I J E N
หรือ
Kawah Ijen
หนึ่งในแลนด์มาร์กของ ดินแดนแห่งลมหายใจของเทพเจ้า
============================================
การเดินทางสำหรับทริป Bromo-Ijen-Bali ของเราสองคน
จากเกาะสววรค์ ก็ได้เวลาเดินทางมาที่ดินแดนสวรรค์ของจริงสักที
หมายเหตุ: การท่องเที่ยวที่ Ijen นี้ โหดกว่าที่ Bromo เยอะมาก
เพราะหลายคนอาจจะคิดเหมือนหมีตอนก่อนไป ว่า Ijen น่าจะชิวๆ
บอกเลย พลาดโคตรๆ
============================================
Highlight
- Blue Frame หรือเปลวไฟสีฟ้า
- หน้ากากกันพิษ ที่เราจะได้รูปชิคๆ จากการป้องกันกำมะถัน
Highlight เพิ่มเติม!!! จากหมีหมู ที่ไปมาด้วยตัวเอง
- วิว ระหว่างทางยามค่ำคืน ที่มีทั้งดาวค้างฟ้า และพระจันทร์ส่องแสง
- วิว ยามเช้า ที่เราได้ยืนอยู่เหนือเมฆ
============================================
ความสูง: 2,799 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ภูมิประเทศ: ภูเขาไฟ (ดับแล้ว)
เริ่มเดิน: 01:30 น. (อีกแล้ว เช้าอีกแล้วววววว)
ถึงปากปล่อง: 03:30 น.
ลงถึง Blue Flame: 04:00 น.
ขึ้นถึงปากปล่อง: 05:00 น.
เริ่มเดินลง: 06:00 น.
ถึงข้างล่าง: 07:00 น.
============================================
เล่าก่อน.........
สิ่งที่หลายๆคนหากจะเดินทางไป Kawah Ijen ควรทราบและเตรียมตัว
คุณไม่ต้องตื่นเช้าครับ...... เย้ๆๆๆ
แต่คุณต้องตื่น 5 ทุ่ม.......... อีเห....ร....ย
เดี๋ยว!!!
นั่นหมายความว่า คุณแทบจะไม่ได้นอนเลย
หากใครจะเดินทางไปเที่ยวด้วยทัวร์ที่จัดรูทด้วยตัวเอง ลองคุยกับเขา และวางแผนให้รัดกุมนะครับ ยิ่งถ้าเกิดไปเที่ยว Ijen ทีหลัง และก่อนหน้านั้นนอนน้อยมา ร่างกายอาจจะเหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือหนักหน่อยอาจจะเป็นลมระหว่างเดินได้
หมีเป็นห่วงนะแจร๊ะ
เหตุผลที่เราต้องตื่นกันตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน
เพราะ!!!
Blue Flame ที่เป็นไฮไลท์นั้น ควรลงไปดูให้ถึงประมาณ ตี4 นิดๆ
เพื่อเดินขึ้นไปถ่ายรูปที่ปากปล่องทันตอนพระอาทิตย์ขึ้น
สิ่งที่ควรรู้และทำใจ
การปีน Ijen ไม่ได้จบลงเมื่อตอนที่คุณถึงยอดของภูเขาเหมือนสถานที่อื่นๆ
แต่เป็นการที่คุณต้องเดินขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดของปล่องภูเขาไฟ
และเดินลงไป "ใน" ปล่องภูเขาไฟตะหากกกกกกกกกกกก
เพราะฉะนั้น ฟิตร่างกายกันไว้ดีๆนะคร้าบบบบบบบบบบ
============================================
มา!! เรามาดูกัน ว่ามันสวยขนาดไหน
นี่บรรยากาศยามเช้า
สักกี่ครั้ง ที่จะได้เห็นพระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางปล่องหลังรุ่งสาง
เริ่ม!!!
01:00 น.
ถึงจุดปล่อยตัว เตรียมตัวก่อนเดินขึ้นที่สูง 2,799 ม.
บอกตรงๆสภาพร่างกายตอนนี้ไม่พร้อมเลย
นอนน้อยมาก เพราะพวกเราเพิ่งข้ามเกาะกลับมาจาก บาหลี
ได้เข้านอนกันจริงๆจังๆก็เวลาประมาณ 21:00 น.
และหลับกันไปยังไม่เต็ม 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
อากาศบริเวณโดยรอบประมาณ 15 องศา
(เดือน กค) ซึ่งข้างบนจะหนาวกว่านั้นมาก
เตรียมเสื้อหนาวกันไปดีๆน้าาาาาาาา
ก่อนขึ้นก็วอร์มร่างกาย
วอร์มท้องกันด้วยอาหารเพิ่มพลังเล็กๆน้อยๆ
ยัยหมวกขาวนี่คือไกด์ของเรา
ชื่อ ยูเรีย แต่พวกเราเรียกนางว่า อิบูยูเรีย (ป้ายูเรีย)
เป็นบริการของ Danny Van Granger สามารถวางแผนเที่ยวได้ทั้ง Bromo และ Ijen
ช่วยโปรโมทให้นางหน่อย
แม้ระหว่างการเดินเท้าขึ้นไป
จะแทบไม่มีเวลาได้หยุดถ่ายรูปเลย
แต่มุมนี้ไม่ได้จริงๆ
เป็นมุมกลางคืนที่สวยมาก
03:30 น.
และแล้ว เราสองคนก็เดินทางมาถึงปากปล่องภูเขาไฟของอีเจี้ยน
แต่........ เรายังหยุดพักไม่ได้ เพราะเราต้องลงปล่อง เพื่อไปดู Blue Flame กันก่อนที่จะมองไม่เห็น
ซึ่งใครขึ้นถึงปล่องแล้ว แนะนำให้ลงปล่องเลย
เหตุเป็นเพราะทางเดินลงนั้นค่อนข้างจะชัน และทางเดินแคบ
หากมีใครบางคนหยุดพัก จะทำให้ด้านหลังติดกันไปเป็นทอดๆ
อาจจะทำให้เราลงไปไม่ทันได้ดู Blue Flame ก็เป็นได้
สำหรับการ Trekking ในครั้งนี้
ชอบตรงที่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หันหน้าแหงนมองท้องฟ้า
เราก็จะได้เห็นดาวพาดฟ้าตลอดทางเป็นเพื่อน
ละแล้ว!!!
เราก็ทำได้!!!
เราสองคนมาถึงตรงบริเวณ Blue Flame ช่วงก่อน ตี4 นิดหน่อย
ทำให้มีโอกาสที่จะขยับเข้าไปถ่ายใกล้ๆมากกว่าคนอื่น
แต่วันนั้นอาจจะโชคร้าย
มีควันพวยพุ่งออกมาค่อนข้างเยอะ
ทำให้เห็น Blue Flame ไม่ชัด
ซึ่งเราก็ไม่สามารถรอเวลาได้นานนัก
เพราะลงทางไหน ก็ต้องขึ้นทางนั้น
ทำให้เรากังวลว่า ถ้าเกิดรอจนได้เห็นเฟลวไฟชัดๆ
ขากลับขึ้นไป คนอาจจะเยอะ ออกัน จนเดินขึ้นไปไม่ทันช่วงพระอาทิตย์ขึ้น
แต่ IJEN ก็ไม่ทอดทิ้งเราไปเสียทีเดียว
ระหว่างทางเดินขึ้น
เราสองคนดันเหลือบไปเห็นแง่งหินแง่งหนึ่ง
มีประกายไฟสีฟ้าหลุดออกมา แต่มีขนาดเล็กมากๆ
และนี่ก็คือ Blue Flame ที่พยายามแทรกตัวออกมาจากร่องหินที่ถูกกระเทาะออก
เย้!!!
ทันอีกแล้วววววว
แม้ขาขึ้นคนจะแน่นกว่าขาลง เพราะยังมีคนสวนทางลงไปตลอดเวลา
แต่เราสองคนก็ขึ้นมาเหยียบปากปล่องอีกครั้งตอนเกือบๆรุ่งสาง
ทำให้ได้เห็นบรรยากาศ ทะเลสาบ บนปากปล่องที่สวยงามแบบนี้
*** หน้ากากกันพิษ ***
ไม่ต้องใส่ตลอดเวลา เพราะหายใจลำบากมาก
ให้ใส่เฉพาะช่วงที่เราเข้าใกล้ควันจากกำมะถัน หรือเมื่อเริ่มได้กลิ่นที่รุนแรงขึ้น
หากใครไม่เคยสูดดมกำมะถัน ความรู้สึกในการหายใจจะเริ่มอึดอัดขึ้น มีกลิ่นเหมือนไข่เน่าผสมอยู่
บริการพิเศษสำหรับนักเดินทางสาย ท้อแท้
เขามีลูกหาบ ที่หาบเรา ไม่ใช่ของไว้บริการ
จริงๆมีทั้งขาขึ้นและขาลงนะ
แต่ตอนมืด หมีไม่ได้ถ่ายไว้ มัวแต่โฟกัสจะขึ้นไปให้ถึงไวๆ
Highlight ที่หลายๆรีวิวไม่ได้บอกไว้
นั่นก็คือบรรยากาศเมื่อเช้าแล้วของ Ijen
เรียกได้ว่า "เหนือเมฆ" อย่างแท้ทรู
แม้เราสองคนจะท่องเที่ยวได้ไม่นานมาก
แต่ก็ไปพิชิตยอดเขามาพอควร
แต่ยังไม่เคยเจอกับบรรยากาศเหนือเมฆจังๆขนาดนี้
ทำให้เรารับรู้เลยว่า ทำไมหลายๆคนที่มีโอกาสได้ออกเดินทางไป Trekking ต่างแดนแล้ว แทบจะไม่อยากกลับมา Trek ที่ไทย หรือเลือกไว้เป็นช๊อยส์รองจากต่างประเทศ
นี่คือความงามยามเช้าที่เหลือ
สุดท้ายก่อนจบรีวิว Kawah Ijen กันไป
อยากจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้ามีโอกาส ไปเถอะครับ
การเดินทางไม่เคยทำร้านเรา
การที่เราปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ได้เดินทางนั่นแหละ ที่ทำร้ายตัวเราเอง
ทุกการเดินทางมีประสบการณ์ใหม่ๆรออยู่เสมอ
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันจะเป็นประสบการณ์ที่หล่อหลอมเรา
ให้เป็นคนที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ที่มากขึ้น
อย่าลืมหาเวลาออกเดินทางกันนะครับ
แล้วคุณจะรู้ว่า ชีวิตมีความหมายเช่นไร
ยิ่งถ้าได้ไปกับแฟนนนนน ^^
ไปละน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
=======================================
แล้วพบกันในรีวิวฉบับสุดท้ายของทริป
กับพระเอกที่รอคอย
M T . B R O M O
เร็วๆนี้!!!
หากชอบการรีวิวของเรา
ฝากติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/theplannersbytsst
[CR] IJEN หรือ Kawah Ijen หนึ่งในดินแดนแห่งเทพเจ้า และเปลวไฟสีน้ำเงิน
I J E N
หรือ
Kawah Ijen
หนึ่งในแลนด์มาร์กของ ดินแดนแห่งลมหายใจของเทพเจ้า
============================================
การเดินทางสำหรับทริป Bromo-Ijen-Bali ของเราสองคน
จากเกาะสววรค์ ก็ได้เวลาเดินทางมาที่ดินแดนสวรรค์ของจริงสักที
หมายเหตุ: การท่องเที่ยวที่ Ijen นี้ โหดกว่าที่ Bromo เยอะมาก
เพราะหลายคนอาจจะคิดเหมือนหมีตอนก่อนไป ว่า Ijen น่าจะชิวๆ
บอกเลย พลาดโคตรๆ
============================================
Highlight
- Blue Frame หรือเปลวไฟสีฟ้า
- หน้ากากกันพิษ ที่เราจะได้รูปชิคๆ จากการป้องกันกำมะถัน
Highlight เพิ่มเติม!!! จากหมีหมู ที่ไปมาด้วยตัวเอง
- วิว ระหว่างทางยามค่ำคืน ที่มีทั้งดาวค้างฟ้า และพระจันทร์ส่องแสง
- วิว ยามเช้า ที่เราได้ยืนอยู่เหนือเมฆ
============================================
ความสูง: 2,799 เมตรจากระดับน้ำทะเล
ภูมิประเทศ: ภูเขาไฟ (ดับแล้ว)
เริ่มเดิน: 01:30 น. (อีกแล้ว เช้าอีกแล้วววววว)
ถึงปากปล่อง: 03:30 น.
ลงถึง Blue Flame: 04:00 น.
ขึ้นถึงปากปล่อง: 05:00 น.
เริ่มเดินลง: 06:00 น.
ถึงข้างล่าง: 07:00 น.
============================================
เล่าก่อน.........
สิ่งที่หลายๆคนหากจะเดินทางไป Kawah Ijen ควรทราบและเตรียมตัว
คุณไม่ต้องตื่นเช้าครับ...... เย้ๆๆๆ
แต่คุณต้องตื่น 5 ทุ่ม.......... อีเห....ร....ย
เดี๋ยว!!!
นั่นหมายความว่า คุณแทบจะไม่ได้นอนเลย
หากใครจะเดินทางไปเที่ยวด้วยทัวร์ที่จัดรูทด้วยตัวเอง ลองคุยกับเขา และวางแผนให้รัดกุมนะครับ ยิ่งถ้าเกิดไปเที่ยว Ijen ทีหลัง และก่อนหน้านั้นนอนน้อยมา ร่างกายอาจจะเหนื่อยง่ายกว่าปกติ หรือหนักหน่อยอาจจะเป็นลมระหว่างเดินได้
หมีเป็นห่วงนะแจร๊ะ
เหตุผลที่เราต้องตื่นกันตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน
เพราะ!!!
Blue Flame ที่เป็นไฮไลท์นั้น ควรลงไปดูให้ถึงประมาณ ตี4 นิดๆ
เพื่อเดินขึ้นไปถ่ายรูปที่ปากปล่องทันตอนพระอาทิตย์ขึ้น
สิ่งที่ควรรู้และทำใจ
การปีน Ijen ไม่ได้จบลงเมื่อตอนที่คุณถึงยอดของภูเขาเหมือนสถานที่อื่นๆ
แต่เป็นการที่คุณต้องเดินขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดของปล่องภูเขาไฟ
และเดินลงไป "ใน" ปล่องภูเขาไฟตะหากกกกกกกกกกกก
เพราะฉะนั้น ฟิตร่างกายกันไว้ดีๆนะคร้าบบบบบบบบบบ
============================================
มา!! เรามาดูกัน ว่ามันสวยขนาดไหน
นี่บรรยากาศยามเช้า
สักกี่ครั้ง ที่จะได้เห็นพระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางปล่องหลังรุ่งสาง
เริ่ม!!!
01:00 น.
ถึงจุดปล่อยตัว เตรียมตัวก่อนเดินขึ้นที่สูง 2,799 ม.
บอกตรงๆสภาพร่างกายตอนนี้ไม่พร้อมเลย
นอนน้อยมาก เพราะพวกเราเพิ่งข้ามเกาะกลับมาจาก บาหลี
ได้เข้านอนกันจริงๆจังๆก็เวลาประมาณ 21:00 น.
และหลับกันไปยังไม่เต็ม 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ
อากาศบริเวณโดยรอบประมาณ 15 องศา
(เดือน กค) ซึ่งข้างบนจะหนาวกว่านั้นมาก
เตรียมเสื้อหนาวกันไปดีๆน้าาาาาาาา
ก่อนขึ้นก็วอร์มร่างกาย
วอร์มท้องกันด้วยอาหารเพิ่มพลังเล็กๆน้อยๆ
ยัยหมวกขาวนี่คือไกด์ของเรา
ชื่อ ยูเรีย แต่พวกเราเรียกนางว่า อิบูยูเรีย (ป้ายูเรีย)
เป็นบริการของ Danny Van Granger สามารถวางแผนเที่ยวได้ทั้ง Bromo และ Ijen
ช่วยโปรโมทให้นางหน่อย
แม้ระหว่างการเดินเท้าขึ้นไป
จะแทบไม่มีเวลาได้หยุดถ่ายรูปเลย
แต่มุมนี้ไม่ได้จริงๆ
เป็นมุมกลางคืนที่สวยมาก
03:30 น.
และแล้ว เราสองคนก็เดินทางมาถึงปากปล่องภูเขาไฟของอีเจี้ยน
แต่........ เรายังหยุดพักไม่ได้ เพราะเราต้องลงปล่อง เพื่อไปดู Blue Flame กันก่อนที่จะมองไม่เห็น
ซึ่งใครขึ้นถึงปล่องแล้ว แนะนำให้ลงปล่องเลย
เหตุเป็นเพราะทางเดินลงนั้นค่อนข้างจะชัน และทางเดินแคบ
หากมีใครบางคนหยุดพัก จะทำให้ด้านหลังติดกันไปเป็นทอดๆ
อาจจะทำให้เราลงไปไม่ทันได้ดู Blue Flame ก็เป็นได้
สำหรับการ Trekking ในครั้งนี้
ชอบตรงที่ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หันหน้าแหงนมองท้องฟ้า
เราก็จะได้เห็นดาวพาดฟ้าตลอดทางเป็นเพื่อน
ละแล้ว!!!
เราก็ทำได้!!!
เราสองคนมาถึงตรงบริเวณ Blue Flame ช่วงก่อน ตี4 นิดหน่อย
ทำให้มีโอกาสที่จะขยับเข้าไปถ่ายใกล้ๆมากกว่าคนอื่น
แต่วันนั้นอาจจะโชคร้าย
มีควันพวยพุ่งออกมาค่อนข้างเยอะ
ทำให้เห็น Blue Flame ไม่ชัด
ซึ่งเราก็ไม่สามารถรอเวลาได้นานนัก
เพราะลงทางไหน ก็ต้องขึ้นทางนั้น
ทำให้เรากังวลว่า ถ้าเกิดรอจนได้เห็นเฟลวไฟชัดๆ
ขากลับขึ้นไป คนอาจจะเยอะ ออกัน จนเดินขึ้นไปไม่ทันช่วงพระอาทิตย์ขึ้น
แต่ IJEN ก็ไม่ทอดทิ้งเราไปเสียทีเดียว
ระหว่างทางเดินขึ้น
เราสองคนดันเหลือบไปเห็นแง่งหินแง่งหนึ่ง
มีประกายไฟสีฟ้าหลุดออกมา แต่มีขนาดเล็กมากๆ
และนี่ก็คือ Blue Flame ที่พยายามแทรกตัวออกมาจากร่องหินที่ถูกกระเทาะออก
เย้!!!
ทันอีกแล้วววววว
แม้ขาขึ้นคนจะแน่นกว่าขาลง เพราะยังมีคนสวนทางลงไปตลอดเวลา
แต่เราสองคนก็ขึ้นมาเหยียบปากปล่องอีกครั้งตอนเกือบๆรุ่งสาง
ทำให้ได้เห็นบรรยากาศ ทะเลสาบ บนปากปล่องที่สวยงามแบบนี้
*** หน้ากากกันพิษ ***
ไม่ต้องใส่ตลอดเวลา เพราะหายใจลำบากมาก
ให้ใส่เฉพาะช่วงที่เราเข้าใกล้ควันจากกำมะถัน หรือเมื่อเริ่มได้กลิ่นที่รุนแรงขึ้น
หากใครไม่เคยสูดดมกำมะถัน ความรู้สึกในการหายใจจะเริ่มอึดอัดขึ้น มีกลิ่นเหมือนไข่เน่าผสมอยู่
บริการพิเศษสำหรับนักเดินทางสาย ท้อแท้
เขามีลูกหาบ ที่หาบเรา ไม่ใช่ของไว้บริการ
จริงๆมีทั้งขาขึ้นและขาลงนะ
แต่ตอนมืด หมีไม่ได้ถ่ายไว้ มัวแต่โฟกัสจะขึ้นไปให้ถึงไวๆ
Highlight ที่หลายๆรีวิวไม่ได้บอกไว้
นั่นก็คือบรรยากาศเมื่อเช้าแล้วของ Ijen
เรียกได้ว่า "เหนือเมฆ" อย่างแท้ทรู
แม้เราสองคนจะท่องเที่ยวได้ไม่นานมาก
แต่ก็ไปพิชิตยอดเขามาพอควร
แต่ยังไม่เคยเจอกับบรรยากาศเหนือเมฆจังๆขนาดนี้
ทำให้เรารับรู้เลยว่า ทำไมหลายๆคนที่มีโอกาสได้ออกเดินทางไป Trekking ต่างแดนแล้ว แทบจะไม่อยากกลับมา Trek ที่ไทย หรือเลือกไว้เป็นช๊อยส์รองจากต่างประเทศ
นี่คือความงามยามเช้าที่เหลือ
สุดท้ายก่อนจบรีวิว Kawah Ijen กันไป
อยากจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้ามีโอกาส ไปเถอะครับ
การเดินทางไม่เคยทำร้านเรา
การที่เราปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ได้เดินทางนั่นแหละ ที่ทำร้ายตัวเราเอง
ทุกการเดินทางมีประสบการณ์ใหม่ๆรออยู่เสมอ
ไม่ว่าจะดีหรือร้าย มันจะเป็นประสบการณ์ที่หล่อหลอมเรา
ให้เป็นคนที่แข็งแกร่ง และมีประสบการณ์ที่มากขึ้น
อย่าลืมหาเวลาออกเดินทางกันนะครับ
แล้วคุณจะรู้ว่า ชีวิตมีความหมายเช่นไร
ยิ่งถ้าได้ไปกับแฟนนนนน ^^
ไปละน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
=======================================
แล้วพบกันในรีวิวฉบับสุดท้ายของทริป
กับพระเอกที่รอคอย
M T . B R O M O
เร็วๆนี้!!!
หากชอบการรีวิวของเรา
ฝากติดตามกันได้ที่
https://www.facebook.com/theplannersbytsst
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น