บทว่า จตุราปสฺเสโน ความว่า เป็นผู้มีธรรมเป็นเครื่องอาศัย ๔
ด้วยสามารถแห่งธรรมเป็นเครื่องอาศัย ๔ อย่าง คือ การเสพเฉพาะ,
การเว้น, การบรรเทา และการละ
(อ้าง. เถระภาษิต; ฉบับ มมร ๖๕/๑๘๐.)
อธิบาย เทียบบท ว่า
“ดังนี้ จะกล่าวถึง การเสพเฉพาะ ยกขึ้น คำว่า สารูป! นั้นเอง หมายความอย่างหนึ่งว่า สรุปความ คือตัวบทสรุป หรือเราจะเรียกว่า สาระรูป ก็ได้, เพราะจะต้องให้ได้ฟังไปถึงบทสรุปซะก่อน คือคำสำคัญที่สุดนั้น, ว่ากล่าวแก่อะไร? อะไรเป็นแท้จริง ในการเสพเฉพาะสารูป นั้น, ในการเว้นเสียจากสารูป นั้น, ในการบรรเทาให้แก่การย์ซึ่งสารูป นั้น, ในการละวาง ปล่อยไปเสียซึ่งสารูป นั้น,
ฉะนั้น เราจึงจะเห็น ไปในสรุปสารูป ที่ควรยกเอามากล่าวคำ โดย (สรุป!) ไม่กลับเข้าใจผิด แล้วให้เป็นอื่น, เช่นว่า ดังต่อไปนี้ :—
๑. นักบวชนี้ ไม่ชั่ว (สารูป!) เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
๒. กษัตริย์นี้ ไม่ชั่ว เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
๓. อำมาตย์ภูษามาลานี้ ไม่ชั่ว เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
๔. นกฮูกตาโต นี้ ไม่ชั่ว เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
อาทิ มีมาเป็นต้น นั้น.
ต้องได้ให้ทุกคน เข้าใจในสารูป อันเป็นสารัตถะ ดังนั้นก่อน จึงว่า ได้กล่าวไปในสารูป ไม่ชั่ว ของการณ์ที่ตนยกมา หรือรับจะกล่าวอธิบาย ในบทธรรม ที่เป็นบทสรุป ตามแต่เมื่อวาน หรือแต่ก่อน ๆ มา แทบทั้งหมด, กับการที่จะตอบว่า เสพเฉพาะ หรือเพื่อเว้น หรือเพื่อบรรเทาอย่างไรก็ตาม หรือละไว้ ปล่อยไปเข้าใจเอง ก็ตาม, เราเข้าใจแต่ว่า การที่ใคร ใคร่ทำเสียสารูป ตามสรุปแห่งบทธรรม นั้น เป็นการกระทำคำสำคัญของพระพุทธเจ้าของเราให้คลาดเคลื่อน, อาจไม่ถึงเป็นการตู่ธรรม แต่ก็กลับเป็นการประมาท หรือส่งเสริมให้เกิดการประมาท ในการบอกให้ควัก เอามาแต่ปอด ตับ ม้าม โดยที่ไม่มีร่างกายอะไรให้เห็น ในความสำคัญที่จัดอยู่ในลำดับรอง ๆ ลงมา จากพระพุทธเจ้า
อาจเป็นเหตุ ให้คนคลาดเคลื่อนไปจากความดีก็ได้, ฉะนั้น เรา และจำพวกบุคคลที่นิยมนับถือในพระพุทธปัจเจกแล้ว จึงไม่มักกล่าวคำลัดสั้น หรือยกบท ส่งบท ลงความ อันไปไม่ถึงสารูป สรุปบทธรรมของพระนิตยปัจเจกโพธิ ในสมัยสังคมยุคปัจจุบันนี้ ที่ซึ่งเป็นยุค ที่มีแต่ความดีงามทุกสิ่ง จากพระพุทธโคดมพระพุทธเจ้า เป็นผู้ประทานมา ให้เสียหาย,
การย์ ที่จะว่า คนใดเป็นคนใคร่ ให้ได้เกิดการหัวร่อหัวขิง งอลิงงอข้าง สรวลเสเฮฮา หรรษากันจน ปวดท้อง, ดังนั้น ก็ตาม เกลือกว่า ยกเอาบทของพระปัจเจกพุทธเจ้าของเรามา หัวร่อ, ซึ่งใจจะหัวร่อ คนนั้น ก็ไม่ผิดอะไรดอก แต่ว่า การไม่เว้นกล่าวการสรุปสารูปตามใจนั้น อาจจะไม่ถูก เพราะว่าเรื่องพระนิตยปัจเจก ทั้ง ๔ ต้องตกมาในพวกเรา เป็นเรื่องเดียวกัน
เมื่อใคร่จะไปยกบทชั่ว ก็ต้องกล่าวให้เห็นสารูปว่า ท่านไม่ชั่ว ต้องไปเช่นนั้น, เช่นว่า เพราะท่านเห็นแก่เฉพาะ ก็แต่พรหมจรรย์ของน้องสาว เป็นต้น ในพระเทวทัต อันคนจะหาอ้างให้ผู้ไร้เดียงสา เข้าใจไว้บ้างก่อน (อ้าง. .....), และเพราะ ท่านเห็นแก่ขัตติยะมานะในซึ่งอาณาประชาราษฏร์ของท่าน เป็นต้น ในพระเจ้าอชาตศัตรู พระองค์จึงต้องเว้นสู้ศึก กับพี่น้อง ที่ต้องการ ก็แต่เรื่องการออกบวช,
อีกประการนั้น ก็คือมนตรี แห่งพระตำหนักภูษามาลา เพราะท่านเห็นแต่การเฉพาะไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ลุ่มหลงไปในความโลภโมโทสัน ไปตามนิสัยของทารกะกำนัลและทาสหญิง ท่านจึงทิ้งดอกไม้ของพระเจ้าอยู่หัว ลงไปไว้ตามสายทางของถนน, และประการที่สุด เพราะว่า นกฮูก ไม่เห็นแก่การไร้เดียงสาในตนอีกแล้ว เพราะเห็นว่าตนหมดธุระ ของการประพฤติตนเป็นตัวอย่าง แบบอย่าง แก่ทุกเหล่าสรรพสัตว์ ฉะนั้น จึงต้องมาประกาศถึงซึ่งความสำเร็จธรรม ในที่แห่งพรตบำเพ็ญเพียรจะให้ที่ปรากฏความหมาย ได้เป็นนกฮูกตัวบรรลุผล. ดั่งนั้น เป็นต้น ที่พวกเราควรเห็น และยกเป็นสรุปสารูป มาก่อน”
บทสรุป ตามแต่เมื่อวาน หรือแต่ก่อน ๆ มา แทบทั้งหมด ต้องเห็นก่อนว่า ไม่ชั่ว!
ด้วยสามารถแห่งธรรมเป็นเครื่องอาศัย ๔ อย่าง คือ การเสพเฉพาะ,
การเว้น, การบรรเทา และการละ
(อ้าง. เถระภาษิต; ฉบับ มมร ๖๕/๑๘๐.)
อธิบาย เทียบบท ว่า
“ดังนี้ จะกล่าวถึง การเสพเฉพาะ ยกขึ้น คำว่า สารูป! นั้นเอง หมายความอย่างหนึ่งว่า สรุปความ คือตัวบทสรุป หรือเราจะเรียกว่า สาระรูป ก็ได้, เพราะจะต้องให้ได้ฟังไปถึงบทสรุปซะก่อน คือคำสำคัญที่สุดนั้น, ว่ากล่าวแก่อะไร? อะไรเป็นแท้จริง ในการเสพเฉพาะสารูป นั้น, ในการเว้นเสียจากสารูป นั้น, ในการบรรเทาให้แก่การย์ซึ่งสารูป นั้น, ในการละวาง ปล่อยไปเสียซึ่งสารูป นั้น,
ฉะนั้น เราจึงจะเห็น ไปในสรุปสารูป ที่ควรยกเอามากล่าวคำ โดย (สรุป!) ไม่กลับเข้าใจผิด แล้วให้เป็นอื่น, เช่นว่า ดังต่อไปนี้ :—
๑. นักบวชนี้ ไม่ชั่ว (สารูป!) เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
๒. กษัตริย์นี้ ไม่ชั่ว เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
๓. อำมาตย์ภูษามาลานี้ ไม่ชั่ว เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
๔. นกฮูกตาโต นี้ ไม่ชั่ว เพราะเธอจะเป็นถึงพระปัจเจกฯ
อาทิ มีมาเป็นต้น นั้น.
ต้องได้ให้ทุกคน เข้าใจในสารูป อันเป็นสารัตถะ ดังนั้นก่อน จึงว่า ได้กล่าวไปในสารูป ไม่ชั่ว ของการณ์ที่ตนยกมา หรือรับจะกล่าวอธิบาย ในบทธรรม ที่เป็นบทสรุป ตามแต่เมื่อวาน หรือแต่ก่อน ๆ มา แทบทั้งหมด, กับการที่จะตอบว่า เสพเฉพาะ หรือเพื่อเว้น หรือเพื่อบรรเทาอย่างไรก็ตาม หรือละไว้ ปล่อยไปเข้าใจเอง ก็ตาม, เราเข้าใจแต่ว่า การที่ใคร ใคร่ทำเสียสารูป ตามสรุปแห่งบทธรรม นั้น เป็นการกระทำคำสำคัญของพระพุทธเจ้าของเราให้คลาดเคลื่อน, อาจไม่ถึงเป็นการตู่ธรรม แต่ก็กลับเป็นการประมาท หรือส่งเสริมให้เกิดการประมาท ในการบอกให้ควัก เอามาแต่ปอด ตับ ม้าม โดยที่ไม่มีร่างกายอะไรให้เห็น ในความสำคัญที่จัดอยู่ในลำดับรอง ๆ ลงมา จากพระพุทธเจ้า
อาจเป็นเหตุ ให้คนคลาดเคลื่อนไปจากความดีก็ได้, ฉะนั้น เรา และจำพวกบุคคลที่นิยมนับถือในพระพุทธปัจเจกแล้ว จึงไม่มักกล่าวคำลัดสั้น หรือยกบท ส่งบท ลงความ อันไปไม่ถึงสารูป สรุปบทธรรมของพระนิตยปัจเจกโพธิ ในสมัยสังคมยุคปัจจุบันนี้ ที่ซึ่งเป็นยุค ที่มีแต่ความดีงามทุกสิ่ง จากพระพุทธโคดมพระพุทธเจ้า เป็นผู้ประทานมา ให้เสียหาย,
การย์ ที่จะว่า คนใดเป็นคนใคร่ ให้ได้เกิดการหัวร่อหัวขิง งอลิงงอข้าง สรวลเสเฮฮา หรรษากันจน ปวดท้อง, ดังนั้น ก็ตาม เกลือกว่า ยกเอาบทของพระปัจเจกพุทธเจ้าของเรามา หัวร่อ, ซึ่งใจจะหัวร่อ คนนั้น ก็ไม่ผิดอะไรดอก แต่ว่า การไม่เว้นกล่าวการสรุปสารูปตามใจนั้น อาจจะไม่ถูก เพราะว่าเรื่องพระนิตยปัจเจก ทั้ง ๔ ต้องตกมาในพวกเรา เป็นเรื่องเดียวกัน
เมื่อใคร่จะไปยกบทชั่ว ก็ต้องกล่าวให้เห็นสารูปว่า ท่านไม่ชั่ว ต้องไปเช่นนั้น, เช่นว่า เพราะท่านเห็นแก่เฉพาะ ก็แต่พรหมจรรย์ของน้องสาว เป็นต้น ในพระเทวทัต อันคนจะหาอ้างให้ผู้ไร้เดียงสา เข้าใจไว้บ้างก่อน (อ้าง. .....), และเพราะ ท่านเห็นแก่ขัตติยะมานะในซึ่งอาณาประชาราษฏร์ของท่าน เป็นต้น ในพระเจ้าอชาตศัตรู พระองค์จึงต้องเว้นสู้ศึก กับพี่น้อง ที่ต้องการ ก็แต่เรื่องการออกบวช,
อีกประการนั้น ก็คือมนตรี แห่งพระตำหนักภูษามาลา เพราะท่านเห็นแต่การเฉพาะไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่ลุ่มหลงไปในความโลภโมโทสัน ไปตามนิสัยของทารกะกำนัลและทาสหญิง ท่านจึงทิ้งดอกไม้ของพระเจ้าอยู่หัว ลงไปไว้ตามสายทางของถนน, และประการที่สุด เพราะว่า นกฮูก ไม่เห็นแก่การไร้เดียงสาในตนอีกแล้ว เพราะเห็นว่าตนหมดธุระ ของการประพฤติตนเป็นตัวอย่าง แบบอย่าง แก่ทุกเหล่าสรรพสัตว์ ฉะนั้น จึงต้องมาประกาศถึงซึ่งความสำเร็จธรรม ในที่แห่งพรตบำเพ็ญเพียรจะให้ที่ปรากฏความหมาย ได้เป็นนกฮูกตัวบรรลุผล. ดั่งนั้น เป็นต้น ที่พวกเราควรเห็น และยกเป็นสรุปสารูป มาก่อน”