สอบโกงเงินคนพิการ
ขีดเส้น15วันคาดรู้ผล
“บิ๊กป้อม” ยัน “บิ๊กตู่” สั่งกลาง ครม.ชัดเจนกรณี “โกงเงินคนพิการ” ใครผิดให้ฟันพ้นตำแหน่ง “บิ๊กอู๋” สั่งตั้งกก.สอบด่วน คาดภายใน 15 วันรู้เรื่อง เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการบุกร้องดีเอสไอสอบโกงเงินคนพิการ กว่า 1.5 พันล้าน ขอคุ้มครองพยาน หยุดคุกคาม ขู่บานปลาย อาจใช้สิทธิฟ้องยูเอ็นคุ้มครอง เมื่อวันที่ 19 กันยายน
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีปัญหาการโกงเงินคนพิการของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย หากพบความผิดก็ต้องดำเนินการซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ระบุไว้ว่าใครทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องเงินทองให้ออกจากตำแหน่งโดยทันที ซึ่งได้สั่งการชัดเจนในกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวานนี้(18 ก.ย.)
ที่กระทรวงแรงงาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณี นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กมส.)เพื่อขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับคนพิการที่กำหนดให้มีการจ้างงานคนพิการแต่ตัวเลขการจ้างงานไม่ตรงกับสิทธิของคนพิการจริงและเกิดการทุจริตในส่วนของการฝึกอบรมให้กับคนพิการได้สร้างความเสียหายถึง1,500ล้านบาทต่อปีว่า ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน มีหน้าที่ดูแลเรื่องของจัดหางานให้กับคนพิการได้มีงานทำตามมาตรา33 ซึ่งคนพิการในระบบที่มีสิทธิทำงาน มีทั้งหมด 64,000คน ได้ทำงานแล้ว36,000 คนและมีคนพิการ ขึ้นทะเบียนหางานกับกรมการจัดหางาน1,979คน ได้บรรจุงานไปแล้ว1,565 คน
รมว.แรงงานกล่าวว่า สถานประกอบใด ที่ไม่ได้จ้างงานคนพิการ จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.)โดยตรง เป็นเงิน109,500บาทต่อคนต่อปีโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน หากสถานประกอบการไม่ส่งเงินเข้ากองทุนจะต้องนำเงินจำนวนนี้มาส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการทั้งการฝึกอบ จัดสถานที่ขายของให้กับคนพิการ โดยสถานประกอบการจะต้องเขียนโครงการ รายละเอียดทั้งหมดรวมถึงรายชื่อของผู้พิการที่ได้รับการอบรมเพื่อให้กรมการจัดหางานอนุมัติ ซึ่ง พก.จะพิจารณา 3 ประเด็น 1.สิทธิที่ให้แก่คนพิการครบถ้วนตามหลักเกณฑ์หรือไม่ 2. มูลค่าของสิทธิที่ให้แก่คนพิการเป็นไปตามที่กำหนดในระเบียบหรือไม่ และ3.คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการสามารถรับสิทธิที่ให้แก่คนพิการเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่
“หากครบถ้วนถูกต้อง กรมการจัดหางาน ก็จะเห็นชอบและ จะแจ้งมาที่กรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.)ว่าสถานประกอบการแห่งนั้นได้ดำเนินการส่งเสริมอาชีพให้กับคนพิการแล้วจำนวนกี่คน ชื่ออะไรบ้างซึ่งพก.จะบันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลการปฏิบัติตามกฎหมายไว้ และไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน แต่ถ้าหากพบข้อสงสัย พก.จะส่งกลับให้กรมการจัดหางานตรวจสอบซึ่งที่ผ่านมา ยืนยันไม่พบความผิดปกติ ทางเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกโครงการที่อนุมัติอย่างต่อเนื่อง” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวและว่าเบื้องต้น หากมีการร้องเรียนมาข้างต้นกระทรวงแรงงานจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จในส่วนที่กระทรวงแรงงานรับผิดชอบอย่างละเอียด คาดมีความคืบหน้าภายใน 15 วันนับจากนี้เป็นต้นไป
วันเดียวกัน นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการได้เข้ายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวน กรณี การโกงเงินคนพิการซึ่งได้สร้างความเสียหายถึง1,500 ล้านบาทต่อปี การละเมิดสิทธิคนพิการและขอการคุ้มครองพยานโดยระบุว่าที่กระทรวง พม.แถลงว่าไม่มีการร้องเรียน เรื่องการถูกหักค่าหัวคิวนั้น ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่สาเหตุที่คนพิการไม่มีการร้องเรียนเพราะมีความหวาดกลัว จะไม่ปลอดภัย แม้แต่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ยังถูกคุกคาม จึงเรียกร้องขอวอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่าข่มขู่ คุกคาม ที่ผ่านมามีความพยายามคุกคามหลายรูปแบบทั้งโทรมาข่มขู่ ขอให้กลับไปแก้ปัญหา
“ความจริงมีการทุจริตเรื่องนี้ชัดเจนทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว จะทยอยเปิดเผยไปเรื่อยๆจนกว่าปัญหาจะถูกแก้ไข แต่หากเรื่องลุกลามบานปลาย อาจจะไปถึงระดับนานาชาติ เพราะคนพิการมีกฎหมายคุ้มครองตามหลักสากล และเชื่อว่าถ้าแก้ปัญหาจริงจังใช้เวลาไม่น่าเกิน 1 เดือน ในการตรวจสอบ เนื่องจากรายชื่อคนพิการทั้งหมด เข้าไปอยู่ในระบบซึ่งสามารถตรวจสอบได้”นายปรีดา ย้ำ
อยากให้มี และขอให้มี เพราะมันหมักหมมมานาน มาก การโกงขอบ้านเรา
นี้คือสิ่งที่ผมอยากจะเห็นในยุคเลือกตั้ง
สอบโกงเงินคนพิการ
ขีดเส้น15วันคาดรู้ผล
“บิ๊กป้อม” ยัน “บิ๊กตู่” สั่งกลาง ครม.ชัดเจนกรณี “โกงเงินคนพิการ” ใครผิดให้ฟันพ้นตำแหน่ง “บิ๊กอู๋” สั่งตั้งกก.สอบด่วน คาดภายใน 15 วันรู้เรื่อง เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการบุกร้องดีเอสไอสอบโกงเงินคนพิการ กว่า 1.5 พันล้าน ขอคุ้มครองพยาน หยุดคุกคาม ขู่บานปลาย อาจใช้สิทธิฟ้องยูเอ็นคุ้มครอง เมื่อวันที่ 19 กันยายน
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมกล่าวถึงกรณีปัญหาการโกงเงินคนพิการของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย หากพบความผิดก็ต้องดำเนินการซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ระบุไว้ว่าใครทำผิดกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องเงินทองให้ออกจากตำแหน่งโดยทันที ซึ่งได้สั่งการชัดเจนในกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวานนี้(18 ก.ย.)
ที่กระทรวงแรงงาน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณี นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กมส.)เพื่อขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับคนพิการที่กำหนดให้มีการจ้างงานคนพิการแต่ตัวเลขการจ้างงานไม่ตรงกับสิทธิของคนพิการจริงและเกิดการทุจริตในส่วนของการฝึกอบรมให้กับคนพิการได้สร้างความเสียหายถึง1,500ล้านบาทต่อปีว่า ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน มีหน้าที่ดูแลเรื่องของจัดหางานให้กับคนพิการได้มีงานทำตามมาตรา33 ซึ่งคนพิการในระบบที่มีสิทธิทำงาน มีทั้งหมด 64,000คน ได้ทำงานแล้ว36,000 คนและมีคนพิการ ขึ้นทะเบียนหางานกับกรมการจัดหางาน1,979คน ได้บรรจุงานไปแล้ว1,565 คน
รมว.แรงงานกล่าวว่า สถานประกอบใด ที่ไม่ได้จ้างงานคนพิการ จะต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.)โดยตรง เป็นเงิน109,500บาทต่อคนต่อปีโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน หากสถานประกอบการไม่ส่งเงินเข้ากองทุนจะต้องนำเงินจำนวนนี้มาส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการทั้งการฝึกอบ จัดสถานที่ขายของให้กับคนพิการ โดยสถานประกอบการจะต้องเขียนโครงการ รายละเอียดทั้งหมดรวมถึงรายชื่อของผู้พิการที่ได้รับการอบรมเพื่อให้กรมการจัดหางานอนุมัติ ซึ่ง พก.จะพิจารณา 3 ประเด็น 1.สิทธิที่ให้แก่คนพิการครบถ้วนตามหลักเกณฑ์หรือไม่ 2. มูลค่าของสิทธิที่ให้แก่คนพิการเป็นไปตามที่กำหนดในระเบียบหรือไม่ และ3.คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการสามารถรับสิทธิที่ให้แก่คนพิการเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่
“หากครบถ้วนถูกต้อง กรมการจัดหางาน ก็จะเห็นชอบและ จะแจ้งมาที่กรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ(พก.)ว่าสถานประกอบการแห่งนั้นได้ดำเนินการส่งเสริมอาชีพให้กับคนพิการแล้วจำนวนกี่คน ชื่ออะไรบ้างซึ่งพก.จะบันทึกเข้าระบบฐานข้อมูลการปฏิบัติตามกฎหมายไว้ และไม่ต้องส่งเงินเข้ากองทุน แต่ถ้าหากพบข้อสงสัย พก.จะส่งกลับให้กรมการจัดหางานตรวจสอบซึ่งที่ผ่านมา ยืนยันไม่พบความผิดปกติ ทางเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกโครงการที่อนุมัติอย่างต่อเนื่อง” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวและว่าเบื้องต้น หากมีการร้องเรียนมาข้างต้นกระทรวงแรงงานจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จในส่วนที่กระทรวงแรงงานรับผิดชอบอย่างละเอียด คาดมีความคืบหน้าภายใน 15 วันนับจากนี้เป็นต้นไป
วันเดียวกัน นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการได้เข้ายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวน กรณี การโกงเงินคนพิการซึ่งได้สร้างความเสียหายถึง1,500 ล้านบาทต่อปี การละเมิดสิทธิคนพิการและขอการคุ้มครองพยานโดยระบุว่าที่กระทรวง พม.แถลงว่าไม่มีการร้องเรียน เรื่องการถูกหักค่าหัวคิวนั้น ยอมรับว่าเป็นความจริง แต่สาเหตุที่คนพิการไม่มีการร้องเรียนเพราะมีความหวาดกลัว จะไม่ปลอดภัย แม้แต่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ยังถูกคุกคาม จึงเรียกร้องขอวอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่าข่มขู่ คุกคาม ที่ผ่านมามีความพยายามคุกคามหลายรูปแบบทั้งโทรมาข่มขู่ ขอให้กลับไปแก้ปัญหา
“ความจริงมีการทุจริตเรื่องนี้ชัดเจนทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลเอกสารหลักฐานทั้งหมดไว้แล้ว จะทยอยเปิดเผยไปเรื่อยๆจนกว่าปัญหาจะถูกแก้ไข แต่หากเรื่องลุกลามบานปลาย อาจจะไปถึงระดับนานาชาติ เพราะคนพิการมีกฎหมายคุ้มครองตามหลักสากล และเชื่อว่าถ้าแก้ปัญหาจริงจังใช้เวลาไม่น่าเกิน 1 เดือน ในการตรวจสอบ เนื่องจากรายชื่อคนพิการทั้งหมด เข้าไปอยู่ในระบบซึ่งสามารถตรวจสอบได้”นายปรีดา ย้ำ
อยากให้มี และขอให้มี เพราะมันหมักหมมมานาน มาก การโกงขอบ้านเรา