ยูนิตที่ 8

สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าของกระทู้เดียวกับกระทู้ผีเป๊าะแป๊ะ https://ppantip.com/topic/36752013 เมื่อปีที่แล้วครับ ตามสัญญาครับผ่านมาปีนึงวันนี้ว่างแล้วจะมาพิมพ์เล่าเรื่องผีเรื่องใหม่ให้อ่านกันนะครับ และเช่นเคยครับ ผมพิมพ์ใน Words (จริงๆแอพ Pages ใน Mac) แล้วค่อยก็อปมาลงทีเดียว อ่านได้แบบ Non-Stop กันเลยครับ หลอนต่อไม่รอแล้วน๊าา

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเพื่อนผมนะครับ มันมาเล่าให้ฟังอีกที เพื่อนผมให้สมมติว่าชื่อบอลแล้วกันครับ บอลมีพี่ชายให้สมมติว่าชื่อพี่บอยนะครับ เรื่องนี้เกิดตอนที่บอลอายุราวๆ 8 ขวบ ส่วนพี่บอยจะอายุห่างจากบอล 15 ปีครับ เพราะแม่มันท้องมันตอนมีอายุมากแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ครอบครัวของมันต้องย้ายไปอยู่อำเภอหนึ่งทางภาคอีสาน (ไม่ใช่อำเภอเมืองนะครับ) เพราะเรื่องงานของพ่อที่ต้องย้ายไป ซึ่งที่ทำงานของพ่อบอลก็ได้จัดหาที่อยู่ให้กับครอบครัวของมัน ทีแรกย้ายกันมาแค่ 3 คน พ่อแม่ บอล แต่พี่บอยที่เรียนจบแล้วและยังไม่มีงานทำก็ได้ย้ายมาด้วยระหว่างรองานครับ

ลักษณะของบ้านจะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ชั้นบนมี 2 ห้องนอน ชั้นล่างโล่ง มีทั้งหมด 8 ยูนิต ของครอบครัวบอลจะอยู่ยูนิตที่ 7 เกือบท้ายสุดครับ แต่ติดกับครอบครัวบอลนั้นไม่มีคนอยู่เลย นั่นแปลว่ายูนิตที่ 1-5 มีคนอยู่หมดครับ แต่ละหลังก็จะมีลานด้านหน้าไว้เป็นที่จอดรถและมีรั้วแบ่งแต่ละยูนิต มีประตูรั้วปิดหน้าบ้านอีกที (คนอื่นน่าจะนึกออกนะครับ เป็นบ้านทาวน์โฮมปกติแบบที่เห็นได้ทั่วไปน่ะครับ) ตรงข้ามทาวน์โฮมทั้งหมดจะเป็นที่ดินว่างเปล่า มีกำแพงคอนกรีตที่เจ้าของที่ดินสร้างล้อมไว้แต่ไม่ได้ล้อมหมด ขาดการดูแลพอสมควรเลยมีหญ้าขึ้นรกจนเกือบจะเป็นป่า และซอยที่เข้าไปก็ค่อนข้างเปลี่ยวแต่ไม่ไกลจากปากซอยนะครับ แค่ประมาณ 200-300 เมตรจากปากซอยเท่านั้น เพียงแต่กลางคืนจะมืดมาก มันบอกแต่ถ้ากลั้นใจวิ่งไม่ถึง 2 นาทีก็ถึงตัวทาวน์โฮมครับ ในซอยถ้าไม่รวมทาวน์โฮมคือมีบ้านอยู่อีกไม่เกิน 10 หลังเท่านั้นครับ

ครอบครัวของบอลย้ายมาอยู่เกือบเดือนไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ จนวันนึงก็มีคนย้ายเข้ามาอยู่ยูนิตที่ 8 ติดกับครอบครัวบอลครับ เป็นผู้หญิงวัยกลางคน รูปร่างผอมเพรียว ผิวขาวซีด ผมดกดำ แต่ทาปากแดงแจ๊ด ย้ายมาอยู่คนเดียว บอลบอกว่าตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นดูน่ากลัวพิลึก เพราะเป็นผู้หญิงที่แปลก แม่บอลถามก็ไม่พูด ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ ไม่สบตา หลังจากขนของเข้าไปอยู่แล้วก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนนี้อีกเลยครับ ได้ยินแต่เสียงเหมือนคนอยู่ในบ้านปกติ แต่ที่ได้ยินบ่อยสุดจะเป็นเสียงไอ เสียงผู้หญิงคนนี้ไอจะแปลกมาก ไอแห้งๆแล้วเหมือนมีเสียงกรี๊ดแหลมๆหลุดมาด้วยตอนท้ายๆ คล้ายเสียงหมาเวลามันไอ แต่พ่อก็บอกว่ามีครั้งนึงที่พ่อกลับดึกเคยเห็นแกออกมายืนมองพ่อที่หน้าบ้าน จ้องเขม็งแต่ไม่พูดอะไร พ่อยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ

จริงๆเหตุการณ์แปลกๆเริ่มขึ้นครั้งแรกคือประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผู้หญิงคนนั้นย้ายเข้ามาอยู่ครับ จู่ๆเพื่อนบ้านหลังที่ 2 ที่เป็นคุณยายอายุราวๆไม่เกิน 70 ปี ก็ออกมายืนด่าผู้หญิงคนนั้นที่หน้าบ้าน ด่ากราดแบบโมโหมาก ซึ่งตอนนั้นมีแม่ บอล และพี่บอยอยู่บ้านครับ (ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม บอลไม่ต้องไปโรงเรียน) ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างเพราะเป็นภาษอีสาน บอลเล่าให้ฟังว่าเท่าที่ฟังออกก็ประมาณว่า ไล่ให้ไปให้พ้น อย่าให้กูเห็นอีก อย่ามายุ่งวุ่นวายกับหลานกูนะ อะไรประมาณนี้ ซึ่งตอนนั้นทุกคนงงกันมากว่าเกิดอะไรขึ้น กลางวันก็แทบไม่เห็นผู้หญิงคนนี้เลยแล้วแกไปทำอะไรใครเมื่อไหร่ หรือจะเป็นตอนกลางคืน ทะเลาะกันหรือเปล่า แต่ครอบครัวบอลก็ไม่ได้ออกไปช่วยหรือห้ามอะไร ไม่นานคนที่บ้านยายก็มาช่วยห้ามปรามเอาไว้แล้วพาคุณยายกลับบ้าน

แล้วในคืนนั้นเองประมาณตีหนึ่ง บอลตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้ไออยู่ข้างนอกบ้าน บอลนอนกับพี่บอย และห้องของมันจะอยู่ฝั่งหน้าบ้าน และเปิดหน้าต่างไว้เพราะอากาศร้อนแต่ปิดมุ้งลวดเพราะกลัวยุง เลยได้ยินเสียงชัดเจน มันปลุกพี่บอยแต่พี่มันก็ไม่ตื่น บอลมันอยากรู้อยากเห็นก็เลยแอบมองผ่านมุ้งลวดออกไปเจอเป็นเงาของผู้หญิงคนนั้นตะคุ่มเดินเลยหน้าบ้านมันไปตรงกำแพงอีกฝั่งของถนน แล้วหายไปในความมืด ถึงไม่ชัดมากเพราะมันมืดแต่บอลก็คิดว่าเป็นผู้หญิงคนนั้นแน่เพราะเสียงไอแปลกๆนั้น แต่ที่พีคคือพริบตาเดียวมันก็เห็นผู้หญิงคนนั้นนั่งยองๆอยู่บนกำแพงคอนกรีตแล้วผงกหัวและโยกตัวหน้าหลังไปมาช้าๆ และมีเสียงแหลมๆเล็กๆในลำคอ เสียงมันเหมือนเสียงนกกำลังร้อง “อ้อเอ้ยยย” ยานๆ เยือกเย็นเป็นระยะๆ บอลกลัวมาก ธรรมดามันก็กลัวผีอยู่แล้วเห็นแบบนั้นมันเลยรีบคลุมโปงนอนเบียดพี่บอยจนถึงเช้า

พอเช้ามาบ้านยูนิตที่ 2 ก็มีคนตาย และคนตายก็คือหลานชายของคุณยายคนนั้นนั่นเองครับ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจในเช้าวันนั้น คุณยายก็ได้เดินมาสาปแช่งปาข้าวของใส่ยูนิตที่ 8 เป็นระยะๆด้วยความโกรธแค้น และทุกคนในบ้านก็ยังคงไม่เก็ทว่าอะไรเป็นอะไร (แน่นอนว่าเราคนอ่านคงเก็ทกันแล้วล่ะฮะว่ายายผู้หญิงยูนิต 8 คงมาเอาชีวิตหลานคุณยายยูนิต 2 ไปอะไรเทือกนี้) ช่วงบ่ายแม่ของบอลก็ได้ไปช่วยงานศพที่ยูนิต 2 ทิ้งให้บอลและพี่บอยเฝ้าบ้านกันอยู่ 2 คน เรื่องมันยังระทึกไม่พอครับ ขณะที่อยู่กัน 2 พี่น้องเวลาตอนนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้ว บอลเดินออกมาเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังปีนข้ามรั้วมาที่บ้านของบอล จังหวะจ้องหน้ากันยายป้าคนนั้นตาเหลือกโพลงทำท่าตกใจแต่ไม่ได้เกรงกลัวบอลเลย ยังพยายามปีนข้ามมาให้ได้อย่างทุลักทุเล บอลเห็นแล้วกรี๊ดร้องดังมากจนพี่บอยออกมาเจอ พี่บอยตะโกนถาม “ทำอะไรเนี่ยป้า ปีนรั้วบ้านผมทำไม” แต่ป้าก็ยังปีนต่อ บอลรีบมาหลบหลังพี่บอย พี่บอยคว้าไม่กวาดทางมะพร้าวพร้อมหวด “ถ้าป้าปีนมาผมฟาดไม่เลี้ยงแน่!” ป้าทำท่าหยุดแล้วจ้องตาพี่บอยอยู่ครู่หนึ่งแล้วเลิกปืน กลับเข้าบ้านตัวเอง บอลตกใจมากไม่เคยเจออะไรแบบนี้ 2 พี่น้องรีบวิ่งไปหาแม่ที่บ้านงานศพยูนิต 2 ทันที

2 พี่น้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง บอลก็เสริมเรื่องเมื่อคืนที่เจอให้ทุกคนฟังด้วย แต่จะด้วยความไม่เชื่อหรือแค่ไม่อยากให้ลูกกลัวพ่อกับแม่ก็ได้แต่บอกว่าอาจจะฝันไป หรือตาฝาดเห็นนกเป็นป้ายูนิต 8 หรือเปล่า แต่เย็นวันนั้นหลังจากฟังลูกๆเล่าพ่อก็ไม่รอช้า ไปยืนเรียกป้ายูนิต 8 ที่หน้าบ้านแก ให้ออกมาคุยกันให้รู้เรื่อง จู่ๆมาปีนบ้านคนอื่นทำไม แต่ก็ไร้วี่แววใดๆของป้าทิพย์ ไม่มีเสียงตอบกลับใดๆแม้แต่เสียงไอแปลกๆของแกก็เงียบ

ประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากนั้น ทุกอย่างกลับมาปกติ แต่ได้แค่ 2 สัปดาห์เท่านั้นก็เกิดเรื่องขึ้นอีก คืนนั้นบอลนอนกับพี่บอยตามปกติ ราวๆเที่ยงคืนกว่าก็ได้ยินเสียงไอจากป้ายูนิต 8 ไอแปลกๆเหมือนเคยแต่มันดังขึ้นเรื่อยๆ ดังเป็นช่วงๆสลับกับเบา บอลพยายามปลุกพี่บอยแล้ว แต่เขย่าตัวยังไงก็ไม่ตื่น เสียงไอค่อยๆดังขึ้นๆ ดังขึ้นๆ.. จนในที่สุดมันมาดังอยู่ในห้อง!!! มันดังในห้องจนเสียงกังวานครั้งนั้นครั้งเดียว บอลกรี๊ดเสียงหลงลั่นบ้านจนพ่อกับแม่วิ่งเข้ามาเปิดไฟ แต่ภาพที่เห็นคือ

พี่บอยนอนหงายหน้าตาเหลือกเบิกโพลงค้าง อ้าปากค้าง

แม่กับพ่อรีบมาเขย่าตัว ปลุกพี่บอยยังไงก็ไม่ตื่น ทุกคนจึงพาพี่บอยไปโรงพยาบาลทันทีในคืนนั้น หมอบอกว่าเป็นอาการช็อค และให้นอนดูอาการจนเช้าก็กลับบ้านได้

พอกลับมาบ้านพี่บอยก็ดูซึมๆไม่สบายทั้งวัน เอาแต่นอนอยู่ในห้อง วันนั้นทั้งวันพี่บอยไม่ยอมออกจากห้องจนแม่ต้องเอาข้าวเอาน้ำมาให้ถึงที่ห้อง พอตกกลางคืนบอลก็ไม่กล้านอนกับพี่บอยเพราะมันกลัว แต่แม่ก็บังคับให้นอนเฝ้าพี่เผื่อเป็นอะไรขึ้นมา พี่ตัวเองจะกลัวอะไรไร้สาระ มันเลยต้องจำใจนอนกับพี่บอยไปตามปกติ แต่แน่นอนละมันไม่ปกติแน่ คืนนั้นมันได้ยินเสียงไออีก บอลตั้งท่าจะวิ่งไปห้องพ่อกับแม่แล้วแต่มันเห็นพี่บอยลุกขึ้นนั่งยองๆ เลยถามพี่บอยเป็นอะไรจะเอาอะไร พี่บอยไม่ตอบ เสียงไอแห้งๆของป้ายูนิต 8 ก็เริ่มออกมาตรงหน้าบ้านแล้ว บอลเผลอเหลือบออกไปมองเห็นแกนั่งอยู่ที่เดิม กำแพงฝั่งตรงข้ามถนน ผงกหัวโยกตัวเหมือนเดิมเสียงแหลมเล็กในลำคอ “อ้อเอ้ยยยยย.. อ้อเอ้ยยยยย.. “ ยานๆ ยะเยือกเช่นเดิม บอลอยู่ไม่ไหววิ่งไปเคาะห้องพ่อกับแม่ให้มาดูพี่บอย พร้อมกับบอกพ่อกับแม่ให้ดูป้าคนนั้นที่นั่งอยู่บนกำแพงฝั่งตรงข้ามบ้าน แต่พอทุกคนมองออกไปนอกหน้าต่าง กลับเห็นเป็นนกเค้าแมวตัวใหญ่ เบิกตาโพลง ส่งเสียง “อ้อเอ้ยยยย.. อ้อเอ้ยยย.. “ ช้าๆสลับกับโยกตัวไปมาช้าๆ พ่อใช้ไฟฉายส่องไปที่มัน มันกลับอ้าปากกว้างจ้องเขม็งมาทางนี้ตาไม่กระพริบ แล้วเปล่งเสียง “อ้ออออ.. “ ดังกังวาน พ่อเหมือนรู้ว่าต้องทำอะไรสักอย่าง จึงตะโกนไล่มัน “ไปซะ ถ้าไม่ไปกูจะยิงเดี๋ยวนี้” (พ่อบอลมีปืนนะครับแต่อยู่ที่ห้องนอน) ฝั่งแม่ก็พยายามปลุกพี่บอยให้ตื่นจนสุดท้ายพี่บอยก็ยอมนอนลงไปได้ซักพัก ในขณะที่ตาก็ยังหลับแต่พี่บอยกลับเปล่งเสียงแหบๆแห้งๆออกมาว่า “จ๋าาา.. “ พร้อมกับยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอทั้งที่ตาก็ยังหลับอยู่อย่างนั้น บอลขนลุกไปทั้งตัวและก็รู้สึกได้ว่าพ่อกับแม่ก็เช่นกัน พ่อไม่รอช้ารีบเดินไปหยิบพระในห้องมาคล้องคอพี่บอยพร้อมกับปืนออกมาด้วย ทุกอย่างจึงดูสงบลง

ทุกคนตัดสินใจนอนด้วยกันกับพี่บอยทั้งพ่อ แม่ และบอล เพราะไอ้บอลไม่มีทางนอนกันลำพัง 2 คนพี่น้องแล้วแน่ๆ พอถึงตอนเช้าแม่ตื่นแต่เช้าประมาณตีห้าครึ่ง ก็ลงมาเตรียมทำอาหารเช้าข้างล่าง ขณะจะเอาขยะออกไปทิ้งหน้าบ้านแม่เห็นคุณยายยูนิต 2 มายืนอยู่หน้าบ้านป้ายูนิต 8 โดยคุณยายยืนข้างนอกมีรั้วกั้นไว้ พอเห็นแม่ของบอลก็หันขวับมาจ้องแม่บอลแต่ไม่พูดอะไรเลย แม่บอกว่ายิ้มให้ยายยายก็ไม่ยิ้มกลับ ถามว่าคุณยายมาทำอะไรตรงนี้แต่เช้าก็ไม่ยอมตอบ แต่สิ่งที่ทำให้แม่ขนลุกคือสายตาของคุณยายที่จ้องเขม็งมาที่แม่อย่างไม่ยอมละสายตาจนแม่เอาขยะไปทิ้งและจนแม่เดินเข้าบ้านไปแบบงงๆ

พอตอนสายๆคุณยายยูนิต 2 ก็เดินมาเรียกให้แม่ออกไปคุย บอลเห็นแม่ยืนคุยอยู่กับคุณยายครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาในบ้าน ชวนบอลเดินขึ้นไปดูพี่บอยบนห้องนอน แม่จุดธูป 1 ดอกพร้อมพนมมือสวดอะไรไม่ทราบทำปากขมุบขมิบในลำคออยู่ไม่กี่คำ แล้วปักธูปโดยเอาด้านติดไฟปักลงดินที่หน้าบ้าน แม่มาเล่าให้พ่อฟังทีหลังว่าคุณยายยูนิต 2 เดินมาบอกว่าป้ายูนิต 8 จะมาเอาชีวิตพี่บอยพร้อมกับให้วิธีป้องกันมา หลังจากเหตุการณ์แปลกๆต่างๆด้วยความสับสนและความกลัวแม่จึงยอมทำตามก็คิดว่าไม่เสียหาย (โดยคาถานั่นแม่ไม่ยอมปริปากอีกเลยจนถึงวันนี้) พ่อได้ยินเลยรีบวิ่งขึ้นไปดูพี่บอย ภาพที่เห็นคือ พี่บอยกำลังชักเกร็งตาค้างเบิกโพลง ปากอ้าค้าง แต่คราวนี้ตัวพี่บอยกระตุกไปมา บอลบอกทั้งสงสารทั้งน่ากลัวไปหมด ทุกคนจึงรีบพาพี่บอยไปโรงพยาบาลอีกครั้ง

แต่ก่อนออกจากบ้าน ฝั่งยูนิต 8 เห็นป้าออกมาเกาะขอบรั้วมองมาที่บ้านบอย พร้อมเปล่งเสียงเหมือนนกเค้าแมวตัวนั้น..

“อ้อออเอ้ยยยยย.. อ้ออออเอ้ยยยย.. “

ช้าๆ แต่ดังกังวานชัดเจนว่าออกจากปากยายป้าคนนี้อย่างแน่นอน

ระหว่างทางแม่ก็ถามพ่อว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อบอกก็วิธีปักธูปกลับหัวมันเอาไว้สาปแช่งหรือบูชาผีน่ะสิ ได้ยินแบบนั้นบอลกับแม่ก็ขนลุก ระหว่างทางไปโรงพยาบาลยังเห็นนกเค้าแมวบินตัดหน้ารถ และบางทียังได้ยินเสียง “อ้อออเอ้ยยยย.. “ ดังช้าๆ ยะเยือกก้องกังวานมาแต่ไกลอีกด้วย ทุกคนนั่งนิ่งแทบไม่พูดอะไรกัน ท่ามกลางความเงียบ พี่บอลก็เปล่งเสียงขึ้นว่า..

“จ๋าาา.. “

เท่านั้นแหละ แม่ถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย แม่ร้องไห้จนถึงโรงพยาบาลเพราะกลัวว่าพี่บอยจะเป็นอะไร พอถึงโรงพยาบาลก็ค่อยเบาใจไปหน่อย แต่โชคไม่ได้เข้าข้างครอบครัวของบอลนัก เพราะพี่บอยพี่ชายของมันเสียในคืนนั้นที่โรงพยาบาล แม่ร้องไห้จนจะขาดใจ ทั้งสบถคำหยาบด่าทอผีสางออกมาอย่างไม่เคยมาก่อน

ครอบครัวของบอลที่เหลืออยู่หอบหิ้วกันกลับมาที่บ้านอย่างทุลักทุเลด้วยยังตกใจและงุนงงต่อเรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วพอๆกับที่แม่ออกไปยืนตะโกนด่าทอสาปแช่งป้ายูนิต 8 ตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครทราบ พอตั้งสติได้พ่อก็รีบไปเอาตัวแม่เข้ามาบ้าน งานศพผ่านไปท่ามกลางความงงของทุกคนในบ้าน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อยู่ดีๆทำไมถึงต้องมาเสียลูก เสียพี่ชายไป โดยสาเหตุมาจากแค่ช็อคจนหัวใจล้มเหลวจากปากแพทย์แค่นี้หรือ?

<ต่อด้านล่างนะครับ มันไม่ให้เกิน 10,000 ตัวอักษร>
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่