ตอน 2
ฉันจ้องมองหญิงชราบนเตียงด้วยความไม่แน่ใจ หรือว่าฉันจะตาฝาดไป แต่เมื่อเห็นยายยังนอนอยู่บนเตียงจริง ๆ ฉันก็รู้สึกโล่งใจ เลยไม่คิดอะไรอีก เอื้อมมือไปจะปิดไฟอีกครั้ง แต่เสียงแหบแห้งระคายหูก็ดังขึ้นให้พอได้ยินว่า
“หิว...น้ำ”
ฉันชะงัก ละมือจากสวิทซ์ไฟหันมามองไปที่แกใหม่ ได้ยินเสียงร้องขอกินน้ำดังแผ่วเบามาจากร่างของยายอุ่นอย่างแน่นอน พร้อมกับใบหน้าซูบตอบของแกที่ค่อย ๆ เอียงหน้ามามอง ที่แท้ยายอุ่นยังคงพูดได้อยู่ เพียงแต่แกพูดลำบากเท่านั้นเอง ซึ่งอาจเกิดจากความอ่อนล้าทางร่างกาย จนไร้เรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ประกอบกับอาการเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัวของแกก็เป็นไปได้
ฉันเดินกลับมาที่เตียงของยายใหม่ เหลียวมองหาขวดน้ำและภาชนะที่ใช้ดื่มน้ำ เห็นวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงนอนของแก จึงหยิบมาเปิดฝาขวดออก เทน้ำใส่จอกพลาสติก ใส่หลอดดูดที่หักโค้งงอได้ ให้คนป่วยใช้ดูดน้ำจากจอกโดยสะดวก แล้วประคองศีรษะแกให้ยกเอียงเล็กน้อย เพื่อจะได้ดูดน้ำถนัด ยายอุ่นคงกระหายน้ำมาก แกดูดน้ำจนเกือบหมดจอก เมื่อเห็นว่าแกน่าจะพอแล้ว ฉันจึงประคองศีรษะแกวางบนหมอน วางจอกลงบนโต๊ะ
“ดู...ตุ๊ก กะ ตา”
ว่าไงนะ ดูตุ๊กตางั้นเหรอ...ฉันทำตาโต
“ตุ๊ก กะ ตา อยู่ไหน”
เสียงของแกดังมาจากปากแห้งกรังดำคล้ำซ้ำอีก แต่คราวนี้มันทำให้ฉันถึงกับขนแขนลุกซู่
“ตุ๊กตาตัวไหนจ๊ะยาย”
กลั้นใจถามแกออกไป พลางเหลียวมองหาสิ่งที่แกต้องการ
“ตุ๊กตาตัวนี้”
ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียงของใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นด้านหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พอหันไปมองก็พบหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหลัง แกสวมเสื้อคอกระเช้าสีขาว นุ่งผ้าซิ่นเก่า ๆ ในมือถือตุ๊กตามาด้วย
ตุ๊กตานางรำสวมชฎาสีทองทำจากพลาสติกตัวขนาดฝ่ามือบนหลังตู้โชว์ตัวนั้นนั่นเอง
“ป้าเป็นแม่ของศรีมัน วันนี้ไม่ได้ลงมาข้างล่างเลย นอนซมเพราะไข้หวัดทั้งวัน เพิ่งลุกมาได้เดี๋ยวนี้เอง หนูชื่อนุ่นใช่ไหม ป้าชื่อตุ่ม”
แกแนะนำตัวเองให้รู้จัก เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของฉันก็ยิ้มให้นิดหนึ่ง ฉันมองตามแกที่เดินเข้ามา แล้วยื่นตุ๊กตาในมือให้หญิงชราบนเตียงดู
“ตุ๊กตายังอยู่ ไม่มีใครเอาไปไหนหรอกแม่”
ร่างซูบผอมขาวซีดราวกับผีตายซากจากอาการป่วยหนักส่งเสียงในลำคอ เผยอยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตาของแกจับจ้องอยู่ที่ตัวตุ๊กตา แสดงออกถึงความรักใคร่อย่างหมดหัวใจต่อตุ๊กตาตัวนี้
“สบายใจแล้วสิ ฉันจะเอาไปเก็บละนะ”
ป้าตุ่มหดมือกลับ ฉันสังเกตเห็นสายตาของยายอุ่นยังคงจับจ้องมองตามตุ๊กตาตัวนั้นไป ชนิดไม่วางตาเลยทีเดียว
“นอนซะ ฉันกับนุ่นจะไปนอนก่อนละ แม่อยากได้อะไรอีกมั้ย”
คนป่วยส่ายหน้าช้า ๆ ดูเหมือนแกจะพอใจแล้วกับการได้เห็นตุ๊กตาแสนรักของตัวเอง
“กลับไปนอนเถอะนุ่น พรุ่งนี้ศรีมันจะออกจากบ้านแต่เช้า ป้าจะหุงข้าว ทำกับข้าวทิ้งไว้ให้ จะทำข้าวต้มไว้ให้ยายด้วย แล้วป้าจะไปส่งศรีขึ้นรถที่ท่ารถ ทางนี้นุ่นก็จัดการป้อนข้าวป้อนยา เช็ดตัวทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าอ้อม ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ยาย กับข้าวมื้อเที่ยงป้าจะซื้อมาจากข้างนอก หยูกยากับเสื้อผ้าของยายอุ่นอยู่ในตู้สองใบนั้นนะ”
คนพูดชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าขนาดย่อมตรงมุมห้อง ถัดไปเป็นตู้พลาสติกหลายลิ้นชักสูงแค่เอวอีกใบหนึ่ง ฉันมองตามแล้วพยักหน้ารับทราบ
“จ้ะป้า ไม่ต้องห่วงจ้ะ เดี๋ยวนุ่นจะจัดการทางนี้เอง”
“ช่วยดูโต้งมันให้ด้วย มันพูดรู้เรื่องอยู่ เอารถของเล่นให้เล่น ปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่แถวนี้แหละ ไม่มีอันตรายอะไรหรอก เอาตุ๊กตาไปเก็บไว้ที่ตู้โชว์ที”
บอกเสร็จแกก็ยื่นตุ๊กตาในมือให้ พูดกันตามตรงฉันไม่อยากรับตุ๊กตามาเลย ได้แต่มองมันแหยง ๆ รู้สึกหวาดกลัวมันอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาบนใบหน้าตุ๊กตาพลาสติกแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ตาดำโตของมันก็ดูลุกวาวอย่างไรชอบกล
“หืม...เป็นไร กลัวเหรอ” ป้าตุ่มสังเกตสีหน้าฉันออก แกถามเสียงเรียบ ฉันยิ้มแหยให้กับแก ก็ฉันเกิดหวาดกลัวใบหน้าใต้ชฎาสีทองนั้นขึ้นมาจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตาดำโตคู่นั้น ที่เหมือนจับจ้องมองฉันไม่วางตา
“ทำไมไม่เอามันวางไว้ในห้องนี้ล่ะจ๊ะ บนโต๊ะนั้นก็ได้ เวลายายเรียกขอดูจะได้หยิบง่าย”
“ไม่ได้หรอก เจ้าตัวนี้เขาต้องไปอยู่รวมกับพรรคพวกของเขาที่ตู้โชว์โน่น บอกให้รู้ไว้เสียเลยนะว่าเวลาแกขอดู ต้องเอาตุ๊กตาตัวนี้มาให้ยายดู เพราะแกระแวงว่าเราจะเอาไปทิ้ง...กลัวก็ไม่เป็นไร ป้าจะเอาไปเก็บเอง นุ่นกลับไปนอนเถอะ”
ป้าตุ่มตอบด้วยเสียงกระด้างจนฉันรู้สึกได้ คงนึกไม่ค่อยชอบใจที่ฉันขัดคำสั่งแก
โธ่เอ๋ย! นึกว่าจะเป็นงานง่าย ๆ ที่ไหนได้ ท่าทางจะยุ่งยากก็ตรงที่ต้องเอาตุ๊กตาหลอน ๆ ตัวนี้มาให้ยายดูนี่แหละ ฉันนึกอย่างค่อนข้างเพลียใจกับพฤติกรรมแผลง ๆ ของคนบ้านนี้
ฉันตามป้าตุ่มออกมาจากห้องนอนยายอุ่น มองดูแกเดินหายเข้าไปในห้องโถงซึ่งเป็นที่ตั้งของตู้โชว์ แกเดินเข้าไปในนั้นโดยไม่เปิดไฟ เหมือนจำทางได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งแสงสว่างจากไฟฟ้าแต่อย่างใด ได้ยินเสียงป้าตุ่มเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนแล้ว ฉันจึงหันหลังกลับ เดินเข้าห้องตัวเองไปบ้าง ปิดห้องปิดไฟเข้านอนตามเดิม จนผล็อยหลับไปในที่สุด
(มีต่อ)
อาถรรพ์คนเล่นของ ตอน คนทรงเจ้า EP.2
ฉันจ้องมองหญิงชราบนเตียงด้วยความไม่แน่ใจ หรือว่าฉันจะตาฝาดไป แต่เมื่อเห็นยายยังนอนอยู่บนเตียงจริง ๆ ฉันก็รู้สึกโล่งใจ เลยไม่คิดอะไรอีก เอื้อมมือไปจะปิดไฟอีกครั้ง แต่เสียงแหบแห้งระคายหูก็ดังขึ้นให้พอได้ยินว่า
“หิว...น้ำ”
ฉันชะงัก ละมือจากสวิทซ์ไฟหันมามองไปที่แกใหม่ ได้ยินเสียงร้องขอกินน้ำดังแผ่วเบามาจากร่างของยายอุ่นอย่างแน่นอน พร้อมกับใบหน้าซูบตอบของแกที่ค่อย ๆ เอียงหน้ามามอง ที่แท้ยายอุ่นยังคงพูดได้อยู่ เพียงแต่แกพูดลำบากเท่านั้นเอง ซึ่งอาจเกิดจากความอ่อนล้าทางร่างกาย จนไร้เรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ ประกอบกับอาการเป็นอัมพาตเกือบทั้งตัวของแกก็เป็นไปได้
ฉันเดินกลับมาที่เตียงของยายใหม่ เหลียวมองหาขวดน้ำและภาชนะที่ใช้ดื่มน้ำ เห็นวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงนอนของแก จึงหยิบมาเปิดฝาขวดออก เทน้ำใส่จอกพลาสติก ใส่หลอดดูดที่หักโค้งงอได้ ให้คนป่วยใช้ดูดน้ำจากจอกโดยสะดวก แล้วประคองศีรษะแกให้ยกเอียงเล็กน้อย เพื่อจะได้ดูดน้ำถนัด ยายอุ่นคงกระหายน้ำมาก แกดูดน้ำจนเกือบหมดจอก เมื่อเห็นว่าแกน่าจะพอแล้ว ฉันจึงประคองศีรษะแกวางบนหมอน วางจอกลงบนโต๊ะ
“ดู...ตุ๊ก กะ ตา”
ว่าไงนะ ดูตุ๊กตางั้นเหรอ...ฉันทำตาโต
“ตุ๊ก กะ ตา อยู่ไหน”
เสียงของแกดังมาจากปากแห้งกรังดำคล้ำซ้ำอีก แต่คราวนี้มันทำให้ฉันถึงกับขนแขนลุกซู่
“ตุ๊กตาตัวไหนจ๊ะยาย”
กลั้นใจถามแกออกไป พลางเหลียวมองหาสิ่งที่แกต้องการ
“ตุ๊กตาตัวนี้”
ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียงของใครคนหนึ่งที่ดังขึ้นด้านหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พอหันไปมองก็พบหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหลัง แกสวมเสื้อคอกระเช้าสีขาว นุ่งผ้าซิ่นเก่า ๆ ในมือถือตุ๊กตามาด้วย
ตุ๊กตานางรำสวมชฎาสีทองทำจากพลาสติกตัวขนาดฝ่ามือบนหลังตู้โชว์ตัวนั้นนั่นเอง
“ป้าเป็นแม่ของศรีมัน วันนี้ไม่ได้ลงมาข้างล่างเลย นอนซมเพราะไข้หวัดทั้งวัน เพิ่งลุกมาได้เดี๋ยวนี้เอง หนูชื่อนุ่นใช่ไหม ป้าชื่อตุ่ม”
แกแนะนำตัวเองให้รู้จัก เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของฉันก็ยิ้มให้นิดหนึ่ง ฉันมองตามแกที่เดินเข้ามา แล้วยื่นตุ๊กตาในมือให้หญิงชราบนเตียงดู
“ตุ๊กตายังอยู่ ไม่มีใครเอาไปไหนหรอกแม่”
ร่างซูบผอมขาวซีดราวกับผีตายซากจากอาการป่วยหนักส่งเสียงในลำคอ เผยอยิ้มออกมาเล็กน้อย สายตาของแกจับจ้องอยู่ที่ตัวตุ๊กตา แสดงออกถึงความรักใคร่อย่างหมดหัวใจต่อตุ๊กตาตัวนี้
“สบายใจแล้วสิ ฉันจะเอาไปเก็บละนะ”
ป้าตุ่มหดมือกลับ ฉันสังเกตเห็นสายตาของยายอุ่นยังคงจับจ้องมองตามตุ๊กตาตัวนั้นไป ชนิดไม่วางตาเลยทีเดียว
“นอนซะ ฉันกับนุ่นจะไปนอนก่อนละ แม่อยากได้อะไรอีกมั้ย”
คนป่วยส่ายหน้าช้า ๆ ดูเหมือนแกจะพอใจแล้วกับการได้เห็นตุ๊กตาแสนรักของตัวเอง
“กลับไปนอนเถอะนุ่น พรุ่งนี้ศรีมันจะออกจากบ้านแต่เช้า ป้าจะหุงข้าว ทำกับข้าวทิ้งไว้ให้ จะทำข้าวต้มไว้ให้ยายด้วย แล้วป้าจะไปส่งศรีขึ้นรถที่ท่ารถ ทางนี้นุ่นก็จัดการป้อนข้าวป้อนยา เช็ดตัวทำความสะอาด เปลี่ยนผ้าอ้อม ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ยาย กับข้าวมื้อเที่ยงป้าจะซื้อมาจากข้างนอก หยูกยากับเสื้อผ้าของยายอุ่นอยู่ในตู้สองใบนั้นนะ”
คนพูดชี้ไปทางตู้เสื้อผ้าขนาดย่อมตรงมุมห้อง ถัดไปเป็นตู้พลาสติกหลายลิ้นชักสูงแค่เอวอีกใบหนึ่ง ฉันมองตามแล้วพยักหน้ารับทราบ
“จ้ะป้า ไม่ต้องห่วงจ้ะ เดี๋ยวนุ่นจะจัดการทางนี้เอง”
“ช่วยดูโต้งมันให้ด้วย มันพูดรู้เรื่องอยู่ เอารถของเล่นให้เล่น ปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่แถวนี้แหละ ไม่มีอันตรายอะไรหรอก เอาตุ๊กตาไปเก็บไว้ที่ตู้โชว์ที”
บอกเสร็จแกก็ยื่นตุ๊กตาในมือให้ พูดกันตามตรงฉันไม่อยากรับตุ๊กตามาเลย ได้แต่มองมันแหยง ๆ รู้สึกหวาดกลัวมันอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาบนใบหน้าตุ๊กตาพลาสติกแม้จะมีขนาดเล็ก แต่ตาดำโตของมันก็ดูลุกวาวอย่างไรชอบกล
“หืม...เป็นไร กลัวเหรอ” ป้าตุ่มสังเกตสีหน้าฉันออก แกถามเสียงเรียบ ฉันยิ้มแหยให้กับแก ก็ฉันเกิดหวาดกลัวใบหน้าใต้ชฎาสีทองนั้นขึ้นมาจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตาดำโตคู่นั้น ที่เหมือนจับจ้องมองฉันไม่วางตา
“ทำไมไม่เอามันวางไว้ในห้องนี้ล่ะจ๊ะ บนโต๊ะนั้นก็ได้ เวลายายเรียกขอดูจะได้หยิบง่าย”
“ไม่ได้หรอก เจ้าตัวนี้เขาต้องไปอยู่รวมกับพรรคพวกของเขาที่ตู้โชว์โน่น บอกให้รู้ไว้เสียเลยนะว่าเวลาแกขอดู ต้องเอาตุ๊กตาตัวนี้มาให้ยายดู เพราะแกระแวงว่าเราจะเอาไปทิ้ง...กลัวก็ไม่เป็นไร ป้าจะเอาไปเก็บเอง นุ่นกลับไปนอนเถอะ”
ป้าตุ่มตอบด้วยเสียงกระด้างจนฉันรู้สึกได้ คงนึกไม่ค่อยชอบใจที่ฉันขัดคำสั่งแก
โธ่เอ๋ย! นึกว่าจะเป็นงานง่าย ๆ ที่ไหนได้ ท่าทางจะยุ่งยากก็ตรงที่ต้องเอาตุ๊กตาหลอน ๆ ตัวนี้มาให้ยายดูนี่แหละ ฉันนึกอย่างค่อนข้างเพลียใจกับพฤติกรรมแผลง ๆ ของคนบ้านนี้
ฉันตามป้าตุ่มออกมาจากห้องนอนยายอุ่น มองดูแกเดินหายเข้าไปในห้องโถงซึ่งเป็นที่ตั้งของตู้โชว์ แกเดินเข้าไปในนั้นโดยไม่เปิดไฟ เหมือนจำทางได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งแสงสว่างจากไฟฟ้าแต่อย่างใด ได้ยินเสียงป้าตุ่มเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนแล้ว ฉันจึงหันหลังกลับ เดินเข้าห้องตัวเองไปบ้าง ปิดห้องปิดไฟเข้านอนตามเดิม จนผล็อยหลับไปในที่สุด
(มีต่อ)