ชีวิตนศ. ปี2กับการย้ายมาอยู่ หอนอก

ช่วงปี 1 เราใช้ชีวิตอยู่หอในของมหาวิทยาลัย
เมื่อจบปี1 แล้ว เราก็ได้ทำเรื่องย้ายออกมาที่หอนอก
ซึ่งบ้างคนก็สามารถอยู่ต่อได้จนจบปี 4 แต่จะต้องเปลี่ยนรูมเมทในทุกๆปี

แต่เราไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนรูมเมทในทุกๆปี
เราจึงทำเรื่องย้ายออกในปี 2 เพื่อที่จะมาพักคนเดียวอยู่หอนอก
เพราะคนรอบข้างบอกว่า อยู่คนเดียวสบายใจ ไม่ต้องมาเจอรูมเมทงี่เง่า

ทุกๆคนก็เตือนเราว่าให้หาหอดีๆ เพื่อที่จะเลี่ยงการเจอสิ่งลี้ลับหรือเจ้าที่ที่ทำให้เรากลัว
เพราะอาจจะทำให้เราอยู่ได้ไม่นาน และย้ายหอไปเรื่อยๆ
เราตัดสินใจเลือกหออยู่นานมาก เพราะไม่ถูกใจบ้าง ไกลมอบ้าง หรือแม้แต่สภาพห้องไม่โอเคบ้าง

จนมาถึงหอนึง ที่ใกล้มอมาก และเป็นลักษณะบ้านพัก ที่มีการแบ่งแยกห้อง
เป็นห้องอย่างชัดเจน ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับใครในระแวกนั้น ห้องพักนั้นมีอยู่ทั้งหมด 4 ฝั่ง
มีทั้งเป็นบ้านที่มีหลายห้อง ห้องเดี่ยว ห้องแอร์ ห้องพัดลม
หรือแม้แต่ขนาดของเตียง เตียง3.5 ฟุตหรือ 5 ฟุต หรือจะเอาทั้งสองเตียง

แน่นอนล่ะ เราเอาเตียง 5 ฟุตแค่เตียงเดียว
เพราะกลัวว่าจะมีสมาชิกไม่ได้รับเชิญมานอนเตียงข้างๆ

ต้องบอกก่อนนะคะว่า “หอพักตรงนี้ เป็นหอพักที่ถูกแนะนำมาจากรุ่นพี่ที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกันในอุดรธานี
พี่เขาได้มาเรียนที่มหาลัยแห่งนี้ และได้จบไปก่อนเรา 1 ปี”
พี่เขาบอกว่าหอพักนี้ดีและสะดวกสบาย ให้ลองเข้าไปอยู่

เราจึงตัดสินใจไปอยู่ที่นั่น โดยที่ไม่ได้ไปดูหอพักก่อนล่วงหน้า
ได้แค่ติดต่อไปหาเจ้าของหอพักเพื่อที่จะเข้าอยู่ และได้บอกวันเข้าพักอย่างชัดเจน

เมื่อตกลงกันเสร็จแล้ว
เราก็เตรียมตัวขนของเข้าพักในวันรุ่งขึ้น
พร้อมกับไปวางเงินมัดจำ และทำสัญญาเรียบร้อย

ในวันที่เราขนของเข้าไปอยู่ที่ห้อง
ในวันนั้นมีพ่อ แม่ น้องชาย และญาติพี่น้องมาช่วยขนของให้
เจ้าของหอก็ได้นำกุญแจและพาเราขนของเข้าเก็บให้เรียบร้อย

สภาพห้องและสภาพแวดล้อมค่อนข้างจะดี
หอพักมีความเป็นส่วนตัว และแม่เราก็ชอบหอพักนี่มาก

จากที่สังเกตในครั้งแรกที่เข้าไป
เราได้พักให้ห้องเลขที่ 9
(ใช่ค่ะ เลขมันดีสุดๆเลย ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับเลขสิ่งลี้ลับเลย)
เข้าไปถึงห้องแล้ว มีเตียงขนาด 5 ฟุตตามที่ขอเจ้าของหอไว้ ห้องแอร์
มีโต๊ะไว้สำหรับเขียนหนังสือ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะกระจก ตู้เย็น ทีวีและชั้นวางของ
ทุกอย่างถูกเตรียมไว้สำหรับเข้าพัก 2 คน

ไปถึงที่พัก เราก็ได้แบ่งหน้าที่ให้แต่ละคน
เรา น้องชายและญาติพี่น้องช่วยกันขนของและจัดของให้เข้าที่
ส่วนพ่อกับแม่จะเป็นคนทำความสะอาดบริเวณห้อง

และที่ขาดไม่ได้ในการเข้าพักในแต่ละที่คือ การจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง

ในขณะที่เรากำลังจัดของอยู่
แม่ก็ได้เรียกเราออกมาจากห้อง เพื่อมาจุดธูป
สิ่งแรกที่สังเกตเห็นบริเวณหน้าห้องพักคือ
“ทำไมธูปที่นี่เยอะจัง ทำไมมีพวงมาลัยอยู่ที่ต้นปาล์มหน้าห้องเยอะจัง ทำไมมีน้ำแดงอยู่โคนต้นปาล์ม”

เมื่อจุดธูปเสร็จ
เจ้าของหอก็ได้เดินมาหาและได้พูดคุยกับเรา
สิ่งที่เจ้าของหอพูดก็คือ ...
“ห้องนี้อะ ไม่ค่อยมีคนอยู่ได้นานๆนะ เพราะทุกวันพระทุกห้องจะมาจุดธูปไหว้พระที่หน้าห้องนี้
และจะมาขอพรจากต้นปาล์มต้นนี้ ”

เรากับแม่มองหน้ากันอยู่พักนึง
เจ้าของหอจึงพูดขึ้นอีกว่า “เจ้าที่เข้าอยู่ตรงต้นนี่แหล่ะลูก”
เราก็ได้แต่พยักหน้าและพูดว่า “ค่ะๆ”
เจ้าของหอเลยเดินกลับไปที่สำนักงาน
แม่ถามว่า “จะอยู่ได้มั้ยล่ะลูก มัดจำ1ปีเลยนะ”
เราก็บอกแม่ว่า “ได้ซิคะ ที่นี่ก็น่าอยู่ดีออก”

อยู่ๆพ่อก็เดินมาและพูดขึ้นว่า
“ห้องลูกเป็นเลข 9 นี่ดีเนาะ เสียอย่างเดียวห้องลูกเป็นทางสามแพร่ง”
เราคิดในใจ “โอ้โหพ่อ!!! ทำไมมาทักอะไรแบบนี้ หนูต้องพักอยู่คนเดียวนะ”

พอเริ่มค่ำ
พ่อ แม่ น้องชาย และญาติพี่น้องก็พากันเดินทางกลับไปที่อุดร ถึงแม้ว่าของจะยังเก็บไม่เสร็จก็ตาม

เมื่อทุกคนเดินทางกลับ
ด้วยความที่เราเหนื่อยกับการขนของมาทั้งวัน
เราก็เผลอหลับไปพักนึง ซึ่งเวลาเรานอน เราเป็นคนที่ชอบนอนหันหัวใส่พัดลม
นอนลักษณะทางขวางของที่นอนและยกเท้าขึ้นที่ผนังห้อง

ตอนนั้นเรากึ่งหลับกึ่งตื่น
เราเห็นผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามาภายในห้อง
เขาเดินวนเวียนภายในห้องอยู่หลายรอบ เราก็ไม่ได้สนใจเพราะตอนนั้นง่วงนอนมาก
ตอนนั้นเราได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ เหมือนคนกำลังขนของหรือกำลังหยิบจับอะไรอยู่
เราได้ยินเสียงเขาชัดเจนว่า “ห้องรก จัดอะไรไม่เป็นระเบียบเลย”
เราคิดในใจว่า “คนนั้นต้องเป็นเจ้าของห้องแน่ๆ ถึงได้เข้ามาแล้วบ่นเรื่องห้องรกแบบนี้”
พอเราคิดในใจแค่นั้นแหล่ะ เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินๆอยู่ก็หยุด หยุดอยู่ตรงที่ที่เรานอน
นั่นหมายความว่าเขายื่นอยู่ด้านบนหัวเรา
เราเข้าใจว่า “เขาคงจะมาดูหน้าเจ้าของห้องเฉยๆ” และเราก็ลืมตาขึ้น ...

สิ่งที่เราเห็นคือ ...
ผู้หญิงคนนั้นผมยาวประบ่า เขากำลังก้มหน้าลงมาหาเราที่กำลังนอน พอเขายิ่งก้มลงมาหาเรา
ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เรายิ่งเห็นหน้าเขาชัดมากขึ้น

เขาเป็นผู้หญิงที่ตาโต คิ้วหน้า ผิวเข้ม และที่สำคัญมีปานดำที่คิ้วข้างขวา  

ยิ่งเขาเข้าใกล้เรามากเท่าไหร่
ก็เหมือนลมหายใจของเขาโดนที่หน้าผากเรา
ตอนนั้นเขาไม่ได้มาทำอะไรเลยเรา แต่เรารู้สึกกลัวเขามาก เหมือนเขากำลังไม่พอใจที่เราทำห้องรก

แต่เสียงสวรรค์ก็มา ...
เพื่อนเราที่หอข้างๆ มาเคาะประตู ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ
เราจึงรู้สึกตัวตื่น ...
อยากขอบคุณเพื่อนจริงๆที่มาตรงเวลา ถ้าช้าอีกนิดเดียวเราก็จะกลัวจะทนไม่ไหวแล้วก็ได้

แน่นอนล่ะ คืนนั้นไม่กล้านอนที่หอพักนั้น
จะขอให้เพื่อนมานอนด้วยก็ไม่ได้
เพราะเพื่อนแต่ละคนล้วนแล้วแต่กลัวผีกันทั้งนั้น

เราใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์ในการคุ้นเคยหอนั้น
ช่วงแรกๆ นอนร้องไห้กับเพื่อนสมัยมัธยมทุกคืน

นี่เป็นเพียงเหตุการณ์แรกของการเข้าพักเท่านั้น
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เกิดขึ้น เพราะเราพักอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลา3ปี




สามารถติดตามเรื่องอื่นๆได้ที่
เคยเชื่อเรื่องผีกันมั้ย
https://ppantip.com/topic/38103540

ชีวิตมหาลัยกับหอใน
https://ppantip.com/topic/38109565

ชีวิตนศ. ปี2กับการย้ายมาอยู่ หอนอก
https://ppantip.com/topic/38114579/comment2
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่