คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าชอบกาแฟแบบ "แก้วใหญ่" ค่อยๆนั่งจิบและรสชาติไม่เข้มมากซึ่งเป็นน้ำร้อนซะเยอะ ผมขอเสนอตัวเลือกดังนี้
1.
Pour over หรือ Drip ตัวนี้ให้รสและกลิ่นที่ค่อนข้างจางได้กาแฟที่ค่อนข้างสะอาดมีตะกอนเล็กน้อย มีถ้วยดริปไม่ถึงร้อยขายที่ Daiso แต่ต้องคอยหากระดาษมาเปลี่ยนเรื่อยๆ แต่ข้อดีก็คือแทบไม่ต้องล้างตัวถ้วย แต่ถ้าขี้เกียจเปลี่ยนฟิลเตอร์มีตัวเลือกคือให้ซื้อเครื่องทำกาแฟแบบเวียดนามซึ่งไม่ต่างจากตัวนี้เลยต่างแค่ไม่ต้องซื้อฟิลเตอร์
2.
Drip machine ตัวนี้เหมือนกับตัวข้างบนแต่ไม่ต้องคอยรินน้ำร้อน,มีระบบอุ่น,แช่ไว้กินได้ทั้งวัน นิยมใช้กันในอเมริกา มีขายที่โลตัสในราคา 200 เกือบ 300
3.
French Press ตัวนี้ให้รสชาติที่เข้มและหอมกว่าสองตัวด้านบน เนื่องจากการแช่กาแฟคั่วบดในน้ำร้อน 4 นาที ไม่ใช่การที่น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟในช่วงสั้นๆแบบสองตัวด้านบนและการดึงน้ำมันกาแฟออกมาทำให้มีรสชาติของกาแฟที่เรียกว่า Full Bodied แต่จะมีตะกอนที่ก้นแก้ว สามารถหาได้ในราคาประมาณ 300-400 ขึ้นไป รุ่นที่ดังๆจะเป็นของ Bodum มีความยุ่งยากในการล้างตัวฟิลเตอร์ในระดับนึง มีข้อควรระวังคือตัวฟิลเตอร์นั้นไม่ได้กรองสารชื่อว่า diterpenes ที่อยู่ในน้ำมันกาแฟทำให้ LDL cholesterol สูงขึ้นแต่หากดื่มแค่วันละ 1-2 แก้วปัญหาข้อนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลมากนัก
www.eater.com/2016/5/20/11723692/french-press-coffee-unhealthy-cholesterol
แต่ถ้าหากกังวลละก็มีวิธีแก้ในคลิปนี้
www.youtube.com/watch?v=eG09qF1Ybfc
4.
Aeropress ตัวนี้คล้ายๆกับ French press แต่สะดวกในการพกพามากกว่าและมีได้กาแฟที่สะอาดกว่า,ตะกอนน้อยกว่า และ Aeropress ตัวนี้ใช้แรงดันในการสกัดกาแฟไม่ใช่การแช่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจากแรงดันของ Espresso อย่างมาก ซึ่ง Aeropress ต้องคอยเปลี่ยนฟิลเตอร์เรื่อยๆ
5.
Syphon มีโอกาสแตกง่ายและต้องใช้ความอดทนในการรอกาแฟ ซึ่งตัวนี้จะให้กาแฟที่มีความสะอาดสูงตะกอนน้อยมาก แต่ถ้าพูดเรื่องสุนทรียภาพแล้วตัวนี้กินขาดทุกตัวด้านบน มีราคาอยู่ที่หลักพัน
ฯลฯ
ถ้าชอบกาแฟแบบ "แก้วเล็ก" เข้มๆ มีความ concentrated สูง ไม่นั่งจิบนาน ซึ่งนิยมอย่างมากในประเทศอิตาลีและออสเตรเลีย (ปล. คนอิตาลีหลายๆคนแอบดูถูกกาแฟแก้วใหญ่ๆแบบด้านบนเพราะมันมีส่วนผสมเป็นน้ำร้อนซะเยอะ บางทีเขาเปรียบว่าเหมือนน้ำล้างแก้ว ถ้าสงสัยว่าทำไมเขาถึงเปรียบเทียบอย่างนั้น ให้ลองเวลาที่กากกาแฟมันติดที่ก้น French press หรือที่ถ้วยไปใส่น้ำประปาให้มันออกง่ายขึ้นดูแล้วจะเข้าใจ) ฯลฯ ซึ่งในส่วนนี้ผมขอเสนอตัวเลือกดังนี้
1.
Moka pot นิยมอย่างมากในอิตาลีและอเมริกาใต้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นตำนานกันเลยทีเดียว ในอิตาลีส่วนใหญ่ถ้าไม่มี Moka pot ติดบ้านก็จะมีเครื่องทำ Espresso เล็กๆไว้ติดบ้าน ซึ่ง Moka pot ตัวนี้สามารถหาอย่างถูกได้ในราคา 200-300 หรือไม่งั้นถ้าให้ดีก็ซื้อของ Bialetti ซึ่งเป็นบริษัทของคนคิดค้นเครื่องนี้ขึ้นมา ราคา 1500+ ให้รสของกาแฟที่เข้มข้นแบบ concentrated รสฝาดเล็กน้อย กลิ่นไหม้นิดๆ มีความคล้ายกับ Espresso แต่ Espresso ต้องใช้แรงดัน 9 bar แต่เจ้าตัว Moka pot มีแค่ราว 1.5 bar จึงไม่เรียกว่า Espresso อาจจะเรียกว่า Stove top Espresso maker ได้ ถึงแม้จะได้รสชาติที่ด้อยกว่า Espresso แต่ถือว่าได้รสชาติในระดับที่ว่าโอเคเลย ไม่ถึงกับแย่นัก เรื่องความคงทนนี่เรียกได้ว่าใช้ได้จนถึงวันสิ้นโลกเลยทีเดียว เหมือนกับกระทะหรือหม้อต้มในบ้านซื้อมานานจนอยากให้พังแล้วซื้อใหม่เลยทีเดียว ที่อาจจะต้องเปลี่ยนก็คงจะเป็นซีลยางซึ่งในไทยก็หาซื้อได้ไม่ยากนักตามอินเตอร์เน็ต
- Bialetti Express ตัวนี้การออกแบบคลาสสิคสุดๆเรียกได้ว่าเป็นไอคอนของ Moka เลย
- Bialetti Dama เหมือนกับตัวด้านบนทุกอย่าง ยกเว้นการออกแบบภายนอก
- Bialetti Brikka หัววาว์วแรงดันจะแตกต่างจากสองตัวด้านบน ทำให้สามารถเอา Crema ออกมาได้ กลิ่นก็จะหอมกว่าสองตัวด้านบนเล็กน้อยแต่การออกแบบขาดความขลังและความดั้งเดิมเมื่อเทียบกับตัว Express บวกกับราคาที่สูงกว่าพอตัว
- Bialetti Induction เอาไว้ใช้กับเตาไฟฟ้า
ยังมีอีกหลายรุ่นซึ่งออกแบบได้ค่อนข้างแฟนตาซีและหลุดออกไปจากความเป็น Moka pot ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึงละกัน
2.
ตัวแรกคือ Minipresso มีแรงดัน 8 บาร์ซึ่งใกล้เคียงกับ Espresso ส่วนตัวที่สองคือ Nanopresso มีแรงดัน 18 บาร์ ที่เรียกได้ว่าเป็น Espresso เลยที่เดียว (แต่แรงดันที่เยอะไม่ได้แปลว่าจะดีกว่าเสมอไปเพราะมันขึ้นอยุ่กับเวลาที่น้ำไหลผ่านกาแฟบด,ความร้อน,วัสดุเครื่อง ฯลฯ ) และเท่าที่อ่านรีวิวมาทั้งสองตัวค่อนข้างเป็นไปในทางบวก โดยส่วนตัวยังไม่เคยลิ้มลองจึงไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก แต่ค่อนข้างมันใจว่าถ้าเทียบกับเครื่องทำ Espresso ในราคา 3-5000 แล้วด้อยกว่าแน่นอน ข้อดีคือเจ้าตัวนี้เป็นเครื่องทำกาแฟที่พกพาง่ายที่สุด,พกกระติกน้ำร้อนที่เก็บความร้อนกระติกเดียวก็เอาเจ้านี่ไปกินที่ไหนก็ได้ ถ้า Moka pot ต้องพกเตาแก๊สแบบพกพาไปด้วย ตัว Minipresso ราคาราวๆ 1,990 มีขายใน Makro ไม่งั้นก็ Lazada และ Nanopresso ราคาเกือบๆสามพันถ้าจำไม่ผิด
ถ้ามีงบถึง 5,000 แล้วชอบกาแฟช็อตเล็กๆอย่าง Espresso แล้วอยู่แต่บ้าน แนะนำว่าซื้อเครื่องคุณภาพกลางๆได้นะครับ อาจจะสู้พวกราคาหลักแสนของตามร้านไม่ได้แต่ก็ทำ Espresso ออกมาได้รสชาติที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว น่าจะเรียกได้ว่าดีกว่า Moka pot แม้จะไม่ให้อารมณ์คลาสสิคเท่าก็ตาม
1.
Pour over หรือ Drip ตัวนี้ให้รสและกลิ่นที่ค่อนข้างจางได้กาแฟที่ค่อนข้างสะอาดมีตะกอนเล็กน้อย มีถ้วยดริปไม่ถึงร้อยขายที่ Daiso แต่ต้องคอยหากระดาษมาเปลี่ยนเรื่อยๆ แต่ข้อดีก็คือแทบไม่ต้องล้างตัวถ้วย แต่ถ้าขี้เกียจเปลี่ยนฟิลเตอร์มีตัวเลือกคือให้ซื้อเครื่องทำกาแฟแบบเวียดนามซึ่งไม่ต่างจากตัวนี้เลยต่างแค่ไม่ต้องซื้อฟิลเตอร์
2.
Drip machine ตัวนี้เหมือนกับตัวข้างบนแต่ไม่ต้องคอยรินน้ำร้อน,มีระบบอุ่น,แช่ไว้กินได้ทั้งวัน นิยมใช้กันในอเมริกา มีขายที่โลตัสในราคา 200 เกือบ 300
3.
French Press ตัวนี้ให้รสชาติที่เข้มและหอมกว่าสองตัวด้านบน เนื่องจากการแช่กาแฟคั่วบดในน้ำร้อน 4 นาที ไม่ใช่การที่น้ำร้อนไหลผ่านกาแฟในช่วงสั้นๆแบบสองตัวด้านบนและการดึงน้ำมันกาแฟออกมาทำให้มีรสชาติของกาแฟที่เรียกว่า Full Bodied แต่จะมีตะกอนที่ก้นแก้ว สามารถหาได้ในราคาประมาณ 300-400 ขึ้นไป รุ่นที่ดังๆจะเป็นของ Bodum มีความยุ่งยากในการล้างตัวฟิลเตอร์ในระดับนึง มีข้อควรระวังคือตัวฟิลเตอร์นั้นไม่ได้กรองสารชื่อว่า diterpenes ที่อยู่ในน้ำมันกาแฟทำให้ LDL cholesterol สูงขึ้นแต่หากดื่มแค่วันละ 1-2 แก้วปัญหาข้อนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลมากนัก
www.eater.com/2016/5/20/11723692/french-press-coffee-unhealthy-cholesterol
แต่ถ้าหากกังวลละก็มีวิธีแก้ในคลิปนี้
www.youtube.com/watch?v=eG09qF1Ybfc
4.
Aeropress ตัวนี้คล้ายๆกับ French press แต่สะดวกในการพกพามากกว่าและมีได้กาแฟที่สะอาดกว่า,ตะกอนน้อยกว่า และ Aeropress ตัวนี้ใช้แรงดันในการสกัดกาแฟไม่ใช่การแช่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจากแรงดันของ Espresso อย่างมาก ซึ่ง Aeropress ต้องคอยเปลี่ยนฟิลเตอร์เรื่อยๆ
5.
Syphon มีโอกาสแตกง่ายและต้องใช้ความอดทนในการรอกาแฟ ซึ่งตัวนี้จะให้กาแฟที่มีความสะอาดสูงตะกอนน้อยมาก แต่ถ้าพูดเรื่องสุนทรียภาพแล้วตัวนี้กินขาดทุกตัวด้านบน มีราคาอยู่ที่หลักพัน
ฯลฯ
ถ้าชอบกาแฟแบบ "แก้วเล็ก" เข้มๆ มีความ concentrated สูง ไม่นั่งจิบนาน ซึ่งนิยมอย่างมากในประเทศอิตาลีและออสเตรเลีย (ปล. คนอิตาลีหลายๆคนแอบดูถูกกาแฟแก้วใหญ่ๆแบบด้านบนเพราะมันมีส่วนผสมเป็นน้ำร้อนซะเยอะ บางทีเขาเปรียบว่าเหมือนน้ำล้างแก้ว ถ้าสงสัยว่าทำไมเขาถึงเปรียบเทียบอย่างนั้น ให้ลองเวลาที่กากกาแฟมันติดที่ก้น French press หรือที่ถ้วยไปใส่น้ำประปาให้มันออกง่ายขึ้นดูแล้วจะเข้าใจ) ฯลฯ ซึ่งในส่วนนี้ผมขอเสนอตัวเลือกดังนี้
1.
Moka pot นิยมอย่างมากในอิตาลีและอเมริกาใต้ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นตำนานกันเลยทีเดียว ในอิตาลีส่วนใหญ่ถ้าไม่มี Moka pot ติดบ้านก็จะมีเครื่องทำ Espresso เล็กๆไว้ติดบ้าน ซึ่ง Moka pot ตัวนี้สามารถหาอย่างถูกได้ในราคา 200-300 หรือไม่งั้นถ้าให้ดีก็ซื้อของ Bialetti ซึ่งเป็นบริษัทของคนคิดค้นเครื่องนี้ขึ้นมา ราคา 1500+ ให้รสของกาแฟที่เข้มข้นแบบ concentrated รสฝาดเล็กน้อย กลิ่นไหม้นิดๆ มีความคล้ายกับ Espresso แต่ Espresso ต้องใช้แรงดัน 9 bar แต่เจ้าตัว Moka pot มีแค่ราว 1.5 bar จึงไม่เรียกว่า Espresso อาจจะเรียกว่า Stove top Espresso maker ได้ ถึงแม้จะได้รสชาติที่ด้อยกว่า Espresso แต่ถือว่าได้รสชาติในระดับที่ว่าโอเคเลย ไม่ถึงกับแย่นัก เรื่องความคงทนนี่เรียกได้ว่าใช้ได้จนถึงวันสิ้นโลกเลยทีเดียว เหมือนกับกระทะหรือหม้อต้มในบ้านซื้อมานานจนอยากให้พังแล้วซื้อใหม่เลยทีเดียว ที่อาจจะต้องเปลี่ยนก็คงจะเป็นซีลยางซึ่งในไทยก็หาซื้อได้ไม่ยากนักตามอินเตอร์เน็ต
- Bialetti Express ตัวนี้การออกแบบคลาสสิคสุดๆเรียกได้ว่าเป็นไอคอนของ Moka เลย
- Bialetti Dama เหมือนกับตัวด้านบนทุกอย่าง ยกเว้นการออกแบบภายนอก
- Bialetti Brikka หัววาว์วแรงดันจะแตกต่างจากสองตัวด้านบน ทำให้สามารถเอา Crema ออกมาได้ กลิ่นก็จะหอมกว่าสองตัวด้านบนเล็กน้อยแต่การออกแบบขาดความขลังและความดั้งเดิมเมื่อเทียบกับตัว Express บวกกับราคาที่สูงกว่าพอตัว
- Bialetti Induction เอาไว้ใช้กับเตาไฟฟ้า
ยังมีอีกหลายรุ่นซึ่งออกแบบได้ค่อนข้างแฟนตาซีและหลุดออกไปจากความเป็น Moka pot ซึ่งผมไม่ขอกล่าวถึงละกัน
2.
ตัวแรกคือ Minipresso มีแรงดัน 8 บาร์ซึ่งใกล้เคียงกับ Espresso ส่วนตัวที่สองคือ Nanopresso มีแรงดัน 18 บาร์ ที่เรียกได้ว่าเป็น Espresso เลยที่เดียว (แต่แรงดันที่เยอะไม่ได้แปลว่าจะดีกว่าเสมอไปเพราะมันขึ้นอยุ่กับเวลาที่น้ำไหลผ่านกาแฟบด,ความร้อน,วัสดุเครื่อง ฯลฯ ) และเท่าที่อ่านรีวิวมาทั้งสองตัวค่อนข้างเป็นไปในทางบวก โดยส่วนตัวยังไม่เคยลิ้มลองจึงไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก แต่ค่อนข้างมันใจว่าถ้าเทียบกับเครื่องทำ Espresso ในราคา 3-5000 แล้วด้อยกว่าแน่นอน ข้อดีคือเจ้าตัวนี้เป็นเครื่องทำกาแฟที่พกพาง่ายที่สุด,พกกระติกน้ำร้อนที่เก็บความร้อนกระติกเดียวก็เอาเจ้านี่ไปกินที่ไหนก็ได้ ถ้า Moka pot ต้องพกเตาแก๊สแบบพกพาไปด้วย ตัว Minipresso ราคาราวๆ 1,990 มีขายใน Makro ไม่งั้นก็ Lazada และ Nanopresso ราคาเกือบๆสามพันถ้าจำไม่ผิด
ถ้ามีงบถึง 5,000 แล้วชอบกาแฟช็อตเล็กๆอย่าง Espresso แล้วอยู่แต่บ้าน แนะนำว่าซื้อเครื่องคุณภาพกลางๆได้นะครับ อาจจะสู้พวกราคาหลักแสนของตามร้านไม่ได้แต่ก็ทำ Espresso ออกมาได้รสชาติที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว น่าจะเรียกได้ว่าดีกว่า Moka pot แม้จะไม่ให้อารมณ์คลาสสิคเท่าก็ตาม
แสดงความคิดเห็น
เครื่องชงกาแฟงบ3-5000มียี่ห้อหรือรุ่นไหนแนะนำบ้างมั้ยครับ
ราคา3-5000นี่มียี่ห้อไหนรุ่นไหนแนะนำเป็นพิเศษมั้ยครับ ซื้อมาชงแล้วพอจะรสสู้ตามร้านที่ใช้แรงดันสูงๆได้รึเปล่า