ตอนก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/38042224
https://ppantip.com/topic/38053617
สังเวียนรัก
โดย...ล. วิลิศมาหรา
เช้านี้ที่โต๊ะเรียน รินโกะมองหน้าคนนั่งข้างแล้วอดขำออกมาไม่ได้กับท่าทางเงื่องหงอยอย่างแสนเซ็งของนายหน้าหล่อมาดกวน เขาเหลือบมองดูเธอแล้วยิ่งทำหน้าหงิก ทั้งอายทั้งอดสูตัวเองกับเหตุการณ์บนเวทีชกมวยในโรงยิมเมื่อวาน นึกไม่ถึงเลยว่าชกมวยบนเวทีกับที่เขาเคยตะลุมบอนกับพวกแก๊งค์ซ่าข้างถนนก่อนหน้านั้น มันต่างกันลิบลับ
บนเวทีมวยเมื่อวานนี้ หลังสวมเฮดการ์ดกับสวมนวมเสร็จ พออาจารย์ทาคากิให้สัญญาณเขาก็ตรงรี่เข้าจ้วงหมัดใส่อย่างที่เคยทำให้คู่ชกหน้าแตกเลือดอาบมาแล้ว แต่โทคิยะแค่ดึงตัวหลบไปนิดเดียว เบี่ยงตัวออกซ้ายทีขวาทีอีกหน่อย หมัดของเขาที่ขว้างออกไปก็ชกเข้ากับลมวืดวาด ไม่ได้แตะแม้เส้นขนของคู่ชก
นักมวยรุ่นพี่เต้นหลอกล่อให้เขางงราวขาติดสปริงอยู่ทั้งสองยก ต่างจากตัวเขาเองที่ยืนขาแข็ง พยายามรัวหมัดเข้าใส่ร่างที่เคลื่อนไหวโยกตัวหลบเหมือนลิงหลอกเจ้าถี่ยิบ ซึ่งในที่สุดการไล่ชกลมแบบนั้นก็ทำให้เหนื่อยภายในเวลาอันรวดเร็ว กลางยกที่สองเขาจึงอ้าปากหายใจหอบเอาอากาศเข้าปอดแทบไม่ทัน รู้สึกลำคอแห้งผาก น้ำลายเหนียวไปหมดจนกลืนฝืดคอ ต้องหยุดไอโขลกออกมาน้ำหูน้ำตาไหล
ในที่สุดเขาก็หมดแรงชก ปล่อยหมัดให้ตกห้อยลงอย่างหมดสภาพ ยังดีที่โทคิยะแค่ปัดหมัดเขาออก ไม่ได้ชกตอบโต้เลยแม้แต่หมัดเดียว รุ่นพี่เต้นรอให้เขายกหมัดขึ้นชกอีก ทว่าหมัดของเขากลับหนักราวนวมที่หุ้มอยู่เป็นเหล็ก ยกไม่ขึ้นเสียเฉยๆ ขาแข้งก็เริ่มปัดเป๋ ยืนแทบไม่อยู่
และแล้วอาจารย์ทาคากิก็สั่งให้ทั้งคู่เลิกชกเพียงแค่ยกที่สองเท่านั้น จากที่ตกลงกันว่าจะชกกันสามยกเหมือนเวทีมวยมาตรฐาน คงเพราะเห็นสภาพของคนหัวดื้อที่ได้แต่ยืนหอบอยู่กลางเวที เพราะไล่ชกอีกฝ่ายที่เต้นหลบไวยังกะลิงไม่ทัน ชิโนซากิยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เขาลงจากเวทีมาด้วยความอับอาย ไม่กล้ามองหน้าใคร เก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้แล้วบอกลาทุกคน ก่อนจะกลับบ้านไป
จนเช้านี้เมื่อรินโกะเข้ามานั่งด้วยที่โต๊ะเรียน พอเห็นหน้าเขาเธอก็หัวเราะขำ ซึ่งมันทำให้เขาเกิดความเซ็งในอารมณ์อย่างที่สุด
“ขำมากใช่ไหม เมื่อวานฉันคงตลกมาก” เขาชำเลืองมองคนนั่งข้างที่ยังปิดปากหัวเราะคิกๆ
“ฉันขอโทษที่ขำนาย แต่ว่ามันอดขำไม่ได้จริงๆ” รินโกะขอโทษขอโพย นึกไปถึงท่าทางเหวี่ยงหมัดคล้ายว่ายน้ำเข้าหารุ่นพี่โทคิยะของชิโนซากิเมื่อวานแล้วก็หลุดหัวเราะพรืดออกมาอีก
“พี่โทคิยะชกมวยเก่งมาก ฉันชกเขาไม่ถูกเลยสักหมัด” เขาอ้อมแอ้มยอมรับ แลตามองเหมือนมองค้อนให้สาวแก่นแก้ว
“แหงล่ะ รุ่นพี่เป็นแชมป์มวยนักเรียนเลยนะ ฉันก็เตือนนายแล้วนี่ นายน่ะแม้แต่ออกหมัดก็ยังไม่เป็น จะเอาอะไรไปกับสู้เขา”
“แต่ฉันจะสู้กับพี่โทคิยะให้ได้ เธอคอยดูนะ ต้องมีสักวันที่ฉันจะได้ขึ้นชกกับเขา” ขณะพูดประโยคนี้ออกมา ประกายตาของคนพูดวาววามขึ้นอย่างน่าแปลกใจ รินโกะหยุดขำ มองหน้าเขาแล้วถามอย่างสงสัย
“ทำไมนายถึงอยากขึ้นชกกับรุ่นพี่ ก็ไหนเคยบอกว่าไม่ได้อยากเป็นนักมวย แค่อยากเอาไว้ใช้ป้องกันตัว นี่ชิคุง...ถามจริง นายจะป้องกันตัวจากใคร นายมีศัตรูด้วยเหรอ”
“มี...ศัตรูก็คือตัวฉันเองนี่แหละ ฉันอยากเอาชนะตัวเอง อยากพิสูจน์ว่าฉันเป็นนักสู้ ตอนแรกฉันแค่อยากชกมวยเป็น เอาไว้สู้กับพวกที่เคยมีเรื่องกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ พวกนั้นไม่มีความหมายอะไรกับฉันเลย ชนะพวกมันไปก็ได้แค่ความสะใจ แต่ไม่ภูมิใจ คนที่ฉันอยากเอาชนะก็คือรุ่นพี่โทคิยะต่างหาก ถ้าเอาชนะเขาบนเวทีได้ถึงจะเป็นความภูมิใจของฉันอย่างแท้จริง”
“นายพูดเหมือนกับอิจฉาพี่โทคิยะ หรือว่านายกำลังคิดจะเป็นนักมวยเหมือนรุ่นพี่ แล้วมาชิงแชมป์กับเขา”
“ใช่... ฉันอิจฉาพี่โทคิยะ ตอนนี้ฉันอยากเป็นนักมวยขึ้นมาแล้ว ฉันอยากเป็นแชมป์มวยเหมือนเขา”
“ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ ชิคุง นายเป็นลูกท่านประธานบริษัทที่ร่ำรวย มีพร้อมทุกอย่าง เส้นทางชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เหมือนรุ่นพี่ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาตั้งมากมาย กว่าจะได้เข้าเรียนมัธยมปลายที่นี่ นายยังจะคิดอิจฉาเขาอีกเหรอ อีกหน่อยนายก็จะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดีๆ จบออกมาเป็นนักธุรกิจแบบพ่อนาย แล้วนายจะมาลำบากชกมวยให้เจ็บตัวอีกทำไม”
“เป็นนักธุรกิจแบบพ่อไม่ใช่ความภูมิใจของฉัน พูดไปเธอก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก” คำพูดตอบกลับของเขาห้วนสั้น คิ้วหนาเริ่มขมวดยุ่ง
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พูดเหมือนไม่อยากเป็นนักธุรกิจอย่างนั้นแหละ มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนายกับพ่อ เป็นนักธุรกิจมันไม่ดีตรงไหน” แต่ว่ารินโกะอยากรู้เสียแล้ว เธอตั้งหน้าตั้งตาซักไซ้เขาทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะรู้เรื่องของนายคนนี้มาก่อน
“ไม่ดีตรงที่คิดถึงแต่เรื่องเงินทองจนไม่มีเวลาให้ลูกเมียน่ะสิ พ่อฉันหายใจเข้าออกเป็นเรื่องของธุรกิจ เงินที่หามาได้มากมายก็เป็นเล่ห์เหลี่ยมกลโกงทางธุรกิจ ฉันไม่ภูมิใจกับเงินแบบนั้นหรอก”
รินโกะอึ้งกับคำพูดของชิโนซากิ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดเหมือนปรักปรำพ่อตัวเองแบบนั้น เธอมองใบหน้าคมเฉี่ยวที่สลดลง เห็นแววหมองฉายอยู่เต็มหน่วยตาคนพูด ซึ่งมันทำให้รินโกะชักนึกเอะใจกับท่าทีของผู้ชายจอมหยิ่ง หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีชีวิตส่วนตัวที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก
“เอ๊ะ! นายพูดเหมือนไม่พอใจพ่อ...พ่อนายยุ่งจนไม่มีเวลาให้ลูกเมียเลยเหรอ แต่ความจริงเป็นประธานบริษัทใหญ่โตมันก็คงต้องยุ่งแบบนั้นอยู่แล้ว เอ้อ...จริงสิ นายไม่เคยพูดถึงแม่...ขอโทษนะ พ่อกับแม่นายยังอยู่ด้วยกันใช่ไหม”
เธอตัดสินใจถามขึ้น หนุ่มน้อยไม่ตอบ เขาควักกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาเปิด แล้วดึงภาพถ่ายใบเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นให้รินโกะดู เธอเอียงหน้ามองภาพถ่ายในมือเขา พอมองเห็นชัดก็ต้องอึ้งไปอีกรอบ เพราะผู้หญิงในภาพถ่ายหน้าตรงขนาดหนึ่งนิ้วใบนั้นมีหน้าตาคล้ายกันกับเธอมาก...นี่คงเป็นเหตุผลที่เขามาสนใจเธอสินะ
“รูปแม่เธอเหรอ”
“ใช่ แม่ฉันตายไปหลายปีแล้ว ตั้งแต่ฉันยังเล็ก แม่เกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนรถคันอื่น รูปแม่ใบนี้เป็นรูปเดียวที่ฉันมีอยู่ พ่อฉันเป็นคนไม่มีหัวใจ พ่อเก็บรูปแม่ทุกใบไปเผาทิ้งหมด”
“ฉันเสียใจด้วย แล้วทำไมพ่อเธอถึงต้องทำขนาดนั้นล่ะ พวกเขาโกรธกันเหรอ”
“แม่มักทะเลาะกันกับพ่อ...พ่อหาว่าแม่มีผู้ชายคนอื่น วันนั้นแม่ทะเลาะกับพ่อหนักมาก แม่ดื่มแล้วขับรถออกไป ก่อนไปแม่กอดฉันร้องไห้ แม่บอกว่าจะเลิกกับพ่อเพราะพ่อไม่เคยสนใจแม่...แม่สัญญาว่าจะกลับมารับฉันไปอยู่ด้วย แต่แล้วแม่ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย”
เด็กสาวมองหน้าคนเล่าอย่างสลดใจไปกับเรื่องราวของเขา เป็นครั้งแรกที่เธอนึกเห็นใจนายจอมกวนขึ้นมา เพิ่งรู้ว่าทำไมเขาจึงชอบขัดใจพ่อ ลึกๆ ชิโนซากิคงคิดว่าพ่อเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตัวเองตาย เลยไม่อยากอยู่ใต้ร่มเงาของคนเป็นพ่อ เขาอยากสร้างทางชีวิตของเขาขึ้นมาเอง
ไม่นึกเลยว่าลูกชายของประธานบริษัทใหญ่โตและร่ำรวย คนที่เธอเคยแอบอิจฉาว่าช่างสุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่างจากอำนาจเงิน แต่แท้จริงแล้วพวกเขากลับไม่ค่อยมีความสุขนักกับชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลว สองพ่อลูกต่างบ่มเพาะความเจ็บปวดจากการสูญเสียผู้หญิงอันเป็นที่รักไว้ในใจ และขณะนี้ยังเหมือนกับว่าพ่อลูกคู่นี้จะสูญเสียความศรัทธาระหว่างกันไปอีกด้วย สาเหตุคงจะมาจากความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัว
นึกถึงผู้ชายอีกคนที่ไร้ญาติขาดมิตร ขาดแคลนไปเสียทุกสิ่ง แต่เขากลับมีความภาคภูมิใจในทุกอณูของชีวิต พี่โทคิยะของเธอดูจะมีความสุขมากกว่าพ่อลูกเศรษฐีคู่นี้เสียอีก พ่อกับแม่ที่จากไปของเขาเหลือไว้แต่ความทรงจำอันดีงาม ถึงแม้พวกเขาจะอยู่กันอย่างยากจนข่นแค้นบนเกาะที่ทุรกันดาร เป็นพลังให้สู้ชีวิตเพื่อเกียรติยศของวงศ์ตระกูล มิน่า ชิโนซากิถึงได้บอกว่าอิจฉารุ่นพี่ ที่แท้เขามีปมในใจนั่นเอง
“อยากเป็นนักมวยนายต้องพยายามมากกว่านี้ นายขี้โม้” เพราะเกิดนึกสงสารเขาขึ้นมา คราวนี้เธอเลยต้องพยายามหัวเราะพลางพูดแหย่ อยากให้เขากลับมาเป็นไอ้หนุ่มจอมวีนคนเดิมมากกว่าจะมานั่งทำหน้าเศร้าแบบนี้
“ฉันก็คิดว่านายทำได้นะ จะว่าไปเมื่อวานนายก็มีแววเป็นนักมวยอยู่เหมือนกัน”
“ฉันทำได้แน่ถ้ามีเธอเป็นกำลังใจ เธอจะยอมเป็นให้ฉันไหมล่ะ”
ยุ่งล่ะสิ...พอจะพูดให้กำลังใจก็เลยมาเข้าตัวเสียอย่างนั้น รินโกะมองเขาแล้วนิ่วหน้า ผงกศีรษะไปทางหน้าห้อง
“กำลังใจเธอมีเพียบอยู่แล้วนี่ ทั้งในห้องนี้กับที่ห้องอื่น จะมากะเกณฑ์เอาจากฉันอีกทำไม โน่น...โยโกะซังเหลียวมามองรอบที่ร้อยแล้ว”
ชิโนซากิมองตามเธอแล้วถอนใจยาว หันมายักไหล่ดึงมุมปากลงนิดๆ กับเธอ...เชอะ! จะมาทำท่าเซ็งอะไรเอาตอนนี้ ก็ตัวเองชอบไปเก๊กหล่อจนสาวๆ ติดเกรียวเองนี่นา อย่างโยโกะที่นั่งอยู่หน้าห้องนั้นก็ด้วย หล่อนมักหาทางแสดงความสนิทสนมกับชิโนซากิให้คนอื่นเห็นอยู่เสมอ เรียกว่าจองไว้แล้วก็ได้ โยโกะเป็นขาวีนในห้อง สมกันดีกับชิโนซากิที่เป็นขาวีนฝ่ายชาย
รินโกะชำเลืองมองเขาแล้วแลบลิ้นให้
ใกล้จะถึงวันแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นประจำปีระหว่างโรงเรียนมัธยมปลายของเมือง รุ่นพี่โทคิยะกับนักมวยคนอื่นตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างหนัก ทุกคนดูเหมือนจะพร้อมกันแล้วสำหรับการชิงชัยในครั้งนี้ โทคิยะสามารถลดน้ำหนักมาอยู่ที่ห้าสิบแปดกิโลกรัม ยังเกินอยู่อีกนิดหน่อยซึ่งไม่ใช่ปัญหาให้ต้องหนักใจ
การฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวขึ้นชกของนักมวยในทีมไม่น่าแปลกใจอะไร ที่น่าแปลกก็คือเด็กใหม่ของทีมอย่างชิโนซากิ ที่หลังจากวันขึ้นซ้อมชกกับโทคิยะวันนั้นแล้ว เขาก็ขยันฟิตซ้อมร่างกาย หมั่นฝึกออกอาวุธอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในทีม ยกเว้นผู้จัดการทีมสาวที่เริ่มเข้าใจในตัวของหนุ่มจอมกวนมากขึ้น
หลังฝึกซ้อมตอนเย็นจนถึงเวลาหนึ่งทุ่ม พวกนักมวยก็จะเลิกซ้อม พากันกลับออกไปจากโรงยิม รินโกะรอจนพวกเขาออกไปกันหมดถึงค่อยเข้ามาเก็บข้าวของที่ใช้ในการฝึกให้เข้าที่ ก่อนจะปิดไฟในโรงยิมแล้วขึ้นบ้านไป แต่วันนี้พอเข้ามาดูความเรียบร้อยในโรงยิม เธอก็เห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังชกกระสอบทรายอยู่ไม่ยอมเลิก
“อย่าหักโหมซ้อมแบบนี้สิชิคุง เดี๋ยวร่างกายนายจะไม่ไหวเอานะ” รินโกะเข้ามายืนมองแล้วพูดเตือน ร่างที่เริ่มมีมัดกล้ามขึ้นตามแขนและหัวไหล่หยุดชกกระสอบทราย ใบหน้าเปื้อนเหงื่อของเขาหันมายิ้มให้
“ก็เธอเป็นคนพูดเองว่าอยากเป็นนักมวยต้องมีความพยายาม ฉันกำลังพยายามอยู่นี่ไง”
“นายคงไม่คิดจะขึ้นชกในงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนปีนี้หรอกใช่ไหม”
“ไม่หรอก ฉันจะไม่ชกกับใครนอกจากชิงแชมป์กับรุ่นพี่โทคิยะคนเดียวเท่านั้น”
“แต่นายต้องได้ถึงแชมป์รุ่นไลท์เวทเชียวนะ รุ่นพี่ถึงจะมาชกชิงแชมป์กับนาย” รินโกะชักหงุดหงิดกับความคิดเกินจินตนาการของเขา พูดเหมือนกับจะทำได้ง่ายๆ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นแม้แต่นักมวยสำรอง
“แน่นอน ฉันจะเป็นแชมป์รุ่นนั้นให้ได้” แต่อีกฝ่ายดูจะไม่สนใจ คงย้ำคำพูดอย่างมุ่งมั่น
“มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก ชิคุง” โทคิยะตามรินโกะเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขายืนเท้าสะเอวมองมาที่หนุ่มรุ่นน้องยิ้มๆ
“นายอยากเป็นแชมป์มวยสากลนักเรียนจริงๆ เหรอ”
“ฉันไม่ได้พูดเล่นหรอกรุ่นพี่ ฉันต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ในสักวัน แล้วฉันจะท้าชกกับรุ่นพี่อีกครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยนายเอง มา...หยุดซ้อมกระสอบทราย มาฝึกออกหมัดกับฉันดีกว่า”
(มีต่อ)
สังเวียนรัก 3 - 4
ตอนก่อนหน้า
https://ppantip.com/topic/38042224
https://ppantip.com/topic/38053617
โดย...ล. วิลิศมาหรา
เช้านี้ที่โต๊ะเรียน รินโกะมองหน้าคนนั่งข้างแล้วอดขำออกมาไม่ได้กับท่าทางเงื่องหงอยอย่างแสนเซ็งของนายหน้าหล่อมาดกวน เขาเหลือบมองดูเธอแล้วยิ่งทำหน้าหงิก ทั้งอายทั้งอดสูตัวเองกับเหตุการณ์บนเวทีชกมวยในโรงยิมเมื่อวาน นึกไม่ถึงเลยว่าชกมวยบนเวทีกับที่เขาเคยตะลุมบอนกับพวกแก๊งค์ซ่าข้างถนนก่อนหน้านั้น มันต่างกันลิบลับ
บนเวทีมวยเมื่อวานนี้ หลังสวมเฮดการ์ดกับสวมนวมเสร็จ พออาจารย์ทาคากิให้สัญญาณเขาก็ตรงรี่เข้าจ้วงหมัดใส่อย่างที่เคยทำให้คู่ชกหน้าแตกเลือดอาบมาแล้ว แต่โทคิยะแค่ดึงตัวหลบไปนิดเดียว เบี่ยงตัวออกซ้ายทีขวาทีอีกหน่อย หมัดของเขาที่ขว้างออกไปก็ชกเข้ากับลมวืดวาด ไม่ได้แตะแม้เส้นขนของคู่ชก
นักมวยรุ่นพี่เต้นหลอกล่อให้เขางงราวขาติดสปริงอยู่ทั้งสองยก ต่างจากตัวเขาเองที่ยืนขาแข็ง พยายามรัวหมัดเข้าใส่ร่างที่เคลื่อนไหวโยกตัวหลบเหมือนลิงหลอกเจ้าถี่ยิบ ซึ่งในที่สุดการไล่ชกลมแบบนั้นก็ทำให้เหนื่อยภายในเวลาอันรวดเร็ว กลางยกที่สองเขาจึงอ้าปากหายใจหอบเอาอากาศเข้าปอดแทบไม่ทัน รู้สึกลำคอแห้งผาก น้ำลายเหนียวไปหมดจนกลืนฝืดคอ ต้องหยุดไอโขลกออกมาน้ำหูน้ำตาไหล
ในที่สุดเขาก็หมดแรงชก ปล่อยหมัดให้ตกห้อยลงอย่างหมดสภาพ ยังดีที่โทคิยะแค่ปัดหมัดเขาออก ไม่ได้ชกตอบโต้เลยแม้แต่หมัดเดียว รุ่นพี่เต้นรอให้เขายกหมัดขึ้นชกอีก ทว่าหมัดของเขากลับหนักราวนวมที่หุ้มอยู่เป็นเหล็ก ยกไม่ขึ้นเสียเฉยๆ ขาแข้งก็เริ่มปัดเป๋ ยืนแทบไม่อยู่
และแล้วอาจารย์ทาคากิก็สั่งให้ทั้งคู่เลิกชกเพียงแค่ยกที่สองเท่านั้น จากที่ตกลงกันว่าจะชกกันสามยกเหมือนเวทีมวยมาตรฐาน คงเพราะเห็นสภาพของคนหัวดื้อที่ได้แต่ยืนหอบอยู่กลางเวที เพราะไล่ชกอีกฝ่ายที่เต้นหลบไวยังกะลิงไม่ทัน ชิโนซากิยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เขาลงจากเวทีมาด้วยความอับอาย ไม่กล้ามองหน้าใคร เก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้แล้วบอกลาทุกคน ก่อนจะกลับบ้านไป
จนเช้านี้เมื่อรินโกะเข้ามานั่งด้วยที่โต๊ะเรียน พอเห็นหน้าเขาเธอก็หัวเราะขำ ซึ่งมันทำให้เขาเกิดความเซ็งในอารมณ์อย่างที่สุด
“ขำมากใช่ไหม เมื่อวานฉันคงตลกมาก” เขาชำเลืองมองคนนั่งข้างที่ยังปิดปากหัวเราะคิกๆ
“ฉันขอโทษที่ขำนาย แต่ว่ามันอดขำไม่ได้จริงๆ” รินโกะขอโทษขอโพย นึกไปถึงท่าทางเหวี่ยงหมัดคล้ายว่ายน้ำเข้าหารุ่นพี่โทคิยะของชิโนซากิเมื่อวานแล้วก็หลุดหัวเราะพรืดออกมาอีก
“พี่โทคิยะชกมวยเก่งมาก ฉันชกเขาไม่ถูกเลยสักหมัด” เขาอ้อมแอ้มยอมรับ แลตามองเหมือนมองค้อนให้สาวแก่นแก้ว
“แหงล่ะ รุ่นพี่เป็นแชมป์มวยนักเรียนเลยนะ ฉันก็เตือนนายแล้วนี่ นายน่ะแม้แต่ออกหมัดก็ยังไม่เป็น จะเอาอะไรไปกับสู้เขา”
“แต่ฉันจะสู้กับพี่โทคิยะให้ได้ เธอคอยดูนะ ต้องมีสักวันที่ฉันจะได้ขึ้นชกกับเขา” ขณะพูดประโยคนี้ออกมา ประกายตาของคนพูดวาววามขึ้นอย่างน่าแปลกใจ รินโกะหยุดขำ มองหน้าเขาแล้วถามอย่างสงสัย
“ทำไมนายถึงอยากขึ้นชกกับรุ่นพี่ ก็ไหนเคยบอกว่าไม่ได้อยากเป็นนักมวย แค่อยากเอาไว้ใช้ป้องกันตัว นี่ชิคุง...ถามจริง นายจะป้องกันตัวจากใคร นายมีศัตรูด้วยเหรอ”
“มี...ศัตรูก็คือตัวฉันเองนี่แหละ ฉันอยากเอาชนะตัวเอง อยากพิสูจน์ว่าฉันเป็นนักสู้ ตอนแรกฉันแค่อยากชกมวยเป็น เอาไว้สู้กับพวกที่เคยมีเรื่องกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ พวกนั้นไม่มีความหมายอะไรกับฉันเลย ชนะพวกมันไปก็ได้แค่ความสะใจ แต่ไม่ภูมิใจ คนที่ฉันอยากเอาชนะก็คือรุ่นพี่โทคิยะต่างหาก ถ้าเอาชนะเขาบนเวทีได้ถึงจะเป็นความภูมิใจของฉันอย่างแท้จริง”
“นายพูดเหมือนกับอิจฉาพี่โทคิยะ หรือว่านายกำลังคิดจะเป็นนักมวยเหมือนรุ่นพี่ แล้วมาชิงแชมป์กับเขา”
“ใช่... ฉันอิจฉาพี่โทคิยะ ตอนนี้ฉันอยากเป็นนักมวยขึ้นมาแล้ว ฉันอยากเป็นแชมป์มวยเหมือนเขา”
“ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ ชิคุง นายเป็นลูกท่านประธานบริษัทที่ร่ำรวย มีพร้อมทุกอย่าง เส้นทางชีวิตโรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เหมือนรุ่นพี่ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมาตั้งมากมาย กว่าจะได้เข้าเรียนมัธยมปลายที่นี่ นายยังจะคิดอิจฉาเขาอีกเหรอ อีกหน่อยนายก็จะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดีๆ จบออกมาเป็นนักธุรกิจแบบพ่อนาย แล้วนายจะมาลำบากชกมวยให้เจ็บตัวอีกทำไม”
“เป็นนักธุรกิจแบบพ่อไม่ใช่ความภูมิใจของฉัน พูดไปเธอก็ไม่มีวันเข้าใจหรอก” คำพูดตอบกลับของเขาห้วนสั้น คิ้วหนาเริ่มขมวดยุ่ง
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พูดเหมือนไม่อยากเป็นนักธุรกิจอย่างนั้นแหละ มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนายกับพ่อ เป็นนักธุรกิจมันไม่ดีตรงไหน” แต่ว่ารินโกะอยากรู้เสียแล้ว เธอตั้งหน้าตั้งตาซักไซ้เขาทั้งที่ไม่เคยคิดอยากจะรู้เรื่องของนายคนนี้มาก่อน
“ไม่ดีตรงที่คิดถึงแต่เรื่องเงินทองจนไม่มีเวลาให้ลูกเมียน่ะสิ พ่อฉันหายใจเข้าออกเป็นเรื่องของธุรกิจ เงินที่หามาได้มากมายก็เป็นเล่ห์เหลี่ยมกลโกงทางธุรกิจ ฉันไม่ภูมิใจกับเงินแบบนั้นหรอก”
รินโกะอึ้งกับคำพูดของชิโนซากิ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดเหมือนปรักปรำพ่อตัวเองแบบนั้น เธอมองใบหน้าคมเฉี่ยวที่สลดลง เห็นแววหมองฉายอยู่เต็มหน่วยตาคนพูด ซึ่งมันทำให้รินโกะชักนึกเอะใจกับท่าทีของผู้ชายจอมหยิ่ง หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมีชีวิตส่วนตัวที่ไม่ค่อยราบรื่นนัก
“เอ๊ะ! นายพูดเหมือนไม่พอใจพ่อ...พ่อนายยุ่งจนไม่มีเวลาให้ลูกเมียเลยเหรอ แต่ความจริงเป็นประธานบริษัทใหญ่โตมันก็คงต้องยุ่งแบบนั้นอยู่แล้ว เอ้อ...จริงสิ นายไม่เคยพูดถึงแม่...ขอโทษนะ พ่อกับแม่นายยังอยู่ด้วยกันใช่ไหม”
เธอตัดสินใจถามขึ้น หนุ่มน้อยไม่ตอบ เขาควักกระเป๋าสตางค์ของตัวเองออกมาเปิด แล้วดึงภาพถ่ายใบเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นให้รินโกะดู เธอเอียงหน้ามองภาพถ่ายในมือเขา พอมองเห็นชัดก็ต้องอึ้งไปอีกรอบ เพราะผู้หญิงในภาพถ่ายหน้าตรงขนาดหนึ่งนิ้วใบนั้นมีหน้าตาคล้ายกันกับเธอมาก...นี่คงเป็นเหตุผลที่เขามาสนใจเธอสินะ
“รูปแม่เธอเหรอ”
“ใช่ แม่ฉันตายไปหลายปีแล้ว ตั้งแต่ฉันยังเล็ก แม่เกิดอุบัติเหตุขับรถไปชนรถคันอื่น รูปแม่ใบนี้เป็นรูปเดียวที่ฉันมีอยู่ พ่อฉันเป็นคนไม่มีหัวใจ พ่อเก็บรูปแม่ทุกใบไปเผาทิ้งหมด”
“ฉันเสียใจด้วย แล้วทำไมพ่อเธอถึงต้องทำขนาดนั้นล่ะ พวกเขาโกรธกันเหรอ”
“แม่มักทะเลาะกันกับพ่อ...พ่อหาว่าแม่มีผู้ชายคนอื่น วันนั้นแม่ทะเลาะกับพ่อหนักมาก แม่ดื่มแล้วขับรถออกไป ก่อนไปแม่กอดฉันร้องไห้ แม่บอกว่าจะเลิกกับพ่อเพราะพ่อไม่เคยสนใจแม่...แม่สัญญาว่าจะกลับมารับฉันไปอยู่ด้วย แต่แล้วแม่ก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย”
เด็กสาวมองหน้าคนเล่าอย่างสลดใจไปกับเรื่องราวของเขา เป็นครั้งแรกที่เธอนึกเห็นใจนายจอมกวนขึ้นมา เพิ่งรู้ว่าทำไมเขาจึงชอบขัดใจพ่อ ลึกๆ ชิโนซากิคงคิดว่าพ่อเป็นต้นเหตุทำให้แม่ตัวเองตาย เลยไม่อยากอยู่ใต้ร่มเงาของคนเป็นพ่อ เขาอยากสร้างทางชีวิตของเขาขึ้นมาเอง
ไม่นึกเลยว่าลูกชายของประธานบริษัทใหญ่โตและร่ำรวย คนที่เธอเคยแอบอิจฉาว่าช่างสุขสบาย อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่างจากอำนาจเงิน แต่แท้จริงแล้วพวกเขากลับไม่ค่อยมีความสุขนักกับชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลว สองพ่อลูกต่างบ่มเพาะความเจ็บปวดจากการสูญเสียผู้หญิงอันเป็นที่รักไว้ในใจ และขณะนี้ยังเหมือนกับว่าพ่อลูกคู่นี้จะสูญเสียความศรัทธาระหว่างกันไปอีกด้วย สาเหตุคงจะมาจากความไม่เข้าใจกันของคนในครอบครัว
นึกถึงผู้ชายอีกคนที่ไร้ญาติขาดมิตร ขาดแคลนไปเสียทุกสิ่ง แต่เขากลับมีความภาคภูมิใจในทุกอณูของชีวิต พี่โทคิยะของเธอดูจะมีความสุขมากกว่าพ่อลูกเศรษฐีคู่นี้เสียอีก พ่อกับแม่ที่จากไปของเขาเหลือไว้แต่ความทรงจำอันดีงาม ถึงแม้พวกเขาจะอยู่กันอย่างยากจนข่นแค้นบนเกาะที่ทุรกันดาร เป็นพลังให้สู้ชีวิตเพื่อเกียรติยศของวงศ์ตระกูล มิน่า ชิโนซากิถึงได้บอกว่าอิจฉารุ่นพี่ ที่แท้เขามีปมในใจนั่นเอง
“อยากเป็นนักมวยนายต้องพยายามมากกว่านี้ นายขี้โม้” เพราะเกิดนึกสงสารเขาขึ้นมา คราวนี้เธอเลยต้องพยายามหัวเราะพลางพูดแหย่ อยากให้เขากลับมาเป็นไอ้หนุ่มจอมวีนคนเดิมมากกว่าจะมานั่งทำหน้าเศร้าแบบนี้
“ฉันก็คิดว่านายทำได้นะ จะว่าไปเมื่อวานนายก็มีแววเป็นนักมวยอยู่เหมือนกัน”
“ฉันทำได้แน่ถ้ามีเธอเป็นกำลังใจ เธอจะยอมเป็นให้ฉันไหมล่ะ”
ยุ่งล่ะสิ...พอจะพูดให้กำลังใจก็เลยมาเข้าตัวเสียอย่างนั้น รินโกะมองเขาแล้วนิ่วหน้า ผงกศีรษะไปทางหน้าห้อง
“กำลังใจเธอมีเพียบอยู่แล้วนี่ ทั้งในห้องนี้กับที่ห้องอื่น จะมากะเกณฑ์เอาจากฉันอีกทำไม โน่น...โยโกะซังเหลียวมามองรอบที่ร้อยแล้ว”
ชิโนซากิมองตามเธอแล้วถอนใจยาว หันมายักไหล่ดึงมุมปากลงนิดๆ กับเธอ...เชอะ! จะมาทำท่าเซ็งอะไรเอาตอนนี้ ก็ตัวเองชอบไปเก๊กหล่อจนสาวๆ ติดเกรียวเองนี่นา อย่างโยโกะที่นั่งอยู่หน้าห้องนั้นก็ด้วย หล่อนมักหาทางแสดงความสนิทสนมกับชิโนซากิให้คนอื่นเห็นอยู่เสมอ เรียกว่าจองไว้แล้วก็ได้ โยโกะเป็นขาวีนในห้อง สมกันดีกับชิโนซากิที่เป็นขาวีนฝ่ายชาย
รินโกะชำเลืองมองเขาแล้วแลบลิ้นให้
ใกล้จะถึงวันแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นประจำปีระหว่างโรงเรียนมัธยมปลายของเมือง รุ่นพี่โทคิยะกับนักมวยคนอื่นตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมอย่างหนัก ทุกคนดูเหมือนจะพร้อมกันแล้วสำหรับการชิงชัยในครั้งนี้ โทคิยะสามารถลดน้ำหนักมาอยู่ที่ห้าสิบแปดกิโลกรัม ยังเกินอยู่อีกนิดหน่อยซึ่งไม่ใช่ปัญหาให้ต้องหนักใจ
การฝึกซ้อมเพื่อเตรียมตัวขึ้นชกของนักมวยในทีมไม่น่าแปลกใจอะไร ที่น่าแปลกก็คือเด็กใหม่ของทีมอย่างชิโนซากิ ที่หลังจากวันขึ้นซ้อมชกกับโทคิยะวันนั้นแล้ว เขาก็ขยันฟิตซ้อมร่างกาย หมั่นฝึกออกอาวุธอย่างเอาเป็นเอาตาย ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในทีม ยกเว้นผู้จัดการทีมสาวที่เริ่มเข้าใจในตัวของหนุ่มจอมกวนมากขึ้น
หลังฝึกซ้อมตอนเย็นจนถึงเวลาหนึ่งทุ่ม พวกนักมวยก็จะเลิกซ้อม พากันกลับออกไปจากโรงยิม รินโกะรอจนพวกเขาออกไปกันหมดถึงค่อยเข้ามาเก็บข้าวของที่ใช้ในการฝึกให้เข้าที่ ก่อนจะปิดไฟในโรงยิมแล้วขึ้นบ้านไป แต่วันนี้พอเข้ามาดูความเรียบร้อยในโรงยิม เธอก็เห็นว่ามีใครคนหนึ่งกำลังชกกระสอบทรายอยู่ไม่ยอมเลิก
“อย่าหักโหมซ้อมแบบนี้สิชิคุง เดี๋ยวร่างกายนายจะไม่ไหวเอานะ” รินโกะเข้ามายืนมองแล้วพูดเตือน ร่างที่เริ่มมีมัดกล้ามขึ้นตามแขนและหัวไหล่หยุดชกกระสอบทราย ใบหน้าเปื้อนเหงื่อของเขาหันมายิ้มให้
“ก็เธอเป็นคนพูดเองว่าอยากเป็นนักมวยต้องมีความพยายาม ฉันกำลังพยายามอยู่นี่ไง”
“นายคงไม่คิดจะขึ้นชกในงานกีฬาประจำปีของโรงเรียนปีนี้หรอกใช่ไหม”
“ไม่หรอก ฉันจะไม่ชกกับใครนอกจากชิงแชมป์กับรุ่นพี่โทคิยะคนเดียวเท่านั้น”
“แต่นายต้องได้ถึงแชมป์รุ่นไลท์เวทเชียวนะ รุ่นพี่ถึงจะมาชกชิงแชมป์กับนาย” รินโกะชักหงุดหงิดกับความคิดเกินจินตนาการของเขา พูดเหมือนกับจะทำได้ง่ายๆ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นแม้แต่นักมวยสำรอง
“แน่นอน ฉันจะเป็นแชมป์รุ่นนั้นให้ได้” แต่อีกฝ่ายดูจะไม่สนใจ คงย้ำคำพูดอย่างมุ่งมั่น
“มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก ชิคุง” โทคิยะตามรินโกะเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขายืนเท้าสะเอวมองมาที่หนุ่มรุ่นน้องยิ้มๆ
“นายอยากเป็นแชมป์มวยสากลนักเรียนจริงๆ เหรอ”
“ฉันไม่ได้พูดเล่นหรอกรุ่นพี่ ฉันต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ในสักวัน แล้วฉันจะท้าชกกับรุ่นพี่อีกครั้ง”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยนายเอง มา...หยุดซ้อมกระสอบทราย มาฝึกออกหมัดกับฉันดีกว่า”
(มีต่อ)