่ตัวเที่ยวเลย ก็ไม่รู้ทำงานอะไร ทำไมได้เที่ยวได้ใช้ชีวิตเยอะจัง   แต่หลายๆคนที่เห็นในเฟส ก็ใช้ชีวิตเต็มที่เหมือนๆกัน(ไม่ใช่ทุกคนนะ)

ไอที่บอกออกไปเห็นโลกเนี่ย เอาจริงๆยังไม่ค่อยเห็นภาพ ว่าเที่ยวบ่อยๆเเล้วมันเปิดหูเปิดตาขนาดไหน เพราะยังไม่ค่อยมีโอกาส แค่ทำงาน 8โมงถึง5โมง ฝ่ารถติดกลับบ้าน บางทีหอบกลับมาทำบ้านก็จะตายเเล้ว วันหยุดขอนอนเฉยๆslow life ตื่นสายๆ ไปนั่งกินกาแฟ อยู่กับแฟนกับแมว แค่นี้ก็พอแล้ว

เอาจริงๆตอนนี้ก็รู้สึกว่าดิ้นไม่ได้หลุด กับรายรับรายจ่าย หนักๆก็เรื่องบ้าน แต่ถามว่าทำไมรีบตัดสินใจซื้อ ผมมองว่า ไม่ซื้อตอนนี้ เเล้วไปซื้อตอนไหน?? งานหายากขึ้น แข่งขันกันมากขึ้น เงินเดือนเท่าเดิมแถมหายากขึ้น เศรษฐกิจเฮงซวยเหมือนเดิม แต่อสังหาฯดันแพงขึ้นทุกวัน

ผมมองว่า เด็กรุ่นหลังๆจากนี้ยิ่งน่าเห็นใจ การจะเป็นเจ้าของอสังหาฯดีๆได้ด้วยตัวเองนี่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมันแพงขึ้นไม่หยุด
แถมจะมีครอบครัวแต่งงานมีลูกเเล้ว นี่ยิ่งคิดเยอะเลย

หรือผมจัดสรรเงินได้ยังไม่ดี??? ถึงไม่ได้ไปใช้ชีวิตแบบที่เขาว่ากันครับ???

ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็นครับ ใครว่างๆมาแชร์กันครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เข้ามาตอบเพราะเรามีแนวคิดที่เหมือยกันครับ ผมไม่เที่ยว ตปท ตั้งแต่แต่งงานมีลูกแล้วครับ 9 ปี แต่ทุกปีผมจะสะสมอสังหา ปล่อยเช่าเกือบทุกปี ตอนนี้มีคอนโด 6 hostel อีก 8 ห้อง (เป็นเจ้าของตึก) ผมกลัวแก่แล้วไม่มีตังมากกว่า กลัวไม่ได้เห็นโลกครับ ถ้าตายก่อนยังไงลูกผมก็ไม่ลำบากแน่นอน กลัวคนสมัยนี้จริงๆคนับ แก่ไป ตกงาน ไม่มีใครจ้างแล้ว จะทำยังไง....คิดเยอะๆครับ ผมไม่ได้มีเงินตั้งแต่เกิดนะครับ มันอยู่ที่ความพยายามและอดทนครับ เคยบอกกับคนใกล้ตัวหลายๆคน บ้านยังผ่อน รถก็ผ่อน อายุก็ 40 แล้วเงินเก็บไม่มี หลังชนฝา แต่เที่ยวเมืองนอกทุกปี พอบอกว่าคอนโดแท่งนี้ดี ลงทุนด้วยกันมั้ย บอกไม่มีตัง คนส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ครับ ช่องว่างมันถึงเยอะขึ้นๆ ไงครับ คนมี่รวยด้วยตัวเองไม่ใช่แค่ข้ามคืนหรือง่ายๆ เหมือนที่ทุกคนคิดครับ มันมาจากความลำบาก อดทน พยายามทั้งนั้น ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
ความคิดเห็นที่ 9
ประเด็นคือพื้นฐานคุณไม่ใช่คนรวยไง และคุณแต่งงานเร็วไป ซื้อบ้านเร็วไป (เทียบกะคนสมัยนี้นะ) เราเห็นเพื่อนที่รายได้เท่าๆคุณกับแฟน พอรีบแต่งงาน กลายเป็นลำบากเลย

เราอายุอ่อนกว่าจขกท. เราเงินเดือน50,000 ถ้ารวมโบนัสกับงานนอกก็ราว 65,000 น้อยกว่าจขกท.อีก เราเหลือเก็บทุกเดือนเดือนละประมาณ 20,000-30,000 เราให้ที่บ้าน 10,000 นอกนั้นใช้เอง แล้วเรากิน omakase เดือนเว้นเดือนหรืออาหารมิชลินเพราะชอบมากก กินแบบหัวละ 1,500-2,500 เคยกินแพงสุดครั้งเดียวคือ 5,000)พาพ่อไปเที่ยวต่างประเทศปีละหน  ก็ยังเหลือเงินเก็บ
ถามว่าทำไมเราทำงี้ได้ เพราะ

1. เราไม่ได้รวย อยู่กันสามคน รายได้รวมทั้งบ้านไม่ถึงแสนเลย แต่บ้านเรามีฐานะมาแต่เดิมตั้งแต่รุ่นปู่ย่า คือ บ้านเดี่ยว ที่ดิน ทุกอย่างของที่บ้านซื้อสดหมด เป็นเงินมรดกเหลือจากปู่ย่า ที่บ้านเลยไม่มีภาระอะไร เพื่อนเราส่วนมากเป็นงี้หมด เพราะเราจบโทตปท. และจบรร.ที่มีแต่คนมีฐานะ พวกนี้คือถ้าไม่ใช่เป็นคนมีฐานะแต่เดิม มีมรดกตกทอด ก็จะเป็นแนวพ่อแม่เป็นผู้บริหารระดับสูง เงินเดือนเยอะ หรือทำธุรกิจ

2. เราสังเกตว่าผู้ชายที่รวยจริงๆ หลายคน เค้าจะแต่งงานกันช้ามากกก เหมือนเค้ามีอะไรให้ทำเยอะ คิดเยอะกว่าจะแต่งงาน ญาติๆหรือรุ่นพี่ที่รวยแบบพันล้านหมื่นล้าน อายุเท่าจขกท.ยังไม่มีใครแต่งงานเลย หลายคนกว่าจะแต่งคือใกล้ 40
ไม่มีอะไรเราแค่คิดว่าคุณซื้อบ้านเร็วไปและแต่งงานเร็วมากเทียบกับผู้ชายคนอื่นสมัยนี้ เลยคิดว่ามันตึงไง เพื่อนๆคุณที่เห็นเงินเดือนน้อยกว่าคุณแต่เที่ยว กินหรูกันเยอะได้ เค้าอาจจะเกิดมาต้นทุนชีวิตดีกว่าคุณไง คือ คนพันทิปก็เอะอะว่าคนเที่ยว คนกินหรูว่าฟุ่มเฟือย แต่เบื้องหลังรู้เหรอ เค้าอาจจะมีมรดกมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด หรือมีงานเสริมก็ได้

เราเคยโพสต์ในหลายกระทู้แล้วว่าเงินเดือนแสนอัพ ถ้าคุณไม่มีมรดกมาก่อนแล้วมาแต่งงาน มันไม่พอหรอก บางทีมันตึงจริงๆ เพราะด้วยไลฟ์สไตล์คนเงินเดือนเท่านี้ แน่นอนอยากได้บ้านเดี่ยว หรือคอนโดหรูๆหน่อย แค่ค่าผ่อนคอนโด ผ่อนรถก็หมดละ ยิ่งมีลูกก็ต้องให้ลูกเรียนดี สำหรับเราถ้าผู้ชายคนนึงคิดจะแต่งงานไว(ก่อน 30ต้นๆ) ควรมี 3 ข้อ คือ
หนึ่ง คุณเงินเดือนแสนนิดๆ แต่เป็นคนกินอยู่แต่พอดีได้  เช่น ยอมผ่อนคอนโด 3 ล้านพอ ขึ้น bts ยังไม่ต้องผ่อนรถ ค่อยเก็บเงินไว้ซื้อบ้านหรือไว้เตรียมมีลูก
สอง คุณเงินเดือนแสนนิดๆหรือต่ำกว่านั้น แต่มีมรดกแล้ว ไม่ต้องมาผ่อนบ้าน ผ่อนรถแบบนี้แต่งไปเลย
สาม คุณไม่มีมรดก แต่เงินเดือนสามแสนอัพ แบบนี้แต่งไปเลย แต่เลือกบ้านอย่าหรูมาก
ความคิดเห็นที่ 28
แทนที่จะใช้ประหยัดๆ นี่ใช้คนละ 2 หมื่นต่อเดือนบอกตึง มันง่ายมาเลยนะ ก็เปลี่ยนมาใช้กันคนละหมื่นซิ แถมคุณมีเงินที่เก็บต่อเดือน 1 หมื่น ทีนี้ก็กลายเป็น 3 หมื่นต่อเดือน ไหนคุณบอกว่าเอาไปลงทุนเล่นหุ้น มันก็จะไม่ได้กำไรเลยหรอ? เก็บแค่สามสี่เดือนก็เที่ยวแบบสบายๆได้ละ!  อันนี้ถ้าคุณสงสัยนะว่าทำไมคนเที่ยวได้บ่อยๆ ถ้าคุณทำเหมือนกันมันก็เที่ยวได้ค่ะ
ไหนคุณบอกเอาเงินไปทำบุญ บางทีก็สงสัยนะว่าคุณมาบ่นว่าตึงๆทำไม ในเมื่อทำบุญเป็นหมื่น ถ้ารู้สึกว่าตึงๆทำบุญ 10 บาทก็ได้บุญค่ะ ถ้าอยากทำบุญอยากให้ทานอย่าบ่นว่าตึงค่ะ การทำบุญคือการทำแล้วไม่เดือดร้อนตัวเอง เพราะถ้าเดือดร้อนคุณเองจะไม่ได้บุญ ไม่งั้นควรคิดแผนการใช้เวินใหม่เพราะคุณมีเยอะแต่เหมือนจะใช้ไม่เป็น สงสัยว่าเงินที่กล่าวมาหักภาษีมาแล้วใช่ไหม?
ความคิดเห็นที่ 17
"...เพื่อนๆในรุ่น ไปเที่ยวต่างประเทศ ใช้ชีวิต กินดีๆกินหรูตามโรงแรม บางคน เห็นฮิจกันกินอาหารญี่ปุ่น ที่เป็นแบบเชฟเสิร์ฟให้แบบomakase แบบหัวละหลายๆพัน โอ้วมายก๊อด เขาจ่ายกันได้อย่างไร..."  พื้นฐานชีวิตครอบครัวแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ ถ้าเค้าไม่มีภาระแบบ จขกท เค้าจะหาความสุขกับการเที่ยวก็ได้
ว่าแต่ จขกท ไม่ได้ถามเพื่อนๆพวกนั้นหรือครับ ว่ามีการบริหารจัดการเงินยังไง เผื่อจะได้แนวทางมาปรับใช้ชีวิตบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่