เรื่องมันเกิดขึ้นตอนเรียน ป.ตรี ปีสอง ที่พัก จะเป็นคอนโด นอกมหาลัย ซึ่งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนของหน้ามหาลัยเลย (ข้ามสะพานลอยหน้า ม. แล้วเดินเข้าซอยลึก 300 เมตรได้ คอนโดจะอยู่ขวามือ )
ชื่อเป็นคอนโด แต่สภาพคือหอพัก หรืออพาร์ทเมนท์ดีๆนี่แหละ เป็น 2 ชั้น สองหลัง หันหน้าเข้าหากัน บอกชื่อซอยให้ก็ดะ ซอย 45 จร้า (ชื่อซอยไม่บอกนะ เดี๋ยวรู้
) ก็มาอาศัยนอนกับเพื่อน หลายคนอยู่นะ มันเป็นช่วงสอบน่ะ จะมารวมตัวกันอ่านหนังสือสอบกัน แมนๆกันทั้งหมด มีกันอยู่ราวๆ 5 คนได้
มีพักที่คอนโดเดียวกัน และจากที่อื่น แต่เราสนิทกัน ก็เลยมาอ่านหนังสือร่วมกันน่ะ เรื่องหลอนมันเกิดขึ้นตอนช่วงนี้...
เพื่อนๆ จะมีหลุ่มที่แตะบอล, กลุ่มที่ไป fitness ที่ยิมใน ม. (มีชมรมเพาะกายน่ะ) ก็มาอ่านหนังสือร่วมกันอยู่ จริงๆ พวกเราพอทราบเรื่องเล่าที่เป็นตำนานในมหาลัยมาบ้างละ ตอนรับน้อง และตอนที่ไปแคมป์กัน แล้วเล่าเรื่องกัน อย่างน่าติดตาม แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ป่าววะ ตอนที่พวกเรามาอ่านหนังสือกันอยู่เนี่ย
คือจู่ๆ เพื่อนอีกคนเดอนออกไปข้างนอก หน้าห้อง (ซึ่งหน้าห้อง ไฟคอนโดจะสว่างมาก คอนโดนี้ดูสว่างไสว ตลอดเวลา) มันออกไปทำตัวสั่นๆ แล้วมองเข้ามาในห้อง ไอ้เราเองก็สงสัย มองไปที่มัน มันก็มองหน้ามาที่เรา แต่ตัวมันดูลนลานพิกล และหน้าตาชวนให้เวทนาเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง ประมาณว่ากูอยากคุยกะ เอาวะ! เราเองก็อ่านหนังสือ จนเมื่อยตุ้มละ..เลยลุกไปคุยกะมันหน่อย ว่ามันเป็นอะไร เพื่อนๆคนอื่นก็ยังคงนั่งอ่านหนังสือกันตามปกติ คือ ณ สายตาเพื่อนที่มันมองมาที่ผมแบบลนลานนั้น ผมว่ามันยากที่จะมาเล่นมุขแบบนี้ คือมันจริงจังและเป็นกังวลเกินไป เกินกว่าคนธรรมดาอย่างเพื่อนผมจะเล่นมุขลน แบบนี้ได้
ผมลุกขึ้นเดินไปหามันที่หน้าห้อง ซึ่งประตูเปิดอยู่ ไม่ได้ปิด เพื่อนคนอื่นก็เงยหน้ามอง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร นั่งอ่านหนังสือกันต่อ ผมเดินมาทักเพื่อนว่า เมิงเป็นอารายย (มีลากเสียง พร้อมสีหน้า) เพื่อนบอก กรูไม่ไหวละว่ะ เมิงเอาเป้กะหนังสือมาให้กรูหน่อย ถ้าเป็นไปได้ เมิงไปกะกรูด้วยว่ะ กรูไม่กล้าเดินไปคนเดียว แมร่งก็ดึกละด้วย กรูไม่มีกระจิตกระใจจะอ่านละว่ะ แมร่ไม่เข้าหัวเลย และยังมาเจออะไรแบบนี้อีก!!
ผมฟังมันแบบงงๆ อะไรคือเจอแบบนี้ เจออะไร!!? อะไรของมัน !!? // เฮ้ย ใจเย็น เมิงเจออะไร มีอะไรวะ // เมิงช่วยหยิบเป๋าเป้กับหนังสือหอบมาให้กรูหน่อย เดี๋ยวค่อยคุย ผมก็เง็งๆ ประมาณหงุดหงิดว่าเพื่อนเป็นอะไร ก็ตัดความรำคาญ เดินเข้าไปหยิบหนังสือของมัน และกระเป๋า หอบมาให้มัน เพื่อนคนอื่นๆ เงยหน้ามองถามว่าอ้าว จะไปไหนกัน ผมก็ตัดบท เปล่าๆ แป๊บนึง พูดไปเดินไป ไม่ได้มองเพื่อนๆที่นั่งกันอยู่ เอามาให้มัน เพื่อนลนลานยัดหนังสือลงเป้ แล้วถามเมิงจะไปกับกรูมั้ย เดินไปส่งกรูหน้าปากซอยก็ได้ / เฮ้ย!!? มันขนาดนั้นเลยหรือฟะ!!? ผมนึกในใจ เข้าห้องไปเอาเป๋าตังค์ เดินออกมา เพื่อนก็ถาม ไปไหนวะ ถ้าไป 7-11 กรูฝาก..บลา บลา บลา.. ผมก็เออออ เหมือนรู้กัน แล้วบอกเออ เดี๋ยวกรูมา รีบเดินออกมาหาเพื่อนด้านนอกที่รออยู่ มันรีบเดินเหมือนผมมาส่งไม้วิ่งเปรี้ยวให้มัน คือแทบจะไม่รอ กรูเจอตั้งแต่กลางวันละ แมร่งจะอะไรกะกรูนักหนา กรูก็เห็นว่าคนเยอะ นี่อ่านหนังสืออยู่ แมร่งก็มาเดินข้างหลัง ห้องก็เล็กแค่นี้ เพื่อนก็อยู่กันแค่นี้ ใครจะมาหลอกกรูได้ขนาดนี้ กรูไปทำอะไรให้วะ // เพื่อนหน้าเครียดพลางพูดไปพลางระหว่างเดินแบบเดินเร็ว ผมก็เดินตาม เงียบ อึ้ง ฟังแล้วคิดตามที่มันพูด // เฮีย มันเรื่องอะไรกันวะ!!? กรูงงไปหมดแล้วเนี่ย อะไร! ใครเดินอยู่หลังเมิง ที่ไหน ยังไง เมิงมีไรป่าวเนี่ย!!?
ณ ช่วงนั้น ถ้าทุกคนเข้าใจสถานการณ์ คือมันพูดเร็ว ลนลาน เดินเร็ว เหมือนรีบมาก ผมบอกให้แวะ 7-11 ด้วยกันก่อน ได้คุยกัน สว่างๆ ใน 7-11 น่าจะได้เข้าใจความกระจ่างมากขึ้น เพื่อนเล่าพอจับใจความได้ว่า ตอนอ่านหนังสือ เหมือนมีใครมาเดินไป-มา อยู่ข้างหลังมัน ซึ่งห่างจากกำแพงห้องราวแค่เมตรเศษ และเพื่อนคนอื่นนอนอ่านบ้าง นั่งอ่านบ้าง เรามีกันอยู่ 5 คน และเวลามันรู้สึกว่ามีคนเดินผ่าน มันก็เงยหน้ามองเพื่อนๆในห้อง ก็มีกันครบ 5 คน รวมมัน แล้วใครจะมาเดินผ่าน มันก็เริ่มจับสังเกตุตอนรู้สึกว่าคนเดินผ่านอีกละ มันหันขวับ ตอนจับความรู้สึกได้ ก็ไม่เจอ หนหลังๆ เริ่มเดินถี่ มีเสียงขลุกขลัก เหมือนคนเดิน เสียงเข่ากระแทกพื้น เสียงการก้าวเดินของคนเท้าเปล่า มันพยายามหันควับไปมอง หลายที แบบไม่ให้เพื่อนผิดสังเกตุ แต่ก็ได้แต่ว่างเปล่า จนเริ่มมาหัวเราะหึหึ เชิงสะใจอยู่ข้างหูมัน ข้างซ้ายบ้าง ขวาบ้าง คือมันไม่ได้อ่านหนังสือแล้วระยะหลัง แค่นั่งนิ่งรอจับสังเกตุเท่านั้นเอง
มันเล่าว่า เมื่อกลางวันที่มา ก็ เห็นเดินแว่บตรงหลังระเบียงหลังห้อง ซึ่งเราอยู่กันชั้น 3 ระเบียงจะติดกับห้องน้ำ ซึ่งประตูห้องน้ำอยู่ด้านใน ที่ระเบียง มีแค่ราวผ้ากับเครื่องซักผ้า
ตอนกลางวัน เพื่อนผมมันจับสังเกตุหลายครั้ง เดินออกไปดูที่ระเบียง กระทั่งเปิดดูเครื่องซักผ้า แต่มันทำทุกอย่างธรรมชาติไม่ให้เพื่อนจับสังเกตุอะไรมันได้ ซึ่งก็สร้างมึนงงให้กับมันตั้งแต่ช่วงกล่งวันละ พอมาเจอเดินข้างหลังพร้อมเสียงกระซิบหัวเราะเท่านั้นแหละ ตอนนี้มันกระเจิงละ และบ่นอุบว่ากรูจะอ่านหนังสือสอบ ดันจะมาแกล้งอะไรกรูอีก อ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลยเนี่ย
เราเปลี่ยนที่สนทนา จาก7-11 มาเป็นร้านเตี๋ยวข้างทางตรงนั้น พร้อมคุยกันต่อ ผมเองก็ลนว่าต้องกลับไปอ่านหนังสือต่อ เพื่อนก็รอกินของ7-11ที่ฝากซื้อ ใจนึงก็ห่วงเพื่อนคนนี้ที่ต้องมาเจออะไรช่วงจะสอบอยู่พรุ่งนี้ และยังต้องเผชิญกับสถาณการณ์เพื่อนๆ ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่คอนโด โดยอยู่กับ..อะไรที่มองไม่เห็น
ตอนนั้น ก็พยายามสงบจิตตัวเอง และ ประคองจิตใจเพื่อนไปด้วยกัน “เฮ้ย! ใจเย็นก่อนมั้ย สงบจิจ สงบใจ แล้วค่อยๆเล่ามาดีกว่าเพื่อน ว่ามันอะไร ยังไง….?” คือในใจผมตอนนั้น คิดว่า เดี๋ยวต้องไปอ่านหนังสือต่ออีก ซึ่งจำได้ว่าอ่านไปไม่เท่าไหร่ ยังเหลืออีกเยอะ ที่ต้องอ่าน ต้องทวน และตอนนี้ เอาตรงๆ คือสมาธิเสียซะด้วยอีก
เพื่อนมันเล่าว่า มันเจอตอนกลางวัน มันก็กังวล แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมมารู้เอาภายหลังเรื่องนี้นานเลย ว่าเพื่อนผมคนนี้มันเจอเรื่องพวกนี้มาแต่เด็ก มิน่าล่ะ มันน่าจะเป็นพวกมีเซ้นส์) เพราะมันเจอมาแต่เด็ก เรื่องนี้แม่มันรู้ดี เพราะพูดคุยกันตลอด จนมารู้จักมัน มันก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง (เพราะคงไม่ใช่เรื่องที่ต้องเล่าละมั้ง ) อีกทั้งมันบอกอยากอยู่เหมือนคนปกติ มันไม่อยากจะพูดอะไร ไปไหน-มาไหน เดี๋ยวใครจะไม่คบด้วย (น่าจะโดยเฉพาะ สาวๆ ^_^) ผมก็ฟังเรื่องที่มันเล่า พอสรุปใจความได้ว่า ตอนกลางวัน เจอเงาเดินวูบผ่าน ตรงระเบียง อย่างที่เล่าไป พอมาตอนกลางคืนที่อ่านหนังสือกัน เอาตรงๆ มันเจอเดินผ่านตรงระเบียงจุดเดิมหลายวูบเลย มันก็คงชิน พยายามไม่สนใจ มุ่งมั่นอ่านหนังสือไป แต่คงเป็นเพราะมันไม่สนใจรึเปล่า เงาที่เดินผ่านวูบๆนั้น ย้ายมาเป็นเดินผ่านหลังมัน ซึ่งเรียกว่าประชิดตัวมาก อย่างที่แจ้งครับ ว่าจากข้างหลังมันไปจนผนังห้อง ห่างแค่ประมาณเมตร อีกทั้งมีทั้งเพื่อนที่นั่งอ่านด้วยกัน และเพื่อนที่นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่ด้วย มันยังรู้สึกอยู่คนเดียวอีก จิตมันขุ่นมากตอนนั้นเชิงรำคาญ จนมีมาเป่าข้างหู มาหัวเราะด้วย มันเลยเตลิด แล้วลูกเดินออกมานอกห้องนี่แหละ
ผมเองก็คุยทีเล่นทีจริง เฮ้ย คิดไปเองป่าววะ เพื่อนก็บอก พรุ่งนี้จะสอบละ คิดว่ากูมีอารมณ์เหรอ ..เออ ผมเองก็เก็ตนะ คือเป็นการตัดบทที่ชัดเจนดี เลยถามมัน แล้วคืนนี้จะเอาไง มันบอกเดี๋ยวกลับไปนอนบ้านเช่ามัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ซึ่งเป็นบ้านเช่า 2 ชั้นในหมูบ้าน และมีเพื่อนๆที่มาพักด้วยกันเกือบสิบคน ซึ่งเรียกว่าเป็นเพื่อนต่างภาคกันน่ะครับ แต่น่าจะมาจากโรงเรียนเดียวกันมา แก็งค์ของเพื่อนๆผมนี้ จะมาเช่าต่อกันหลายๆรุ่น ในหมู่บ้าน ซึ่งต้องนั่งรถไปไม่ไกล ประมาณรถกระป๊อเดียวถึง ใกล้กับสนามกีฬาแห่งหนึ่ง ซึ่งกระป๊อหน้า ม. ผม วิ่งกันยันเที่ยงคืน ) ผมเองก็ห่วงมันหลายอย่าง เรื่องที่มันเจอวันนี้ ตะกี๊นี้ และเรื่องที่ต้องสอบพรุ่งนี้อีก
กรูว่า เมิงใจเย็นก่อนมะ เราอยู่กันตั้ง 5 คน ห้องก็สว่างสุดๆ กรูว่าเดี๋ยวกลับไปอ่านด้วยกัน เดี๋ยวดึกๆ เราจะสรุปเนื้อหาร่วมกัน เป็นรายวิชา (พรุ่งนี้สอบ 2 วิชา, เช่า-บ่าย) เมิงจะได้ส่วนนั้นที่พวกเราแชร์กันดีกว่า
โดยประจำแล้ว พวกเราจะช่วยกันแบบนี้ครับ คือแยกกันอ่านใครอ่านมัน แล้วมาสรุปร่วมกัน ตรงจุดที่คิดว่าสำคัญ ช่วยกันพูด ช่วยกันแชร์ ใครขาดส่วนของใคร จะได้จำเพิ่ม เลคเชอร์เพิ่ม เตรียมท่องจำก่อนเข้าห้องสอบ
เพื่อนผมมันก็กังวล ใจนึงมันคงห่วงเรื่องสอบพรุ่งนี้ด้วย จึงตกลงกลับไปคอนโดด้วยกัน เราก็เดินไปคุยกันไปงึมงัมๆ พอมาถึงห้อง เพื่อนๆก็บ่นนิดหน่อยว่าไปนาน แล้วก็บ่นถึงให้เพื่อนผม ว่าเมิงจะเอาเป้ไปทำไม ทำเป็นจะกลับ สุดท้ายก็ไม่พ้นพวกกรู (ฮ่าๆๆ สมัยนั้น การเหน็บแนม แบบไม่รักษาน้ำใจเพื่อน เป็นเรื่องปกติครับ) รอบนี้ มันแหวกตัวเข้าไปนั่งกลางวงเพื่อน เพื่อนๆก็งง ที่ตั้งกว้าง เมิงจะเข้ามานั่งเบียดทำไม ผมก็ช่วยเชียร์ส่า เออออน่ะ ให้มันนั่งๆไป ได้อ่านกันต่อ ให้จบสรุป 1 วิชา เดี๋ยวต้องอีก 1 วิชา คือตัดบทให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และโฟกัสไปที่การอ่านหนังสือครับ
คืนนั้นเราอ่านกันไปอีกพักใหญ่ เพื่อนบางคนบ่น กรูง่วงนอนแล้วว่ะ มาสรุปกันเถอะ ผมเองก็อ่านไป เงยหน้ามองเพื่อนจิตสัมผัสของผมไปตลอด ว่าปฏิกิริยาตอนนั้น มันเป็นยังไง เพื่อนก็อ่านปกติ แค่สายตามันจะเลิ่กลั่กไปนิดหน่อย แนวคนระแวง
คืนนั้นผ่านไปด้วยดีครับ แล้วพักสอบ 1 วัน อีกวันเรานัดกันเช่นเดิม เหมือนรู้กันครับ แต่คราวนี้ไคล์แม็ก..
คือวันพัก 1 วัน เราเตรียมสอบกันอีก (จำไม่ได้ว่า 2 หรือ 3วิชา) เราก็นัดหมายกันเรียบร้อย มาที่เดิม ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้งงครับ ว่าเพื่อนจิตสัมผัสผมนั้น เค้าเจอ แต่เจ้าของห้องมาอยู่ตั้งแต่ปี1 ไม่ยักกะเจออะไร
รอบนี้ เรามากันตั้งแต่หัวค่ำ ทุ่มนิดๆ มีคนอ่านหนังสือ เพื่อนอีกคนยังนั่งเล่นเกมส์คอมอยู่แป๊บนึง ก็มาอ่านด้วยกัน ตอนอ่านและเพื่อนเล่นเกมส์อยู่นั้น เพื่อนใส่หูฟังครับ เพราะทุกคนอ่านหนังสือสอบ เสียงเกมส์ไม่ดัง เราเปิดห้องไว้ครับ ไม่ได้ปิดเช่นเดิม ลมพัดจากระเบียงสบายๆ ออกหน้าประตู ลักษณะประตูจะเป็นช่องเดียวกันกับทางระเบียงเลยครับ คือลมเข้า-ออก แบบอากาศถ่ายเทมาก ใช้พัดลม 1 ตัว อยู่กันได้แบบสบายๆ วันไหนอากาศร้อน เพื่อนผมจะปิดประตูทั้งหมด แล้วเปิดแอร์ครับ แล้วแต่บรรยากาศน่ะ ช่วงหัวค่ำนั้น เสียงดังตามสังคมนอกประตูก็ดังแบบปกตินะ แต่ก็สบายๆ ทุกๆคนชินครับ พอเริ่มดึกหน่อย เพื่อนที่เล่นเกมส์ลงมานั่งอ่านกับพวกเรา และบรรยากาศเริ่มเงียบเข้ามา จนเรียกว่า เงียบสงัด เสียงคนพูดน้อยลง เทียบได้ยินเป็นนานๆที ผมก็ว่าแปลกดี มันเงียบจริง และสิ่งที่มาหลอนพวกเรานั่นเอง
ไม่รู้ว่าใครได้กลิ่นก่อน แต่ทุกคนเงียบกันหมด คือกลิ่นคล้ายควันธูปลอยมาโชยๆ ผมเองก็ได้กลิ่นจางๆ และเพื่อนผมคนนึงเอ่ยปาก ว่าเฮ้ย! พวกเมิงได้กลิ่นอะไรมะ? เพื่อนผมดีครับ ที่มันไม่ทักตรงๆ เพราะทุกคนเหมือนรู้กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ก่อนหน้าหลังสอบวันแรก เราได้มีโอกาสเล่าเรื่องจิตสัมผัสของเพื่อนผมกันไปแล้ว ทั้งกลุ่มรับรู้ แต่ก็แปลกที่ไม่ได้มีใครกลัวไปมากมาย ) ไม่มีใครเอ่ยว่าได้กลิ่นธูป ใช้คำว่าได้กลิ่นอะไรมะ เพื่อนเจ้าของห้อง ลุกขึ้นไปปิดประตูระเบียงห้อง ปิดบานเกร็ด พร้อมเรียกเพื่อนอีกคนไปปิดประตู ทุกคนเหมือนรู้กัน คือเรากำลังจะเปิดแอร์ ให้มันเย็นสบายนั่นเอง และยังป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์จากภายนอกด้วย แล้วก็มานั่งอ่านหนังสือกันปกติ แต่ซักพักนึง กลิ่น..ยังคงอยู่..!!? เรามองหน้ากัน และหันไปมองเพื่อนจิตสัมผัสที่ผมไม่ได้เอ่ยถึงเลย ตั้งแต่อ่านหนังสือกันมา คือมันนั่งตัวสั่นๆ เหงื่อซิบๆ ทั้งๆที่แอร์เย็นฉ่ำ และมันก็ไม่ได้ไปวิ่งซักหน่อย แถมนั่งสั่นอยุ่คนเดียวไม่ได้บอกใคร เพื่อนอีกคนนึงทักและลุกเขยิบไปหาเพื่อนจิตสัมผัส เฮ้ย เป็นอะไร เพื่อน!?
(เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ)
เรื่องเล่าสยองขวัญตอนปี 2
ชื่อเป็นคอนโด แต่สภาพคือหอพัก หรืออพาร์ทเมนท์ดีๆนี่แหละ เป็น 2 ชั้น สองหลัง หันหน้าเข้าหากัน บอกชื่อซอยให้ก็ดะ ซอย 45 จร้า (ชื่อซอยไม่บอกนะ เดี๋ยวรู้ ) ก็มาอาศัยนอนกับเพื่อน หลายคนอยู่นะ มันเป็นช่วงสอบน่ะ จะมารวมตัวกันอ่านหนังสือสอบกัน แมนๆกันทั้งหมด มีกันอยู่ราวๆ 5 คนได้
มีพักที่คอนโดเดียวกัน และจากที่อื่น แต่เราสนิทกัน ก็เลยมาอ่านหนังสือร่วมกันน่ะ เรื่องหลอนมันเกิดขึ้นตอนช่วงนี้...
เพื่อนๆ จะมีหลุ่มที่แตะบอล, กลุ่มที่ไป fitness ที่ยิมใน ม. (มีชมรมเพาะกายน่ะ) ก็มาอ่านหนังสือร่วมกันอยู่ จริงๆ พวกเราพอทราบเรื่องเล่าที่เป็นตำนานในมหาลัยมาบ้างละ ตอนรับน้อง และตอนที่ไปแคมป์กัน แล้วเล่าเรื่องกัน อย่างน่าติดตาม แต่มันไม่ใช่ตอนนี้ป่าววะ ตอนที่พวกเรามาอ่านหนังสือกันอยู่เนี่ย
คือจู่ๆ เพื่อนอีกคนเดอนออกไปข้างนอก หน้าห้อง (ซึ่งหน้าห้อง ไฟคอนโดจะสว่างมาก คอนโดนี้ดูสว่างไสว ตลอดเวลา) มันออกไปทำตัวสั่นๆ แล้วมองเข้ามาในห้อง ไอ้เราเองก็สงสัย มองไปที่มัน มันก็มองหน้ามาที่เรา แต่ตัวมันดูลนลานพิกล และหน้าตาชวนให้เวทนาเหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง ประมาณว่ากูอยากคุยกะ เอาวะ! เราเองก็อ่านหนังสือ จนเมื่อยตุ้มละ..เลยลุกไปคุยกะมันหน่อย ว่ามันเป็นอะไร เพื่อนๆคนอื่นก็ยังคงนั่งอ่านหนังสือกันตามปกติ คือ ณ สายตาเพื่อนที่มันมองมาที่ผมแบบลนลานนั้น ผมว่ามันยากที่จะมาเล่นมุขแบบนี้ คือมันจริงจังและเป็นกังวลเกินไป เกินกว่าคนธรรมดาอย่างเพื่อนผมจะเล่นมุขลน แบบนี้ได้
ผมลุกขึ้นเดินไปหามันที่หน้าห้อง ซึ่งประตูเปิดอยู่ ไม่ได้ปิด เพื่อนคนอื่นก็เงยหน้ามอง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร นั่งอ่านหนังสือกันต่อ ผมเดินมาทักเพื่อนว่า เมิงเป็นอารายย (มีลากเสียง พร้อมสีหน้า) เพื่อนบอก กรูไม่ไหวละว่ะ เมิงเอาเป้กะหนังสือมาให้กรูหน่อย ถ้าเป็นไปได้ เมิงไปกะกรูด้วยว่ะ กรูไม่กล้าเดินไปคนเดียว แมร่งก็ดึกละด้วย กรูไม่มีกระจิตกระใจจะอ่านละว่ะ แมร่ไม่เข้าหัวเลย และยังมาเจออะไรแบบนี้อีก!!
ผมฟังมันแบบงงๆ อะไรคือเจอแบบนี้ เจออะไร!!? อะไรของมัน !!? // เฮ้ย ใจเย็น เมิงเจออะไร มีอะไรวะ // เมิงช่วยหยิบเป๋าเป้กับหนังสือหอบมาให้กรูหน่อย เดี๋ยวค่อยคุย ผมก็เง็งๆ ประมาณหงุดหงิดว่าเพื่อนเป็นอะไร ก็ตัดความรำคาญ เดินเข้าไปหยิบหนังสือของมัน และกระเป๋า หอบมาให้มัน เพื่อนคนอื่นๆ เงยหน้ามองถามว่าอ้าว จะไปไหนกัน ผมก็ตัดบท เปล่าๆ แป๊บนึง พูดไปเดินไป ไม่ได้มองเพื่อนๆที่นั่งกันอยู่ เอามาให้มัน เพื่อนลนลานยัดหนังสือลงเป้ แล้วถามเมิงจะไปกับกรูมั้ย เดินไปส่งกรูหน้าปากซอยก็ได้ / เฮ้ย!!? มันขนาดนั้นเลยหรือฟะ!!? ผมนึกในใจ เข้าห้องไปเอาเป๋าตังค์ เดินออกมา เพื่อนก็ถาม ไปไหนวะ ถ้าไป 7-11 กรูฝาก..บลา บลา บลา.. ผมก็เออออ เหมือนรู้กัน แล้วบอกเออ เดี๋ยวกรูมา รีบเดินออกมาหาเพื่อนด้านนอกที่รออยู่ มันรีบเดินเหมือนผมมาส่งไม้วิ่งเปรี้ยวให้มัน คือแทบจะไม่รอ กรูเจอตั้งแต่กลางวันละ แมร่งจะอะไรกะกรูนักหนา กรูก็เห็นว่าคนเยอะ นี่อ่านหนังสืออยู่ แมร่งก็มาเดินข้างหลัง ห้องก็เล็กแค่นี้ เพื่อนก็อยู่กันแค่นี้ ใครจะมาหลอกกรูได้ขนาดนี้ กรูไปทำอะไรให้วะ // เพื่อนหน้าเครียดพลางพูดไปพลางระหว่างเดินแบบเดินเร็ว ผมก็เดินตาม เงียบ อึ้ง ฟังแล้วคิดตามที่มันพูด // เฮีย มันเรื่องอะไรกันวะ!!? กรูงงไปหมดแล้วเนี่ย อะไร! ใครเดินอยู่หลังเมิง ที่ไหน ยังไง เมิงมีไรป่าวเนี่ย!!?
ณ ช่วงนั้น ถ้าทุกคนเข้าใจสถานการณ์ คือมันพูดเร็ว ลนลาน เดินเร็ว เหมือนรีบมาก ผมบอกให้แวะ 7-11 ด้วยกันก่อน ได้คุยกัน สว่างๆ ใน 7-11 น่าจะได้เข้าใจความกระจ่างมากขึ้น เพื่อนเล่าพอจับใจความได้ว่า ตอนอ่านหนังสือ เหมือนมีใครมาเดินไป-มา อยู่ข้างหลังมัน ซึ่งห่างจากกำแพงห้องราวแค่เมตรเศษ และเพื่อนคนอื่นนอนอ่านบ้าง นั่งอ่านบ้าง เรามีกันอยู่ 5 คน และเวลามันรู้สึกว่ามีคนเดินผ่าน มันก็เงยหน้ามองเพื่อนๆในห้อง ก็มีกันครบ 5 คน รวมมัน แล้วใครจะมาเดินผ่าน มันก็เริ่มจับสังเกตุตอนรู้สึกว่าคนเดินผ่านอีกละ มันหันขวับ ตอนจับความรู้สึกได้ ก็ไม่เจอ หนหลังๆ เริ่มเดินถี่ มีเสียงขลุกขลัก เหมือนคนเดิน เสียงเข่ากระแทกพื้น เสียงการก้าวเดินของคนเท้าเปล่า มันพยายามหันควับไปมอง หลายที แบบไม่ให้เพื่อนผิดสังเกตุ แต่ก็ได้แต่ว่างเปล่า จนเริ่มมาหัวเราะหึหึ เชิงสะใจอยู่ข้างหูมัน ข้างซ้ายบ้าง ขวาบ้าง คือมันไม่ได้อ่านหนังสือแล้วระยะหลัง แค่นั่งนิ่งรอจับสังเกตุเท่านั้นเอง
มันเล่าว่า เมื่อกลางวันที่มา ก็ เห็นเดินแว่บตรงหลังระเบียงหลังห้อง ซึ่งเราอยู่กันชั้น 3 ระเบียงจะติดกับห้องน้ำ ซึ่งประตูห้องน้ำอยู่ด้านใน ที่ระเบียง มีแค่ราวผ้ากับเครื่องซักผ้า
ตอนกลางวัน เพื่อนผมมันจับสังเกตุหลายครั้ง เดินออกไปดูที่ระเบียง กระทั่งเปิดดูเครื่องซักผ้า แต่มันทำทุกอย่างธรรมชาติไม่ให้เพื่อนจับสังเกตุอะไรมันได้ ซึ่งก็สร้างมึนงงให้กับมันตั้งแต่ช่วงกล่งวันละ พอมาเจอเดินข้างหลังพร้อมเสียงกระซิบหัวเราะเท่านั้นแหละ ตอนนี้มันกระเจิงละ และบ่นอุบว่ากรูจะอ่านหนังสือสอบ ดันจะมาแกล้งอะไรกรูอีก อ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลยเนี่ย
เราเปลี่ยนที่สนทนา จาก7-11 มาเป็นร้านเตี๋ยวข้างทางตรงนั้น พร้อมคุยกันต่อ ผมเองก็ลนว่าต้องกลับไปอ่านหนังสือต่อ เพื่อนก็รอกินของ7-11ที่ฝากซื้อ ใจนึงก็ห่วงเพื่อนคนนี้ที่ต้องมาเจออะไรช่วงจะสอบอยู่พรุ่งนี้ และยังต้องเผชิญกับสถาณการณ์เพื่อนๆ ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่คอนโด โดยอยู่กับ..อะไรที่มองไม่เห็น
ตอนนั้น ก็พยายามสงบจิตตัวเอง และ ประคองจิตใจเพื่อนไปด้วยกัน “เฮ้ย! ใจเย็นก่อนมั้ย สงบจิจ สงบใจ แล้วค่อยๆเล่ามาดีกว่าเพื่อน ว่ามันอะไร ยังไง….?” คือในใจผมตอนนั้น คิดว่า เดี๋ยวต้องไปอ่านหนังสือต่ออีก ซึ่งจำได้ว่าอ่านไปไม่เท่าไหร่ ยังเหลืออีกเยอะ ที่ต้องอ่าน ต้องทวน และตอนนี้ เอาตรงๆ คือสมาธิเสียซะด้วยอีก
เพื่อนมันเล่าว่า มันเจอตอนกลางวัน มันก็กังวล แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผมก็ฟังเรื่องที่มันเล่า พอสรุปใจความได้ว่า ตอนกลางวัน เจอเงาเดินวูบผ่าน ตรงระเบียง อย่างที่เล่าไป พอมาตอนกลางคืนที่อ่านหนังสือกัน เอาตรงๆ มันเจอเดินผ่านตรงระเบียงจุดเดิมหลายวูบเลย มันก็คงชิน พยายามไม่สนใจ มุ่งมั่นอ่านหนังสือไป แต่คงเป็นเพราะมันไม่สนใจรึเปล่า เงาที่เดินผ่านวูบๆนั้น ย้ายมาเป็นเดินผ่านหลังมัน ซึ่งเรียกว่าประชิดตัวมาก อย่างที่แจ้งครับ ว่าจากข้างหลังมันไปจนผนังห้อง ห่างแค่ประมาณเมตร อีกทั้งมีทั้งเพื่อนที่นั่งอ่านด้วยกัน และเพื่อนที่นอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่ด้วย มันยังรู้สึกอยู่คนเดียวอีก จิตมันขุ่นมากตอนนั้นเชิงรำคาญ จนมีมาเป่าข้างหู มาหัวเราะด้วย มันเลยเตลิด แล้วลูกเดินออกมานอกห้องนี่แหละ
ผมเองก็คุยทีเล่นทีจริง เฮ้ย คิดไปเองป่าววะ เพื่อนก็บอก พรุ่งนี้จะสอบละ คิดว่ากูมีอารมณ์เหรอ ..เออ ผมเองก็เก็ตนะ คือเป็นการตัดบทที่ชัดเจนดี เลยถามมัน แล้วคืนนี้จะเอาไง มันบอกเดี๋ยวกลับไปนอนบ้านเช่ามัน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผมเองก็ห่วงมันหลายอย่าง เรื่องที่มันเจอวันนี้ ตะกี๊นี้ และเรื่องที่ต้องสอบพรุ่งนี้อีก
กรูว่า เมิงใจเย็นก่อนมะ เราอยู่กันตั้ง 5 คน ห้องก็สว่างสุดๆ กรูว่าเดี๋ยวกลับไปอ่านด้วยกัน เดี๋ยวดึกๆ เราจะสรุปเนื้อหาร่วมกัน เป็นรายวิชา (พรุ่งนี้สอบ 2 วิชา, เช่า-บ่าย) เมิงจะได้ส่วนนั้นที่พวกเราแชร์กันดีกว่า
โดยประจำแล้ว พวกเราจะช่วยกันแบบนี้ครับ คือแยกกันอ่านใครอ่านมัน แล้วมาสรุปร่วมกัน ตรงจุดที่คิดว่าสำคัญ ช่วยกันพูด ช่วยกันแชร์ ใครขาดส่วนของใคร จะได้จำเพิ่ม เลคเชอร์เพิ่ม เตรียมท่องจำก่อนเข้าห้องสอบ
เพื่อนผมมันก็กังวล ใจนึงมันคงห่วงเรื่องสอบพรุ่งนี้ด้วย จึงตกลงกลับไปคอนโดด้วยกัน เราก็เดินไปคุยกันไปงึมงัมๆ พอมาถึงห้อง เพื่อนๆก็บ่นนิดหน่อยว่าไปนาน แล้วก็บ่นถึงให้เพื่อนผม ว่าเมิงจะเอาเป้ไปทำไม ทำเป็นจะกลับ สุดท้ายก็ไม่พ้นพวกกรู (ฮ่าๆๆ สมัยนั้น การเหน็บแนม แบบไม่รักษาน้ำใจเพื่อน เป็นเรื่องปกติครับ) รอบนี้ มันแหวกตัวเข้าไปนั่งกลางวงเพื่อน เพื่อนๆก็งง ที่ตั้งกว้าง เมิงจะเข้ามานั่งเบียดทำไม ผมก็ช่วยเชียร์ส่า เออออน่ะ ให้มันนั่งๆไป ได้อ่านกันต่อ ให้จบสรุป 1 วิชา เดี๋ยวต้องอีก 1 วิชา คือตัดบทให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และโฟกัสไปที่การอ่านหนังสือครับ
คืนนั้นเราอ่านกันไปอีกพักใหญ่ เพื่อนบางคนบ่น กรูง่วงนอนแล้วว่ะ มาสรุปกันเถอะ ผมเองก็อ่านไป เงยหน้ามองเพื่อนจิตสัมผัสของผมไปตลอด ว่าปฏิกิริยาตอนนั้น มันเป็นยังไง เพื่อนก็อ่านปกติ แค่สายตามันจะเลิ่กลั่กไปนิดหน่อย แนวคนระแวง
คืนนั้นผ่านไปด้วยดีครับ แล้วพักสอบ 1 วัน อีกวันเรานัดกันเช่นเดิม เหมือนรู้กันครับ แต่คราวนี้ไคล์แม็ก..
คือวันพัก 1 วัน เราเตรียมสอบกันอีก (จำไม่ได้ว่า 2 หรือ 3วิชา) เราก็นัดหมายกันเรียบร้อย มาที่เดิม ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้งงครับ ว่าเพื่อนจิตสัมผัสผมนั้น เค้าเจอ แต่เจ้าของห้องมาอยู่ตั้งแต่ปี1 ไม่ยักกะเจออะไร
รอบนี้ เรามากันตั้งแต่หัวค่ำ ทุ่มนิดๆ มีคนอ่านหนังสือ เพื่อนอีกคนยังนั่งเล่นเกมส์คอมอยู่แป๊บนึง ก็มาอ่านด้วยกัน ตอนอ่านและเพื่อนเล่นเกมส์อยู่นั้น เพื่อนใส่หูฟังครับ เพราะทุกคนอ่านหนังสือสอบ เสียงเกมส์ไม่ดัง เราเปิดห้องไว้ครับ ไม่ได้ปิดเช่นเดิม ลมพัดจากระเบียงสบายๆ ออกหน้าประตู ลักษณะประตูจะเป็นช่องเดียวกันกับทางระเบียงเลยครับ คือลมเข้า-ออก แบบอากาศถ่ายเทมาก ใช้พัดลม 1 ตัว อยู่กันได้แบบสบายๆ วันไหนอากาศร้อน เพื่อนผมจะปิดประตูทั้งหมด แล้วเปิดแอร์ครับ แล้วแต่บรรยากาศน่ะ ช่วงหัวค่ำนั้น เสียงดังตามสังคมนอกประตูก็ดังแบบปกตินะ แต่ก็สบายๆ ทุกๆคนชินครับ พอเริ่มดึกหน่อย เพื่อนที่เล่นเกมส์ลงมานั่งอ่านกับพวกเรา และบรรยากาศเริ่มเงียบเข้ามา จนเรียกว่า เงียบสงัด เสียงคนพูดน้อยลง เทียบได้ยินเป็นนานๆที ผมก็ว่าแปลกดี มันเงียบจริง และสิ่งที่มาหลอนพวกเรานั่นเอง
ไม่รู้ว่าใครได้กลิ่นก่อน แต่ทุกคนเงียบกันหมด คือกลิ่นคล้ายควันธูปลอยมาโชยๆ ผมเองก็ได้กลิ่นจางๆ และเพื่อนผมคนนึงเอ่ยปาก ว่าเฮ้ย! พวกเมิงได้กลิ่นอะไรมะ? เพื่อนผมดีครับ ที่มันไม่ทักตรงๆ เพราะทุกคนเหมือนรู้กัน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ไม่มีใครเอ่ยว่าได้กลิ่นธูป ใช้คำว่าได้กลิ่นอะไรมะ เพื่อนเจ้าของห้อง ลุกขึ้นไปปิดประตูระเบียงห้อง ปิดบานเกร็ด พร้อมเรียกเพื่อนอีกคนไปปิดประตู ทุกคนเหมือนรู้กัน คือเรากำลังจะเปิดแอร์ ให้มันเย็นสบายนั่นเอง และยังป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์จากภายนอกด้วย แล้วก็มานั่งอ่านหนังสือกันปกติ แต่ซักพักนึง กลิ่น..ยังคงอยู่..!!? เรามองหน้ากัน และหันไปมองเพื่อนจิตสัมผัสที่ผมไม่ได้เอ่ยถึงเลย ตั้งแต่อ่านหนังสือกันมา คือมันนั่งตัวสั่นๆ เหงื่อซิบๆ ทั้งๆที่แอร์เย็นฉ่ำ และมันก็ไม่ได้ไปวิ่งซักหน่อย แถมนั่งสั่นอยุ่คนเดียวไม่ได้บอกใคร เพื่อนอีกคนนึงทักและลุกเขยิบไปหาเพื่อนจิตสัมผัส เฮ้ย เป็นอะไร เพื่อน!?
(เดี๋ยวมาเล่าต่อนะ)