ขอบคุณ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ที่ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองประวัติศาสตร์ไทยตอนเสียกรุง

เป็นคนสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ไทยช่วงกรุงศรีอยุธยามาตั้งแต่เด็กๆทั้งๆที่ไม่เคยมีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนเลยเพราะไปโตต่างประเทศช่วงนึงและเรียนในโรงเรียนนานาชาติมาจนจบ high school และต่อมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศอีกแต่จะชอบค้นคว้าอ่านเองตามแหล่งต่างๆและชอบดูหนังละครอิงประวัติศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ ตั้งแต่เด็กจนโตภาพจำของละครแนวนี้คือ เกลียดประเทศเพื่อนบ้าน ไทยถูกรุกราน ปลูกฝังให้คลั่งชาติไม่มากก็น้อย ซึ่งพูดกันตรงๆก็ช่วยไม่ได้เพราะคนไทยสร้างจะให้เข้าข้างใครล่ะ แล้วถ้าดูหนังละครอิงประวัติศาสตร์ชาติไหนๆไม่ว่าภาษาอะไรอ้างอิงยุคไหนก็ไม่มีเรื่องไหน เป็นกลาง ได้หรอก พอมาถึงหนึ่งด้าวฟ้าเดียว ทีแรกไม่คาดหวังอะไรมากพอรู้ว่าเรื่องราวเกี่ยวข้องกับการเสียกรุงครั้งที่ 2 คงแนวเดิมๆรบๆไล่ๆกรุงแตก ถูกเผาเมือง ดูมาเป็นสิบๆเรื่องก็สูตรนี้แหละ แต่ดูมาถึงตอนท้ายๆผิดคาดจ้ะ ทำไมเราเริ่มรู้สึกเกลียดคนไทยกันเองในยุคนั้นขุนนางที่เห็นแก่ตัวขายชาติ ฝ่ายในแก่งแย่งชิงดีกันเอง คนจะเป็นตายอดอยากไม่สนขอฉันอยู่สบายก็พอ ประมาทไม่วางแผนป้องกันเมืองเพราะมัวแต่อีโก้ว่ายังไงข้าศึกก็บุกมาไม่ถึงกำแพงเมืองหรอกเดี๋ยวน้ำหลากก็ถอยเอง ลัลลากันต่อไป พอถึงฉากเสียกรุงแทนที่จะเกลียดข้าศึกทำไมเราแอบ สมน้ำหน้า นึกในใจว่าสมควรแล้วแม้จะหดหู่กับภาพกำแพงเมืองถูกระเบิดลุ้นให้ตัวละครหนึพ้น  ละครเรื่องนี้แหวกแนวละครอิงประวัติศาสตร์อื่นๆในยุคเดียวกันจริงๆ ต้องปรบมือดังๆให้ทั้งผู้ประพันธ์นิยาย ผู้เขียนบท ผู้กำกับ และทีมงานนักแสดงทุกคนที่ทำให้ประวัติศาสตร์การเสียกรุง real มากจริงๆสำหรับเราได้รับรู้ถึงบทเรียนหลายๆอย่างที่ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ต้องการสื่อผ่านเหตุการณ์ คำพูดและซีนต่างๆในละครเรื่องนี้สำหรับคนยุคปัจจุบัน ปีหน้าไม่รู้จะได้เข้าชิงรางวัลกี่เวทีและสาขาไหนบ้าง แต่ หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ได้รับรางวัลละครยอดเยี่ยม 2561 ในใจเราไปแล้วจริงๆ

ทั้งวิญญานลมหายใจเป็นของแผ่นดิน..ชีวิตจะสิ้นแต่ชื่อจะจารึกไว้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่