
สวัสดีจ้า กลับมารีวิวอีกแล้วสำหรับเมืองที่น่ารักของออสเตรเลีย Adelaide,South Australia
มารอบนี้เป็นรอบที่สามแล้วสำหรับการมาออส แต่รอบนี้มีความพิเศษกว่าครั้งไหนๆก็คือ การเช่ารถขับเที่ยวเองจ้า
จากกระทู้แรกเลยที่เคยรีวิวไป จะเป็นรีวิวเกี่ยวกับตัวเมือง Adelaide และหมู่บ้านเยอรมัน (Hahndorf) ซะส่วนใหญ่
แต่มารอบนี้แตกต่างจากเดิมนิดนึงค่ะ รอบนี้เราจะรีวิวเกี่ยวกับเกาะ Kangaroo Island จ้า
ถึงจะมาออสครั้งนี้รอบที่สามแล้ว ก็ยังไม่วายที่จะไปHahndorf อีกรอบ เนื่องจากมีความชอบที่นั่นมาก จึงต้องกลับมาอีกครั้ง
แต่Hahndorf จะเป็นอีกฟีล เพราะเรามาช่วงเดือนเมษา เลยได้มาเห็นHahndorf ที่ไม่เหมือนเดิม
รอบนี้อากาศจะร้อนและใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี แต่ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างนิดๆหน่อยๆ เพราะเรามาช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง
หากใครสนใจการเดินทางมาลองย้อนไปอ่านกระทู้เก่าดูนะคะ รอบนี้เราขอลงแค่รูปบรรยากาศนิดนึง
https://ppantip.com/topic/34338036


เอาล่ะคร้า เรามารีวิว Kangaroo Island ฉบับเต็มๆดีกว่าค่ะ แท่แด่มมมม
การไป kangaroo island เราเช่ารถจาก ACE Rental Car ขับจากบ้านไปค่ะ ที่นี่สามารถใช้ใบขับขี่บ้านเราที่มีภาษาอังกฤษได้
ค่าเช่ารถจะอยู่ที่150 เหรียญ บวกค่าประกัน 90 เหรียญ (เช่า 4 วัน เป็น Toyata Colora ) รวม 240 เหรียญค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใบขับขี่ไม่ต้องทำ International Driving เลยเด้อ แต่ต้องขับให้ถูกกฏเป๊ะๆเลยนะคะ ไม่งั้นจะโดนใบสั่งเหมือนเรา
เราโดนไปก็หน้าชาเลยล่ะค่ะ เพราะที่นี่เขาปรับน่ากลัวจริงๆ เราโดนข้อหาผิดกฏให้ขับ 60km/hr แต่เราเผลอขับ 80km/hr
ค่าเสียหายก็ 815 เหรียญ ก็ประมาณสองหมื่นหนึ่งพันบาทไทย (เราสยองจนถึงตอนนี้เลยเจ้าค่ะ)
ระหว่างทางขับรถมาท่าเรือ เราค่อนข้างที่จะว้าวบรรยากาศมาก ตื่นเต้นและชอบมากกกกกก ไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แค่ว่าเราประทับสุดๆเลย
ขับรถจากบ้านมา 100 กม.มาถึงท่าเรือฟอร์รี่ เพื่อที่จะเอารถข้ามฟากไปเกาะ ขับมาที่ท่า Cape Jarvis เป็นของ บ.Sealink
ค่าเสียหายข้ามฟากไป3คนพร้อมรถ 1 คัน ไปกลับก็ 480 เหรียญ เราข้ามไปที่ท่าเรือบนเกาะลงที่ Penneshaw
โดยเรือข้ามฟากใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็ถึงเกาะเลย และเราก็ขับรถเที่ยวในเกาะได้เลยค่ะ

ระหว่างทางขับรถมาที่ท่าเรือว่าว้าวแล้ว ขับรถบนเกาะยิ่งว้าวค่ะ คืออออ มันดีมากกกกกกกกกก บรรยากาศ วิว อากาศ ความเป็นส่วนตัว
และอะไรหลายๆอย่าง
เรามีความสุขมากกกกกกก ปกติจะเป็นคนที่ขี้เกียจขับรถเที่ยวนะคะ ชอบที่จะนั่งข้างคนขับมากกว่า แต่มาที่นี่มันนจำเป็นเพราะเราจองรถ
ในนามเราและทางบริษัทรถก็กำหนดมาว่าต้องเป็นเราขับค่ะ และด้วยอะไรหลายๆอย่าง ประกันด้วยแหละ

ความสุขของการขับรถเที่ยวมันเป็นแบบนี้นี่เอง ลัลล๊ามาก เราขับจากท่าเรือมาที่พักที่จองไว้ ห่างจากท่าเรือ 30 กม. จองไว้เป็นบ้านกระท่อมติดทะเลค่ะ
วิวว่าประทับใจแล้ว พอเห็นที่พักยิ่งประทับใจไปอี๊กกกกกก อ๊อยยยยยย มันดีจริงๆเลยรอบนี้ที่ได้ตัดสินใจมาเที่ยวที่เกาะนี้
ค่าเสียหายค่าที่พัก 612 เหรียญจ้า ระยะเวลาเข้าพัก 4วัน 3 คืน

ที่พักจะหันหน้าออกไปเจอทะเลเลยค่ะ เราสามารถยืนมองทะเลและรับอากาศได้แบบเต็มอิ่มเลย และเจ้าของบ้านบอกว่าช่วงนี้ปลาโลมากำลังเยอะเลย
แกเลยให้กล้องส่องทางไกลไว้ให้ดูค่ะ ซึ่งระหว่างที่พักเราเห็นปลาโลมาไกลๆโผล่ตัวมาอยู่นะ มันคนละฟีลกับการไปดูปลาโลมาที่สวนสัตว์มากค่ะ
ถึงจะมองเห็นไกลๆไม่ได้ชัดเหมือนสวนสัตว์ แต่มันมีความสุขต่างกัน เราได้เห็นเขาจากที่ๆเขาอยู่อาศัยแบบไร้กรงขัง แบบนี้ดีกว่าไหนๆค่ะ
รูปที่แปะนี่ไม่ได้เกี่ยวกับการบรรยายปลาโลมาเลยชิมิ5555555555

เป็นวันแรกที่เริ่มทุกอย่างไปได้ด้วยดีอ่ะ อะไรมันจะฟินขนาดนี้นะ หลังจากเช็คอินแล้วเราก็ขับรถไปเที่ยวเลย
อ่อ ลืมเล่าค่ะ Kangaroo Island เป็นเกาะขนาดใหญ่ หัวเกาะไปท้ายเกาะก็ประมาณ 150 km ซึ่งที่ๆเราพัก ค่อนๆมาทางหัวเกาะค่ะ
และสถานที่เที่ยวของเกาะนี้จะห่างกันมาก ประมาณ40-50 km เกาะนี้เหมาะสำหรับคนชอบขับรถเที่ยวเป็นอย่างมากเด้อ
วันแรกถึงเกาะแวะเข้าที่พักก็ปาไปบ่ายสองกว่าๆ เลยเลือกที่เที่ยวที่ใกล้สุดจากที่พัก ซึ่งใกล้สุดก็40 กม.จ่ะ ขับรถวนไป
เริ่มเที่ยวกันจริงจังได้แล้วววววววว ไปค่ะ!!! Let's GO โลดดดดดดดดดดดดดดดด
เปิดด้วยรูปถนนหนทางบนเกาะดีกว่า คนอ่านจะได้เห็นภาพเนาะ ฮิฮิ
1st Day
Seal Bay
Seal Bay จะเป็นหาดที่จะไปดูสิงโตทะเลที่มานอนเกยที่หาดค่ะ ซึ่งก่อนไปเราก็มองว่า เอออออ มันน่าจะปกติธรรมดาๆป่ะวะ
เหมือนเดินลงไปดูสิงโตทะเล ตอนแรกก็ไม่ได้จะตื่นเต้นอะไรหรอกค่ะ แต่พอจ่ายเงินเข้าไปดู และเดินเข้าไปจริงๆ
มันแตกต่างค่ะ มันเป็นวิวที่เรามองเห็นได้ 360 องศาเลย มันสวยและอากาศดีมากกกกก เราเป็นปลื้ม ^^

ค่าเสียหายมีให้เลือก2แบบ แบบแรกจ่าย37เหรียญ คือมีไกท์เดินนำและไปชื่นชมพี่ๆสิงโตทะเลใกล้ชิดแบบตาประสานตา
และแบบที่2 จ่ายไป16 เหรียญ คือไม่มีไกท์ เราต้องเดินตามทางของเราเองและห้ามลงหาดโดยเด็ดขาดด ป๊าดดดดดติ๊โธธธธ
เราเลยเลือกแบบไม่มีไกท์เพราะเรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องลงหาดเพื่อไปจ้องตาพี่ๆเขา
เราเลยได้เดินในที่ๆทางเกาะเขาจัดให้ แค่เดินแค่นี้ก็ฟินแล้วจ้า

วันแรกของการเที่ยวก็จะได้แค่สถานที่เดียว เพราะเราต้องซื้อของกลับไปทำอาหาร เนื่องจากร้านอาหารเราไม่รู้ว่ามีตรงส่วนไหนของเกาะ
และที่ๆเราพักค่อนข้างที่จะมืด เลยพยายามไม่ขับรถบนเกาะตอนกลางคืนกันค่ะ และอีกอย่าง การขับรถบนเกาะกลางคืนๆมีโอกาศที่จะชนจิงโจ้
และวัลลาบี้ หรือสัตว์ต่างๆที่เขาออกมาหาอาหารตอนกลางคืนค่ะ ดูจากข้างทางก็ตายไปจำนวนไม่น้อย น่าสงสารมาก คืนแรกก็นอนหลับเอาแรงก่อนเนาะ
พล่ามเรื่องอาหาร ก็อวดรูปอาหารไทยหน่อยจ่ะ ทำกันเองอร่อยถูกปากมั๊กมาก
2nd Day
เช้าแล้ววตื่นๆๆๆๆ Gooooooooooood Morning เช้าวันที่สองคร้า
แปะรูปบรรยากาศยามเช้าจากห้องนอนมาให้ดูค่ะ ว่าอากาศดีมากขนาดไหน ช่วงที่มาเกาะ อากาศจะอยู่ที่ 12-25 องศา ค่ะ
ละช่วงเช้าๆนี่ 12องศาเลยนะคร้า เช้าแบบนี้ ใครจะอาบน้ำได้ล่ะ 5555555555

ตื่นมาละหาอะไรรองท้องแล้วก็ไปค่ะ!!!!
Hanson Bay Wildlife Sanctuary
Hanson Bay Wildlife Sanctuary เป็นที่เที่ยวสำหรับคนชอบดูสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียค่ะ
จะมีจิงโจ้แคระหรือวัลลาบี้ หมีโคล่า แบบใกล้ๆเลยค่ะ ที่นี่จ่ายค่าเสียหายไปคนละ 10 เหรียญ

ถ้าหมีโคล่าจะเป็นป่ายูคาลิปตัส เราก็เดินตามทางและมีกฏว่า ห้ามเข้าไปใกล้เขาเกิน5เมตร เพื่อไม่เป็นการรบกวนเขาค่ะ
ส่วนวัลลาบี้เขาจะชอบกินหญ้าตามทุ่งหญ้า ที่นี่จะไม่มีกรง เขาสามารถเข้าออกได้ค่ะ วันที่เราไปมีไม่มากนัก น่าเสียดายมาก
แวะไปดูหมีโคล่ากับวัลลาบี้ พอหอมปากหอมคอ เราก็ขับรถเที่ยวต่อค่ะ สถานที่ต่อไปก็ยาวไปอีก40-50 กิโลเลยเด้ออออ
[CR] Adelaide เมืองน่ารักกับบรรยากาศสุดฟินที่ Kangaroo Island
สวัสดีจ้า กลับมารีวิวอีกแล้วสำหรับเมืองที่น่ารักของออสเตรเลีย Adelaide,South Australia
มารอบนี้เป็นรอบที่สามแล้วสำหรับการมาออส แต่รอบนี้มีความพิเศษกว่าครั้งไหนๆก็คือ การเช่ารถขับเที่ยวเองจ้า
จากกระทู้แรกเลยที่เคยรีวิวไป จะเป็นรีวิวเกี่ยวกับตัวเมือง Adelaide และหมู่บ้านเยอรมัน (Hahndorf) ซะส่วนใหญ่
แต่มารอบนี้แตกต่างจากเดิมนิดนึงค่ะ รอบนี้เราจะรีวิวเกี่ยวกับเกาะ Kangaroo Island จ้า
ถึงจะมาออสครั้งนี้รอบที่สามแล้ว ก็ยังไม่วายที่จะไปHahndorf อีกรอบ เนื่องจากมีความชอบที่นั่นมาก จึงต้องกลับมาอีกครั้ง
แต่Hahndorf จะเป็นอีกฟีล เพราะเรามาช่วงเดือนเมษา เลยได้มาเห็นHahndorf ที่ไม่เหมือนเดิม
รอบนี้อากาศจะร้อนและใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสี แต่ก็เริ่มมีให้เห็นบ้างนิดๆหน่อยๆ เพราะเรามาช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง
หากใครสนใจการเดินทางมาลองย้อนไปอ่านกระทู้เก่าดูนะคะ รอบนี้เราขอลงแค่รูปบรรยากาศนิดนึง
https://ppantip.com/topic/34338036
เอาล่ะคร้า เรามารีวิว Kangaroo Island ฉบับเต็มๆดีกว่าค่ะ แท่แด่มมมม
การไป kangaroo island เราเช่ารถจาก ACE Rental Car ขับจากบ้านไปค่ะ ที่นี่สามารถใช้ใบขับขี่บ้านเราที่มีภาษาอังกฤษได้
ค่าเช่ารถจะอยู่ที่150 เหรียญ บวกค่าประกัน 90 เหรียญ (เช่า 4 วัน เป็น Toyata Colora ) รวม 240 เหรียญค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ระหว่างทางขับรถมาท่าเรือ เราค่อนข้างที่จะว้าวบรรยากาศมาก ตื่นเต้นและชอบมากกกกกก ไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แค่ว่าเราประทับสุดๆเลย
ขับรถจากบ้านมา 100 กม.มาถึงท่าเรือฟอร์รี่ เพื่อที่จะเอารถข้ามฟากไปเกาะ ขับมาที่ท่า Cape Jarvis เป็นของ บ.Sealink
ค่าเสียหายข้ามฟากไป3คนพร้อมรถ 1 คัน ไปกลับก็ 480 เหรียญ เราข้ามไปที่ท่าเรือบนเกาะลงที่ Penneshaw
โดยเรือข้ามฟากใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็ถึงเกาะเลย และเราก็ขับรถเที่ยวในเกาะได้เลยค่ะ
ระหว่างทางขับรถมาที่ท่าเรือว่าว้าวแล้ว ขับรถบนเกาะยิ่งว้าวค่ะ คืออออ มันดีมากกกกกกกกกก บรรยากาศ วิว อากาศ ความเป็นส่วนตัว
และอะไรหลายๆอย่าง
เรามีความสุขมากกกกกกก ปกติจะเป็นคนที่ขี้เกียจขับรถเที่ยวนะคะ ชอบที่จะนั่งข้างคนขับมากกว่า แต่มาที่นี่มันนจำเป็นเพราะเราจองรถ
ในนามเราและทางบริษัทรถก็กำหนดมาว่าต้องเป็นเราขับค่ะ และด้วยอะไรหลายๆอย่าง ประกันด้วยแหละ
ความสุขของการขับรถเที่ยวมันเป็นแบบนี้นี่เอง ลัลล๊ามาก เราขับจากท่าเรือมาที่พักที่จองไว้ ห่างจากท่าเรือ 30 กม. จองไว้เป็นบ้านกระท่อมติดทะเลค่ะ
วิวว่าประทับใจแล้ว พอเห็นที่พักยิ่งประทับใจไปอี๊กกกกกก อ๊อยยยยยย มันดีจริงๆเลยรอบนี้ที่ได้ตัดสินใจมาเที่ยวที่เกาะนี้
ค่าเสียหายค่าที่พัก 612 เหรียญจ้า ระยะเวลาเข้าพัก 4วัน 3 คืน
ที่พักจะหันหน้าออกไปเจอทะเลเลยค่ะ เราสามารถยืนมองทะเลและรับอากาศได้แบบเต็มอิ่มเลย และเจ้าของบ้านบอกว่าช่วงนี้ปลาโลมากำลังเยอะเลย
แกเลยให้กล้องส่องทางไกลไว้ให้ดูค่ะ ซึ่งระหว่างที่พักเราเห็นปลาโลมาไกลๆโผล่ตัวมาอยู่นะ มันคนละฟีลกับการไปดูปลาโลมาที่สวนสัตว์มากค่ะ
ถึงจะมองเห็นไกลๆไม่ได้ชัดเหมือนสวนสัตว์ แต่มันมีความสุขต่างกัน เราได้เห็นเขาจากที่ๆเขาอยู่อาศัยแบบไร้กรงขัง แบบนี้ดีกว่าไหนๆค่ะ
รูปที่แปะนี่ไม่ได้เกี่ยวกับการบรรยายปลาโลมาเลยชิมิ5555555555
เป็นวันแรกที่เริ่มทุกอย่างไปได้ด้วยดีอ่ะ อะไรมันจะฟินขนาดนี้นะ หลังจากเช็คอินแล้วเราก็ขับรถไปเที่ยวเลย
อ่อ ลืมเล่าค่ะ Kangaroo Island เป็นเกาะขนาดใหญ่ หัวเกาะไปท้ายเกาะก็ประมาณ 150 km ซึ่งที่ๆเราพัก ค่อนๆมาทางหัวเกาะค่ะ
และสถานที่เที่ยวของเกาะนี้จะห่างกันมาก ประมาณ40-50 km เกาะนี้เหมาะสำหรับคนชอบขับรถเที่ยวเป็นอย่างมากเด้อ
วันแรกถึงเกาะแวะเข้าที่พักก็ปาไปบ่ายสองกว่าๆ เลยเลือกที่เที่ยวที่ใกล้สุดจากที่พัก ซึ่งใกล้สุดก็40 กม.จ่ะ ขับรถวนไป
เริ่มเที่ยวกันจริงจังได้แล้วววววววว ไปค่ะ!!! Let's GO โลดดดดดดดดดดดดดดดด
เปิดด้วยรูปถนนหนทางบนเกาะดีกว่า คนอ่านจะได้เห็นภาพเนาะ ฮิฮิ
1st Day
Seal Bay
Seal Bay จะเป็นหาดที่จะไปดูสิงโตทะเลที่มานอนเกยที่หาดค่ะ ซึ่งก่อนไปเราก็มองว่า เอออออ มันน่าจะปกติธรรมดาๆป่ะวะ
เหมือนเดินลงไปดูสิงโตทะเล ตอนแรกก็ไม่ได้จะตื่นเต้นอะไรหรอกค่ะ แต่พอจ่ายเงินเข้าไปดู และเดินเข้าไปจริงๆ
มันแตกต่างค่ะ มันเป็นวิวที่เรามองเห็นได้ 360 องศาเลย มันสวยและอากาศดีมากกกกก เราเป็นปลื้ม ^^
ค่าเสียหายมีให้เลือก2แบบ แบบแรกจ่าย37เหรียญ คือมีไกท์เดินนำและไปชื่นชมพี่ๆสิงโตทะเลใกล้ชิดแบบตาประสานตา
และแบบที่2 จ่ายไป16 เหรียญ คือไม่มีไกท์ เราต้องเดินตามทางของเราเองและห้ามลงหาดโดยเด็ดขาดด ป๊าดดดดดติ๊โธธธธ
เราเลยเลือกแบบไม่มีไกท์เพราะเรารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องลงหาดเพื่อไปจ้องตาพี่ๆเขา
เราเลยได้เดินในที่ๆทางเกาะเขาจัดให้ แค่เดินแค่นี้ก็ฟินแล้วจ้า
วันแรกของการเที่ยวก็จะได้แค่สถานที่เดียว เพราะเราต้องซื้อของกลับไปทำอาหาร เนื่องจากร้านอาหารเราไม่รู้ว่ามีตรงส่วนไหนของเกาะ
และที่ๆเราพักค่อนข้างที่จะมืด เลยพยายามไม่ขับรถบนเกาะตอนกลางคืนกันค่ะ และอีกอย่าง การขับรถบนเกาะกลางคืนๆมีโอกาศที่จะชนจิงโจ้
และวัลลาบี้ หรือสัตว์ต่างๆที่เขาออกมาหาอาหารตอนกลางคืนค่ะ ดูจากข้างทางก็ตายไปจำนวนไม่น้อย น่าสงสารมาก คืนแรกก็นอนหลับเอาแรงก่อนเนาะ
พล่ามเรื่องอาหาร ก็อวดรูปอาหารไทยหน่อยจ่ะ ทำกันเองอร่อยถูกปากมั๊กมาก
2nd Day
เช้าแล้ววตื่นๆๆๆๆ Gooooooooooood Morning เช้าวันที่สองคร้า
แปะรูปบรรยากาศยามเช้าจากห้องนอนมาให้ดูค่ะ ว่าอากาศดีมากขนาดไหน ช่วงที่มาเกาะ อากาศจะอยู่ที่ 12-25 องศา ค่ะ
ละช่วงเช้าๆนี่ 12องศาเลยนะคร้า เช้าแบบนี้ ใครจะอาบน้ำได้ล่ะ 5555555555
ตื่นมาละหาอะไรรองท้องแล้วก็ไปค่ะ!!!!
Hanson Bay Wildlife Sanctuary
Hanson Bay Wildlife Sanctuary เป็นที่เที่ยวสำหรับคนชอบดูสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียค่ะ
จะมีจิงโจ้แคระหรือวัลลาบี้ หมีโคล่า แบบใกล้ๆเลยค่ะ ที่นี่จ่ายค่าเสียหายไปคนละ 10 เหรียญ
ถ้าหมีโคล่าจะเป็นป่ายูคาลิปตัส เราก็เดินตามทางและมีกฏว่า ห้ามเข้าไปใกล้เขาเกิน5เมตร เพื่อไม่เป็นการรบกวนเขาค่ะ
ส่วนวัลลาบี้เขาจะชอบกินหญ้าตามทุ่งหญ้า ที่นี่จะไม่มีกรง เขาสามารถเข้าออกได้ค่ะ วันที่เราไปมีไม่มากนัก น่าเสียดายมาก
แวะไปดูหมีโคล่ากับวัลลาบี้ พอหอมปากหอมคอ เราก็ขับรถเที่ยวต่อค่ะ สถานที่ต่อไปก็ยาวไปอีก40-50 กิโลเลยเด้ออออ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น