ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ | Ep.3 | ::ตอนจบ::
เยือนนครมาดีนะห์ นครแห่งสันติสุข
สามารถติดตามกระทู้ก่อนหน้านี้ได้ที่
-------------------------------------
ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ |Ep.1|
เยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มัสยิดอัลฮะรอม
https://ppantip.com/topic/38049966
...................................................
:: ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ |Ep.2| ::
ช่วงเวลาสู่สนามฮัจย์
https://ppantip.com/topic/38059154
.................................................
กล่าวคือ นครมาดีนะห์ เป็นเมืองที่ผู้คนทำการต้อนรับการฮิจเราะห์มาของท่านนบี ทำให้โดยรวมเราจะสัมผัสได้ถึงความมีน้ำใจ ความสุภาพ และวัฒนธรรมที่อ่อนโยนของคนมาดีนะห์
หัวใจของนครมาดีนะห์ ก็คือ มัสยิดนาบาวีย์ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า มัสยิดนาบี
แรกเริ่มเดิมทีการสร้างมัสยิดหลังนี้เป็นดำริโดยตรงของท่านนาบีที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมอิสลามใหม่ในเมืองมาดีนะห์ ท่านได้วางรากฐานทั้งหมดด้วยการเริ่มต้นที่มัสยิดแห่งนี้ นับเป็นแหล่งรวมจิตใจ,ความคิดและมติแห่งการปฏิบัติที่ยืนอยู่บนรากฐานแห่งอีมานและอิสลามอย่างแท้จริง มีวะห์ยูจากพระองค์อัลเลาะห์ ซ.บ คอยดลจิตให้ท่านยึดเป็นทางนำในการดำเนินชีวิตตลอดมา ตั่งแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่มีมากว่าพันปีและจะยังคงมีตลอดไปจนถึงวันกียามัต.
มัสยิดนาบาวีย์นับเป็นมัสยิดหลังที่สองรองจากมัสยิดกุบาฮฺในเรื่องของลำดับการก่อสร้างมัสยิดต่างๆที่มีอยู่ในโลก ท่านนาบีได้ก่อร่างสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่านเองพร้อมกับบรรดาซอฮาบะห์ภายหลังจากท่านฮิจเราะห์จากเมืองมักกะห์สู่เมืองมาดีนะห์ โดยท่านได้แวะที่ชานเมืองมาดีนะห์ ณ หมู่บ้านกุบาฮฺพร้อมกับสร้างมัสยิดหลังแรกที่นั้น.
หลังจากพำนักที่หมู่บ้านกุบาฮฺได้ไม่กี่วันท่านก็เดินทางต่อโดยได้มาถึงที่ๆเป็นบริเวณมัสยิดนาบาวีย์ในปัจจุบัน เหตุการณ์ในครั้งนั้นในประวัติศาสตร์อิสลามได้บันทึกว่า ชาวเมืองมาดีนะห์เมื่อรู้ถึงการฮิจเราะห์ของท่านรอซูลได้มาถึงยังพวกเขาต่างแส้ซ้องสรรเสริญและต้อนรับอย่างสมเกียรติพร้อมกับแย่งชิงลากอูฐของท่านไปยังบ้านของตน โดยหวังให้เป็นแขกพิเศษในช่วงก่อนที่ท่านจะมีบ้านเป็นหลักแหล่งที่นี้ เห็นเป็นเช่นนั้น ท่านนาบีจึงบอกชาวมาดีนะห์ว่า “ปล่อยอูฐของฉันให้มันเดินตามความต้องการหากมันหยุดตรงไหนที่นั้นคือที่สร้างบ้านของฉัน” เมื่ออูฐคู่ใจของท่านรอซูลเดินออกมาได้ระยะหนึ่งก็มาหยุดอยู่ที่หนึ่งที่เป็นบริเวณท้องทุ่งกว้าง แล้วท่านนาบีก็พูดว่า “นี่แหละที่สร้างบ้านของฉัน” ซึ่งเป็นจุดที่เป็นกุบุร(สุสาน)ของท่านในปัจจุบันนี้นั้นเอง.
ภายหลังท่านสร้างบ้านเสร็จ ท่านนาบีมีดำริให้สร้างมัสยิดข้างบ้านท่าน โดยยุคแรกของการก่อสร้างมัสยิดมีความกว้างเพียง 30×35 ตารางเมตร ต่อมาภายหลังก็ได้มีการขยับขยายอณาบริเวณของมัสยิดตามความจำเป็นของแต่ละยุคสมัยแห่งการปกครองของแต่ละคอลีฟะห์ จวบจนถึงปัจจุบัน
มัสยิดอัลนะบะวีย์ เป็นมัสยิดที่โอ่อ่าอลังการณ์มาก เสามีอยู่ 2,104 ต้น แต่ละต้นตกแต่ง ประดับประดาไปด้วยทอง ดูแล้วตื่นตาตื่นใจมาก ภายในติดแอร์เย็นฉ่ำ มีหลังคาส่วนที่เรียกว่าโดมเป็นรูปลูกปิงปองครึ่งซีกครอบอยู่ 27 โดม เขียนลวดลายสวยงามมาก แต่ละโดมมีพื้นที่ประมาณ 10x10 เมตร หนัก 80 ตัน เลื่อนปิดเปิดด้วยระบบไฟฟ้า และยังมีส่วนที่เป็นร่มเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกันอีก 12 ร่ม (เฉพาะตัวมัสยิดไม่เกี่ยวกับรอบอาคารมัสยิดซึ่งมีจำนวนมาก) ชั้นจอดรถใต้ดินมีสองชั้น จอดได้สี่พันกว่าคัน บนดาดฟ้าจุคนประมาณเก้าหมื่นกว่าคน แต่น่าเสียดายตอนเราไปเขาไม่เปิดโอกาสให้ขึ้นไป ทั้งหมดรวมบริเวณลานด้านนอกจุคนได้เจ็ดแสนกว่าคน ในเทศกาลฮัจย์ที่มีผู้คนหนาแหน่นสามารถได้ทั้งหมดในคราวเดียวกันประมาณ 1 ล้านคน
ถ้าฝนตกหรือแดดออกโดมจะปิด เวลาอากาศดีๆ โดมจะถูกเปิด นั่งแล้วโล่งสบาย ตกตอนเย็นจะมีคนชอบไปนั่งใต้โดมเพื่อคอยดูเวลาโดมเลื่อนเปิด พื้นภายในเป็นหินอ่อนแต่เขาจะปูพรมเต็มเกือบตลอด ถ้าเป็นวันศุกร์จะมีชาวเมืองมาละหมาดวันศุกร์ด้วย บนลานด้านนอกเขาก็จะปูพรมเต็มพื้นที่เลย ที่นี่สถาปนิกเขาออกแบบได้เนี้ยบมาก ในอาคารไม่เห็นหลอดไฟเลย นอกจากโคมไฟประดับเท่านั้น ช่องแอร์จะหลบอยู่ในเสาทุกต้นดูไม่ออก จะทราบก็ต่อเมื่อเอามือไปอังตรงลวดลายที่ประดับอยู่ที่เสา ภายในมัสยิดมีคูลเลอร์ใส่น้ำเย็นตั้งเป็นจุดๆ
มีฮะดีษมากมายที่ระบุถึงความประเสริฐของมัสยิดนบี ดังที่นบีมุฮัมมัด กล่าวว่า
“ไม่ส่งเสริมให้เดินทางไปนอกจากยัง 3 มัสยิด มัสยิดฮะรอม มัสยิดของฉันนี้และมัสยิดอักซอ”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺและมุสลิม)
ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า “หนึ่งละหมาดในมัสยิดฮะรอม ประเสริฐกว่าในมัสยิดอื่นๆ ถึงหนึ่งแสนเท่า”
รายงานโดย อะห์มัด และอิบนุมาญะห์
ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า“หนึ่งละหมาดในมัสยิดของฉันนี้ประเสริฐกว่าการละหมาดในมัสยิดอื่นถึง 1,000 ละหมาด นอกจากมัสญิดฮะรอม”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺและมุสลิม)
ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า“หนึ่งละหมาดในมัสยิดบัยตุ้ลมักดิส (มัสยิดอักซอ) ประเสริฐกว่าในมัสยิดอื่นๆ ห้าร้อยเท่า”
รายงานโดยต็อยรอนี และอิบนุคุซัยมะห์
และ การละหมาดฟัรดูในมัสยิดนบี 40 เวลา(วักตู) ต่อเนื่องกัน จะได้กุศลพิเศษ 3 ประการ
ดังท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.) กล่าวจากรายงานของอะนัส บินมาลิก (ร.ด.) ความว่า “ผู้ใดละหมาดในมัสยิด 40 ละหมาด(40วักตู)โดยต่อเนื่องทุกเวลา เขาย่อมได้รับการบันทึกไว้ ซึ่งการพ้นจากนรก, พ้นจากการทรมาน และพ้นจากการเป็นคนสับปรับ คนกลับกลอก(มุนาฟิก)”
ดังนั้น ในช่วงที่พำนักอยู่ในมะดีนะห์ ฮุจญาจจะต้องไปละหมาดญะมาอะหที่มัสยิดนบีทุกเวลา เพื่อจะไม่พลาดผลบุญอันยิ่งใหญ่ดังกล่าว
[CR] ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ | Ep.3 | ::ตอนจบ::
เยือนนครมาดีนะห์ นครแห่งสันติสุข
สามารถติดตามกระทู้ก่อนหน้านี้ได้ที่
-------------------------------------
ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ |Ep.1|
เยือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มัสยิดอัลฮะรอม
https://ppantip.com/topic/38049966
...................................................
:: ครั้งหนึ่งในชีวิต กับเส้นทางสู่ฮัจย์ |Ep.2| ::
ช่วงเวลาสู่สนามฮัจย์
https://ppantip.com/topic/38059154
.................................................
กล่าวคือ นครมาดีนะห์ เป็นเมืองที่ผู้คนทำการต้อนรับการฮิจเราะห์มาของท่านนบี ทำให้โดยรวมเราจะสัมผัสได้ถึงความมีน้ำใจ ความสุภาพ และวัฒนธรรมที่อ่อนโยนของคนมาดีนะห์
หัวใจของนครมาดีนะห์ ก็คือ มัสยิดนาบาวีย์ หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า มัสยิดนาบี
แรกเริ่มเดิมทีการสร้างมัสยิดหลังนี้เป็นดำริโดยตรงของท่านนาบีที่ต้องการสร้างสรรค์สังคมอิสลามใหม่ในเมืองมาดีนะห์ ท่านได้วางรากฐานทั้งหมดด้วยการเริ่มต้นที่มัสยิดแห่งนี้ นับเป็นแหล่งรวมจิตใจ,ความคิดและมติแห่งการปฏิบัติที่ยืนอยู่บนรากฐานแห่งอีมานและอิสลามอย่างแท้จริง มีวะห์ยูจากพระองค์อัลเลาะห์ ซ.บ คอยดลจิตให้ท่านยึดเป็นทางนำในการดำเนินชีวิตตลอดมา ตั่งแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่มีมากว่าพันปีและจะยังคงมีตลอดไปจนถึงวันกียามัต.
มัสยิดนาบาวีย์นับเป็นมัสยิดหลังที่สองรองจากมัสยิดกุบาฮฺในเรื่องของลำดับการก่อสร้างมัสยิดต่างๆที่มีอยู่ในโลก ท่านนาบีได้ก่อร่างสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่านเองพร้อมกับบรรดาซอฮาบะห์ภายหลังจากท่านฮิจเราะห์จากเมืองมักกะห์สู่เมืองมาดีนะห์ โดยท่านได้แวะที่ชานเมืองมาดีนะห์ ณ หมู่บ้านกุบาฮฺพร้อมกับสร้างมัสยิดหลังแรกที่นั้น.
หลังจากพำนักที่หมู่บ้านกุบาฮฺได้ไม่กี่วันท่านก็เดินทางต่อโดยได้มาถึงที่ๆเป็นบริเวณมัสยิดนาบาวีย์ในปัจจุบัน เหตุการณ์ในครั้งนั้นในประวัติศาสตร์อิสลามได้บันทึกว่า ชาวเมืองมาดีนะห์เมื่อรู้ถึงการฮิจเราะห์ของท่านรอซูลได้มาถึงยังพวกเขาต่างแส้ซ้องสรรเสริญและต้อนรับอย่างสมเกียรติพร้อมกับแย่งชิงลากอูฐของท่านไปยังบ้านของตน โดยหวังให้เป็นแขกพิเศษในช่วงก่อนที่ท่านจะมีบ้านเป็นหลักแหล่งที่นี้ เห็นเป็นเช่นนั้น ท่านนาบีจึงบอกชาวมาดีนะห์ว่า “ปล่อยอูฐของฉันให้มันเดินตามความต้องการหากมันหยุดตรงไหนที่นั้นคือที่สร้างบ้านของฉัน” เมื่ออูฐคู่ใจของท่านรอซูลเดินออกมาได้ระยะหนึ่งก็มาหยุดอยู่ที่หนึ่งที่เป็นบริเวณท้องทุ่งกว้าง แล้วท่านนาบีก็พูดว่า “นี่แหละที่สร้างบ้านของฉัน” ซึ่งเป็นจุดที่เป็นกุบุร(สุสาน)ของท่านในปัจจุบันนี้นั้นเอง.
ภายหลังท่านสร้างบ้านเสร็จ ท่านนาบีมีดำริให้สร้างมัสยิดข้างบ้านท่าน โดยยุคแรกของการก่อสร้างมัสยิดมีความกว้างเพียง 30×35 ตารางเมตร ต่อมาภายหลังก็ได้มีการขยับขยายอณาบริเวณของมัสยิดตามความจำเป็นของแต่ละยุคสมัยแห่งการปกครองของแต่ละคอลีฟะห์ จวบจนถึงปัจจุบัน
มัสยิดอัลนะบะวีย์ เป็นมัสยิดที่โอ่อ่าอลังการณ์มาก เสามีอยู่ 2,104 ต้น แต่ละต้นตกแต่ง ประดับประดาไปด้วยทอง ดูแล้วตื่นตาตื่นใจมาก ภายในติดแอร์เย็นฉ่ำ มีหลังคาส่วนที่เรียกว่าโดมเป็นรูปลูกปิงปองครึ่งซีกครอบอยู่ 27 โดม เขียนลวดลายสวยงามมาก แต่ละโดมมีพื้นที่ประมาณ 10x10 เมตร หนัก 80 ตัน เลื่อนปิดเปิดด้วยระบบไฟฟ้า และยังมีส่วนที่เป็นร่มเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าเช่นกันอีก 12 ร่ม (เฉพาะตัวมัสยิดไม่เกี่ยวกับรอบอาคารมัสยิดซึ่งมีจำนวนมาก) ชั้นจอดรถใต้ดินมีสองชั้น จอดได้สี่พันกว่าคัน บนดาดฟ้าจุคนประมาณเก้าหมื่นกว่าคน แต่น่าเสียดายตอนเราไปเขาไม่เปิดโอกาสให้ขึ้นไป ทั้งหมดรวมบริเวณลานด้านนอกจุคนได้เจ็ดแสนกว่าคน ในเทศกาลฮัจย์ที่มีผู้คนหนาแหน่นสามารถได้ทั้งหมดในคราวเดียวกันประมาณ 1 ล้านคน
ถ้าฝนตกหรือแดดออกโดมจะปิด เวลาอากาศดีๆ โดมจะถูกเปิด นั่งแล้วโล่งสบาย ตกตอนเย็นจะมีคนชอบไปนั่งใต้โดมเพื่อคอยดูเวลาโดมเลื่อนเปิด พื้นภายในเป็นหินอ่อนแต่เขาจะปูพรมเต็มเกือบตลอด ถ้าเป็นวันศุกร์จะมีชาวเมืองมาละหมาดวันศุกร์ด้วย บนลานด้านนอกเขาก็จะปูพรมเต็มพื้นที่เลย ที่นี่สถาปนิกเขาออกแบบได้เนี้ยบมาก ในอาคารไม่เห็นหลอดไฟเลย นอกจากโคมไฟประดับเท่านั้น ช่องแอร์จะหลบอยู่ในเสาทุกต้นดูไม่ออก จะทราบก็ต่อเมื่อเอามือไปอังตรงลวดลายที่ประดับอยู่ที่เสา ภายในมัสยิดมีคูลเลอร์ใส่น้ำเย็นตั้งเป็นจุดๆ
มีฮะดีษมากมายที่ระบุถึงความประเสริฐของมัสยิดนบี ดังที่นบีมุฮัมมัด กล่าวว่า
“ไม่ส่งเสริมให้เดินทางไปนอกจากยัง 3 มัสยิด มัสยิดฮะรอม มัสยิดของฉันนี้และมัสยิดอักซอ”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺและมุสลิม)
ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า “หนึ่งละหมาดในมัสยิดฮะรอม ประเสริฐกว่าในมัสยิดอื่นๆ ถึงหนึ่งแสนเท่า”
รายงานโดย อะห์มัด และอิบนุมาญะห์
ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า“หนึ่งละหมาดในมัสยิดของฉันนี้ประเสริฐกว่าการละหมาดในมัสยิดอื่นถึง 1,000 ละหมาด นอกจากมัสญิดฮะรอม”
(บันทึกโดย อัลบุคอรียฺและมุสลิม)
ท่านนบี (ซ.ล.) ได้กล่าวว่า ความว่า“หนึ่งละหมาดในมัสยิดบัยตุ้ลมักดิส (มัสยิดอักซอ) ประเสริฐกว่าในมัสยิดอื่นๆ ห้าร้อยเท่า”
รายงานโดยต็อยรอนี และอิบนุคุซัยมะห์
และ การละหมาดฟัรดูในมัสยิดนบี 40 เวลา(วักตู) ต่อเนื่องกัน จะได้กุศลพิเศษ 3 ประการ
ดังท่านนบีมูฮัมหมัด(ซ.ล.) กล่าวจากรายงานของอะนัส บินมาลิก (ร.ด.) ความว่า “ผู้ใดละหมาดในมัสยิด 40 ละหมาด(40วักตู)โดยต่อเนื่องทุกเวลา เขาย่อมได้รับการบันทึกไว้ ซึ่งการพ้นจากนรก, พ้นจากการทรมาน และพ้นจากการเป็นคนสับปรับ คนกลับกลอก(มุนาฟิก)”
ดังนั้น ในช่วงที่พำนักอยู่ในมะดีนะห์ ฮุจญาจจะต้องไปละหมาดญะมาอะหที่มัสยิดนบีทุกเวลา เพื่อจะไม่พลาดผลบุญอันยิ่งใหญ่ดังกล่าว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้