ผมไม่มีเจตนา ตั้งกระทู้ว่าละครเรื่องไหนดีกว่ากัน แต่เพื่อเปรียบเทียบมุมมองเชิงประวัติศาสตร์ ผ่าน นิยาย และละครทั้ง2เรื่อง เพื่อเปรียบเทียบมุมมองต่อประวัติศาสตร์ในสมัยเดียวกัน
ก่อนอื่นสายโลหิต เป็นนิยายที่เก่ามาก ผมค้นปีไม่ได้ แต่น่าจะก่อนปี2529 เพราะเวอชั่นแรกทำในปีนี้ ส่วนหนึ่งด้าวฟ้าเดียวเป็นนิยายที่ค่อนข้างใหม่
ซึ่งคาดการจากเนื้อหา พอจะสรุปคร่าวๆได้ว่า สายโลหิต ดำเนินตามประวัติศาสตร์กระแสหลัก ส่วนหนึ่งด้าวฟ้าเดียว ดำเนินตามประวัติศาสตร์ ที่ผ่านการวิเคราะห์ศึกษาตามนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่
คือสายโลหิตจะดำเนินตามบริบทที่ว่า กรุงแตกเพราะแตกความสามัคคี กาัตริย์ลุ่มหลงอิสตรี พระเอกเป็นทหาร รบเพื่อชาติบ้านเมื่อง นางเอกเป็นกุลสตรี
ขณะที่หนึ่งด้าวฟ้าเดียวจะ พูดถึงเชิงการเมืองเมือง นโยบายรัฐ นโยบายระหว่างประเทส เหตุผลการเผาเหมือง เหตุผลที่กรุงแตก ทำไมถึงดูเหมือนว่าคนไทยไม่สามัคคี ตรงจุดนี้ หนึ่งด้าวฟ้าเดียวกล้าที่จะเสนอถึงมุมมองนี้
แต่ถึงกระนั้น การที่ดำเนินตามประวัติศาสตร์กระแสหลักของสายโลหิตก็มีข้อดีคือ มันย่อยง่าย เข้าถึงง่าย เพราะมันคือวิชาประวัติศาสตร์ตามการศึกษาภาคบังคับ ในขณะที่ในส่วนของหนึ่งด้าวฟ้าเดียว มันคือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และมุมมอง ที่เพิ่มเข้ามาของนักประวัติศาสตร์ในยุคหลัง ซึ่งถ้าไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์จริงๆ คนจะงงได้
แต่ถ้าให้คะแนนถึงความน่าสนใจ ต้องยอมรับตามตรงว่าสายโลหิตเป็นบทประพันธ์ที่ค่อนข้างเก่า การดำเนินเรื่องหากทำตามบทประพันธ์มาตรงๆสำหรับคนยุคนี้มันจะน่าเบื่อ เพราะทำมาหลายเวอชั่น เทียบกับหนึ่งด้าวฟ้าเดียว เนื้อหาค่อนข้างเป็นสมัยใหม่ กล้าเล่นกับประเด็นพาร์ทการเมือง ซึ่งถ้าสำหรับผม ผมชอบตรงจุดนี้
แต่ทั้งสองเรื่อง ก็ยังไม่ได้เสนอภาพผ่านมุมมองของชาวบ้านยุคเสียกรุง สายโลหิต มองผ่านสายตาของชนชั้นขุนนาง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว มองผ่านสายตาคนคนในรั้วในวัง ซึ่งนอกจาก2เรื่องนี้ การถ่ายทอดผ่านสายตาชาวบ้าน นิราศสองภพทำได้ดีกว่า และหดหู่กว่า
ซึ่งอนาคต มันจะเป็นการขบคิดของผู้จัดว่า การทำละครประวัติศาสตร์ย้อนยุคเรื่องต่อๆไป จะทำออกมาแนวไหน ระหว่างประวัติศาสตร์กระแสหลัก ย่อยง่าย เข้าใจง่าย หรือประวัติศาสตร์กระแสใหม่ ที่เสนอมุมมองที่ต่างไปจากเดิม จนอาจจะฉีกความเข้าใจประวัติศาสตร์แบบเดิมๆจนนำไปสู่การย่อยยากเข้าไปอีก
วิพากษ์ ละครเสียกรุงฯ ของปีนี้ สายโลหิต Vs หนึ่งด้าวฟ้าเดียว
ก่อนอื่นสายโลหิต เป็นนิยายที่เก่ามาก ผมค้นปีไม่ได้ แต่น่าจะก่อนปี2529 เพราะเวอชั่นแรกทำในปีนี้ ส่วนหนึ่งด้าวฟ้าเดียวเป็นนิยายที่ค่อนข้างใหม่
ซึ่งคาดการจากเนื้อหา พอจะสรุปคร่าวๆได้ว่า สายโลหิต ดำเนินตามประวัติศาสตร์กระแสหลัก ส่วนหนึ่งด้าวฟ้าเดียว ดำเนินตามประวัติศาสตร์ ที่ผ่านการวิเคราะห์ศึกษาตามนักประวัติศาสตร์สมัยใหม่
คือสายโลหิตจะดำเนินตามบริบทที่ว่า กรุงแตกเพราะแตกความสามัคคี กาัตริย์ลุ่มหลงอิสตรี พระเอกเป็นทหาร รบเพื่อชาติบ้านเมื่อง นางเอกเป็นกุลสตรี
ขณะที่หนึ่งด้าวฟ้าเดียวจะ พูดถึงเชิงการเมืองเมือง นโยบายรัฐ นโยบายระหว่างประเทส เหตุผลการเผาเหมือง เหตุผลที่กรุงแตก ทำไมถึงดูเหมือนว่าคนไทยไม่สามัคคี ตรงจุดนี้ หนึ่งด้าวฟ้าเดียวกล้าที่จะเสนอถึงมุมมองนี้
แต่ถึงกระนั้น การที่ดำเนินตามประวัติศาสตร์กระแสหลักของสายโลหิตก็มีข้อดีคือ มันย่อยง่าย เข้าถึงง่าย เพราะมันคือวิชาประวัติศาสตร์ตามการศึกษาภาคบังคับ ในขณะที่ในส่วนของหนึ่งด้าวฟ้าเดียว มันคือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และมุมมอง ที่เพิ่มเข้ามาของนักประวัติศาสตร์ในยุคหลัง ซึ่งถ้าไม่ได้สนใจประวัติศาสตร์จริงๆ คนจะงงได้
แต่ถ้าให้คะแนนถึงความน่าสนใจ ต้องยอมรับตามตรงว่าสายโลหิตเป็นบทประพันธ์ที่ค่อนข้างเก่า การดำเนินเรื่องหากทำตามบทประพันธ์มาตรงๆสำหรับคนยุคนี้มันจะน่าเบื่อ เพราะทำมาหลายเวอชั่น เทียบกับหนึ่งด้าวฟ้าเดียว เนื้อหาค่อนข้างเป็นสมัยใหม่ กล้าเล่นกับประเด็นพาร์ทการเมือง ซึ่งถ้าสำหรับผม ผมชอบตรงจุดนี้
แต่ทั้งสองเรื่อง ก็ยังไม่ได้เสนอภาพผ่านมุมมองของชาวบ้านยุคเสียกรุง สายโลหิต มองผ่านสายตาของชนชั้นขุนนาง หนึ่งด้าวฟ้าเดียว มองผ่านสายตาคนคนในรั้วในวัง ซึ่งนอกจาก2เรื่องนี้ การถ่ายทอดผ่านสายตาชาวบ้าน นิราศสองภพทำได้ดีกว่า และหดหู่กว่า
ซึ่งอนาคต มันจะเป็นการขบคิดของผู้จัดว่า การทำละครประวัติศาสตร์ย้อนยุคเรื่องต่อๆไป จะทำออกมาแนวไหน ระหว่างประวัติศาสตร์กระแสหลัก ย่อยง่าย เข้าใจง่าย หรือประวัติศาสตร์กระแสใหม่ ที่เสนอมุมมองที่ต่างไปจากเดิม จนอาจจะฉีกความเข้าใจประวัติศาสตร์แบบเดิมๆจนนำไปสู่การย่อยยากเข้าไปอีก