กาลครั้งหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตาบอดข้างเดียวตัวหนึ่ง เข้าไปในเมืองตอนกลางคืน กินส่าเหล้าแล้วนอนหลับในป่าบุนนาค ตื่นขึ้นมาในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น คิดว่าเราไม่อาจไปเวลานี้ สัตว์ที่เป็นเวรกับเรามีมาก ควรจะหลอกลวงใครสักคนหนึ่งให้พาเราไป ขณะนั้นพราหมณ์คนหนึ่งเดินผ่านมา คิดว่า เราจะลวงพราหมณ์คนนี้นี่แหละ จึงร้องไปว่า ท่านพราหมณ์ พราหมณ์ได้ยิน จึงถามว่า นั่นใคร
เราเอง ท่านมานี่ก่อน
มีอะไรหรือ
จงนำเราออกไปนอกเมือง เราจะให้เงินท่านสองร้อยกหาปณะ
ได้ เราจะนำท่านไป แล้วรวบจับที่เท้าของสุนัขจิ้งจอก
เฮ้ย พราหมณ์โง่ กหาปณะไม่ใช่ของหาง่ายนะ จับเราดีๆ
จะให้จับอย่างไร
จงเอาผ้าห่มเราแล้วสพายไป
พราหมณ์จับสุนัขจิ้งจอกแล้วพาไปที่ใกล้ประตูทิศใต้ ถามว่า เราจะปล่อยที่นี่ได้หรือไม่
ที่นี่ที่ไหน
ประตูใหญ่
เฮ้ย พราหมณ์โง่ ญาติของท่านเก็บเงินไว้ภายในประตูหรือ จงนำเราไปที่อื่น
พราหมณ์ค่อยๆไป กล่าวว่า เราจะปล่อยที่นี่
แต่สุนัขจิ้งจอกคุกคาม ว่า ท่านจงพาเราไปที่ปลอดภัย แล้วค่อยปล่อย
เมื่อออกนอกเมืองถึงที่ปลอดภัยแล้ว พราหมณ์จึงปล่อย
สุนัขจิ้งจอกกล่าวว่า เราได้พูดไว้แล้วว่า จะให้เงินท่านสองร้อยกหาปณะ แต่เรามีมากกว่านั้น ท่านจงยืนดูพระอาทิตย์ จนกว่าเราจะนำเงินมาให้ท่าน ว่าแล้วก็ค่อยๆไป กลับมาพูดกับพราหมณ์อีกว่า ท่านอย่ามัวมองดูเรา จงดูพระอาทิตย์อย่างเดียว ครั้นพูดดังนี้แล้วก็เข้าไปสู่ป่าการะเกต หนีไปตามความชอบใจ
ฝ่ายพราหมณ์มองดูพระอาทิตย์ จนเหงื่อไหลออกจากหน้าผาก และรักแร้
ที่นั้น รุกขเทวดาเห็นเหตุการณ์นั้นตลอด จึงกล่าวกะพราหมณ์ว่า พราหมณ์ ท่านเชื่อสุนัขจิ้งจอกที่เอาแต่ดื่มสุรา มันไม่รู้จักศิลปะในการเลี้ยงชีพ กหาปณะตั้งสองร้อยจะได้มาจากไหน
พราหมณ์ได้ฟังดังนั้น กลับได้สติคิดว่า เราถูกสุนัขจิ้งจอกหลอกแล้ว หมดหวังจึงได้กลับบ้านของตนไป
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สีหนาทวรรค
ปกิณณกธรรม เรื่อง จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์
กาลครั้งหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตาบอดข้างเดียวตัวหนึ่ง เข้าไปในเมืองตอนกลางคืน กินส่าเหล้าแล้วนอนหลับในป่าบุนนาค ตื่นขึ้นมาในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น คิดว่าเราไม่อาจไปเวลานี้ สัตว์ที่เป็นเวรกับเรามีมาก ควรจะหลอกลวงใครสักคนหนึ่งให้พาเราไป ขณะนั้นพราหมณ์คนหนึ่งเดินผ่านมา คิดว่า เราจะลวงพราหมณ์คนนี้นี่แหละ จึงร้องไปว่า ท่านพราหมณ์ พราหมณ์ได้ยิน จึงถามว่า นั่นใคร
เราเอง ท่านมานี่ก่อน
มีอะไรหรือ
จงนำเราออกไปนอกเมือง เราจะให้เงินท่านสองร้อยกหาปณะ
ได้ เราจะนำท่านไป แล้วรวบจับที่เท้าของสุนัขจิ้งจอก
เฮ้ย พราหมณ์โง่ กหาปณะไม่ใช่ของหาง่ายนะ จับเราดีๆ
จะให้จับอย่างไร
จงเอาผ้าห่มเราแล้วสพายไป
พราหมณ์จับสุนัขจิ้งจอกแล้วพาไปที่ใกล้ประตูทิศใต้ ถามว่า เราจะปล่อยที่นี่ได้หรือไม่
ที่นี่ที่ไหน
ประตูใหญ่
เฮ้ย พราหมณ์โง่ ญาติของท่านเก็บเงินไว้ภายในประตูหรือ จงนำเราไปที่อื่น
พราหมณ์ค่อยๆไป กล่าวว่า เราจะปล่อยที่นี่
แต่สุนัขจิ้งจอกคุกคาม ว่า ท่านจงพาเราไปที่ปลอดภัย แล้วค่อยปล่อย
เมื่อออกนอกเมืองถึงที่ปลอดภัยแล้ว พราหมณ์จึงปล่อย
สุนัขจิ้งจอกกล่าวว่า เราได้พูดไว้แล้วว่า จะให้เงินท่านสองร้อยกหาปณะ แต่เรามีมากกว่านั้น ท่านจงยืนดูพระอาทิตย์ จนกว่าเราจะนำเงินมาให้ท่าน ว่าแล้วก็ค่อยๆไป กลับมาพูดกับพราหมณ์อีกว่า ท่านอย่ามัวมองดูเรา จงดูพระอาทิตย์อย่างเดียว ครั้นพูดดังนี้แล้วก็เข้าไปสู่ป่าการะเกต หนีไปตามความชอบใจ
ฝ่ายพราหมณ์มองดูพระอาทิตย์ จนเหงื่อไหลออกจากหน้าผาก และรักแร้
ที่นั้น รุกขเทวดาเห็นเหตุการณ์นั้นตลอด จึงกล่าวกะพราหมณ์ว่า พราหมณ์ ท่านเชื่อสุนัขจิ้งจอกที่เอาแต่ดื่มสุรา มันไม่รู้จักศิลปะในการเลี้ยงชีพ กหาปณะตั้งสองร้อยจะได้มาจากไหน
พราหมณ์ได้ฟังดังนั้น กลับได้สติคิดว่า เราถูกสุนัขจิ้งจอกหลอกแล้ว หมดหวังจึงได้กลับบ้านของตนไป
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สีหนาทวรรค