ส่วนตัวเราคิดว่า เรื่องบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต
ไม่ได้เป็นเพียงแค่ละคร
+++สอดแทรก เกร็ดประวัติศาสตร์ พร้อมกับแนวความคิดด้วยว่า บางเรื่องในเรื่องที่อิงประวัติศาสตร์จริง แต่สุดท้ายก็เกิดขึ้นจากการจารึก
+++ได้รับความ บันเทิงในรูปแบบของละคร ที่ลดความดราม่าเชิงลบ เปลี่ยนมุมมองละครไทยดราม่าตบตีทั้งเรื่อง ถึงแม้จะมีอยู่แต่ตัวเองความจริงกว่าเดิม
+++ มีสีสันเสน่ของความเป็นไทยกลิ่นอายย้อนยุค ที่ปัจจุบัน แทบจะพบเจอหาได้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่เรื่องนี้ทำให้ มีอีเวนท์มีสถานที่ต่างๆที่ถูกจัดทำขึ้นให้เห็นใดนอกพี่พิพิธภัณฑ์
เพราะหากละครเรื่องนี้จบลงก็คงจะมีควันหลงอยู่ได้อีกแค่สักพักนึงเมื่อคนไม่ฮิตสถานที่ก็อยู่ยากเพราะมีค่าใช้จ่าย แล้วก็จะกลับหายไปเหมือนเฉกเช่นแต่ก่อน
+++วัดเก่าเมืองเดิมที่เสียหายไปครั้งเสียกรุงได้ขึ้นเป็นมรดกโลกหลายแห่ง บางที่ก็ไม่ได้ขึ้นใช้ค่าใช้จ่าย ภาษีประเทศ
นักท่องเที่ยวปะปาย แต่พอมีบะครเรื่องนี้ คนไทยก็หันไปเที่ยวมากขึ้น บางคนที่คิดจะไปต่างประเทศก็อาจจะเลื่อนกำหนดไปบางคนที่คิดจะไปต่างประเทศก็อาจจะเลื่อนกำหนดไปมาเที่ยวแต่งกานชุดไทยเดินก่อน
คนต่างชาติก็เข้ามาแต่งชุดไทยเที่ยวตามสถานที่ดังกล่สา รวมถึงสถานที่อื่นๆ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ส่งให้มีรายได้เข้ามาทำรายได้เข้ามาทำนุบำรุง
ส่งผลให้ชาวบ้านบุคลากรในประเทศมีอาชีพ
แต่รัฐบาลก็ต้องจัดสรรให้ดีหลังจากสิ่งเหล่านี้เกิดไม่ให้วุ่นวาย
ไม่ให้รก เกลื่อน ไม่ให้ทัศนียาภาพแย่ คง รักษากลิ่นอายไว้
ไม่ให้มีคนเข้ามาค้าขายมากจนทำลายความงามมีการขัดเลิกจัดสรรพื้นที่ให้ตามสมควร
เหมือนที่ที่ได้รับมรดกโลก และต้องรักษากฎ หากมีละครกระตุ้นขึ้นมาอยู่เรื่อยเรื่อยในทุกๆปีครึ่งการท่องเที่ยวน่าจะยังอยู่กับเราไปอีกแสนนาน
++++ อยากให้คุณรอมแพงกับทีมงานละครทำภาค 3 4 5 6 7 ไปเรื่อยๆ
แต่เปลี่ยนจุดขาย เปลี่ยนดาราเพื่อไม่ให้คนเบื่อ มีความแปลกใหม่ ใช้เค้าโครงอิงจาก ภาคเดิมๆ และปล่อย
ละครสู่สายตา ผู้ชมทุก 2 ปี เหมือนช่วงระยะห่าง บุพเพสันนิวาศ กับพรหมลิขิต
*******++++++++++++++++++++++++++++++++*******
อย่างเช่นภาค 3 ก็เล่นในมุมของแม่นางจันทร์วาดกับหมื่นเรืองจากที่สอดแทรกความเป็นการเกดก็สอดแทรกความเป็นจันทร์วาด แต่ระวังเรื่องดราม่าจะมากจนเกินไป มันจะกลายเป็นละครดราม่าเพราะชีวิตจันวาดมีแง่มุมนั้นในอดีต แต่เราเชื่อฝีมือรอมแพงกับทีมงานทำละครที่ตะแทรกคอมเมดี้ออกมาได้สวยงามผ่านตัวละครอื่นและลดดราม่าในแง่มุมอื่นออกได้อย่างแนบเนียน
มีการพูดถึงการเกดกับพี่หมื่นน้อยลง ให้เห็นบ้างประปราย เพื่อลดความเบื่อจากคนที่ชอบความแปลกตา
มีการถ่ายตลาดและบ้านเรือนไทย ลดลง เพราะสองภาคมีเยอะแล้ว
เน้นทำกราฟฟิคสวยสมจริงให้วัดวาอารามในยุคนั้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะแม่นางจันทร์วาดเปนต้นแบบของหญิงในอุดมคติในยุคกรุงศรีจากหลายๆสายตาของคนดู ในบางกลุ่ม
+++สอดแทรกชีวิต โกษาปาน และโกษาเหล็ก ให้มากขึ้น แทนที่การอิงพระมหากษัตริย์ให้น้อยลง
เพราะจะซ้ำกับภาคแรกและภาคสอง ที่ดำเนินเรื่องโดยการะเกดและอิงพระมหากษัตริย์เป็นคัวละครดำเนินความเป็นไปของเรื่อง
เปลี่ยนจากการย้อนยุคเอาตัวละครเอกจากปัจจุบันกลับไปในอดีตมาเป็น เอาตัวละครจากอดีตหลุดไปในยุคปัจจุบันแต่ไม่ต้องบ่อยเพื่อคงคาแรกเตอ
เคร้าโครงเดิม
อย่างเช่น แม่นางจันทร์วาดมีบางช่วงเวลาที่วาฟไปทั้งตัวไปอยู่กรุงเทพ แล้วไปเจอพระเรื่องที่เป็นท่านหมื่นกลับชาติมาเกิด มีการสนทนานบราๆๆ มีการฝากฝังพุฒตาลให้ดูแล มีการเล่าสารทุกสุขดิบ มีการเจอแม่ของเกศสุราง ระหว่างจันวาด กับแม่สิปราง ใส่ซีนอารมณ์แม่สิปางรู้ว่าลูกตัวเองมีความสุขอยู่ดีกินดีเข้าไป กรบความดราม่า
แล้วแม่นางจันวาดก็วาบกลับมากรุงศรี ใส่ ใส่บทตอนนี้เข้าไปเพื่อเป็นสีสันและเพื่อเป็นเค้าโครงเดิมให้กับละคร
ส่วนลูกของ แม่นางจันทร์วาด
หาตัวละครหน้าไทยแบบสวย คู่กับตัวละครหน้าตี๋สุขุมนุ่มลึกแต่แต่งชุดไทยขึ้นอารมแบบพ่ออิน แต่ไม่ต้องให้มีบทบาทอารมณ์ว่ามาเจอกันตอนจบและผู้ชายไม่ได้มีตัวตนอยู่ในยุคกรุงศรี แต่ผู้หญิงมีตัวตนอยู่จริงคือลูกของจันวาด
หรืออาจจะกลับกันให้ลูกของฉันว่าเป็นผู้ชาย
แล้วมาเจอกับผู้หญิงหน้าไทยแต่กิริยาแบบคนกรุงศรีเหมือนแม่ปราง แต่สาวเจ้าเป็นคนในยุคปัจจุบันแล้วหาวิทีเจอกันในช่วงจบเพื่อปูเรื่องภาค 5
++++ภาค 4 ก็ให้ลูกจันวาด ตุยแล้วมาเกิดในยุค ศตวรรษที่ 21 โดยอาจจะเป็นเด็กวัดของหมื่นเรืองบราๆๆๆๆ
แล้วบพรักกับ หญิงงามอย่างไทยในยุค ศตวรรษที่ 21
สร้างสตอรี่ให้ลูกตันวาดที่กลับชาติมาเกิด มีการบาดเจ็บ เป็นเจ้าชายนิทรา หรือป่วยนอนติดเตียงบราๆ เพื่อ วาร์ปดวงจิต ไปทั้งดวง โดยที่ร่างกายยังอยู่บนเตียงแต่ดวงจิต ไปมีกายหยาบในยุคกรุงศรี เป็นครั้งเป็นคราวแต่ทีเรื่อย
เหตุการณ์นี้จะต้องเกิดหลังจากที่ลูกแม่จันในกรุงศรีคุยไปแล้ว
และดำเนินเรื่องคัวละคร รอง จากภาค 1-2อ้างอิงถึงกษัตริย์
-----ภาค 3 อ้างอิง โกษาปานโกษาเหล็ก
-----ภาค 4 อ้างอิง ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกที่ยังมีสายใยและดูแลลูกที่วาร์ปกลับมาอตัดแบบงง งง แต่สุดท้ายก็รู้ในที่สุดว่าจานว่าคือแม่ในอดีตแต่ในปัจจุบัน ศตวรรษ ที่ 21 ต้องไม่มีตัวตน
มีการวาดกับไปกับมา คล้ายๆกับเรื่องลิขิตแห่งจันทร์
มีพุตตานกับการละเกดออกมาสร้างสีสรร บางฉากบางตอน ในตอนที่วาบไปอ้างอิงตากเรื่องเดิม แต่ไม่ต้องมาก เอาแค่เป็นสีสันไม่อย่างนั้นมันจะซ้ำเพราะเอาแค่เป็นสีสันไม่อย่างงั้นมันจะซ้ำโพสต์เดิมและจะเป็นความน่าเบื่อ
ในช่วงระหว่างนี้มีการสอดแทรกประวัติศาตร์ การค้นพบศิราจารึก ในยุคปัจจุบัน กับช่วงเวลาที่วาบไป ว่าใครทำจารึก มีการถ่ายแท่งศิลาทำมีการถ่ายแท่งศิลาทำกราฟฟิคในยุคอดีตให้สอดคล้องกับการค้นพบจากตัวละครในยุคปัจจุบัน
มีสงครามเขามาเกี่ยวในข่วงที่วาปไป
เพราะช่วงบั้นปลายชีวิต แม่นางจันทร์วาด อายุน่าจะเข้าช่วง พระมหากษัตริย์อุทุมพรได้อยู่นะ แล้วช่วงนั้นกรงไกล้เสียแล้ว
อาจจะมีตัวละครการะเกดกลับมานิดหน่อยในช่วงไกล้จบออกมาพูดประโยคที่ว่า
ที่ข้าเคยบอกว่าอีก 300กว่าปีข้างหน้า ยังมีเมืองที่ชื่ออยุธยาตั้งอยู่ตรงนี้ นั่นเป็นความจริงแต่มันยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าไม่ได้พูดต่อไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิด ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเป็นไป ในตอนนี้ และท่านอย่าถามข้าลยว่าอนาคตจะเป็นยัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพลงแต่พวกท่านแหละข้า อาจจะมีอายุไมาถึงที่จะอยู่เห็นในวันนั้น โดยมีตัวละครในปัจจุบันอย่างตัวเอกในภาคสี่
ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยแต่นอนเป็นผักอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21
ทั้งหมดนี้ เพียงความคิดเห็นของเจ้าของกระทู้เท่านั้น
แต่ก็หวังใจอยากให้รอมแพงและทีมงานได้มาเห็นและรับไว้พิจารณา
เพราะด้วยความสามารถ ของทีมงานจัดทำละคร และผู้เขียนบทอย่างรอมแพง
เราเชื่อว่า ถ้าทำความแตกต่างโดยอ้างอิงจะเค้าโครงเดิมดังกล่าวที่เจ้าของกระทู้ได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้
ออกมาได้น่ารับขทและน่าติดตามต่อไป เราเชื่อแบบนั้น
เพราะถ้าหากว่าทำได้และเป็นไปตามสิ่งที่หวัง
มันจะสร้างสิ่งเลอค่าให้กับประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวและ เศรษฐกิจต่อไปอีก ภาคละสองปี ควันหลงอีกประมาณหนึ่งปี
การท่องเที่ยวไทยในด้านนี้ก็จะเพิ่มขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำการท่องเที่ยวไทยในด้านนี้ก็จะเพิ่มขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำสร้างรายได้ให้กับคนในประทศ รวมถึงยังประจากอยู่ในสายตากับคนต่างชาติอีกนานอย่างน้อยก็ 5 ปี หรือนานนับ 10 ปี
คุณรอมแพง และทีมงานพรหมลิขิต ทำภาคสามที่แตกต่างจากเดิมเลยค่ะ สนับสนุนการท่องเที่ยวไทย
ไม่ได้เป็นเพียงแค่ละคร
+++สอดแทรก เกร็ดประวัติศาสตร์ พร้อมกับแนวความคิดด้วยว่า บางเรื่องในเรื่องที่อิงประวัติศาสตร์จริง แต่สุดท้ายก็เกิดขึ้นจากการจารึก
+++ได้รับความ บันเทิงในรูปแบบของละคร ที่ลดความดราม่าเชิงลบ เปลี่ยนมุมมองละครไทยดราม่าตบตีทั้งเรื่อง ถึงแม้จะมีอยู่แต่ตัวเองความจริงกว่าเดิม
+++ มีสีสันเสน่ของความเป็นไทยกลิ่นอายย้อนยุค ที่ปัจจุบัน แทบจะพบเจอหาได้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่เรื่องนี้ทำให้ มีอีเวนท์มีสถานที่ต่างๆที่ถูกจัดทำขึ้นให้เห็นใดนอกพี่พิพิธภัณฑ์
เพราะหากละครเรื่องนี้จบลงก็คงจะมีควันหลงอยู่ได้อีกแค่สักพักนึงเมื่อคนไม่ฮิตสถานที่ก็อยู่ยากเพราะมีค่าใช้จ่าย แล้วก็จะกลับหายไปเหมือนเฉกเช่นแต่ก่อน
+++วัดเก่าเมืองเดิมที่เสียหายไปครั้งเสียกรุงได้ขึ้นเป็นมรดกโลกหลายแห่ง บางที่ก็ไม่ได้ขึ้นใช้ค่าใช้จ่าย ภาษีประเทศ
นักท่องเที่ยวปะปาย แต่พอมีบะครเรื่องนี้ คนไทยก็หันไปเที่ยวมากขึ้น บางคนที่คิดจะไปต่างประเทศก็อาจจะเลื่อนกำหนดไปบางคนที่คิดจะไปต่างประเทศก็อาจจะเลื่อนกำหนดไปมาเที่ยวแต่งกานชุดไทยเดินก่อน
คนต่างชาติก็เข้ามาแต่งชุดไทยเที่ยวตามสถานที่ดังกล่สา รวมถึงสถานที่อื่นๆ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
ส่งให้มีรายได้เข้ามาทำรายได้เข้ามาทำนุบำรุง
ส่งผลให้ชาวบ้านบุคลากรในประเทศมีอาชีพ
แต่รัฐบาลก็ต้องจัดสรรให้ดีหลังจากสิ่งเหล่านี้เกิดไม่ให้วุ่นวาย
ไม่ให้รก เกลื่อน ไม่ให้ทัศนียาภาพแย่ คง รักษากลิ่นอายไว้
ไม่ให้มีคนเข้ามาค้าขายมากจนทำลายความงามมีการขัดเลิกจัดสรรพื้นที่ให้ตามสมควร
เหมือนที่ที่ได้รับมรดกโลก และต้องรักษากฎ หากมีละครกระตุ้นขึ้นมาอยู่เรื่อยเรื่อยในทุกๆปีครึ่งการท่องเที่ยวน่าจะยังอยู่กับเราไปอีกแสนนาน
++++ อยากให้คุณรอมแพงกับทีมงานละครทำภาค 3 4 5 6 7 ไปเรื่อยๆ
แต่เปลี่ยนจุดขาย เปลี่ยนดาราเพื่อไม่ให้คนเบื่อ มีความแปลกใหม่ ใช้เค้าโครงอิงจาก ภาคเดิมๆ และปล่อย
ละครสู่สายตา ผู้ชมทุก 2 ปี เหมือนช่วงระยะห่าง บุพเพสันนิวาศ กับพรหมลิขิต
*******++++++++++++++++++++++++++++++++*******
อย่างเช่นภาค 3 ก็เล่นในมุมของแม่นางจันทร์วาดกับหมื่นเรืองจากที่สอดแทรกความเป็นการเกดก็สอดแทรกความเป็นจันทร์วาด แต่ระวังเรื่องดราม่าจะมากจนเกินไป มันจะกลายเป็นละครดราม่าเพราะชีวิตจันวาดมีแง่มุมนั้นในอดีต แต่เราเชื่อฝีมือรอมแพงกับทีมงานทำละครที่ตะแทรกคอมเมดี้ออกมาได้สวยงามผ่านตัวละครอื่นและลดดราม่าในแง่มุมอื่นออกได้อย่างแนบเนียน
มีการพูดถึงการเกดกับพี่หมื่นน้อยลง ให้เห็นบ้างประปราย เพื่อลดความเบื่อจากคนที่ชอบความแปลกตา
มีการถ่ายตลาดและบ้านเรือนไทย ลดลง เพราะสองภาคมีเยอะแล้ว
เน้นทำกราฟฟิคสวยสมจริงให้วัดวาอารามในยุคนั้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะแม่นางจันทร์วาดเปนต้นแบบของหญิงในอุดมคติในยุคกรุงศรีจากหลายๆสายตาของคนดู ในบางกลุ่ม
+++สอดแทรกชีวิต โกษาปาน และโกษาเหล็ก ให้มากขึ้น แทนที่การอิงพระมหากษัตริย์ให้น้อยลง
เพราะจะซ้ำกับภาคแรกและภาคสอง ที่ดำเนินเรื่องโดยการะเกดและอิงพระมหากษัตริย์เป็นคัวละครดำเนินความเป็นไปของเรื่อง
เปลี่ยนจากการย้อนยุคเอาตัวละครเอกจากปัจจุบันกลับไปในอดีตมาเป็น เอาตัวละครจากอดีตหลุดไปในยุคปัจจุบันแต่ไม่ต้องบ่อยเพื่อคงคาแรกเตอ
เคร้าโครงเดิม
อย่างเช่น แม่นางจันทร์วาดมีบางช่วงเวลาที่วาฟไปทั้งตัวไปอยู่กรุงเทพ แล้วไปเจอพระเรื่องที่เป็นท่านหมื่นกลับชาติมาเกิด มีการสนทนานบราๆๆ มีการฝากฝังพุฒตาลให้ดูแล มีการเล่าสารทุกสุขดิบ มีการเจอแม่ของเกศสุราง ระหว่างจันวาด กับแม่สิปราง ใส่ซีนอารมณ์แม่สิปางรู้ว่าลูกตัวเองมีความสุขอยู่ดีกินดีเข้าไป กรบความดราม่า
แล้วแม่นางจันวาดก็วาบกลับมากรุงศรี ใส่ ใส่บทตอนนี้เข้าไปเพื่อเป็นสีสันและเพื่อเป็นเค้าโครงเดิมให้กับละคร
ส่วนลูกของ แม่นางจันทร์วาด
หาตัวละครหน้าไทยแบบสวย คู่กับตัวละครหน้าตี๋สุขุมนุ่มลึกแต่แต่งชุดไทยขึ้นอารมแบบพ่ออิน แต่ไม่ต้องให้มีบทบาทอารมณ์ว่ามาเจอกันตอนจบและผู้ชายไม่ได้มีตัวตนอยู่ในยุคกรุงศรี แต่ผู้หญิงมีตัวตนอยู่จริงคือลูกของจันวาด
หรืออาจจะกลับกันให้ลูกของฉันว่าเป็นผู้ชาย
แล้วมาเจอกับผู้หญิงหน้าไทยแต่กิริยาแบบคนกรุงศรีเหมือนแม่ปราง แต่สาวเจ้าเป็นคนในยุคปัจจุบันแล้วหาวิทีเจอกันในช่วงจบเพื่อปูเรื่องภาค 5
++++ภาค 4 ก็ให้ลูกจันวาด ตุยแล้วมาเกิดในยุค ศตวรรษที่ 21 โดยอาจจะเป็นเด็กวัดของหมื่นเรืองบราๆๆๆๆ
แล้วบพรักกับ หญิงงามอย่างไทยในยุค ศตวรรษที่ 21
สร้างสตอรี่ให้ลูกตันวาดที่กลับชาติมาเกิด มีการบาดเจ็บ เป็นเจ้าชายนิทรา หรือป่วยนอนติดเตียงบราๆ เพื่อ วาร์ปดวงจิต ไปทั้งดวง โดยที่ร่างกายยังอยู่บนเตียงแต่ดวงจิต ไปมีกายหยาบในยุคกรุงศรี เป็นครั้งเป็นคราวแต่ทีเรื่อย
เหตุการณ์นี้จะต้องเกิดหลังจากที่ลูกแม่จันในกรุงศรีคุยไปแล้ว
และดำเนินเรื่องคัวละคร รอง จากภาค 1-2อ้างอิงถึงกษัตริย์
-----ภาค 3 อ้างอิง โกษาปานโกษาเหล็ก
-----ภาค 4 อ้างอิง ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกที่ยังมีสายใยและดูแลลูกที่วาร์ปกลับมาอตัดแบบงง งง แต่สุดท้ายก็รู้ในที่สุดว่าจานว่าคือแม่ในอดีตแต่ในปัจจุบัน ศตวรรษ ที่ 21 ต้องไม่มีตัวตน
มีการวาดกับไปกับมา คล้ายๆกับเรื่องลิขิตแห่งจันทร์
มีพุตตานกับการละเกดออกมาสร้างสีสรร บางฉากบางตอน ในตอนที่วาบไปอ้างอิงตากเรื่องเดิม แต่ไม่ต้องมาก เอาแค่เป็นสีสันไม่อย่างนั้นมันจะซ้ำเพราะเอาแค่เป็นสีสันไม่อย่างงั้นมันจะซ้ำโพสต์เดิมและจะเป็นความน่าเบื่อ
ในช่วงระหว่างนี้มีการสอดแทรกประวัติศาตร์ การค้นพบศิราจารึก ในยุคปัจจุบัน กับช่วงเวลาที่วาบไป ว่าใครทำจารึก มีการถ่ายแท่งศิลาทำมีการถ่ายแท่งศิลาทำกราฟฟิคในยุคอดีตให้สอดคล้องกับการค้นพบจากตัวละครในยุคปัจจุบัน
มีสงครามเขามาเกี่ยวในข่วงที่วาปไป
เพราะช่วงบั้นปลายชีวิต แม่นางจันทร์วาด อายุน่าจะเข้าช่วง พระมหากษัตริย์อุทุมพรได้อยู่นะ แล้วช่วงนั้นกรงไกล้เสียแล้ว
อาจจะมีตัวละครการะเกดกลับมานิดหน่อยในช่วงไกล้จบออกมาพูดประโยคที่ว่า
ที่ข้าเคยบอกว่าอีก 300กว่าปีข้างหน้า ยังมีเมืองที่ชื่ออยุธยาตั้งอยู่ตรงนี้ นั่นเป็นความจริงแต่มันยังมีอีกหลายสิ่งที่ข้าไม่ได้พูดต่อไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเกิด ซึ่งเป็นสิ่งที่กำลังเป็นไป ในตอนนี้ และท่านอย่าถามข้าลยว่าอนาคตจะเป็นยัง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพลงแต่พวกท่านแหละข้า อาจจะมีอายุไมาถึงที่จะอยู่เห็นในวันนั้น โดยมีตัวละครในปัจจุบันอย่างตัวเอกในภาคสี่
ที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยแต่นอนเป็นผักอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21
ทั้งหมดนี้ เพียงความคิดเห็นของเจ้าของกระทู้เท่านั้น
แต่ก็หวังใจอยากให้รอมแพงและทีมงานได้มาเห็นและรับไว้พิจารณา
เพราะด้วยความสามารถ ของทีมงานจัดทำละคร และผู้เขียนบทอย่างรอมแพง
เราเชื่อว่า ถ้าทำความแตกต่างโดยอ้างอิงจะเค้าโครงเดิมดังกล่าวที่เจ้าของกระทู้ได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้
ออกมาได้น่ารับขทและน่าติดตามต่อไป เราเชื่อแบบนั้น
เพราะถ้าหากว่าทำได้และเป็นไปตามสิ่งที่หวัง
มันจะสร้างสิ่งเลอค่าให้กับประเทศไทยในด้านการท่องเที่ยวและ เศรษฐกิจต่อไปอีก ภาคละสองปี ควันหลงอีกประมาณหนึ่งปี
การท่องเที่ยวไทยในด้านนี้ก็จะเพิ่มขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำการท่องเที่ยวไทยในด้านนี้ก็จะเพิ่มขึ้นและยังอยู่ในความทรงจำสร้างรายได้ให้กับคนในประทศ รวมถึงยังประจากอยู่ในสายตากับคนต่างชาติอีกนานอย่างน้อยก็ 5 ปี หรือนานนับ 10 ปี