“CM6” เป็นการแข่งขันวิ่งเทรลรายการใหญ่รายการหนึ่งของบ้านเรา จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่
มีระยะทางให้เลือกแข่งขันตั้งแต่ 21 Km 44 Km 77 Km 92 Km ไปจนถึงระยะมากที่สุดคือ 130 Km
“เจ” สามีของอิ๊บ สนใจท่ีจะลงวิ่งรายการนี้ก็เลยชวนอิ๊บไปวิ่งด้วย เพราะช่วงนั้นอิ๊บเองก็ไม่ได้มีงานแข่งอะไร
เลยตัดสินใจไปงานนี้แบบไม่ลังเล
ระยะที่อิ๊บลงวิ่ง คือระยะเดียวกับเจ นั่นก็คือ 130 Km
แม้จะรู้ตัวว่าระยะหลังๆมา ตัวเองไม่เคยได้ซ้อมวิ่งระยะไกลสักเท่าไหร่
มากสุดก็เพียงยี่สิบกว่ากิโลฯ ซ่ึงเป็นการวิ่งๆ-เดินๆเท่ียวอยู่ในป่าเท่านั้น
แต่ด้วยความที่ชอบทําอะไรที่ท้าทาย และคิดถึงการลงแข่งระยะไกลที่ห่างหายไปต้ังแต่เดือนกุมภา
อีกทั้งตัวเองก็ยังไม่เคยวิ่งระยะไกลเท่านี้มาก่อน
มันเลยเป็นอีกเหตุผล ที่อยากจะลองทําให้สําเร็จดูสักครั้ง
เวลาที่เหลืออยู่มีให้ซ้อมเท่าไหร่ ก็คงต้องใช้มันเท่านั้น
และสุดท้ายผลมันจะเป็นยังไง
ก็คงต้องยอมรับกันไปที่หน้างาน
+++++
อ่อนซ้อม
เวลาที่เหลือเพียงเดือนกว่า อิ๊บรู้ดีว่ามันไม่เพียงพอที่จะทําให้ตัวเองสามารถวิ่งโดยไม่ทรมานมากนักได้
(ต้องบอกตรงนี้ก่อนนะคะว่า ที่ต้องใช้คําว่า “ไม่ทรมานมากนัก” เพราะยังไงก็ตามแต่ การวิ่งระยะไกลมันต้องทรมานแน่ๆอยู่แล้ว เพียงแค่เราจะทรมานมากหรือน้อยเท่านั้น)
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อิ๊บจะเดินทางไปเชียงใหม่เป็นประจํา เลยถือโอกาสเอาช่วงเวลานี้ซ้อมขึ้นเขาบ้าง
วันเสาร์อิ๊บแทบจะไม่ได้ทําอะไร แต่วันอาทิตย์เจจะพาอิ๊บไปเดินเล่นบนดอย
เน้นเดินมากกว่าเน้นวิ่ง ไม่เคยมีการซ้อมแบบเอาเป็นเอาตายเลยสักครั้ง
ซึ่งถ้าใครเห็นในเฟสบุค จะเห็นว่าอิ๊บจะมีรูปถ่ายสวยๆติดไม้ติดมือกลับมาด้วยตลอด
อิ๊บชอบนะ
มันเป็นการซ้อมที่สนุกมาก ละมุนมาก
แม้จะรู้ว่าถ้าวันแข่งจริงมาถึง
อิ๊บคงคงไม่สนุกแบบนี้แน่ๆ
+++++++++
วันก่อนแข่ง
อิ๊บกับเจมารับเบอร์วิ่งและเช็คอุปกรณ์บังคับตามเวลาที่กําหนด
บรรยากาศในงานที่คึกคักทําให้จากที่ไม่ค่อยตื่นเต้น...ก็เกิดความตื่นเต้นมาหน่อยๆ
เราทําทุกอย่างตามขั้นตอนและฟังบรีฟกฏกติกาการแข่งให้เสร็จ
ก่อนรีบกลับบ้านเพื่อไปจัดอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมที่จะแข่งในเช้ามืดวันพรุ่ง
(อิ่มแล้วก็พูดถึงเรื่องจัดของของอิ๊บบ้าง)
ของที่ต้องจัดอิ๊บแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ ของที่เราต้องพกติดตัวไปตลอด
และส่วนที่2คือส่วนของที่เก็บไว้ในถุงที่เราจะฝากไวท้ี่จุดฝาก
(จุดฝากของ : คือจุดที่นักวิ่งจะวิ่งผ่านมาตามระยะทางต่างๆ ซึ่งโชคดีว่างาน CM6 นี้มีจุดฝากเพียงจุดเดียวคือจุด HQ ซ่ึงเป็นจุดศุนย์กลางท่ีเราจะวิ่งผ่านมาหลายๆคร้ัง)
ส่วนที่ต้องพกติดตัวไปตลอด คืออุปกรณ์บังคับทั้งหมด (อย่าให้ตกหล่นแม้แต่ชิ้นเดียว)
เนื่องจากอุปกรณ์บังคับนี้ ถ้าหากทางงานตรวจพบระหว่างการแข่งขันว่าเรามีไม่ครบ เราจะถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันทันที
ดังนั้นทุกอย่างจึงถูกอัดแน่นอยู่ในเป้แทบทั้งหมด
**การเป็นนักวิ่งเทรล นอกจากจะต้องซ้อมวิ่งแล้ว การเล่นเวทบริหารกล้ามเนื้อหลังและไหล่ก็เป็นสิ่งจําเป็นไม่แพ้กันเลย**
เสื้อกันฝน อาหาร น้ํา ไฟฉาย ฯลฯ ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียนในเป้น้ําเรียบร้อย
และที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ
ชุดยาสามัญ (ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์บังคับเช่นกัน)
ไหนๆก็เป็นเรื่องสําคัญ อิ๊บจะขอพูดถึงโดยเฉพาะเลยนะคะว่าส่วนตัวอิ๊บพกยาอะไรบ้าง
เพราะการพกยา ไม่ได้พกเพื่อให้รอดจากการตรวจเท่านั้น แต่มันเป็นการพกเพื่อความอยู่รอดในภาวะฉุกเฉินของเราอีกด้วย
อิ๊บแบ่งยาเป็น 2 ส่วน คือ
ยาที่ใช้เมื่อจําเป็น (นานๆใช้หรืออาจจะไม่ได้ใช้เลยก็ได้) กับ
ยาที่เอาออกมาใช้บ่อย (หรือใช้แทบทุกชั่วโมง)
ยาที่ใช้เมื่อจําเป็น : ยาส่วนนี้จะถูกใส่ไว้ในถุงซิปล๊อคแล้วเก็บไว้ในช่องด้านในลึกๆของเป้
ซึ่งยาเหล่านั้นก็จะมี
-แอลกอฮอล์ชนิดแผ่น(พกง่ายและเบากว่าแบบขวด) -เบตาดีน -สําลี -ผ้ากอช -เทปกาว -เทปกาวพันข้อเท้า(กรณีถ้าเกิดข้อเท้าพลิก) -ยาพารา -ยาแก้ท้องเสีย -หัวเข็มฉีดยา(ใช้เจาะแผลพองที่เท้า)
ยาที่จะเอาออกมาใช่บ่อย : ยาเหล่านี้จะต้องเอาไว้ใกล้มือให้มากที่สุดเพื่อสะดวกในการนําออกมาใช้ ประกอบด้วย
-ยาดม(อิ๊บจะพกหลายอัน กันการทําหาย และก็ใส่ไว้ทุกๆช่องของกระเป๋าเพราะเวลาเหนื่อยล้วงไปช่องไหนก็เจอง่ายๆ)
-ยาเหลือง(น้ํามันเหลือง) ยาสาระพัดประโยชน์จากแม่ เอาไว้กันแมลงสัตว์กัดต่อยหรือเกิดการแพ้คันหญ้าระหว่างทาง)
-ยูนิเรนสเปรย์(อันนี้สําคัญสําหรับอิ๊บมาก พกไปทุกสนามแม้กระทั่งตอนซ้อม) คุณสมบัติของยูนิเรนจะช่วยบรรเทาเรื่องอาการปวดของกล้ามเนื้อหรือถ้าตะคริวมาก็จะใช้พ่นเพื่อบรรเทาอาการ และสิ่งที่ทําได้อีกอย่างคือใช้ไล่ทากได้ดีที่เดียว 555 ขวดเดียวอุ่นใจใช้ได้ครบจบเลยค่ะ
จบเรื่องของที่ใช้พกติดตัว มาถึงของที่เราต้องเอาไปไว้ตามจุดฝากกันบ้าง
ของในถุงฝากอิ๊บเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก
ก็ผู้หญิงอะเนอะ เพื่อความสับสนและง่ายต่อการค้นหา
อิ๊บจําแนกออกเป็นอย่างๆ โดยถุงใหญ่ที่ทางงานให้มา อิ๊บจะมีถุงเล็กๆเป็นถุงย่อยอีกหลายๆถุง
-เสื้อผ้าที่จะนําไปเปลี่ยน : ถุงเท้า เสื้อ กระโปรง บรา กางเกงชั้นใน ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ จัดไปให้ครบ
-อาหาร ขนมขบเคี้ยว (ชอบถุงนี้ที่สุด) : อิ๊บจะมีขนมแทบทุกอย่างที่ตัวเองชอบเก็บไว้ในนี้
อย่างน้อยมันเป็นอีกหนึ่งกําลังใจที่ทําให้รู้ว่า เมื่อเรามาถึงจุดนี้เราจะได้ทานอะไรที่อยากทาน มีขนมอร่อยๆรอเราอยู่
-ยา : ยาที่ว่านี้จะมีคล้ายๆกับในเป้ค่ะ แต่อาจจะมีมากกว่าหน่อย เผื่อเอาไว้เติมในกรณีที่ใช้ในเป้ไปแล้ว
และก็มีพวกเทปพันข้อเท้าตุนๆเผื่อไว้ด้วย มีเกินไว้แบ่งคนอื่นด้วยก็ยิ่งดีนะ
-ครีมและเครื่องประทินโฉม : 555 จริงๆมันก็ไม่ได้สําคัญอะไรขนาดนั้นนะ แต่มีไว้ก็ทําให้ผู้หญิงอย่างเราสบายใจขึ้น
เช่น ครีมกันแดด หวี สเปรย์น้ําแร่ ลิปมัน วาสลีน ใครจะเอาอายไลน์เนอร์ไปกรีดตาเพิ่มก็ไม่ว่ากัน แต่อิ๊บว่ากรีดตาวิ่งสําหรับอิ๊บมันมากไปหน่อย แหะๆ -รองเท้าสํารอง : สิ่งนี้สําคัญมาก มีไว้เถอะค่ะ เพราะถ้าอ่านเรื่องที่อิ๊บกําลังจะเขียนต่อไปนี้แล้ว รองเท้าสํารอง คือสิ่งที่ทําให้อิ๊บได้ชีวิตใหม่เลยทีเดียว
เอาล่ะ จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะได้รับประโยชน์กันบ้าง นิดนึงก็ยังดีเนอะ
เมื่อทุกอย่างพร้อม อิ๊บก็ต้องเข้านอนแล้ว
งานที่ปล่อยตัวตีห้า หมายความว่าอิ๊บต้องตื่นตั้งแต่ตีสอง-ตีสาม
แค่คิดก็ง่วงแล้ว
+++++++++
เช้าวันสําคัญมาถึง
ตื่นแต่เช้ามาจัดการทําธุระส่วนตัวทุกอย่างให้พร้อมค่ะ ไล่ทุกอย่างในท้องออกไปอย่าให้หลงเหลือ
อาบน้ําเย็นเพื่อให้กล้ามเนื้อตื่นตัวซักหน่อย
อิ๊บจะทานเค้กกล้วยหอมกับนม (แล้วแต่ความชอบและการฝึกมาของแต่ละคนนะคะ) 1-1.5 ชั่วโมงก่อนวิ่ง
และเมื่อแต่งตัวเสร็จ-ตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากบ้านไปที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ซึ่งเป็นจุด Start การแข่งขัน
เราไปถึงก่อนเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง จึงต้องรีบเอาถุงฝากไปฝากไว้ที่โต๊ะรับฝาก
ถุงที่ฝากไว้จะมีเจ้าหน้าที่นําไปไว้ที่ HQ ให้เราเอง
ได้พูดคุยทักทายกับพี่ๆเพื่อนๆนักวิ่งนิดหน่อย ก่อนจะต้องเดินเข้าคอกเพื่อไป Check-in
เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีจะปล่อยตัวแล้ว
และอิ๊บมีเวลาทั้งหมด 38 ชั่วโมงในการเดินทาง 130 Km ที่ความชันสะสมกว่า 7,000 เมตร
พนมมือไหว้พระ...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและขอให้อิ๊บยิ้มได้ตลอดทาง
เจหอมอิ๊บหนึ่งที
จากนี้คงเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ที่เราจะไม่ได้คุยกัน
ออกไปทําหน้าที่ของตัวเองให้ดี
เจไม่ต้องเป็นห่วงอิ๊บนะ...อิ๊บดูแลตัวเองได้
++++
Start - HQ (0K-10.2K): อยู่กับจังหวะของตัวเอง
เมื่อ 5:00 ถึงเวลาปล่อยตัวนักกีฬา
ประสบการณ์ทําให้อิ๊บคอยบอกตัวเองว่า “เวลาวิ่งไกล...ให้ค่อยๆไปไม่ต้องรีบ”
เราไม่ได้มาวิ่งมินิ ฮาล์ฟ หรือมาราธอน แต่ที่เราต้องไปมันไกลกว่า100 กิโลฯ
ถนอมร่าง ออมแรง และควบคุมHR ให้อยู่ในความพอดีเข้าไว้
ท่องไว้...อย่าเพิ่งพังตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทาง...
เวลาวิ่งทีไร อิ๊บก็คิดตลอดนะ อะไรคือการออมแรง?
เพราะจะให้ไปช้ากว่านี้ มันก็หน่วงๆที่ขา
และให้ไวกว่านี้ก็คงจะทําไม่ได้แล้วเหมือนกัน
อิ๊บเลือกท่ีจะ “วิ่งในจังหวะของตัวเอง” มันเป็นการวิ่งท่ีอิ๊บรู้สึกว่าอิ๊บ Happy ที่สุดแล้ว
นี่คงเป็นการวิ่งท่ีเรียกว่าการออมแรงในแบบฉบับของตัวเองละมั้ง
อย่าวิ่งตามใคร จับที่ความรู้สึกเราก่อน
เพราะในจุดๆหนึ่ง เราเองที่จะเป็นคนรู้ว่าเรา “เหมาะสม” กับการเคลื่อนตัวด้วยความเร็วแค่ไหน
ถ้าเวลายังพอเหลือ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องพุ่งไปด้วยความเครียดและกดดัน
(ในกรณีที่เราไม่ได้อยากได้ถ้วย หรืออยากติดอันดับอะไรกับเค้า การวิ่งแบบนี้ดีต่อใจท่ีสุดแล้ว)
อิ๊บขึ้นจากจุดStartมายังHQคร้ังแรกยังไม่เหน็ดเหนื่อยอะไรมากนัก แต่ด้วยอากาศที่อบอ้าวเหงื่อก็เลยชุ่มไปทั้งตัว
ถึงHQก็เข้าไปเติมน้ํา เติมขนมตามปกติ หยิบลําไยเก็บใส่กระเป๋าแล้วกินไปเรื่อยๆตอนเดินออก (เติมน้ําตาลให้ร่างกายหน่อย)
หนทางยังอีกยาวไกล
ไม่ได้หวังให้ใครไปด้วย
ไม่ได้คิดจะไปกับใคร
ฟ้ายังสว่างอยู่ มันไม่ได้น่ากลัวอะไร
ขอไปคนเดียวชิลๆก่อนนะ
++++
HQ - W1 (10.2K-17.8K): เปลี่ยนผู้ไม่ซำ้หน้า
จาก HQ ไป W1 ต้องข้ามดอยปุย 1 ลูก
อิ๊บไต่ขึ้นไปพร้อมกับน้ากานต์และน้องสร้อยที่ออกจาก HQ มาพร้อมกัน
น้ากับน้องขึ้นไปแบบนิ่งๆ ส่วนอิ๊บขึ้นไปแบบบ่นๆ 555
ได้คุยกันอยู่พังนึงก่อนที่จะถึงสันดอย จําไม่ได้ว่าอ๊ิบมัวทําอะไรซักอย่างเลยปล่อยให้พวกเค้าไปกันก่อน
และแน่นอนว่าการเกาะไปกับ2คนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องที่อิ๊บควรทํา ^^"
เห็นหลังพวกเค้าอยู่ห่างๆ เราก็ค่อยๆตามอย่างเงียบๆ
รอบตัวก็มีเพื่อนใหม่ที่กําลังร่วมกันไต่อยู่ด้านหลัง
“ไปก่อนได้นะคะ ถ้าอยากแซงให้บอกเลย”
ประโยคนี้อิ๊บจะพูดบ่อยมาก ถ้าหากเห็นคนตามหลังมาติดๆ
หลายครั้งเหมือนกันที่เวลาเราอยากแซงใครแล้วคนข้างหน้าไม่ให้แซง
จริงๆมันก็แอบหงุดหงิดนะ ถ้ารู้ตัวว่าช้า ควรให้โอกาสคนที่ตามมาแซงไปก่อน
“มันเป็นมารยาทอย่างนึงของการวิ่งเทรล”
ถ้าหากเรารู้ว่าเราไม่สามารถเร็วไปได้มากกว่าน้ีแล้ว และเห็นว่ามีใครกําลังตามหลังมาติดๆ
เราควรหลีกทางเพื่อให้เค้าได้ไปก่อน
การท่ีช้าแล้วยังขวางทางคนอ่ืน เป็นการทําให้คนเร็วกว่าเสียโอกาสในการไปข้างหน้าด้วย
(อันนี้แอบฝากเป็นเกร็ดเล็กๆไว้นะคะ)
หรือบางครั้งคนที่อยากแซงแต่กลับไม่เอ่ยปากขอทาง คนข้างหน้าก็ไม่ทราบว่าต้องการจะแซงไหม
อิ๊บเลยตัดปัญหาด้วยการพูดอยู่ตลอดว่า ถ้าจะแซงให้บอก...ยินดีหลบให้ตลอดนะคะ
“ไม่เป็นไรครับ ให้แซงตรงนี้ก็ไม่ไหวอยู่ดีครับ”
เสียงพี่คนที่ตามหลังมาติดๆบอกอิ๊บขณะที่กําลังอยู่ในช่วงชันๆของดอยปุย
เราก็เลยค่อยๆไต่ไปด้วยกัน 3 คน กับผู้ชายอีกคนที่อยู่ใกล้เคียงกัน
จนถึงยอดดอยแล้ว จากนั้นจะเป็นวิ่งลงถนนลาดยางทางเรียบเพื่อไปยัง W1
ทางแบบนี้เราเลยได้ Jog ไปคุยไป ทําความรู้จักกันไปตามทางเรื่อยๆ
บางคนอาจจะสงสัยว่าการคุยมันจะทําให้เราเหนื่อยขึ้นมั้ย
สําหรับอิ๊บ การวิ่งไปคุยกันไป มันทําให้เราลืมเหนื่อยมากกว่า (คล้ายๆการได้วิ่งไปบ่นไปนั่นแหละค่ะ ^^)
(ต่อข้างล่างนะคะ อย่าลืมให้หัวใจในนี้ก่อนนะ อิอิ)
วิ่ง Ultra Trail 130 Km เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม...ใจถึงก็ไปถึง :D (แนะนำวิธีเตรียมตัวก่อนแข่ง และทำใจตอนแข่งค่ะ)
“CM6” เป็นการแข่งขันวิ่งเทรลรายการใหญ่รายการหนึ่งของบ้านเรา จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่
มีระยะทางให้เลือกแข่งขันตั้งแต่ 21 Km 44 Km 77 Km 92 Km ไปจนถึงระยะมากที่สุดคือ 130 Km
“เจ” สามีของอิ๊บ สนใจท่ีจะลงวิ่งรายการนี้ก็เลยชวนอิ๊บไปวิ่งด้วย เพราะช่วงนั้นอิ๊บเองก็ไม่ได้มีงานแข่งอะไร
เลยตัดสินใจไปงานนี้แบบไม่ลังเล
ระยะที่อิ๊บลงวิ่ง คือระยะเดียวกับเจ นั่นก็คือ 130 Km
แม้จะรู้ตัวว่าระยะหลังๆมา ตัวเองไม่เคยได้ซ้อมวิ่งระยะไกลสักเท่าไหร่
มากสุดก็เพียงยี่สิบกว่ากิโลฯ ซ่ึงเป็นการวิ่งๆ-เดินๆเท่ียวอยู่ในป่าเท่านั้น
แต่ด้วยความที่ชอบทําอะไรที่ท้าทาย และคิดถึงการลงแข่งระยะไกลที่ห่างหายไปต้ังแต่เดือนกุมภา
อีกทั้งตัวเองก็ยังไม่เคยวิ่งระยะไกลเท่านี้มาก่อน
มันเลยเป็นอีกเหตุผล ที่อยากจะลองทําให้สําเร็จดูสักครั้ง
เวลาที่เหลืออยู่มีให้ซ้อมเท่าไหร่ ก็คงต้องใช้มันเท่านั้น
และสุดท้ายผลมันจะเป็นยังไง
ก็คงต้องยอมรับกันไปที่หน้างาน
+++++
อ่อนซ้อม
เวลาที่เหลือเพียงเดือนกว่า อิ๊บรู้ดีว่ามันไม่เพียงพอที่จะทําให้ตัวเองสามารถวิ่งโดยไม่ทรมานมากนักได้
(ต้องบอกตรงนี้ก่อนนะคะว่า ที่ต้องใช้คําว่า “ไม่ทรมานมากนัก” เพราะยังไงก็ตามแต่ การวิ่งระยะไกลมันต้องทรมานแน่ๆอยู่แล้ว เพียงแค่เราจะทรมานมากหรือน้อยเท่านั้น)
วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อิ๊บจะเดินทางไปเชียงใหม่เป็นประจํา เลยถือโอกาสเอาช่วงเวลานี้ซ้อมขึ้นเขาบ้าง
วันเสาร์อิ๊บแทบจะไม่ได้ทําอะไร แต่วันอาทิตย์เจจะพาอิ๊บไปเดินเล่นบนดอย
เน้นเดินมากกว่าเน้นวิ่ง ไม่เคยมีการซ้อมแบบเอาเป็นเอาตายเลยสักครั้ง
ซึ่งถ้าใครเห็นในเฟสบุค จะเห็นว่าอิ๊บจะมีรูปถ่ายสวยๆติดไม้ติดมือกลับมาด้วยตลอด
อิ๊บชอบนะ
มันเป็นการซ้อมที่สนุกมาก ละมุนมาก
แม้จะรู้ว่าถ้าวันแข่งจริงมาถึง
อิ๊บคงคงไม่สนุกแบบนี้แน่ๆ
+++++++++
วันก่อนแข่ง
อิ๊บกับเจมารับเบอร์วิ่งและเช็คอุปกรณ์บังคับตามเวลาที่กําหนด
บรรยากาศในงานที่คึกคักทําให้จากที่ไม่ค่อยตื่นเต้น...ก็เกิดความตื่นเต้นมาหน่อยๆ
เราทําทุกอย่างตามขั้นตอนและฟังบรีฟกฏกติกาการแข่งให้เสร็จ
ก่อนรีบกลับบ้านเพื่อไปจัดอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมที่จะแข่งในเช้ามืดวันพรุ่ง
(อิ่มแล้วก็พูดถึงเรื่องจัดของของอิ๊บบ้าง)
ของที่ต้องจัดอิ๊บแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ ของที่เราต้องพกติดตัวไปตลอด
และส่วนที่2คือส่วนของที่เก็บไว้ในถุงที่เราจะฝากไวท้ี่จุดฝาก
(จุดฝากของ : คือจุดที่นักวิ่งจะวิ่งผ่านมาตามระยะทางต่างๆ ซึ่งโชคดีว่างาน CM6 นี้มีจุดฝากเพียงจุดเดียวคือจุด HQ ซ่ึงเป็นจุดศุนย์กลางท่ีเราจะวิ่งผ่านมาหลายๆคร้ัง)
ส่วนที่ต้องพกติดตัวไปตลอด คืออุปกรณ์บังคับทั้งหมด (อย่าให้ตกหล่นแม้แต่ชิ้นเดียว)
เนื่องจากอุปกรณ์บังคับนี้ ถ้าหากทางงานตรวจพบระหว่างการแข่งขันว่าเรามีไม่ครบ เราจะถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันทันที
ดังนั้นทุกอย่างจึงถูกอัดแน่นอยู่ในเป้แทบทั้งหมด
**การเป็นนักวิ่งเทรล นอกจากจะต้องซ้อมวิ่งแล้ว การเล่นเวทบริหารกล้ามเนื้อหลังและไหล่ก็เป็นสิ่งจําเป็นไม่แพ้กันเลย**
เสื้อกันฝน อาหาร น้ํา ไฟฉาย ฯลฯ ทุกอย่างถูกจัดอย่างเป็นระเบียนในเป้น้ําเรียบร้อย
และที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ชุดยาสามัญ (ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์บังคับเช่นกัน)
ไหนๆก็เป็นเรื่องสําคัญ อิ๊บจะขอพูดถึงโดยเฉพาะเลยนะคะว่าส่วนตัวอิ๊บพกยาอะไรบ้าง
เพราะการพกยา ไม่ได้พกเพื่อให้รอดจากการตรวจเท่านั้น แต่มันเป็นการพกเพื่อความอยู่รอดในภาวะฉุกเฉินของเราอีกด้วย
อิ๊บแบ่งยาเป็น 2 ส่วน คือ ยาที่ใช้เมื่อจําเป็น (นานๆใช้หรืออาจจะไม่ได้ใช้เลยก็ได้) กับ ยาที่เอาออกมาใช้บ่อย (หรือใช้แทบทุกชั่วโมง)
ยาที่ใช้เมื่อจําเป็น : ยาส่วนนี้จะถูกใส่ไว้ในถุงซิปล๊อคแล้วเก็บไว้ในช่องด้านในลึกๆของเป้
ซึ่งยาเหล่านั้นก็จะมี
-แอลกอฮอล์ชนิดแผ่น(พกง่ายและเบากว่าแบบขวด) -เบตาดีน -สําลี -ผ้ากอช -เทปกาว -เทปกาวพันข้อเท้า(กรณีถ้าเกิดข้อเท้าพลิก) -ยาพารา -ยาแก้ท้องเสีย -หัวเข็มฉีดยา(ใช้เจาะแผลพองที่เท้า)
ยาที่จะเอาออกมาใช่บ่อย : ยาเหล่านี้จะต้องเอาไว้ใกล้มือให้มากที่สุดเพื่อสะดวกในการนําออกมาใช้ ประกอบด้วย
-ยาดม(อิ๊บจะพกหลายอัน กันการทําหาย และก็ใส่ไว้ทุกๆช่องของกระเป๋าเพราะเวลาเหนื่อยล้วงไปช่องไหนก็เจอง่ายๆ)
-ยาเหลือง(น้ํามันเหลือง) ยาสาระพัดประโยชน์จากแม่ เอาไว้กันแมลงสัตว์กัดต่อยหรือเกิดการแพ้คันหญ้าระหว่างทาง)
-ยูนิเรนสเปรย์(อันนี้สําคัญสําหรับอิ๊บมาก พกไปทุกสนามแม้กระทั่งตอนซ้อม) คุณสมบัติของยูนิเรนจะช่วยบรรเทาเรื่องอาการปวดของกล้ามเนื้อหรือถ้าตะคริวมาก็จะใช้พ่นเพื่อบรรเทาอาการ และสิ่งที่ทําได้อีกอย่างคือใช้ไล่ทากได้ดีที่เดียว 555 ขวดเดียวอุ่นใจใช้ได้ครบจบเลยค่ะ
จบเรื่องของที่ใช้พกติดตัว มาถึงของที่เราต้องเอาไปไว้ตามจุดฝากกันบ้าง
ของในถุงฝากอิ๊บเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก
ก็ผู้หญิงอะเนอะ เพื่อความสับสนและง่ายต่อการค้นหา
อิ๊บจําแนกออกเป็นอย่างๆ โดยถุงใหญ่ที่ทางงานให้มา อิ๊บจะมีถุงเล็กๆเป็นถุงย่อยอีกหลายๆถุง
-เสื้อผ้าที่จะนําไปเปลี่ยน : ถุงเท้า เสื้อ กระโปรง บรา กางเกงชั้นใน ผ้าเช็ดหน้า ฯลฯ จัดไปให้ครบ
-อาหาร ขนมขบเคี้ยว (ชอบถุงนี้ที่สุด) : อิ๊บจะมีขนมแทบทุกอย่างที่ตัวเองชอบเก็บไว้ในนี้
อย่างน้อยมันเป็นอีกหนึ่งกําลังใจที่ทําให้รู้ว่า เมื่อเรามาถึงจุดนี้เราจะได้ทานอะไรที่อยากทาน มีขนมอร่อยๆรอเราอยู่
-ยา : ยาที่ว่านี้จะมีคล้ายๆกับในเป้ค่ะ แต่อาจจะมีมากกว่าหน่อย เผื่อเอาไว้เติมในกรณีที่ใช้ในเป้ไปแล้ว
และก็มีพวกเทปพันข้อเท้าตุนๆเผื่อไว้ด้วย มีเกินไว้แบ่งคนอื่นด้วยก็ยิ่งดีนะ
-ครีมและเครื่องประทินโฉม : 555 จริงๆมันก็ไม่ได้สําคัญอะไรขนาดนั้นนะ แต่มีไว้ก็ทําให้ผู้หญิงอย่างเราสบายใจขึ้น
เช่น ครีมกันแดด หวี สเปรย์น้ําแร่ ลิปมัน วาสลีน ใครจะเอาอายไลน์เนอร์ไปกรีดตาเพิ่มก็ไม่ว่ากัน แต่อิ๊บว่ากรีดตาวิ่งสําหรับอิ๊บมันมากไปหน่อย แหะๆ -รองเท้าสํารอง : สิ่งนี้สําคัญมาก มีไว้เถอะค่ะ เพราะถ้าอ่านเรื่องที่อิ๊บกําลังจะเขียนต่อไปนี้แล้ว รองเท้าสํารอง คือสิ่งที่ทําให้อิ๊บได้ชีวิตใหม่เลยทีเดียว
เอาล่ะ จัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะได้รับประโยชน์กันบ้าง นิดนึงก็ยังดีเนอะ
เมื่อทุกอย่างพร้อม อิ๊บก็ต้องเข้านอนแล้ว
งานที่ปล่อยตัวตีห้า หมายความว่าอิ๊บต้องตื่นตั้งแต่ตีสอง-ตีสาม
แค่คิดก็ง่วงแล้ว
+++++++++
เช้าวันสําคัญมาถึง
ตื่นแต่เช้ามาจัดการทําธุระส่วนตัวทุกอย่างให้พร้อมค่ะ ไล่ทุกอย่างในท้องออกไปอย่าให้หลงเหลือ
อาบน้ําเย็นเพื่อให้กล้ามเนื้อตื่นตัวซักหน่อย
อิ๊บจะทานเค้กกล้วยหอมกับนม (แล้วแต่ความชอบและการฝึกมาของแต่ละคนนะคะ) 1-1.5 ชั่วโมงก่อนวิ่ง
และเมื่อแต่งตัวเสร็จ-ตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากบ้านไปที่ศูนย์ประชุมนานาชาติ ซึ่งเป็นจุด Start การแข่งขัน
เราไปถึงก่อนเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง จึงต้องรีบเอาถุงฝากไปฝากไว้ที่โต๊ะรับฝาก
ถุงที่ฝากไว้จะมีเจ้าหน้าที่นําไปไว้ที่ HQ ให้เราเอง
ได้พูดคุยทักทายกับพี่ๆเพื่อนๆนักวิ่งนิดหน่อย ก่อนจะต้องเดินเข้าคอกเพื่อไป Check-in
เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีจะปล่อยตัวแล้ว
และอิ๊บมีเวลาทั้งหมด 38 ชั่วโมงในการเดินทาง 130 Km ที่ความชันสะสมกว่า 7,000 เมตร
พนมมือไหว้พระ...ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองและขอให้อิ๊บยิ้มได้ตลอดทาง
เจหอมอิ๊บหนึ่งที
จากนี้คงเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ที่เราจะไม่ได้คุยกัน
ออกไปทําหน้าที่ของตัวเองให้ดี
เจไม่ต้องเป็นห่วงอิ๊บนะ...อิ๊บดูแลตัวเองได้
++++
Start - HQ (0K-10.2K): อยู่กับจังหวะของตัวเอง
เมื่อ 5:00 ถึงเวลาปล่อยตัวนักกีฬา
ประสบการณ์ทําให้อิ๊บคอยบอกตัวเองว่า “เวลาวิ่งไกล...ให้ค่อยๆไปไม่ต้องรีบ”
เราไม่ได้มาวิ่งมินิ ฮาล์ฟ หรือมาราธอน แต่ที่เราต้องไปมันไกลกว่า100 กิโลฯ
ถนอมร่าง ออมแรง และควบคุมHR ให้อยู่ในความพอดีเข้าไว้
ท่องไว้...อย่าเพิ่งพังตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทาง...
เวลาวิ่งทีไร อิ๊บก็คิดตลอดนะ อะไรคือการออมแรง?
เพราะจะให้ไปช้ากว่านี้ มันก็หน่วงๆที่ขา
และให้ไวกว่านี้ก็คงจะทําไม่ได้แล้วเหมือนกัน
อิ๊บเลือกท่ีจะ “วิ่งในจังหวะของตัวเอง” มันเป็นการวิ่งท่ีอิ๊บรู้สึกว่าอิ๊บ Happy ที่สุดแล้ว
นี่คงเป็นการวิ่งท่ีเรียกว่าการออมแรงในแบบฉบับของตัวเองละมั้ง
อย่าวิ่งตามใคร จับที่ความรู้สึกเราก่อน
เพราะในจุดๆหนึ่ง เราเองที่จะเป็นคนรู้ว่าเรา “เหมาะสม” กับการเคลื่อนตัวด้วยความเร็วแค่ไหน
ถ้าเวลายังพอเหลือ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องพุ่งไปด้วยความเครียดและกดดัน
(ในกรณีที่เราไม่ได้อยากได้ถ้วย หรืออยากติดอันดับอะไรกับเค้า การวิ่งแบบนี้ดีต่อใจท่ีสุดแล้ว)
อิ๊บขึ้นจากจุดStartมายังHQคร้ังแรกยังไม่เหน็ดเหนื่อยอะไรมากนัก แต่ด้วยอากาศที่อบอ้าวเหงื่อก็เลยชุ่มไปทั้งตัว
ถึงHQก็เข้าไปเติมน้ํา เติมขนมตามปกติ หยิบลําไยเก็บใส่กระเป๋าแล้วกินไปเรื่อยๆตอนเดินออก (เติมน้ําตาลให้ร่างกายหน่อย)
หนทางยังอีกยาวไกล
ไม่ได้หวังให้ใครไปด้วย
ไม่ได้คิดจะไปกับใคร
ฟ้ายังสว่างอยู่ มันไม่ได้น่ากลัวอะไร
ขอไปคนเดียวชิลๆก่อนนะ
++++
HQ - W1 (10.2K-17.8K): เปลี่ยนผู้ไม่ซำ้หน้า
จาก HQ ไป W1 ต้องข้ามดอยปุย 1 ลูก
อิ๊บไต่ขึ้นไปพร้อมกับน้ากานต์และน้องสร้อยที่ออกจาก HQ มาพร้อมกัน
น้ากับน้องขึ้นไปแบบนิ่งๆ ส่วนอิ๊บขึ้นไปแบบบ่นๆ 555
ได้คุยกันอยู่พังนึงก่อนที่จะถึงสันดอย จําไม่ได้ว่าอ๊ิบมัวทําอะไรซักอย่างเลยปล่อยให้พวกเค้าไปกันก่อน
และแน่นอนว่าการเกาะไปกับ2คนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องที่อิ๊บควรทํา ^^"
เห็นหลังพวกเค้าอยู่ห่างๆ เราก็ค่อยๆตามอย่างเงียบๆ
รอบตัวก็มีเพื่อนใหม่ที่กําลังร่วมกันไต่อยู่ด้านหลัง
“ไปก่อนได้นะคะ ถ้าอยากแซงให้บอกเลย”
ประโยคนี้อิ๊บจะพูดบ่อยมาก ถ้าหากเห็นคนตามหลังมาติดๆ
หลายครั้งเหมือนกันที่เวลาเราอยากแซงใครแล้วคนข้างหน้าไม่ให้แซง
จริงๆมันก็แอบหงุดหงิดนะ ถ้ารู้ตัวว่าช้า ควรให้โอกาสคนที่ตามมาแซงไปก่อน
“มันเป็นมารยาทอย่างนึงของการวิ่งเทรล”
ถ้าหากเรารู้ว่าเราไม่สามารถเร็วไปได้มากกว่าน้ีแล้ว และเห็นว่ามีใครกําลังตามหลังมาติดๆ
เราควรหลีกทางเพื่อให้เค้าได้ไปก่อน
การท่ีช้าแล้วยังขวางทางคนอ่ืน เป็นการทําให้คนเร็วกว่าเสียโอกาสในการไปข้างหน้าด้วย
(อันนี้แอบฝากเป็นเกร็ดเล็กๆไว้นะคะ)
หรือบางครั้งคนที่อยากแซงแต่กลับไม่เอ่ยปากขอทาง คนข้างหน้าก็ไม่ทราบว่าต้องการจะแซงไหม
อิ๊บเลยตัดปัญหาด้วยการพูดอยู่ตลอดว่า ถ้าจะแซงให้บอก...ยินดีหลบให้ตลอดนะคะ
“ไม่เป็นไรครับ ให้แซงตรงนี้ก็ไม่ไหวอยู่ดีครับ”
เสียงพี่คนที่ตามหลังมาติดๆบอกอิ๊บขณะที่กําลังอยู่ในช่วงชันๆของดอยปุย
เราก็เลยค่อยๆไต่ไปด้วยกัน 3 คน กับผู้ชายอีกคนที่อยู่ใกล้เคียงกัน
จนถึงยอดดอยแล้ว จากนั้นจะเป็นวิ่งลงถนนลาดยางทางเรียบเพื่อไปยัง W1
ทางแบบนี้เราเลยได้ Jog ไปคุยไป ทําความรู้จักกันไปตามทางเรื่อยๆ
บางคนอาจจะสงสัยว่าการคุยมันจะทําให้เราเหนื่อยขึ้นมั้ย
สําหรับอิ๊บ การวิ่งไปคุยกันไป มันทําให้เราลืมเหนื่อยมากกว่า (คล้ายๆการได้วิ่งไปบ่นไปนั่นแหละค่ะ ^^)
(ต่อข้างล่างนะคะ อย่าลืมให้หัวใจในนี้ก่อนนะ อิอิ)