เกริ่นก่อนนะครับว่าเนื้อหาจะเครียดๆหน่อย และนี่เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกผิดพลาดอย่างไรขออภัยล่วงหน้า
ตามชื่อเลยครับ ผมสังเกตว่าข่าวสารที่ผมได้รับในแต่ละวันๆ มันดูมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น สังคมดูใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหามากขึ้น ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตลดลง ศีลธรรมจรรยาบรรณต่างๆมันดูตกต่ำลงไปมาก ไม่ว่าจะบุคคลในอาชีพอะไรก็ดูจะมีแต่ข่าวเชิงลบ นักการเมืองที่ฉ้อฉล,นักธุรกิจที่มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าธรรมชาติที่ตนอาศัยอยู่, ข้าราชการ ที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ, พ่อค้าที่ไม่มีความซื่อสัตย์ในอาชีพของตน ฯลฯ
ช่วงเดือนที่ผ่านมา ข่าวคนฆ่ากันตายเพราะความรัก, คนฆ่ากันตายเพราะทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย, ที่สุดฆ่าตัวตายก็หลายราย, เรื่องโกหกหลอกลวงกันแบบไร้ความน่าละลายก็มีไม่น้อย
ผมมาพิจารณาว่านี่สังคมเราเป็นอย่างนี้มานานแล้วเพียงแต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้การเข้าถึงข่าวสารของเราทำได้ง่ายขึ้น หรือเพราะข่าวประเภทนี้คนสนใจนักข่าวจึงนิยมเล่นข่าว หรือสังคมมันตกต่ำลงจริงๆ?
หากนับเฉพาะสภาวะแวดล้อมรอบตัวของผม วันนี้กับเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ความปลอดภัยและความสงบสุขในสังคมโดยรวมมันลดลงไปมากๆเลย และหากเทียบเคียงด้วยนัยนี้ หากสังคมไม่มีการเปลี่ยนแปลง อนาคตข้างหน้าลูกหลานเราจะต้องอาศัยอยู่ในสังคมแบบไหนกัน
เคยมีโอกาสได้คุยกับคนที่อายุมากๆ ส่วนใหญ่ได้คำตอบคล้ายๆกัน คือสมัยก่อน “น่าอยู่” กว่าปัจจุบัน
คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการพัฒนาในด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร, วิทยาศาสตร์, การแพทย์, การเกษตร, การคมนาคม ความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันดีกว่าสมัยก่อนอย่างมาก แต่เรากำลังแลกสิ่งเหล่านี้กับอะไร? และมันคุ้มค่าไหม?
ทำไมผมรู้สึกเหมือนสังคมเรากำลังเป็นหมูที่อยู่ในรถบรรทุกและกำลังมุ่งหน้าไปสู่โรงฆ่าสัตว์.
นี่มนุษยโลกเราพัฒนามาถูกทางแล้วจริงๆหรือ?
ปล. ส่วนตัวผมนับถือพุทธ และเคยได้ยินคำว่า “ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ” ลองมาพิจารณาก็เห็นจริงตามนั้น เลยอยากถามเพื่อนๆว่า ศีล ๕ ข้อ แต่ละคนรักษากันได้คนละประมาณกี่ข้อครับ. สำหรับท่านที่นับถือศาสนาอื่น ในศีลพื้นฐานของศาสนาท่าน ท่านนับถือได้กี่ % ครับ.
เพราะผมมองว่าศีลเป็นตัวบ่งชี้ความปลอดภัยในสังคม.
มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยในยุคปัจจุบัน?
ตามชื่อเลยครับ ผมสังเกตว่าข่าวสารที่ผมได้รับในแต่ละวันๆ มันดูมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น สังคมดูใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหามากขึ้น ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตลดลง ศีลธรรมจรรยาบรรณต่างๆมันดูตกต่ำลงไปมาก ไม่ว่าจะบุคคลในอาชีพอะไรก็ดูจะมีแต่ข่าวเชิงลบ นักการเมืองที่ฉ้อฉล,นักธุรกิจที่มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าธรรมชาติที่ตนอาศัยอยู่, ข้าราชการ ที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ, พ่อค้าที่ไม่มีความซื่อสัตย์ในอาชีพของตน ฯลฯ
ช่วงเดือนที่ผ่านมา ข่าวคนฆ่ากันตายเพราะความรัก, คนฆ่ากันตายเพราะทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย, ที่สุดฆ่าตัวตายก็หลายราย, เรื่องโกหกหลอกลวงกันแบบไร้ความน่าละลายก็มีไม่น้อย
ผมมาพิจารณาว่านี่สังคมเราเป็นอย่างนี้มานานแล้วเพียงแต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้การเข้าถึงข่าวสารของเราทำได้ง่ายขึ้น หรือเพราะข่าวประเภทนี้คนสนใจนักข่าวจึงนิยมเล่นข่าว หรือสังคมมันตกต่ำลงจริงๆ?
หากนับเฉพาะสภาวะแวดล้อมรอบตัวของผม วันนี้กับเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ความปลอดภัยและความสงบสุขในสังคมโดยรวมมันลดลงไปมากๆเลย และหากเทียบเคียงด้วยนัยนี้ หากสังคมไม่มีการเปลี่ยนแปลง อนาคตข้างหน้าลูกหลานเราจะต้องอาศัยอยู่ในสังคมแบบไหนกัน
เคยมีโอกาสได้คุยกับคนที่อายุมากๆ ส่วนใหญ่ได้คำตอบคล้ายๆกัน คือสมัยก่อน “น่าอยู่” กว่าปัจจุบัน
คงปฎิเสธไม่ได้ว่าการพัฒนาในด้านเทคโนโลยี การสื่อสาร, วิทยาศาสตร์, การแพทย์, การเกษตร, การคมนาคม ความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันดีกว่าสมัยก่อนอย่างมาก แต่เรากำลังแลกสิ่งเหล่านี้กับอะไร? และมันคุ้มค่าไหม?
ทำไมผมรู้สึกเหมือนสังคมเรากำลังเป็นหมูที่อยู่ในรถบรรทุกและกำลังมุ่งหน้าไปสู่โรงฆ่าสัตว์.
นี่มนุษยโลกเราพัฒนามาถูกทางแล้วจริงๆหรือ?
ปล. ส่วนตัวผมนับถือพุทธ และเคยได้ยินคำว่า “ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ” ลองมาพิจารณาก็เห็นจริงตามนั้น เลยอยากถามเพื่อนๆว่า ศีล ๕ ข้อ แต่ละคนรักษากันได้คนละประมาณกี่ข้อครับ. สำหรับท่านที่นับถือศาสนาอื่น ในศีลพื้นฐานของศาสนาท่าน ท่านนับถือได้กี่ % ครับ.
เพราะผมมองว่าศีลเป็นตัวบ่งชี้ความปลอดภัยในสังคม.