สวัสดีครับ อาเฮียและพี่ๆชาวสินธรทุกคน

วันนี้ผมได้อ่านข่าวสารด้านการเงิน การลงทุนมาเล็กน้อยเลยจะมาขอความคิดเห็นจากทุกคนกันอีกเช่นเคยครับ

ผมมีความสงสัยว่า เวลาที่วิกฤตการเงินในตลาดเกิดใหม่ ถ้าเกิดขึ้นจริงๆจะต้องเกิดในทุกประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่หรือไม่ครับ ก่อนหน้านี้เท่าที่ได้ติดตามข่าวแนวนี้จะมีหลายคนบอกว่า วิกฤตหนนี้ไม่เหมือนกับช่วงต้มยำกุ้ง

ตอนนี้ประเทศไทยมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นมากจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบต้มยำกุ้งแน่นอน ประกอบกับช่วงนี้ค่าเงินในหลายประเทศ เช่น รัสเซีย ตุรกี อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย มีการอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก แต่ผิดกับประเทศไทยที่ค่าเงินแข็งขึ้นเป็นไปได้หรือไม่ที่วิกฤตในตลาดเกิดใหม่จะไม่เกิดขึ้นกับประเทศไทยครับ???

อีกอย่างปีนี้นักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยยังมียอดขายสุทธิเป็นไปแนวทางเป็นไปทางเดียวกับข่าว ผมก็ไม่อยากให้ประเทศไทยเจอกับวิกฤตนี้ และตลาดหุ้นได้ทำจุดสูงสุดเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ทั้งหลายกล่าวไว้

ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นล่วงหน้าครับ

เนื้อหาแบบย่อ

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ท่านผู้อาวุโสจิม โรเจอร์สผู้ได้รับสมญานามว่า ‘อินเดียน่า โจนส์แห่งวอลล์สตรีท’ ได้พยากรณ์ไว้โดยมีใจความว่า ภาวะหมี หรือ ภาวะขาลงของตลาดหุ้นที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไปจะมีความหายนะมากกว่าทุกครั้งที่เคยพบในชีวิตการลงทุนของท่าน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากภาระหนี้ในระบบเศรษฐกิจโลกได้พอกพูนขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับแต่วิกฤตการเงินโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ
       'หากเกิดภาวะหมีอีกครั้ง ซึ่งเราจะเผชิญภาวะหมีอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นจะเป็นภาวะขาลงที่เลวร้ายที่สุดในชั่วชีวิตของเรา เนื่องจากมองไปทางไหนก็มีแต่หนี้ และยังคงเพิ่มขึ้นๆต่อเนื่องนับจากนี้' ท่านโรเจอร์สกล่าว
       อย่างไรก็ตาม จนถึงเพลานี้ อินเดียน่า โจนส์แห่งวอลล์สตรีทยังมิได้มีคำพยากรณ์ออกมาเพิ่มเติมว่า วิกฤติที่ท่านกล่าวถึงจะเกิดขึ้นเมื่อใด จึงนับเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อยที่จะติดตามว่า สิ่งที่ท่านเตือนไว้นั้นมีเค้าลางที่จะเกิดขึ้นเมื่อใด ช้าหรือเร็ว แลมีปัจจัยใดที่อาจขจัดปัดเป่าไม่ให้หายะนั้นเกิดขึ้นได้
       ต่อในเดือนพฤษภาคม ท่านจอร์จ โซรอส ชื่อนี้คือนิยามทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ต้องขยายความใดๆ ได้เตือนว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่จะนำไปสู่วิกฤติการเงินครั้งใหญ่ พร้อมกับเตือนว่า สหภาพยุโรป หรือ อียูกำลังความเสี่ยงเกี่ยวกับความอยู่รอดทางเศรษฐกิจอย่างกะทันหัน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอียูที่เสื่อมทรามลงจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจยุโรป และต่อภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งรวมถึงส่งผลให้สกุลเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลงอันเกิดจากภาวะเงินทุนไหลออก ในที่สุดอาจนำไปสู่วิกฤตการเงินครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
       'เราอาจกำลังคืบคลานไปสู่วิกฤตการเงินครั้งใหญ่อีกครั้ง’ ท่านผู้อาวุโสโซรอสกล่าว คำพยากรณ์ของท่านฤาษี หรือ ที่ใครจะเรียกว่า พ่อมดแห่งโลกการเงินผู้นี้นับน่าเลื่อมใสไม่น้อย เพราะคำเตือนของท่านปรากฏเป็นความจริงให้ได้ประจักษ์แก่ทุกท่านแล้วว่า ได้เกิดวิกฤติค่าเงินต่อสกุลเงินใดๆบ้าง หรือว่าท่านเองเป็นผู้ไปมีส่วนทำให้เกิดวิกฤติค่าเงินเหล่านั้น เพราะท่านถนัดในเรื่องนี้ ซึ่งผู้น้อยต้องขอให้นายท่านเป็นผู้สืบเสาะและวินิจฉัย
       และในเดือนกรกฎาคม ท่านมาร์ค โมเบียส เจ้าแห่งตลาดเกิดใหม่ ได้พยากรณ์ว่า ไม่ช้าก็เร็ววิกฤตการเงินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หลังสิ้นสุดยุคอัตราดอกเบี้ยต่ำ พร้อมกับเตือนว่า สถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯอาจเลวร้ายลง
       'ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิกฤตการเงินจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เพราะเราต้องไม่ลืมว่า เรากำลังออกจากยุคเงินถูกแล้ว (ซึ่งหมายถึงต้นทุนทางการเงินที่ต่ำตามระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และบริษัททั้งหลายที่พึ่งพาเงินเหล่านั้นจะต้องถูกรีดดอกเบี้ยจริงๆแล้ว' ท่านโมเบียสกล่าว

ที่มา: http://www.efinancethai.com/MoneyStrategist/MoneyStrategistMain.aspx?release=y&id=YVNQUlVSUWo2ckk9

เนื้อหาแบบเต็ม ขออนุญาตใส่ใน spoil

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตอน คำพยากรณ์ว่าด้วย “วิกฤติ” จาก ๓ ผู้อาวุโส

ผู้น้อย ‘มังกรในสระ’ น้อมรับใช้นายท่าน เพลานี้โลกการเงินของเราดูจะมีความคึกคักสลับกับความหดหู่ประสมกันไปมา ก็เนื่องจากปัจจัยลบและปัจจัยบวกมีกำลังแลความน่ากลัวและความน่ารักพอๆกัน ซึ่งได้แก่อะไรบ้างนั้น นายท่านย่อมทราบดี ดังนั้น ผู้นำจึงจะไม่กล่าวถึงให้มากความ เพราะในตอนนี้ผู้น้อยจะนำบันทึก ซึ่งไม่ลับ ออกมาเปิดเผยแก่นายท่านเพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนของนายท่านในระยะยาว บันทึกที่ว่านี้เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับวิกฤติการเงินโลกครั้งหน้า ที่ได้เผยแพร่ไปสักระยะหนึ่งแล้วจากสามผู้อาวุโสแห่งโลกการเงิน ซึ่งเป็นเคารพนับถืออย่างสูง ได้แก่ท่านจิม โรเจอร์ส ท่านจอร์จ โซรอส และท่านมาร์ค โมเบียส โดยผู้น้อยได้บันทึกไว้เพื่อป้องกันความหลงลืม แลเห็นว่า ควรจะนำมากล่าวถึงอีกครั้งเพื่อให้นายท่านได้บันทึกไว้เช่นกัน เพราะแม้เพลานี้วิกฤติการเงินจะยังมาไม่ถึง แต่ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ฉะนั้น ฟังคำเตือนจากท่านผู้ใหญ่ที่ผ่านวิกฤติมานับครั้งไม่ถ้วนไว้ ย่อมจะเป็นประโยชน์มิใช่น้อย วอนนายท่านโปรดพิจารณา
       เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ท่านผู้อาวุโสจิม โรเจอร์สผู้ได้รับสมญานามว่า ‘อินเดียน่า โจนส์แห่งวอลล์สตรีท’ ได้พยากรณ์ไว้โดยมีใจความว่า ภาวะหมี หรือ ภาวะขาลงของตลาดหุ้นที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไปจะมีความหายนะมากกว่าทุกครั้งที่เคยพบในชีวิตการลงทุนของท่าน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากภาระหนี้ในระบบเศรษฐกิจโลกได้พอกพูนขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนับแต่วิกฤตการเงินโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ
       'หากเกิดภาวะหมีอีกครั้ง ซึ่งเราจะเผชิญภาวะหมีอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นจะเป็นภาวะขาลงที่เลวร้ายที่สุดในชั่วชีวิตของเรา เนื่องจากมองไปทางไหนก็มีแต่หนี้ และยังคงเพิ่มขึ้นๆต่อเนื่องนับจากนี้' ท่านโรเจอร์สกล่าว
       อย่างไรก็ตาม จนถึงเพลานี้ อินเดียน่า โจนส์แห่งวอลล์สตรีทยังมิได้มีคำพยากรณ์ออกมาเพิ่มเติมว่า วิกฤติที่ท่านกล่าวถึงจะเกิดขึ้นเมื่อใด จึงนับเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อยที่จะติดตามว่า สิ่งที่ท่านเตือนไว้นั้นมีเค้าลางที่จะเกิดขึ้นเมื่อใด ช้าหรือเร็ว แลมีปัจจัยใดที่อาจขจัดปัดเป่าไม่ให้หายะนั้นเกิดขึ้นได้
       ต่อในเดือนพฤษภาคม ท่านจอร์จ โซรอส ชื่อนี้คือนิยามทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ต้องขยายความใดๆ ได้เตือนว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่จะนำไปสู่วิกฤติการเงินครั้งใหญ่ พร้อมกับเตือนว่า สหภาพยุโรป หรือ อียูกำลังความเสี่ยงเกี่ยวกับความอยู่รอดทางเศรษฐกิจอย่างกะทันหัน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอียูที่เสื่อมทรามลงจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจยุโรป และต่อภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งรวมถึงส่งผลให้สกุลเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าลงอันเกิดจากภาวะเงินทุนไหลออก ในที่สุดอาจนำไปสู่วิกฤตการเงินครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
       'เราอาจกำลังคืบคลานไปสู่วิกฤตการเงินครั้งใหญ่อีกครั้ง’ ท่านผู้อาวุโสโซรอสกล่าว คำพยากรณ์ของท่านฤาษี หรือ ที่ใครจะเรียกว่า พ่อมดแห่งโลกการเงินผู้นี้นับน่าเลื่อมใสไม่น้อย เพราะคำเตือนของท่านปรากฏเป็นความจริงให้ได้ประจักษ์แก่ทุกท่านแล้วว่า ได้เกิดวิกฤติค่าเงินต่อสกุลเงินใดๆบ้าง หรือว่าท่านเองเป็นผู้ไปมีส่วนทำให้เกิดวิกฤติค่าเงินเหล่านั้น เพราะท่านถนัดในเรื่องนี้ ซึ่งผู้น้อยต้องขอให้นายท่านเป็นผู้สืบเสาะและวินิจฉัย
       และในเดือนกรกฎาคม ท่านมาร์ค โมเบียส เจ้าแห่งตลาดเกิดใหม่ ได้พยากรณ์ว่า ไม่ช้าก็เร็ววิกฤตการเงินจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน หลังสิ้นสุดยุคอัตราดอกเบี้ยต่ำ พร้อมกับเตือนว่า สถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯอาจเลวร้ายลง
       'ไม่ต้องสงสัยเลยว่า วิกฤตการเงินจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เพราะเราต้องไม่ลืมว่า เรากำลังออกจากยุคเงินถูกแล้ว (ซึ่งหมายถึงต้นทุนทางการเงินที่ต่ำตามระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และบริษัททั้งหลายที่พึ่งพาเงินเหล่านั้นจะต้องถูกรีดดอกเบี้ยจริงๆแล้ว' ท่านโมเบียสกล่าว
       ไม่ต้องขยายความใดๆ เพราะคำเตือนของท่านชัดเจนเพียงพอและสมบูรณ์ดีอยู่แล้ว และเมื่อนำคำพยากรณ์ของผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามมาผูกโยงกัน นายท่านย่อมเห็นภาพแห่งวงจรการเกิดวิกฤติการเงินโลกว่า ย่อมเริ่มต้นจากการขยายตัวของหนี้สิน ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นตามมาเพื่อปรามการก่อหนี้ แต่หากการก่อหนี้ยังไม่ลดทอนลงไป แลยังเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ภาระดอกเบี้ยก็จะทับท่วมทวีขึ้นจนกระทั่งหมดหนทางที่จะชำระไหว ประสมโรงกับปัจจัยลบด้านอื่น ซึ่งอาจเป็นสงครามการค้า หรือ ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศอื่นๆ เมื่อนั้นวิกฤติการเงินโลกย่อมเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่เราชาวโลกการเงินจะเผลอไม่ได้ สวัสดี


fb : สำนักกุนซือโลกการเงิน มังกรในสระ