กระทู้แรกที่ผมตั้ง เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2557
https://ppantip.com/topic/32971666
ตอนนั้นยังไม่มีห้องพรหมชาติ ยังเป็นห้องสยามแสควร์อยู่ อีก 3 เดือนข้างหน้า ก็จะครบ 4 ปีพอดี แต่ก่อนหน้าที่จะเข้ามาอยู่ในพันทิพย์นั้น ผมก็ได้ไปตั้งกระทู้อ่านไพ่มาหลายที่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่หลังจากนั้นก็หยุดไป เนื่องจากรู้สึกเบื่อ และแนวทางการดูดวงสายพยากรณ์ของผมนั้นมันตัน ก็เลยเลิกไปเป็นปีๆ เลย แล้วมารู้ว่า พันทิพย์มีแท็กดูดวงในตอนนั้น เลยลองตั้งกระทู้อ่านไพ่ดู ปรากฎว่าได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี จึงอยู่แต่ในพันทิพย์อย่างเดียว ส่วนศาสตร์ที่ใช้ดู จะใช้ศาสตร์ของไพ่พยากรณ์เป็นหลัก เพราะช่วงแรกนั้น มีวันหนึ่งที่ผมไปร้านหนังสือ Se-ed แล้วได้เดินผ่านหนังสือไพ่ยิปซีในหมวดโหราศาสตร์ มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เดินกลับมาตรงหนังสือไพ่ยิปซีเล่มนั้น (ของสำนักพิมพ์ Ztarot) แล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา แต่ไม่สามารถเปิดอ่านได้เนื่องจากทางร้านห่อหนังสือกับไพ่ที่แถมมาอย่างแน่น แต่ด้วยความอยากลอง จึงเดินไปจ่ายเงินโดยไม่ได้คิดอะไร แล้วกลับมานั่งอ่านที่บ้าน พร้อมกับหยิบไพ่ที่แถมมาทีละใบอย่างบรรจง แล้วรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างของไพ่ แต่ยังไม่เข้าใจถึงพลังงานนั้นในตอนนั้น แต่รู้สึกว่ามีความสุข เหมือนไพ่กำลังจะพูดคุยอะไรบางอย่างกับผม จากนั้นจึงอ่านหนังสือที่ซื้อมา พร้อมกับดูไพ่ให้กับคนรอบข้างไปด้วย ได้รับ Feedback มาว่าค่อนข้างแม่นยำ และด้วยความที่อยากเรียนรู้อย่างจริงจัง จึงได้เข้าไปในเวปไซต์ Ztarot แล้วก็เห็นทางเว็บประกาศรับคนเรียน จึงตัดสินใจโอนเงินและสมัครเรียนในตอนนั้น หลังจากไปเรียนเสร็จแล้ว ก็ได้ดูดวงให้กับคนอื่นๆไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆนึงที่มันรู้สึกตัน รู้สึกเบื่อ จึงเลิกไปดื้อๆแล้วไม่ได้แตะอีกเป็นปีๆเลย
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่เน้นอ่านไพ่ไปทางสายฟันธง และพยากรณ์เหมือนเมื่อก่อน เพราะในตอนนั้น (ช่วงอายุ 24 ปี) เป็นช่วงที่ผมปฏิบัติธรรมในสายสมถะ นั่งสมาธิดูลมหายใจเข้าออก กดข่มอารมณ์ตัวเอง ไปสวดมนต์ ปฎิบัติมาหลายที่ รวมถึงฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ มาเป็นเวลาปีกว่าๆ ปรากฎว่า ไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่มีอะไรที่พัฒนาขึ้น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเองลดลง หงุดหงิด โมโหง่าย และเจ็บป่วยไม่สบายบ่อยด้วยโรคหวัด ภูมิแพ้ และไอเรื้อรัง กินยาก็ไม่หาย ไปหาหมอดูคนไหนๆ คนนั้นๆก็บอกว่าเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร หมอดูแนะนำให้ผมทำบุญถวายสังฆทานให้แก่วัด แนะนำให้ผผมสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเยอะๆ ฝึกสมาธิในสายสมถะให้เยอะๆ ผมก็ทำตามที่หมอดูบอกไปหมดทุกอย่าง ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักอย่าง แถมแย่ลงด้วยซ้ำ โรคภัยไข้เจ็บรุมเร้ามากขึ้น แถมความสามารถในการควบคุมอารมณ์ที่ลดลงมากขึ้น จนแม่ผมพูดกับผมในวันที่ผมหงุดหงิดและทะเลาะกับแม่ (ทะเลาะแบบ ตะคอกเสียงดังใส่แม่เลยในตอนนั้น) เรื่องงานเลยว่า "ไหนปฎิบัติธรรมแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้" แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง ก็เลยคิดว่า จะต้องนั่งสมาธิให้นานขึ้น เพื่อให้จิตใจสงบมากขึ้น จะได้ควบคุมอารมณ์ดีขึ้น (สมัยนั้นนั่งสมาธิวันนึงเป็นชั่วโมงๆเลย) แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น กลับแย่ลง เจ็บป่วยบ่อยขึ้น
จากนั้นจึงไปหาหมอดูคนหนึ่ง เค้าก็บอกผมว่าเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร ถ้าอยากดีขึ้นต้องซื้อของสะเดาะเคราะห์กับเค้า ทำให้ผมโดนหมอดูหลอกเงินไปเป็นพัน แล้วไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จากนั้นจึงหยุดดูกับหมอดูทุกอย่าง แล้วมานั่งทบทวนตัวเองในตอนนั้นว่า เราสวดมนต์ก็แล้ว ฟังพระเทศน์บ่อยๆก็แล้ว อ่านหนังสือธรรมะก็แล้ว ปฎิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบก็แล้ว ทำไมไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างกลับแย่ลงไปหมด แต่ก็ยังทำต่อไป เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ในตอนนั้น
จนมาถึงวันหนึ่งได้เจอกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งแกเป็นนักปฏิบัติในสายอภิญญา ด้วยความที่คิดว่าสายอภิญญานั้นน่าสนใจ กับรู้สึกว่าการปฏิบัติสายสมถะนั้นเป็นเวลา 1 ปีกว่าๆที่ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมแย่ลงไปหมดทุกอย่าง จึงไปหาอาจารย์คนนั้น แล้วสิ่งที่อาจารย์คนนั้นพูดกับผมก็คือ "เธอเบื่อการปฏิบัติธรรม" ผมเถียงกับอาจารย์ในตอนนั้นว่า "ผมไม่ได้เบื่อ ผมนั่งสมาธิได้เป็นชั่วโมงๆเลยทีเดียว" อาจารย์บอกให้ผมดูจิตตัวเองแล้วพิจารณา จากนั้นอาจารย์ก็เงียบ ผมก็นั่งพิจารณาถึงสิ่งที่อาจารย์พูดถึงเมื่อกี๊ ปรากฏว่า อาจารย์พูดถูก ผมเบื่อกับการนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตสงบจริงๆ แล้วอาจารย์ก็พูดกับผมต่อว่า "เธอมีอัตตาสูง" ผมก็เถียงอาจารย์ต่อว่า "ผมไม่มีนะ ผมนั่งสมาธิ จิตใจสงบ ไม่ได้คิดไม่ได้ยึดมั่นในสิ่งที่เป็นอกุศลอะไรใดๆเลย" อาจารย์นิ่งสักพักแล้วพูดกับผมต่อว่า "เธอมีอัตตาสูง อัตตาทำให้เธอเจ็บป่วย ที่เธอเจ็บป่วยทุกวันนี้เพราะสิ่งที่เธอยึดมั่นถือมั่นในตัวเธอเอง กับการที่เธอปฏิเสธในตัวตนของเธอ" พอมาถึงจุดๆนี้ ผมเถียงอะไรไม่ออกจริงๆ ผมนั่งนิ่งๆแล้วพิจารณาในสิ่งที่อาจารย์พูดกับผมให้ผมฟังไปเมื่อครู่ แล้วพิจารณาถึงปัญหาที่ผ่านมาว่าที่ผมเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆในตอนนั้น ที่รักษายังไงก็ไม่ดีขึ้นสักที รวมถึงที่เคยทำบุญ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรอยู่ประจำก็แล้ว ก็ไม่หาย จนถึงบางอ้อในที่สุด และตั้งแต่ในวันนั้นเป็นต้นมา ผมจึงเรียนรู้ ฝึกฝนในสายอภิญญากับอาจารย์คนนี้ (โยคะ จักระ ตันตระ เดินเส้นสายของพลังงาน เชื่อมพลังงานกับดินน้ำลมไฟ ฯลฯ) ยอมรับในอัตตาตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นมากขึ้น ส่วนปัญหาจากที่แต่ก่อนจะใช้วิธิกดข่ม ก็เปลี่ยนมาเป็นตามรู้ตามดู ทำความเข้าใจกับมัน แล้วนำสิ่งดีๆเข้ามาจัดการกับปัญหาแทน จึงปล่อยวางปัญหาได้ในที่สุด และทิ้งการปฏิบัติในสายสมถะไปในที่สุด และไม่เชื่อในการสะเดาะเคราะห์ (เพราะเคยโดนหลอกไปแล้ว) ผมฝึกปฏิบัติในสายอภิญญามา 1 ปี แล้วมาเทียบกับที่เคยปฏิบัติในสายสมถะ ก็พบว่า ผมมีความพัฒนาในการฝึกจิตไปได้มากขึ้น การควบคุมอารมณ์ดีขึ้น หน้าตาสดใสขึ้น รวมถึงจากที่เคยเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่บ่อยๆนั้น ก็หายขาดแล้วไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกเลย
จากที่ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะอยู่ประจำ เคยนั่งฟังพระเทศน์อยู่เป็นประจำ ก็เปลี่ยนไปศึกษาศาสตร์ NLP พลังจักรวาล กฎแรงดึงดูด และศาสตร์ทางจิตของฝั่งตะวันตก ก็พบว่ารู้สึกสนใจและถูกจริตมากกว่าอ่านหนังสือธรรมะซะอีก จึงทิ้งหนังสือธรรมะ และไม่ฟังพระเทศน์อีกต่อไปเลย และที่เคยบอกว่าเป็นคนพุทธ บูชาองค์เทพนั้นๆ ก็ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย รวมถึงไม่บูชาเทพองค์ใดแล้ว นับถือและบูชาจิตสูงส่ง (Higher Self, Inner Guru) ในตัวผมเอง เพราะสุดท้ายแล้วผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาอะไร เราก็ต้องฝึกจิตเพื่อให้จิตเรานั้นได้กลับบ้านของตัวเอง(เพื่อให้เรารู้ว่าเราเป็นใคร) ไม่ใช่บ้านของคนอื่น(ด้วยการส่งจิตออกนอก)
จึงเป็นเหตุที่ทำให้ผมไม่เน้นอ่านไพ่ในสายฟังธงหรือพยากรณ์เป็นหลัก (ผมไม่ได้แอนตี้ ถ้าให้ผมดู ผมดูได้ แต่จะไม่เน้นเยอะ จะให้เน้นกับปัจจุบันมากกว่าอนาคต) แต่จะเน้นไปทางสายการพัฒนาตัวเองเป็นหลัก และในส่วนของไพ่สายพลังนั้น ที่มาก็มาจากสายอภิญญาที่ผมฝึกฝน เลยเอามาตั้งเป็นชื่อว่าไพ่สายพลัง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่มีพลังงาน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เขียนซะยาวเลย ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคนที่ตั้งใจอ่านในสิ่งที่ผมแชร์ประสบการณ์ผมเองให้ฟังนะครับ
กระทู้นี้ดูดวงด้วยไพ่สายพลังฟรี 11 คน + แถมเพิ่มเติมเล็กน้อย
กติกา
1. ทำจิตให้นิ่ง
2. บอกชื่อ (ชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็ได้) เพศ อายุ
3. บอกคำถามที่ต้องการจะรู้เป็นแนวทาง 1 คำถาม
หมายเหตุ
1. ไม่อ่านไพ่ให้บุคคลที่อายุต่ำกว่า 22 ปี
2. ห้ามทำจอง ห้ามจุด ห้ามแก้ไข
3. ไม่ตอบคำถามในเรื่องของกฎหมาย (ไปถามห้องศาลาประชาคมจะดีที่สุด), ลักษณะเนื้อคู่, ลักษณะงาน, ดวงบุคคลที่ 3, รวมถึงเรื่องหุ้น(ไปถามห้องสินธรจะดีที่สุด)
4. อ่านไพ่ให้แล้ว ช่วยเข้ามาตอบขอบคุณหรือ Feedback ให้ด้วย (เป็นอันทราบว่าได้เข้ามาอ่านแล้ว)
ขอให้ทุกคนโชคดี
สวัสดีชาวพรหมชาติทุกคน ครบรอบ 3 ปี 9 เดือน กับการตั้งกระทู้อ่านไพ่ในพันทิพย์ของ TheSoulWolf
https://ppantip.com/topic/32971666
ตอนนั้นยังไม่มีห้องพรหมชาติ ยังเป็นห้องสยามแสควร์อยู่ อีก 3 เดือนข้างหน้า ก็จะครบ 4 ปีพอดี แต่ก่อนหน้าที่จะเข้ามาอยู่ในพันทิพย์นั้น ผมก็ได้ไปตั้งกระทู้อ่านไพ่มาหลายที่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่หลังจากนั้นก็หยุดไป เนื่องจากรู้สึกเบื่อ และแนวทางการดูดวงสายพยากรณ์ของผมนั้นมันตัน ก็เลยเลิกไปเป็นปีๆ เลย แล้วมารู้ว่า พันทิพย์มีแท็กดูดวงในตอนนั้น เลยลองตั้งกระทู้อ่านไพ่ดู ปรากฎว่าได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี จึงอยู่แต่ในพันทิพย์อย่างเดียว ส่วนศาสตร์ที่ใช้ดู จะใช้ศาสตร์ของไพ่พยากรณ์เป็นหลัก เพราะช่วงแรกนั้น มีวันหนึ่งที่ผมไปร้านหนังสือ Se-ed แล้วได้เดินผ่านหนังสือไพ่ยิปซีในหมวดโหราศาสตร์ มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เดินกลับมาตรงหนังสือไพ่ยิปซีเล่มนั้น (ของสำนักพิมพ์ Ztarot) แล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา แต่ไม่สามารถเปิดอ่านได้เนื่องจากทางร้านห่อหนังสือกับไพ่ที่แถมมาอย่างแน่น แต่ด้วยความอยากลอง จึงเดินไปจ่ายเงินโดยไม่ได้คิดอะไร แล้วกลับมานั่งอ่านที่บ้าน พร้อมกับหยิบไพ่ที่แถมมาทีละใบอย่างบรรจง แล้วรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างของไพ่ แต่ยังไม่เข้าใจถึงพลังงานนั้นในตอนนั้น แต่รู้สึกว่ามีความสุข เหมือนไพ่กำลังจะพูดคุยอะไรบางอย่างกับผม จากนั้นจึงอ่านหนังสือที่ซื้อมา พร้อมกับดูไพ่ให้กับคนรอบข้างไปด้วย ได้รับ Feedback มาว่าค่อนข้างแม่นยำ และด้วยความที่อยากเรียนรู้อย่างจริงจัง จึงได้เข้าไปในเวปไซต์ Ztarot แล้วก็เห็นทางเว็บประกาศรับคนเรียน จึงตัดสินใจโอนเงินและสมัครเรียนในตอนนั้น หลังจากไปเรียนเสร็จแล้ว ก็ได้ดูดวงให้กับคนอื่นๆไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆนึงที่มันรู้สึกตัน รู้สึกเบื่อ จึงเลิกไปดื้อๆแล้วไม่ได้แตะอีกเป็นปีๆเลย
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไม่เน้นอ่านไพ่ไปทางสายฟันธง และพยากรณ์เหมือนเมื่อก่อน เพราะในตอนนั้น (ช่วงอายุ 24 ปี) เป็นช่วงที่ผมปฏิบัติธรรมในสายสมถะ นั่งสมาธิดูลมหายใจเข้าออก กดข่มอารมณ์ตัวเอง ไปสวดมนต์ ปฎิบัติมาหลายที่ รวมถึงฟังธรรมะ อ่านหนังสือธรรมะ มาเป็นเวลาปีกว่าๆ ปรากฎว่า ไม่มีอะไรดีขึ้น ไม่มีอะไรที่พัฒนาขึ้น ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ตัวเองลดลง หงุดหงิด โมโหง่าย และเจ็บป่วยไม่สบายบ่อยด้วยโรคหวัด ภูมิแพ้ และไอเรื้อรัง กินยาก็ไม่หาย ไปหาหมอดูคนไหนๆ คนนั้นๆก็บอกว่าเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร หมอดูแนะนำให้ผมทำบุญถวายสังฆทานให้แก่วัด แนะนำให้ผผมสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรเยอะๆ ฝึกสมาธิในสายสมถะให้เยอะๆ ผมก็ทำตามที่หมอดูบอกไปหมดทุกอย่าง ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักอย่าง แถมแย่ลงด้วยซ้ำ โรคภัยไข้เจ็บรุมเร้ามากขึ้น แถมความสามารถในการควบคุมอารมณ์ที่ลดลงมากขึ้น จนแม่ผมพูดกับผมในวันที่ผมหงุดหงิดและทะเลาะกับแม่ (ทะเลาะแบบ ตะคอกเสียงดังใส่แม่เลยในตอนนั้น) เรื่องงานเลยว่า "ไหนปฎิบัติธรรมแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้" แล้วมารู้สึกผิดทีหลัง ก็เลยคิดว่า จะต้องนั่งสมาธิให้นานขึ้น เพื่อให้จิตใจสงบมากขึ้น จะได้ควบคุมอารมณ์ดีขึ้น (สมัยนั้นนั่งสมาธิวันนึงเป็นชั่วโมงๆเลย) แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น กลับแย่ลง เจ็บป่วยบ่อยขึ้น
จากนั้นจึงไปหาหมอดูคนหนึ่ง เค้าก็บอกผมว่าเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร ถ้าอยากดีขึ้นต้องซื้อของสะเดาะเคราะห์กับเค้า ทำให้ผมโดนหมอดูหลอกเงินไปเป็นพัน แล้วไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จากนั้นจึงหยุดดูกับหมอดูทุกอย่าง แล้วมานั่งทบทวนตัวเองในตอนนั้นว่า เราสวดมนต์ก็แล้ว ฟังพระเทศน์บ่อยๆก็แล้ว อ่านหนังสือธรรมะก็แล้ว ปฎิบัติธรรมเพื่อให้จิตใจสงบก็แล้ว ทำไมไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างกลับแย่ลงไปหมด แต่ก็ยังทำต่อไป เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ในตอนนั้น
จนมาถึงวันหนึ่งได้เจอกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งแกเป็นนักปฏิบัติในสายอภิญญา ด้วยความที่คิดว่าสายอภิญญานั้นน่าสนใจ กับรู้สึกว่าการปฏิบัติสายสมถะนั้นเป็นเวลา 1 ปีกว่าๆที่ไม่มีอะไรดีขึ้น แถมแย่ลงไปหมดทุกอย่าง จึงไปหาอาจารย์คนนั้น แล้วสิ่งที่อาจารย์คนนั้นพูดกับผมก็คือ "เธอเบื่อการปฏิบัติธรรม" ผมเถียงกับอาจารย์ในตอนนั้นว่า "ผมไม่ได้เบื่อ ผมนั่งสมาธิได้เป็นชั่วโมงๆเลยทีเดียว" อาจารย์บอกให้ผมดูจิตตัวเองแล้วพิจารณา จากนั้นอาจารย์ก็เงียบ ผมก็นั่งพิจารณาถึงสิ่งที่อาจารย์พูดถึงเมื่อกี๊ ปรากฏว่า อาจารย์พูดถูก ผมเบื่อกับการนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตสงบจริงๆ แล้วอาจารย์ก็พูดกับผมต่อว่า "เธอมีอัตตาสูง" ผมก็เถียงอาจารย์ต่อว่า "ผมไม่มีนะ ผมนั่งสมาธิ จิตใจสงบ ไม่ได้คิดไม่ได้ยึดมั่นในสิ่งที่เป็นอกุศลอะไรใดๆเลย" อาจารย์นิ่งสักพักแล้วพูดกับผมต่อว่า "เธอมีอัตตาสูง อัตตาทำให้เธอเจ็บป่วย ที่เธอเจ็บป่วยทุกวันนี้เพราะสิ่งที่เธอยึดมั่นถือมั่นในตัวเธอเอง กับการที่เธอปฏิเสธในตัวตนของเธอ" พอมาถึงจุดๆนี้ ผมเถียงอะไรไม่ออกจริงๆ ผมนั่งนิ่งๆแล้วพิจารณาในสิ่งที่อาจารย์พูดกับผมให้ผมฟังไปเมื่อครู่ แล้วพิจารณาถึงปัญหาที่ผ่านมาว่าที่ผมเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆในตอนนั้น ที่รักษายังไงก็ไม่ดีขึ้นสักที รวมถึงที่เคยทำบุญ แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรอยู่ประจำก็แล้ว ก็ไม่หาย จนถึงบางอ้อในที่สุด และตั้งแต่ในวันนั้นเป็นต้นมา ผมจึงเรียนรู้ ฝึกฝนในสายอภิญญากับอาจารย์คนนี้ (โยคะ จักระ ตันตระ เดินเส้นสายของพลังงาน เชื่อมพลังงานกับดินน้ำลมไฟ ฯลฯ) ยอมรับในอัตตาตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นมากขึ้น ส่วนปัญหาจากที่แต่ก่อนจะใช้วิธิกดข่ม ก็เปลี่ยนมาเป็นตามรู้ตามดู ทำความเข้าใจกับมัน แล้วนำสิ่งดีๆเข้ามาจัดการกับปัญหาแทน จึงปล่อยวางปัญหาได้ในที่สุด และทิ้งการปฏิบัติในสายสมถะไปในที่สุด และไม่เชื่อในการสะเดาะเคราะห์ (เพราะเคยโดนหลอกไปแล้ว) ผมฝึกปฏิบัติในสายอภิญญามา 1 ปี แล้วมาเทียบกับที่เคยปฏิบัติในสายสมถะ ก็พบว่า ผมมีความพัฒนาในการฝึกจิตไปได้มากขึ้น การควบคุมอารมณ์ดีขึ้น หน้าตาสดใสขึ้น รวมถึงจากที่เคยเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่บ่อยๆนั้น ก็หายขาดแล้วไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกเลย
จากที่ผมเคยอ่านหนังสือธรรมะอยู่ประจำ เคยนั่งฟังพระเทศน์อยู่เป็นประจำ ก็เปลี่ยนไปศึกษาศาสตร์ NLP พลังจักรวาล กฎแรงดึงดูด และศาสตร์ทางจิตของฝั่งตะวันตก ก็พบว่ารู้สึกสนใจและถูกจริตมากกว่าอ่านหนังสือธรรมะซะอีก จึงทิ้งหนังสือธรรมะ และไม่ฟังพระเทศน์อีกต่อไปเลย และที่เคยบอกว่าเป็นคนพุทธ บูชาองค์เทพนั้นๆ ก็ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย รวมถึงไม่บูชาเทพองค์ใดแล้ว นับถือและบูชาจิตสูงส่ง (Higher Self, Inner Guru) ในตัวผมเอง เพราะสุดท้ายแล้วผมเชื่อว่า ไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาอะไร เราก็ต้องฝึกจิตเพื่อให้จิตเรานั้นได้กลับบ้านของตัวเอง(เพื่อให้เรารู้ว่าเราเป็นใคร) ไม่ใช่บ้านของคนอื่น(ด้วยการส่งจิตออกนอก)
จึงเป็นเหตุที่ทำให้ผมไม่เน้นอ่านไพ่ในสายฟังธงหรือพยากรณ์เป็นหลัก (ผมไม่ได้แอนตี้ ถ้าให้ผมดู ผมดูได้ แต่จะไม่เน้นเยอะ จะให้เน้นกับปัจจุบันมากกว่าอนาคต) แต่จะเน้นไปทางสายการพัฒนาตัวเองเป็นหลัก และในส่วนของไพ่สายพลังนั้น ที่มาก็มาจากสายอภิญญาที่ผมฝึกฝน เลยเอามาตั้งเป็นชื่อว่าไพ่สายพลัง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่มีพลังงาน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เขียนซะยาวเลย ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคนที่ตั้งใจอ่านในสิ่งที่ผมแชร์ประสบการณ์ผมเองให้ฟังนะครับ
กระทู้นี้ดูดวงด้วยไพ่สายพลังฟรี 11 คน + แถมเพิ่มเติมเล็กน้อย
กติกา
1. ทำจิตให้นิ่ง
2. บอกชื่อ (ชื่อเล่นหรือชื่อจริงก็ได้) เพศ อายุ
3. บอกคำถามที่ต้องการจะรู้เป็นแนวทาง 1 คำถาม
หมายเหตุ
1. ไม่อ่านไพ่ให้บุคคลที่อายุต่ำกว่า 22 ปี
2. ห้ามทำจอง ห้ามจุด ห้ามแก้ไข
3. ไม่ตอบคำถามในเรื่องของกฎหมาย (ไปถามห้องศาลาประชาคมจะดีที่สุด), ลักษณะเนื้อคู่, ลักษณะงาน, ดวงบุคคลที่ 3, รวมถึงเรื่องหุ้น(ไปถามห้องสินธรจะดีที่สุด)
4. อ่านไพ่ให้แล้ว ช่วยเข้ามาตอบขอบคุณหรือ Feedback ให้ด้วย (เป็นอันทราบว่าได้เข้ามาอ่านแล้ว)
ขอให้ทุกคนโชคดี