คือเราก็เป็นคนหนึ่งที่ไปฝากครรภ์ที่ รพ.นี้ แต่ทุกๆครั้งที่ไปก็ไม่เคยเกิดความประทับใจกลับมาเลยสักครั้งคือแบบเฉยๆ ทั้งที่ค่ารักษาก็ไม่จัดว่าถูก รอคิวเข้าตรวจทุกครั้งที่ไปไม่ต่ำกว่า 2 ช.ม เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ไม่ได้เหนือกว่าโรงพยาบาลอื่นคือเฉยๆ เคยมีอยู่ครั้งนึงเสียความรู้สึกมาก คือเราไป รพ. ก่อนวันนัดเนื่องจากปวดท้องอย่างหนักโดยไม่รู้สาเหตุ เราเลยตรงไปหาหมอสูติแจ้ง พยาบาลว่าเราปวดท้องมากไม่ได้มาเพราะหมอนัด ตอนนั้นก็นั่งรอด้วยความเจ็บปวดผ่านไป 1 ช.ม พี่สาวได้เดินไปแจ้งพยาบาลว่าคนไข้ปวดท้องมากให้ดูคิวให้หน่อย และจากนั้นพยาบาลเดินมาแจ้งว่าเหลืออีก 3 คิว แต่ให้เราไปพบหมออีกท่านหนึ่งซึ่งเป็นหมอที่กำหนดนัดที่จะถึงเราต้องเข้าพบก่อน( รพ.นี้ช่วง สัปดาห์ที่ 19 จะได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิการทารกในครรภ์ แต่ตอนที่เราไปนั้นเราเข้าสัปดาห์ที่ 16 ) เราท้วงติงพยาบาลว่าที่เรามาเพราะปวดท้องไม่ได้มาตามกำหนดนัด พยาบาลแจ้งว่า คุณหมอประจำที่เราฝากครรภ์ทราบแล้วให้เราไปพบหมอผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นก่อน เราก็โอเค ( สรุปเราต้องรอคิวเพื่อเข้าพบหมอท่านนี้อีกไม่ได้เข้าพบเลย) พอไปตรวจอัลตร้าซาวน์คุณหมอผู้เชี่ยวชาญก็ตรวจตามปกติ เราก็พยายามบอกว่าเราปวดท้องหมอก็บอกว่าขอตรวจก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลังไว้ให้เราไปบอกอาการที่เราเป็นให้กับหมอประจำที่เราฝากครรภ์ คือคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเค้าก็ตรวจตามเรื่องของเค้าไป ปรากฏว่าพอตรวจเสร็จก็บอกเราว่ายังตรวจได้ไม่ครบเพราะน้องยังเล็กอยู่ให้กลับมาตรวจใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นเราก็ต้องกลับไปนั่งรอคิวอีกสักพักเพื่อรอเข้าพบคุณหมอประจำที่ฝากครรภ์ พอพบหมอเราก็บอกอาการเราปวดท้องมากหมอเปิดดูข้อมูลอัลตร้าซาวน์บอกว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เราแจ้งอาการหมอโดยละเอียดและเริ่มซีเรียสขึ้น หลังจากนั้นหมอให้เรานอนที่เตียงและกดๆท้องอีกครั้งหมอแจ้งว่ามีอุจจาระ สรุปหมอให้เราลงไปหาหมอศัลยกรรมเพื่อตรวจหาริดสีดวง สรุปเราเป็นริดสีดวงที่ปวดท้องเนื่องจากท้องผูกมีอุจจาระคั่งค้างอยู่ในลำไส้ หรืออาจจะเป็นเพราะมดลูกขยายก็เป็นได้ สรุปวันนั้นเสียเงินฟรีสำหรับการตรวจอัลตร้าซาวน์กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญความพิการของทารกในครรภ์ไป 2,000 บาท เพราะต้องกลับไปตรวจให้ครบอีกครั้งรอให้น้องโตขึ้นอีกหน่อย (คชจ/ครั้งของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญความพิการทารก 2,000 บาท) วันนั้นเสียความรู้สึกมาก เราปวดท้องแบบแทบจะเดินไม่ได้เลยจะนั่งท่าไหนขยับท่าไหนก็ปวดเพราะเป็นอาการริดสีดวงด้วยทรมานสุดๆ แถมรอนานมว๊ากกกก
ขอเล่าอีกเรื่องคือเราขอประวัติการรักษาของเราเพราะเราต้องไปฝากครรภ์ต่อและคลอดที่ต่างประเทศ พอไปขอประวัติที่แผนกประวัติเจ้าหน้าที่แจ้งว่าข้อมูลที่ได้นั้นเป็นภาษาไทย จนท ประสานงานไปที่แผนกสูติให้ สรุปคำตอบที่ได้รับแจ้งว่าให้เราเอาไปแปลเองในส่วนที่เขียนภาษาไทย เพราะข้อมูลพวกใบตรวจเลือด เอกสารจาก lab จะเป็นภาษาอังกฤษ ก็แอบงงๆนะว่าโรงพยาบาลระดับนี้เค้าไม่สามารถออกเอกสารเป็นแบบสากลให้ได้ หรือ รพ อื่นๆก็เป็นลักษณะนี้เหมือนกัน?
ตอนแรกก็กะว่าจะตั้งกระทู้ถามแค่ว่าทำไมถึงต้องไปฝากครรภ์สินแพทย์กัน สำหรับเราปกติอยู่ ตปท ที่มา รพ.นี้ เพราะเพื่อนแนะนำ แต่สมัยก่อนนู้นเคยรักษา รพ.รามคำแหง มีความรู้สึกประทับใจมากกว่า (แผนกสูติเช่นกันเราตรวจภายในทุกปีที่นั่นก่อนย้ายไป ตปท.)
ป.ล แผนกศัลยกรรมเจ้าหน้าที่บริการดีมาก เห็นเราเดินไม่ไหวกุลีกุจอจะเอารถเข็นมาให้ ต่างจากแผนกสูติไม่ได้สนใจคนไข้เท่าไหร่อาจเป็นเพราะว่าคนไข้เยอะมากเลยไม่สังเกตเห็นว่าเรานั่งปวดจนร้องไห้
ทำไมแม่ๆต้องแห่ไปฝากครรภ์ที่ รพ.สินแพทย์?
ขอเล่าอีกเรื่องคือเราขอประวัติการรักษาของเราเพราะเราต้องไปฝากครรภ์ต่อและคลอดที่ต่างประเทศ พอไปขอประวัติที่แผนกประวัติเจ้าหน้าที่แจ้งว่าข้อมูลที่ได้นั้นเป็นภาษาไทย จนท ประสานงานไปที่แผนกสูติให้ สรุปคำตอบที่ได้รับแจ้งว่าให้เราเอาไปแปลเองในส่วนที่เขียนภาษาไทย เพราะข้อมูลพวกใบตรวจเลือด เอกสารจาก lab จะเป็นภาษาอังกฤษ ก็แอบงงๆนะว่าโรงพยาบาลระดับนี้เค้าไม่สามารถออกเอกสารเป็นแบบสากลให้ได้ หรือ รพ อื่นๆก็เป็นลักษณะนี้เหมือนกัน?
ตอนแรกก็กะว่าจะตั้งกระทู้ถามแค่ว่าทำไมถึงต้องไปฝากครรภ์สินแพทย์กัน สำหรับเราปกติอยู่ ตปท ที่มา รพ.นี้ เพราะเพื่อนแนะนำ แต่สมัยก่อนนู้นเคยรักษา รพ.รามคำแหง มีความรู้สึกประทับใจมากกว่า (แผนกสูติเช่นกันเราตรวจภายในทุกปีที่นั่นก่อนย้ายไป ตปท.)
ป.ล แผนกศัลยกรรมเจ้าหน้าที่บริการดีมาก เห็นเราเดินไม่ไหวกุลีกุจอจะเอารถเข็นมาให้ ต่างจากแผนกสูติไม่ได้สนใจคนไข้เท่าไหร่อาจเป็นเพราะว่าคนไข้เยอะมากเลยไม่สังเกตเห็นว่าเรานั่งปวดจนร้องไห้