จากตัวเราเองสมัยเด็กๆ เคยงงกับตัวเองว่าทำไมแปรงฟันแล้วแต่ก็ยังมีกลิ่นปาก(ฟะ!) แต่ก็ไม่ได้หาคำตอบ อาศัยกินผลไม้ ฝรั่ง ลูกอม บลาๆๆ ให้มีน้ำลายออกมาเยอะๆ กลิ่นก็หายไปหรือเบาๆลง จากนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจ อารมณ์เด็กวัยรุ่นไม่ค่อยแคร์โลก (ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ดีเนาะ)
   ทีนี้ อยู่มาวันหนึ่งไปถอนฟันออกที่ รพ รัฐ ตามออเดอร์หมอคลีนิกจัดฟัน เผอิญช่วงเช้าระหว่างนั่งรอเรียกคิวทำฟัน ก็มีคุณหมอฟันคนหนึ่ง แกออกมาให้ความรู้คนที่นั่งรอทำฟันข้างนอกอย่างพวกเรา แล้วแกก็จี้ตรงจุดที่เราเคยสงสัยเลยว่า
   หมอ: "รู้มั้ยครับทำไมเราแปรงฟันแล้ว บางคนถึงรู้สึกว่ายังมีกลิ่นปาก?
   คนไข้ทั้งหัวหงอกหัวดำรวมทั้งข้าพเจ้า: เงียบฉี่......... บางคนสายหน้าว่าไม่ทราบ
   หมอ: (ยิ้ม)" หมอเคยได้ยินคนไข้บอกว่า หมอครับๆ ช่วยขูดหินปูนให้ผมหน่อย ผม(หมอ)เลยถามว่า ทำไมถึงอยากขูด แกเลยบอกว่า ก็ผมรู้สึกว่าตัวเองมีกลิ่นปากครับ เลยอยากขูดออก " จากนั้นหมอก็เล่าต่อว่า
  " รู้ไหมครับ กลิ่นปากของเราจริงๆไม่ได้เกิดจากหินปูนโดยตรงนะครับ แต่จริงๆแล้วตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นก็คือ "ขี้ฟัน!" ครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้ปากมีกลิ่น หรือเรียกง่ายๆว่า ปากเหม็นนั้น ก็ต้องกำจัดไอ้เจ้าขี้ฟันนี้ออกครับ!"
   ตอนนั้นไอเรานั่งฟังก็คิดตามพยักหน้าบ้างหงึกหงัก แถมยังรู้สึกเหมือนสวรรค์ทรงโปรดวิธีแก้ปัญหา มาให้ลูกช้าง และต่อไปนี้คือวิธีแก้กลิ่นปากตามวิธีที่หมอท่านนี้แนะนำมาค่ะ
1.แปรงฟันอย่างถูกวิธี และแปรงทีละซี่อย่างช้าๆ (หมอแนะนำเลยว่าให้แปรงซี่ละนาทีได้ยิ่งดี ขี้ฟันจะได้ไม่มี )
วิธีการแปรงฟัน เอามาจากเว็บคอลเกตค่ะ แต่ถ้าใครยังงง ให้เสิร์จหาในยูทูปดูนะคะ จะเข้าใจมากขึ้น

1.1 วางแปรงสีฟันโดยทำมุม 45° กับร่องเหงือก เคลื่อนแปรงสีฟันไปด้านหน้าและด้านหลัง ทำแบบนี้ซ้ำกันกับฟันทุกซี่

1.2 แปรงผิวด้านในของฟันแต่ละซี่ โดยใช้เทคนิคด้านหน้าและด้านหลัง

1.3 แปรงผิวฟันส่วนที่บดเคี้ยว (ด้านบน) ของฟันแต่ละซี่

1.4 ใช้ปลายแปรงสีฟันทำความสะอาดด้านหลังฟันแต่ละซี่ โดยขยับแปรงไปด้านหน้าและด้านหลัง บนและล่าง และขึ้นลง

1.5 และอย่าลืมแปรงลิ้นเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นปาก
2. ใช้ไหมขัดฟันตาม หลังจากแปรงฟันเสร็จแล้วค่ะ (ของเราใช้ยี่ห้อoral b ซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือ7-11ค่ะ ราคาอยู่ที่119บาท แต่เทสโก้โลตัสชอบsale เป็นช่วงๆ ราว89ค่ะ
3. ในกรณี คนดัดฟันอย่างเรา ไหมขัดฟัน จะใช้ได้เฉพาะฟันกรามบนล่างซ้ายขวาที่หมอไม่ได้ใส่เหล็กให้  ด้านละซี่เท่านั้น เพราะงั้นเราเลยใช้แปรงขัดซอกฟันของ boots สีชมพู ขนาด 0.4 mm กับซี่ที่เหลือ (จริงๆมันมีไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟันเหมือนกันค่ะ แต่เราว่าใช้ยาก เลยใช้แปรงขัดซอกฟันแทน)
มันมีหลายขนาดนะคะ กะๆเอาที่มันจะแหย่เข้าไปในซอกฟันเราได้ค่ะ ซึ่งในข้อสามนี้ เราไม่ได้คิดใช้เองนะคะ คือคุณหมอก็แนะนำให้ใช้เหมือนกันค่ะ กรณีที่ไม่ใช้ไหมขัดฟัน หรือพวกคนแก่ที่ไม่ค่อยอยากใช้ไหมขัดฟัน เพราะเวลาใช้จะค่อนข้างยุ่งยากนิดนึง  ก็ใช้ตัวนี้แทนได้ค่ะ
   วิธีการก็มีแค่นี้แหล่ะค่ะ คือแปรงฟันให้ถูกวิธี (หมอบอกหมอแปรงสิบนาทีขึ้นไปเลย ) เราก็อืม มิน่า หมอฟันเขาถึงปากสะอาดกันนัก แต่ถ้าไม่มีเวลา ก็แปรงให้ได้อย่างน้อยให้ได้สัก2นาทีก็ได้ค่ะ (อ้างอิงจากเวบ คอลเกต) แล้วต่อด้วยการใช้ไหมขัดฟัน หรือแปรงขัดซอกฟัน ให้ครบทุกซี่ค่ะ
โดยส่วนตัวเราจะขัดฟันด้วยไหมและแปรงขัดซอกฟันตอนแปรงฟันก่อนนอนค่ะ เพราะถ้าใช้ช่วงเช้าด้วยจะช้า อีกทั้งตอนเย็นเราก็ขัดมาแล้ว ตื่นมาก็ยังไม่ได้กินอะไร ก็แปรงเลย อ้อ!
ของแถมหลังจากทำวิธีนี้คือ "กลิ่นปากตอนเช้าเราไม่มีเลยค่ะ!"
คือทึ่งมาก! เพราะเคยอ่านเจอแบบฝรั่งเขาจะจูบกันตอนตื่นนอนใหม่ๆ แล้วเคยสงสัยว่า เอ เค้ามีปัญหาเรื่องกลิ่นกันไหมนะ จนมีสาวไทยที่เป็นแฟนฝรั่ง มาคอมเม้นท์ในเพจที่เราเคยสิงอยู่(ซึ่งจำชื่อเพจไม่ได้แล้ว เพราะเปลี่ยนเฟซ) เขาบอกแฟนเค้าไม่มีกลิ่นปากตอนเช้าเลย เราก็นึกในใจ มันมีด้วยเหรอฟะ! จนตอนนี้ พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว และเห็นผลแล้ว เลยมาบอกกันค่ะ ยังไงก็ลองไปทำกันดูนะคะ เน้นการแปรงฟันที่ถูกวิธี และแปรงแต่ละซี่อย่างช้าๆ เพื่อเอาขี้ฟันออกให้หมด ตบท้ายด้วยทำความสะอาดในซอกฟันด้วยไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันค่ะ