How ya been holding up?!
'
อยากพูดอังกฤษเก่ง อย่าแปลภาษาไทยในหัว!'
'
คิดเป็นภาษาอังกฤษสิ แล้วจะพูดง่ายขึ้น'
ความหมายที่แท้จริงของประโยคพวกนี้คืออะไรกันแน่
เพราะคนเก่ง ๆ หลานคนชอบพูดเหลือเกิน
แต่แทบจะไม่มีใคร
อธิบายแบบละเอียดถึง '
วิธี' พูดอังกฤษแบบห้ามแปลไทยในหัวไปด้วยเลย
รู้สึกว่าประโยคพวกนี้ฟังดูเข้าใจยากมาก ๆ และไม่รู้ว่าคนฟังจะเอาไปทำตามยังไงด้วย
โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ เจอประโยค '
อย่าแปลไทยในหัว' เข้าไปคงมึนตึ้บ!
ขอเปลี่ยนเป็น '
อยากพูดอังกฤษเก่งให้ฝึกแปลไทยเป็นอังกฤษในหัวให้มันคล่อง ๆ ไปเลย' แทนละกัน
ฟังดูเข้าใจง่ายและดูเป็นความจริงกว่าเยอะ
วิธีที่ง่ายและดีที่สุดสำหรับการแปลไทยเป็นอังกฤษก็คือ
การ '
ใช้โครงสร้างประโยคแบบง่าย' (
Simple sentence structure)
ซึ่งก็คือเรียงโครงสร้างประโยคแบบ
ประธาน + กริยา + กรรม (S+V+O)
แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เพราะเรามักจะ
ลืมวิเคราะห์ภาษาไทยก่อนจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก!
_________________
วิเคราะห์อย่างไร?
ง่าย ๆ คือ ก่อนจะแปลไทยเป็นภาษาอังกฤษ เราต้องมั่นใจก่อนว่าภาษาไทยของเราเป็น '
โครงสร้างประโยคแบบง่าย'
ลองมาดูตัวอย่าง
ภาษาไทย: "
ความต้องการของคนมีมากมาย"
ฟังภาษาไทยอาจรู้เรื่อง แต่อย่าเพิ่งรีบแปล วิเคราะห์ก่อน
แล้วจะเห็นว่านี่มันไม่ใช่ประโยคแบบง่าย
ไม่เหมาะกับภาษาอังกฤษ
ถ้าฝืนแปลก็จะได้ประมาณนี้
ภาษาอังกฤษ: "
Desire of people have many."
(Desire = ความต้องการ / of = ของ / people = คน / have = มี / many = มากมาย)
พอแปลแบบนี้คนไทยด้วยกันอาจจะเข้าใจ แต่ฝรั่งอาจงง!
ลองเอาประโยคข้างบนมาปรับให้เป็น '
โครงสร้างแบบง่าย'
จาก '
ความต้องการของคนเรามีมากมาย'
เอามาวิเคราะห์และเรียงใหม่แบบง่าย (ประธาน + กริยา + กรรม) ก็ได้จะได้ว่า
'
คนเรามีความต้องการมากมาย'
แล้วค่อยแปลได้ง่าย ๆ ตรง ๆ เลยว่า
ภาษาอังกฤษ:
People have many desires.
(ไม่ใช่ Desire of people have many!)
อีกอย่างพอเห็น desire อยู่หลัง many ก็จะได้เติม s ให้มันด้วย
พูดง่ายและยังถูกแกรมมาร์อีก! 55555
__________________
นั่นแหละคือความหมายของคำว่า '
คิดเป็นภาษาอังกฤษ' (อย่างน้อยก็สำหรับผม มันต้องเป็นแบบนี้!)
คือให้เราวิเคราะห์ภาษาไทยและทำให้มันเป็น 'โครงสร้างแบบง่าย' ก่อน แล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษออกมา
หรือพูดง่าย ๆ คือฝึกแปลไทยเป็นภาษาอังกฤษให้มันคล่อง!
ฝึกการชำแหละประโยคให้มันเป็นประโยคแบบง่าย
อาจดูเหมือนใช้เวลานาน แต่ถ้าฝึกบ่อย ๆ จนคล่องจะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นเยอะ
วิธีฝึกจากวันนี้คือ
ในแต่ละวันลองมองหาอะไรก็ได้ที่มีภาษาไทยเขียนอยู่ อาจจะเป็นฉลากอาหาร คำโปรยโฆษณา ใบปลิว บทความสั้น ๆ หรืออะไรก็ได้ แต่ไม่ต้องยาวเป็นหน้ากระดาษ A4 นะ สัก 1 - 2 บรรทัดก็พอ
ฝึกแปลทุกวัน เห็นประโยคไหนฟังดูเข้าท่าก็ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วเอากลับมาฝึกแปลที่บ้านเสมอ
ย้ำว่าทำให้มันได้ทุกวัน ขอเลยอย่าทำอะไรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ!
มันเก่งยาก ถ้าไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งทำ แต่ถ้าพร้อมแล้วก็อย่าหยุด
แล้วสัก 1 เดือนค่อยวัดผลตัวเอง ไม่ใช่ว่าเพิ่งทำมาสองสามวันก็บอกว่าตัวเองไม่เก่งขึ้น แบบนั้นมันก็ใจร้อนไป 55555
แบบนั้นนอกจากจะกดดันตัวเอง ยังทำให้ไม่มีกำลังใจในการฝึกอีก
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่:
www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan (Page:
พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.
"อยากพูดอังกฤษเก่ง อย่าแปลไทยไปด้วย!" (คำพูดนี้ดีจริงไหม?)
'อยากพูดอังกฤษเก่ง อย่าแปลภาษาไทยในหัว!'
'คิดเป็นภาษาอังกฤษสิ แล้วจะพูดง่ายขึ้น'
ความหมายที่แท้จริงของประโยคพวกนี้คืออะไรกันแน่
เพราะคนเก่ง ๆ หลานคนชอบพูดเหลือเกิน
แต่แทบจะไม่มีใครอธิบายแบบละเอียดถึง 'วิธี' พูดอังกฤษแบบห้ามแปลไทยในหัวไปด้วยเลย
รู้สึกว่าประโยคพวกนี้ฟังดูเข้าใจยากมาก ๆ และไม่รู้ว่าคนฟังจะเอาไปทำตามยังไงด้วย
โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ เจอประโยค 'อย่าแปลไทยในหัว' เข้าไปคงมึนตึ้บ!
ขอเปลี่ยนเป็น 'อยากพูดอังกฤษเก่งให้ฝึกแปลไทยเป็นอังกฤษในหัวให้มันคล่อง ๆ ไปเลย' แทนละกัน
ฟังดูเข้าใจง่ายและดูเป็นความจริงกว่าเยอะ
วิธีที่ง่ายและดีที่สุดสำหรับการแปลไทยเป็นอังกฤษก็คือ
การ 'ใช้โครงสร้างประโยคแบบง่าย' (Simple sentence structure)
ซึ่งก็คือเรียงโครงสร้างประโยคแบบ ประธาน + กริยา + กรรม (S+V+O)
แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
เพราะเรามักจะลืมวิเคราะห์ภาษาไทยก่อนจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก!
_________________
วิเคราะห์อย่างไร?
ง่าย ๆ คือ ก่อนจะแปลไทยเป็นภาษาอังกฤษ เราต้องมั่นใจก่อนว่าภาษาไทยของเราเป็น 'โครงสร้างประโยคแบบง่าย'
ลองมาดูตัวอย่าง
ภาษาไทย: "ความต้องการของคนมีมากมาย"
ฟังภาษาไทยอาจรู้เรื่อง แต่อย่าเพิ่งรีบแปล วิเคราะห์ก่อน
แล้วจะเห็นว่านี่มันไม่ใช่ประโยคแบบง่าย
ไม่เหมาะกับภาษาอังกฤษ
ถ้าฝืนแปลก็จะได้ประมาณนี้
ภาษาอังกฤษ: "Desire of people have many."
(Desire = ความต้องการ / of = ของ / people = คน / have = มี / many = มากมาย)
พอแปลแบบนี้คนไทยด้วยกันอาจจะเข้าใจ แต่ฝรั่งอาจงง!
ลองเอาประโยคข้างบนมาปรับให้เป็น 'โครงสร้างแบบง่าย'
จาก 'ความต้องการของคนเรามีมากมาย'
เอามาวิเคราะห์และเรียงใหม่แบบง่าย (ประธาน + กริยา + กรรม) ก็ได้จะได้ว่า
'คนเรามีความต้องการมากมาย'
แล้วค่อยแปลได้ง่าย ๆ ตรง ๆ เลยว่า
ภาษาอังกฤษ: People have many desires.
(ไม่ใช่ Desire of people have many!)
อีกอย่างพอเห็น desire อยู่หลัง many ก็จะได้เติม s ให้มันด้วย
พูดง่ายและยังถูกแกรมมาร์อีก! 55555
__________________
นั่นแหละคือความหมายของคำว่า 'คิดเป็นภาษาอังกฤษ' (อย่างน้อยก็สำหรับผม มันต้องเป็นแบบนี้!)
คือให้เราวิเคราะห์ภาษาไทยและทำให้มันเป็น 'โครงสร้างแบบง่าย' ก่อน แล้วค่อยแปลเป็นภาษาอังกฤษออกมา
หรือพูดง่าย ๆ คือฝึกแปลไทยเป็นภาษาอังกฤษให้มันคล่อง!
ฝึกการชำแหละประโยคให้มันเป็นประโยคแบบง่าย
อาจดูเหมือนใช้เวลานาน แต่ถ้าฝึกบ่อย ๆ จนคล่องจะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้ง่ายขึ้นเยอะ
วิธีฝึกจากวันนี้คือ
ในแต่ละวันลองมองหาอะไรก็ได้ที่มีภาษาไทยเขียนอยู่ อาจจะเป็นฉลากอาหาร คำโปรยโฆษณา ใบปลิว บทความสั้น ๆ หรืออะไรก็ได้ แต่ไม่ต้องยาวเป็นหน้ากระดาษ A4 นะ สัก 1 - 2 บรรทัดก็พอ
ฝึกแปลทุกวัน เห็นประโยคไหนฟังดูเข้าท่าก็ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วเอากลับมาฝึกแปลที่บ้านเสมอ
ย้ำว่าทำให้มันได้ทุกวัน ขอเลยอย่าทำอะไรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ!
มันเก่งยาก ถ้าไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งทำ แต่ถ้าพร้อมแล้วก็อย่าหยุด
แล้วสัก 1 เดือนค่อยวัดผลตัวเอง ไม่ใช่ว่าเพิ่งทำมาสองสามวันก็บอกว่าตัวเองไม่เก่งขึ้น แบบนั้นมันก็ใจร้อนไป 55555
แบบนั้นนอกจากจะกดดันตัวเอง ยังทำให้ไม่มีกำลังใจในการฝึกอีก
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
รู้ภาษาอังกฤษมากขึ้นทุกวันที่: www.facebook.com/MyFathersAnEnglishMan (Page: พ่อผมเป็นคนอังกฤษ)
Stay knowledge-hungry
JGC.