เคยสงสัยกันไหมว่าเหตุใดตัวละครของซานริโอถึงได้มีแยะแยะมากมาย แถมยังขยันปล่อยตัวละครใหม่ ๆ ออกมาให้เราได้กรี๊ดเพราะความน่ารักของพวกมันอยู่เรื่อยเลย หากพูดในแง่ของธุรกิจมันก็จริงอยู่ที่ว่าเป็นการเพิ่มยอดขายให้ และถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า มีตัวละครหนึ่งมักจะเสริมทัพความน่ารักตะมุตะมิมาพร้อมกับผองเพื่อนของเธออยู่เสมอ และไม่ใช่แค่นั้น แต่ตัวละครตัวนี้ยังโผล่ไปแจมกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์อื่นอยู่เรื่อยๆ เอาละ…ถึงเวลาเฉลยแล้วละว่า คาแร็กเกตอร์ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ ก็คือ Hello Kitty (เฮลโลคิตตี้) แมวเหมียวตัวนี้นี่เอง … (อุ๊บ ขอโทษทีเธอไม่ใช่แมวนี่หน่า)
ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @kaeritaianokoro ได้ทวิตข้อความที่ประธานบริษัทซานริโอกล่าวในที่ประชุมกรรมการผู้ถือหุ้นว่า
“หากมีตัวละครหนึ่งที่คุณรัก แต่คุณกลับพบว่ามันอาจจะต้องถูกถอดออกไปเนื่องจากมียอดขายที่ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นจะดีกว่าไหมหากนำตัวละครยอดฮิตอย่างเฮลโลคิตตี้มาร่วมมือด้วย เพื่อช่วยดึงยอดขายให้ตัวละครตัวอื่นสามารถอยู่รอดได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เฮลโลคิตตี้มักจะมีส่วนร่วมในทุกๆ เรื่อง”
จะเห็นได้ว่าการที่เฮลโลคิตตี้ร่วมมือกับตัวละครอื่นนั้นช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นมันยังสามารถทำให้กับธุรกิจอื่น ๆ เติบโตและขยายตลาดออกไปทั่วโลกได้นับไม่ถ้วนอีกด้วย
ชินทาโร ซึจิ ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทซานริโอ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เขียนคอลัมน์ Special Message from the Strawberry King (Strawberry King หนึ่งในตัวละครซานริโอที่มักจะนำข้อความแห่งสันติภาพและมิตรภาพมาบอกกล่าวสู่ทุกๆ คน) เป็นส่วนหนึ่งในนิตยสารรายเดือนของซานริโอ โดยหัวข้อในเดือนนี้คือ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่เรายังคงมีไมตรีจิตต่อกันต่างหาก”
ความสูญเสียจากสงคราม เพิ่มความสำคัญของ “มิตรภาพ”
ซึจิได้เล่าประสบการณ์ของเขาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเนื้อความว่า ในช่วงที่เขายังเป็นนักศึกษาหนุ่มในมหาวิทยาลัย เขารับรู้ถึงความน่ากลัวจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ สร้างความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เขาจึงเขียนคอลัมน์นี้ขึ้นเพื่อบอกเล่าว่าสงครามนั้นเลวร้ายเพียงใด
“บาดแผลที่เกิดขึ้นจากสงครามไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนไปภายใน 2-3 ปีหรือ 2-3 ทศวรรษ ” ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงนักศึกษาผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปเป็นจำนวนมาก หนึ่งสิ่งที่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในจิตใจเขาก็คือ “ไม่เคยมีสงครามใดที่ดี” ไม่ว่าจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ ศาสนาหรือเชื้อชาติก็ตาม
“มนุษย์ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน…การช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ”
จากประสบการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวได้ส่งผลถึงแนวคิดของบริษัทที่ว่า “Small gifts, big smiles” ผลิตภัณฑ์ของซานริโอจึงเริ่มมาจากของขวัญชิ้นเล็กน่ารักในราคาเหมาะสม นำมาซึ่งรอยยิ้มทั้งจากผู้ให้และผู้รับ เป็นหลักการที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เฮลโลคิตตี้และผองเพื่อน ได้ช่วยส่งมอบความสุขสู่ผู้คนกว่า 55 ปีที่ผ่านมา
ในยุคที่ ”บริษัทมืด” (บริษัทที่ใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง ไม่ต่างอะไรจากโรงงานนรก) สามารถพบได้ทั่วไป ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในประเทศญี่ปุ่น ผู้ประกอบการมักหวังเพียงผลกำไร โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของพนักงานหรือความพึงพอใจของผู้บริโภค แต่บริษัทซานริโอก็ยังยืนหยัดที่จะเปลี่ยนแปลงภาพจำเหล่านั้นเสียใหม่ และต้องการทำให้บริษัทเป็นที่รักของผู้คนดังเช่นปัจจุบัน
หลังจากที่ข้อความต้นตอดังกล่าวได้รับการรีทวิตไปกว่า 1 แสน 4 หมื่น รีทวิต และอีกกว่า 3 แสน 4 หมื่นผู้ใช้งานที่ชื่นชอบ ชาวเน็ตญี่ปุ่นต่างก็รู้สึกประทับใจในคำพูดของซึจิ และรีทวีคกลับ เช่น
”เฮลโลคิตตี้! ฉันขอโทษที่เข้าใจเธอผิดมาตลอดและชอบคิดว่าเธอเสนอหน้ากับตัวละครอื่นมากเกินไป (T^T) ”
“ฉันคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเงิน แต่ที่จริงแล้วมันมีเหตุผลอย่างนี้นี่เอง ประธานบริษัทซานริโอนี่เจ๋งเสียจริง ! ”
“ฉันล่ะอยากจะซื้อหุ้นซานริโอตอนนี้เลย!”
เห็นได้ชัดว่าเฮลโลคิตตี้จะเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าเมื่อเธออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับผองเพื่อน แม้แต่คนที่ไม่ได้หลงใหลในโทนสีพาสเทลหรือเป็นนักสะสมตัวยงของซานริโอก็ตาม แต่ด้วยคำพูดที่น่าประทับใจของเขาก็ทำให้ผู้คนชื่นชมและให้ความสนใจในแม่สาวคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม (ใช่ค่ะ! คิตตี้เธอเป็นสาวน้อยนะ ไม่ใช่แมว!!) เพราะล่าสุดเธอก็ไปโผล่อยู่บนรถไฟชินคันเซ็น วิ่งให้บริการในเมืองโอซาก้า – ฟุกุโอกะเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
และต้องบอกว่าเธอเป็นเจ้าแม่ Collaboration ที่ไม่ใช่แค่แบ่งปันมิตรภาพกับเพื่อนๆ ของเธอภายในครอบครัวซานริโอเท่านั้น แม้แต่คาแร็กเตอร์จากสหรัฐอเมริกา หรือแบรนด์อื่นๆ เธอก็พร้อมจะส่งความตะมุตะมิของตัวเองไปร่วมแจม จนกลายเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทั้ง 2 ฝั่ง
เครดิตคลิปจาก Avril Lavigne
“k-k-k-kawaii
Come come Kitty Kitty
You’re so pretty pretty
Don’t go Kitty Kitty
Stay with me”
ขนาดบทเพลงของสาวเอฟริล ลาวีน (Avril Lavigne) นักร้องชื่อดังจากฝั่งยุโรปก็ยังไม่วายพูดถึง “เฮลโลคิตตี้” หนึ่งในตัวละครยอดฮิตตลอดกาลของซานริโอ เห็นได้จากการที่เธอมักจะไปโผล่ร่วมกับตัวละครอื่น ๆ อยู่เสมอ หากพูดถึงแค่ในประเทศไทยเราก็มักจะพบตัวละครเฮลโลคิตตี้ในทุก ๆ ที่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กิ๊บติดผม ร่ม ช้อนส้อม ไปจนถึงลวดลายคิตตี้บนแพนเค้กที่ขายตามรถเข็นหน้าโรงเรียน อาจกล่าวได้ว่า Hello Kitty is everywhere with you เลยก็เป็นได้!
บทความจาก : BrandBuffet.in.th
https://www.brandbuffet.in.th/2018/07/why-hello-kitty-must-collaborate-with-other-brands/
“ประธานบริษัทซานริโอ” เผยเหตุผล ทำไม “Hello Kitty” ร่วม Collaborate แจมกับคนอื่นเขาไปทั่ว!!
เคยสงสัยกันไหมว่าเหตุใดตัวละครของซานริโอถึงได้มีแยะแยะมากมาย แถมยังขยันปล่อยตัวละครใหม่ ๆ ออกมาให้เราได้กรี๊ดเพราะความน่ารักของพวกมันอยู่เรื่อยเลย หากพูดในแง่ของธุรกิจมันก็จริงอยู่ที่ว่าเป็นการเพิ่มยอดขายให้ และถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า มีตัวละครหนึ่งมักจะเสริมทัพความน่ารักตะมุตะมิมาพร้อมกับผองเพื่อนของเธออยู่เสมอ และไม่ใช่แค่นั้น แต่ตัวละครตัวนี้ยังโผล่ไปแจมกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์อื่นอยู่เรื่อยๆ เอาละ…ถึงเวลาเฉลยแล้วละว่า คาแร็กเกตอร์ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี่ ก็คือ Hello Kitty (เฮลโลคิตตี้) แมวเหมียวตัวนี้นี่เอง … (อุ๊บ ขอโทษทีเธอไม่ใช่แมวนี่หน่า)
ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น @kaeritaianokoro ได้ทวิตข้อความที่ประธานบริษัทซานริโอกล่าวในที่ประชุมกรรมการผู้ถือหุ้นว่า
“หากมีตัวละครหนึ่งที่คุณรัก แต่คุณกลับพบว่ามันอาจจะต้องถูกถอดออกไปเนื่องจากมียอดขายที่ไม่ดี ถ้าอย่างนั้นจะดีกว่าไหมหากนำตัวละครยอดฮิตอย่างเฮลโลคิตตี้มาร่วมมือด้วย เพื่อช่วยดึงยอดขายให้ตัวละครตัวอื่นสามารถอยู่รอดได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่เฮลโลคิตตี้มักจะมีส่วนร่วมในทุกๆ เรื่อง”
จะเห็นได้ว่าการที่เฮลโลคิตตี้ร่วมมือกับตัวละครอื่นนั้นช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นมันยังสามารถทำให้กับธุรกิจอื่น ๆ เติบโตและขยายตลาดออกไปทั่วโลกได้นับไม่ถ้วนอีกด้วย
ชินทาโร ซึจิ ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทซานริโอ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เขียนคอลัมน์ Special Message from the Strawberry King (Strawberry King หนึ่งในตัวละครซานริโอที่มักจะนำข้อความแห่งสันติภาพและมิตรภาพมาบอกกล่าวสู่ทุกๆ คน) เป็นส่วนหนึ่งในนิตยสารรายเดือนของซานริโอ โดยหัวข้อในเดือนนี้คือ
ความสูญเสียจากสงคราม เพิ่มความสำคัญของ “มิตรภาพ”
ซึจิได้เล่าประสบการณ์ของเขาในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเนื้อความว่า ในช่วงที่เขายังเป็นนักศึกษาหนุ่มในมหาวิทยาลัย เขารับรู้ถึงความน่ากลัวจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมะและนางาซากิ สร้างความเสียหายและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เขาจึงเขียนคอลัมน์นี้ขึ้นเพื่อบอกเล่าว่าสงครามนั้นเลวร้ายเพียงใด
“บาดแผลที่เกิดขึ้นจากสงครามไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนไปภายใน 2-3 ปีหรือ 2-3 ทศวรรษ ” ในตอนนั้นเขาเป็นเพียงนักศึกษาผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปเป็นจำนวนมาก หนึ่งสิ่งที่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในจิตใจเขาก็คือ “ไม่เคยมีสงครามใดที่ดี” ไม่ว่าจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศ ศาสนาหรือเชื้อชาติก็ตาม
“มนุษย์ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน…การช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ”
จากประสบการณ์อันเลวร้ายดังกล่าวได้ส่งผลถึงแนวคิดของบริษัทที่ว่า “Small gifts, big smiles” ผลิตภัณฑ์ของซานริโอจึงเริ่มมาจากของขวัญชิ้นเล็กน่ารักในราคาเหมาะสม นำมาซึ่งรอยยิ้มทั้งจากผู้ให้และผู้รับ เป็นหลักการที่ทำให้ผลิตภัณฑ์เฮลโลคิตตี้และผองเพื่อน ได้ช่วยส่งมอบความสุขสู่ผู้คนกว่า 55 ปีที่ผ่านมา
ในยุคที่ ”บริษัทมืด” (บริษัทที่ใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง ไม่ต่างอะไรจากโรงงานนรก) สามารถพบได้ทั่วไป ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในประเทศญี่ปุ่น ผู้ประกอบการมักหวังเพียงผลกำไร โดยไม่สนใจความเป็นอยู่ของพนักงานหรือความพึงพอใจของผู้บริโภค แต่บริษัทซานริโอก็ยังยืนหยัดที่จะเปลี่ยนแปลงภาพจำเหล่านั้นเสียใหม่ และต้องการทำให้บริษัทเป็นที่รักของผู้คนดังเช่นปัจจุบัน
หลังจากที่ข้อความต้นตอดังกล่าวได้รับการรีทวิตไปกว่า 1 แสน 4 หมื่น รีทวิต และอีกกว่า 3 แสน 4 หมื่นผู้ใช้งานที่ชื่นชอบ ชาวเน็ตญี่ปุ่นต่างก็รู้สึกประทับใจในคำพูดของซึจิ และรีทวีคกลับ เช่น
”เฮลโลคิตตี้! ฉันขอโทษที่เข้าใจเธอผิดมาตลอดและชอบคิดว่าเธอเสนอหน้ากับตัวละครอื่นมากเกินไป (T^T) ”
“ฉันคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อเงิน แต่ที่จริงแล้วมันมีเหตุผลอย่างนี้นี่เอง ประธานบริษัทซานริโอนี่เจ๋งเสียจริง ! ”
“ฉันล่ะอยากจะซื้อหุ้นซานริโอตอนนี้เลย!”
เห็นได้ชัดว่าเฮลโลคิตตี้จะเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าเมื่อเธออยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับผองเพื่อน แม้แต่คนที่ไม่ได้หลงใหลในโทนสีพาสเทลหรือเป็นนักสะสมตัวยงของซานริโอก็ตาม แต่ด้วยคำพูดที่น่าประทับใจของเขาก็ทำให้ผู้คนชื่นชมและให้ความสนใจในแม่สาวคนนี้มากขึ้นกว่าเดิม (ใช่ค่ะ! คิตตี้เธอเป็นสาวน้อยนะ ไม่ใช่แมว!!) เพราะล่าสุดเธอก็ไปโผล่อยู่บนรถไฟชินคันเซ็น วิ่งให้บริการในเมืองโอซาก้า – ฟุกุโอกะเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
และต้องบอกว่าเธอเป็นเจ้าแม่ Collaboration ที่ไม่ใช่แค่แบ่งปันมิตรภาพกับเพื่อนๆ ของเธอภายในครอบครัวซานริโอเท่านั้น แม้แต่คาแร็กเตอร์จากสหรัฐอเมริกา หรือแบรนด์อื่นๆ เธอก็พร้อมจะส่งความตะมุตะมิของตัวเองไปร่วมแจม จนกลายเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทั้ง 2 ฝั่ง
เครดิตคลิปจาก Avril Lavigne
Come come Kitty Kitty
You’re so pretty pretty
Don’t go Kitty Kitty
Stay with me”
ขนาดบทเพลงของสาวเอฟริล ลาวีน (Avril Lavigne) นักร้องชื่อดังจากฝั่งยุโรปก็ยังไม่วายพูดถึง “เฮลโลคิตตี้” หนึ่งในตัวละครยอดฮิตตลอดกาลของซานริโอ เห็นได้จากการที่เธอมักจะไปโผล่ร่วมกับตัวละครอื่น ๆ อยู่เสมอ หากพูดถึงแค่ในประเทศไทยเราก็มักจะพบตัวละครเฮลโลคิตตี้ในทุก ๆ ที่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กิ๊บติดผม ร่ม ช้อนส้อม ไปจนถึงลวดลายคิตตี้บนแพนเค้กที่ขายตามรถเข็นหน้าโรงเรียน อาจกล่าวได้ว่า Hello Kitty is everywhere with you เลยก็เป็นได้!
บทความจาก : BrandBuffet.in.th
https://www.brandbuffet.in.th/2018/07/why-hello-kitty-must-collaborate-with-other-brands/