ศาสนาอิสลาม เริ่มเผยแผ่สู่ภายนอกโดยการอพยพ

ปีฮิจเราะฮ์ศักราช ตามปฏิทินอิสลามนั้นถือตามทางจันทรคติ ซึ่งจะมีจำนวนวันในแต่ละเดือนแตกต่างกับปฏิทินสากล คือ แต่ละเดือนตามปฏิทินอิสลามจะมี 29 หรือ 30 วันเท่านั้น จะไม่มีเดือนที่มี 28 วัน และ 31 วัน เหมือนปฏิทินสากล ซึ่งถือตามทางสุริยคติ เมื่อครบ 1 ปี ตามปีปฏิทินอิสลามจำนวนวันในรอบ 1 ปี จะมีจำนวนวันน้อยกว่าจำนวนวันตามปีปฏิทินสากลประมาณ 11-12 วัน ดังนั้นวันขึ้นศักราชใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ของอิสลามก็จะร่นเร็วขึ้นประมาณปีละ 11-12 วัน ทุกปี ปฏิทินอิสลามจึงไม่อ้างอิงตามฤดูกาล เดือนในปฏิทินอิสลามจึงหมุนเวียนไปทุกฤดูกาล แต่ทุก 33 ปีฮิจเราะห์จะทบปีตรงกับฤดูกาลของปฏิทินสุริยคติ

ถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน หรือเดือนที่ 9 ของปฏิทินอิสลาม
ประกอบพิธีฮัจญ์ ในเดือนซุ้ลฮิจญะฮ์ หรือเดือนที่ 12 ของปฏิทินอิสลาม

ฮิจเราะห์ศักราช เกี่ยวข้องอะไรกับการอพยพ???

ที่มาและความสำคัญของศักราชอิสลาม หรือฮิจเราะฮ์ศักราช ถือเอาการอพยพของท่านนบีมุฮัมมัด และบรรดาผู้ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม เมื่อ 1430 ปีที่ผ่านมา โดยอพยพย้ายจากการพำนักที่นครมักกะห์สู่นครมะดีนะห์ ซึ่งเดิมเรียกว่า “ยัษริบ” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมะดีนะตุนนบี เรียกสั้นๆ ว่า “มะดีนะห์” ซึ่งเป็นการย้ายถิ่นที่อยู่จากสถานที่ที่มีบรรยากาศแห่งการต่อต้านและทำลายล้างอิสลามของชาวนครมักกะห์ โดยเฉพาะเผ่ากุเรช มาสู่บรรยากาศแห่งความเอื้ออารี ความมีภารดรภาพเดียวกันระหว่างชาวเมืองมะดีนะห์ที่มีจิตใจเต็มเปี่ยมด้วยความศรัทธาที่จะรับนับถือศาสนาอิสลาม กับชาวมักกะห์ผู้อพยพ

ก่อนหน้านั้น ได้มีซอฮาบะฮ์กลุ่มหนึ่งเดินทางอพยพไปยังอบิสซิเนีย (เอธิโอเปีย) ซึ่งเป็นการอพยพครั้งแรก มีผู้ชาย 12 คน และหญิง 4 คน พวกเขาได้พักอยู่ที่นั่นหลายเดือน และได้เดินทางกลับสู่นครมักกะห์ โดยคิดว่าความรุนแรงจากชาวกุเรชนั้นได้ทุเลาลดลงแล้ว แต่กลับพบว่าพวกกุเรชได้กระทำความเลวร้ายและรุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ท่านนบี จึงได้อนุญาตให้พวกเขาอพยพกลับไปอบิสซิเนียอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาจึงได้อพยพและมีจำนวนมากกว่าครั้งแรกโดยมีผู้ชาย 83 คนและผู้หญิง 18 คน ทั้งหมดได้พบกับความปลอดภัยและความอบอุ่นใจในดินแดนแห่งนั้น โดยเฉพาะหลังจากที่พวกกุเรชได้พยายามหว่านล้อมกษัตริย์ชาวคริสต์แห่งอบิสซิเนีย เพื่อให้ส่งพวกเขากลับคืนสู่นครมักกะห์นั้นต้องล้มเหลวไปในที่สุด

ชาวมะดีนะห์ได้มีการติดต่อท่านนะบีมูฮัมมัด มาก่อนหน้าที่จะอพยพแล้ว และมีแนวโน้มว่าชาวเมืองมะดีนะห์จะเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการอพยพสู่นครมะดีนะห์ ได้มีการช่วยเหลือกันระหว่างชาวเมืองมะดีนะห์ เรียกว่า “อันศ๊อร” (ผู้ช่วยเหลือ) กับผู้อพยพที่เรียกว่า “มูฮาญิรีน” ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้ใช้ชีวิตในเมืองมะดีนะห์ เพื่อเผยแผ่อิสลามเป็นเวลา 10 ปี และเสียชีวิตที่นั่น

ศักราชของอิสลามใช้คำว่าฮิจเราะห์ศักราช ใช้ตัวอักษรย่อว่า “ฮ.ศ.” หรือ คำว่า ฮิจเราะฮ์ หมายถึง “การอพยพ” คือ การอพยพของท่านนะบีมุฮัมมัด และบรรดามุสลิมจากเมืองมักกะห์สู่เมืองมะดีนะห์ หลังจากที่ท่านนะบีมุฮัมมัด ได้เสียชีวิต ท่านเคาะลีฟะฮ์อุมัร อิบนุคอฎฎ็อบ ผู้ปกครองอาณาจักรอิสลามคนที่ 2 ต่อจากท่านอบูบักร์ ได้ปรึกษากันว่า อิสลามควรจะต้องมีการนับศักราชเพื่อใช้ในการกำหนดวัน เดือน ปี เช่นเดียวกับคริสตศักราช แต่การเริ่มศักราชของอิสลามจะเริ่มเมื่อใดนั้น ได้มีบรรดาอัครสาวกที่ใกล้ชิดของท่านนะบีมุฮัมมัด และบรรดาผู้นับถือศาสนาอิสลามในเวลานั้นเสนอแนวทางในการกำหนดศักราชอิสลาม 4 แนวทางด้วยกัน คือ

1. เสนอให้ถือเอาปีเกิดของท่านนะบีมุฮัมมัด เป็นปีเริ่มต้นศักราช
2. เสนอให้ถือเอาปีที่ท่านนะบีมุฮัมมัด เริ่มเผยแพร่ศาสนาอิสลาม เป็นปีเริ่มต้นศักราช
3. เสนอให้ถือเอาปีที่ท่านนะบีมุฮัมมัด อพยพจากเมืองมักกะห์สู่เมืองมะดีนะห์ เป็นปีเริ่มต้นศักราช
4. เสนอให้ถือเอาปีที่ท่านนะบีมุฮัมมัด เสียชีวิต เป็นปีเริ่มต้น ศักราช

ข้อสรุปในที่ประชุมได้มีมติให้ถือเอาปีที่ท่านนะบีมุฮัมมัด อพยพจากนครมักกะห์สู่นครมะดีนะห์ ซึ่งเป็นปีที่ท่านนะบีมุฮัมมัด ถูกชาวนครมักกะห์ที่เคารพบูชาเจว็ด และสิ่งงมงายต่าง ๆ มุ่งหวังจะเอาชีวิต และเมื่ออพยพสู่นครมะดีนะห์นั้น ชาวเมืองมะดีนะห์ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเป็นจำนวนมาก และเป็นปีที่มีความสำคัญในการเริ่มแผ่ขยายการเผยแผ่ศาสนาอิสลามจนประสบกับความสำเร็จในเวลาต่อมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่