Norway (Oslo-Trondheim-Atlantic Ocean Road-Geirangerfjord-Briksdal Glarcier-Bergen-kjeragbolten-Stavanger-Oslo)

สวัสดีค่ะ ทริปนี้เกิดจากเปิดแผนที่โลกในกู้เกิ้ลเพื่อหาที่เที่ยว ก็มาเจอกับ Norway โอ้ว!! คิดไม่นานแล้วก็ชวนเพื่อนที่เรียนอยู่อังกฤษไปด้วยกัน

ช่วงเวลาเดินทาง 30-8-2018 ถึง 8-9-2018
นี่คือเส้นทางที่เราเลือกกัน
สีแดงคือเดินทางโดยรถไฟ สีฟ้าคือการขับรถ

โดยข้อมูลสถานที่เที่ยวต่างๆเราจะหาจาก https://www.visitnorway.com เพื่อให้เห็นว่าประเทศนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
วันที่ 1 เจอกันที่ airport@Oslo
1.1 BKK-Oslo (9.00-15.45)
เดินทางด้วยสายการบิน Norwegian airline ซึ่งเป็นสายการบิน low cost airline บินตรง (หนังที่ฉายค่อนข้างเก่า อาหารหลักมีหนึ่งมื้อ ก่อนเครื่องลงแจกสลัด)
1.2 London Gatwick-Oslo (11.25-14.30 )ด้วย Norwegian airline เช่นกัน เพื่อนบอกว่า เป็นสายการบิน Low cost ที่เมื่อเครื่องออกปุ๊บ ทุกคนพร้อมใจกันแกะของออกมากิน โดยไม่มีการห้ามจากสายการบินแต่อย่างใด...

1.3 เที่ยวเล่นใน OSLO จนถึงค่ำ แล้วก็ไปขึ้นรถไฟที่สถานี Oslo station เพื่อไป Trondheim เราจองตั๋วตู้นอนไปจากเมืองไทย ซึ่งการรับบัตรเข้าห้อง ต้องไปที่ตู้อาหารเพื่อเอากุญแจจากเจ้าหน้าที่  แล้วพวกเราก็พบว่า เราจองมา 2 ห้องนอน หรือ 4 เตียงนั่นเอง โอ้ว!!! การกดเลือก 2 ที่ในเวบ หมายความว่า 2 ห้องนอน....ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่า เราจะคืนกุญแจให้เค้าก็ได้นะ แต่ไม่คืนเงิน... แล้วใครจะคืนหล่ะ  เราก็เลยจัดการให้ห้องนึงเป็นห้องเก็บกระเป๋าไปซะเลย โดยในห้องจะมีน้ำเปล่าให้ 2 ขวด ช็อกโกแลต 2 ชิ้น ที่อุดหู 2 อัน แก้วน้ำ และที่สำคัญคือ ผ้าเช็ดตัว 2 ผืนเล็ก เหมาะกับเราที่บินมาแล้ว 1 วัน ที่ยังไม่อาบน้ำ ได้เช็ดตัวให้ชื่นใจ ส่วนห้องสุขาสามารถไปใช้รวมที่ท้ายตู้รถไฟได้     อันนี้คือ https://www.nsb.no/ สำหรับการจองรถไฟ

ที่นอนข้างล่างเหมาะกับคนที่นอนง่าย ชอบความโคลงเคลงและการกระชากจากรถไฟ เพราะไม่งั้นจะนอนไม่หลับและตื่นมาจะเดินโซเซ (ครั้งแรกเรานอนด้านบน แต่ขากลับนอนด้านล่าง ซึ่งสุดท้ายนอนไม่ได้ เลยแยกห้องนอน เพราะขากลับก็จองไว้ 2 ห้องเหมือนกัน 555)

วันที่ 2 Trondheim-Rindal-Eide
    รถไฟไปถึงTrondheimแต่เช้า พวกเราฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ ราคาถูกกว่าที่ OSLO 10 NOK วิวด้านหน้าสถานีรถไฟ
เราตั้งใจไปชมโบสถ์ Nidarosdomen แต่ด้านในโบสถ์ยังไม่เปิด
เลยเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ข้ามสะพาน แล้วเดินริมลำน้ำ ก็พบว่า Old Town Bridge สามารถเดินไปจากทางนี้ได้เช่นกัน
นี่คือวิวระหว่างเดินรอบริมน้ำ ไม่เหนื่อยเลยเวลามาเที่ยวเมืองนอกที่สภาพแวดล้อมดีๆแบบนี้

หลังจากเดินมาสักพักเราก็แวะร้านกาแฟหาของกินและนั่งสบายๆสักหน่อย

โกโก้หวานมากและยังมีการบีบครีมไว้ด้านบนอีก ส่วนมัฟฟินก็อร่อยดี ที่นี่พนักงาน 1 คนทำทุกอย่างรับออเดอร์ คิดเงิน ชงโกโก้ ใช้พนักงานคุ้มค่าจากนั้นก็ออกจากร้านเดินไปแค่ 1 ลมหายใจ ก็จะเจอมุมมหาชน
จากนั้นเดินย้อนกลับไปทางโบสถ์ คราวนี้ ผู้คนเริ่มมากขึ้น แตกต่างจากช่วงเช้าอย่างชัดเจน และเนื่องจากเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในนอร์เวย์และถูกไฟไหม้มาหลายครั้ง (คือเหตุผลให้เราเลือกมาที่นี่กัน) อีกทั้งมีการต่อเติมตลอดหลังจากไฟไหม้ สามารถหาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nidarosdomen.no/ หากเข้าไปด้านในจะมีวิดีโอแสดงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับโบสถ์แห่งนี้ (ข้างในไม่ให้ถ่ายรูป) และเราก็มีโอกาสดี เพราะได้ฟังเพลงจากการเล่นโอแกน ถ้าหากมีการร้องเพลงไปด้วย ขนคงยิ่งลุกกว่านี้  

จากนั้นเราก็เดินไปรับรถที่เช่าไว้กัน เราเลือกใช้บริการของ Avis เหมือนเคย โดยเลือกคันเล็กที่สุดที่เป็นเกียร์ออโต้ แล้วก็ได้ Toyota yaris hybrid มา โอ้ว!!! ประเทศนี้เค้าใส่ใจสภาพแวดล้อมและค่าน้ำมันของพวกเราอย่างจริงจัง (คันนี้เติมเต็มถังประมาณ25ลิตร ลิตรละประมาณ 15-16 NOK วิ่งได้ประมาณ 400หรือ 600km. จำไม่ได้) ซึ่งการเติมน้ำมัน ทำโดยเสียบการ์ด กดpin แล้วก็เติมตามต้องการ จากนั้นระบบจะคิดเงินอัตโนมัติ หรือบางปั้มจะสามารถเลือกได้ว่าจะไปจ่ายกับพนักงานหรือเปล่า....ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้คนเลย


จุดหมายต่อไปคือไป Rindal เพื่อไปหาพี่คนไทยที่รู้จักกันของเพื่อน เมืองนี้เล็กมากขนาดที่ว่า พี่เค้าขับจากบ้านมานำทางไม่ถึงนาที วิวบ้านก็อลังการ เพราะบ้านพี่เค้าอยู่บนเนิน ฝั่งตรงข้ามก็มีแต่ภูเขาที่เขียวขจี ภาพเก็บมาไม่หมด เพราะมัวแต่เล่นกับน้องหมา

พี่เค้าบอกว่าบ้านนอร์เวย์ส่วนใหญ่ยังเป็นไม้ทั้งหมด(เห็นด้วยกับพี่เค้า เพราะไปที่ไหนก็เห็นแต่มีไม้เป็นส่วนประกอบ) มีแค่ส่วนพื้นฐานด้านล่างที่เป็นคอนกรีต ตัวบ้านอบอุ่นดี และคุณลุงในฐานะเจ้าของบ้านและเจ้าของประเทศนอร์เวย์ ช่วยดูแผนเที่ยวและแนะนำว่าจากเส้นทางของเรา ก็ควรแวะ LEON SYKLIFT และ Lysevegen road เพื่อขับรถไปที่สูงจะเห็นถนนคดเคี้ยวและถ้าล่อง Fjord ก็จะได้เห็น Preikestolen และ Kjeragbolten. แต่สุดท้ายเราไม่ได้ไปอย่างที่คุณลุงแนะนำเพราะ เวลาไม่พอ

(แผนที่ที่คุณลุงใช้คุยคือเป็นเล่มๆ ดูง่ายดี ชอบ)

ทริปนี้ได้กินอาหารแบบคนนอร์เวย์และได้กินขนมตามรูป ด้านในจะเป็นไส้ Brunost (brown cheese) พยายามมาหาซื้อตามซุปเปอร์มันไม่มียี่ห้อนี้เพราะเป็นยี่ห้อท้องถิ่น (เก็บในตู้เย็นได้เป็นปี)

และพี่เค้าแนะนำว่า Brunost ที่อร่อยคืออันนี้  
พวกเราลองซื้อทำแซนวิชกินดูก็อร่อยดี แต่ให้กินบ่อยๆไม่ไหวมันเลี่ยน ส่วนปลาแซลมอนก็มียี่ห้อ SALMA อันนี้ก็มีลองซื้อกินเองที่ซุปเปอร์แบบSasimi ก็อร่อยดี ในราคาไม่แพงถ้าเทียบกับเมืองไทย
(รูปปลานี้เอามาจากในเนทอีกที)

พวกเราขอขอบคุณคุณลุงกับพี่เล็ก ที่ต้อนรับด้วยความอบอุ่นค่ะ

เป้าหมายต่อไปคือ The Atlantic Ocean Road ถนนที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่คนนอร์เวย์ แต่เนื่องจากสภาพร่างกายไม่ไหวทำให้มีการพักนอนระหว่างทางที่ปั้มKIWI ทำให้กว่าจะขับไปถึงถนนเส้นนั้นก็มืด เลยตัดสินใจขับตรงไปที่พัก โดยเราจองกันจาก airbnb
Eidevegen 164, Eide kommune, Møre og Romsdal 6490, Norway  ที่พักก็โอเค
เนื่องจากไปถึงมืด ออกเช้าตรู่ เลยใช้ภาพจากเวบแทน


วันที่ 3 The Atlantic Ocean Road-Trollstigen-Kayak@Geiranger-Hjelle Hotel
รีบตื่นแต่เช้า ไม่มีการร่ำลาเจ้าของบ้านแต่อย่างใด ขับย้อนกลับไป 20 นาที เพื่อไปดู The Atlantic Ocean Road พระอาทิตย์เพิ่มขึ้นได้ไม่นาน ถนนนี้หากเข้าฤดูมรสุมคนยิ่งมาดูกัน ให้นึกถึงสภาพคลื่นน้ำยักษ์ถาโถมเข้าใส่สะพานระหว่างที่ขับรถ มันจะแจ่มขนาดไหน แต่เรามาในวันที่ทะเลสงบ ฟ้าแจ่มใส เห็นแต่ร่องรอยคนมาดริฟท์ที่ถนนเส้นนี้ไว้ และมีเด็กวัยรุ่นมาถ่ายคลิปเล่นสเก็ตบอร์ดจากสะพานนี้

จากจุดจอดรถ(จอดฟรี) เราสามารถเดินรอบๆได้ เค้ามีการทำทางไว้ให้เดิน พร้อมกับคิดไว้เป็นอย่างดีว่า จุดที่ให้ถ่ายรูปกับตัวสะพาน รั้วต้องต่ำลง เพื่อให้ถ่ายแล้วไม่มีอะไรมาขัดใจด้านหลัง

แต่มุมที่พวกเราถ่ายจะไม่เห็นภาพตัวสะพานบิดโค้ง แต่แค่นี้ก็ชื่นใจว่าได้มาแล้ว

เป้าหมายถัดไปคือ Trollstigen ขับรถไปประมาณ 2 ชม.ได้ ซึ่งตลอดเส้นทางของประเทศนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติ และเราแวะจุดพักก่อนจะขับขึ้นไป ซึ่งจุดพักแบบนี้ สามารถเอารถบ้านมาจอดในที่จอดได้

เมื่อขับมาถึงด้านบน เดินไปจุดชมวิวมหาชน ก็จะได้ภาพสวยงามแบบนี้ ที่นี่จะมีทัวร์มาลงทั้งจีนและเกาหลี ที่เที่ยวแบบนี้ห้องน้ำเข้าฟรี จอดรถฟรี

เราค่อนข้างต้องทำเวลานิดนึง เพราะบ่ายนี้จะไปพาย Kayak ที่ Geiranger Fjord กันแต่ก็จอดระหว่างทาง กินHotdog วิวประเมินราคาไม่ได้
และก่อนถึงGeiranger Fjord จะมีจุดชมวิวที่เห็น Geiranger Fjord ที่สวยงามมากมุมนึง


ส่วนการพาย Kayakเราใช้บริการของจากhttps://www.geirangerfjord.no/kajakkturer-med-guide โดยเลือก The seven sister route  วันนี้มีคนทำกิจกรรมทั้งหมดแค่ 4 คน รวมไกด์ของเรา การพายของเรา 2 คนนี้ ช้าเป็นเต่า 5555 แถมเริ่มต้นก็จะขับไปชนเรือของคุณลุงแถวนั้น แกก็ตกใจปนหัวเราะ


เกร็ดความรู้ จากไกด์เล่าให้ฟังว่า seven sister water fall  เกิดจากฝีมือมนุษย์ขุดเป็น channel ทั้งหมด 7 Channel โดยขุดปีละ 1 Channel
อีกทั้งบริเวณแถวนั้นมีการทำฟาร์มอยู่บนเขาบ้างในสมัยก่อน แต่ปัจจุบันได้เลิกไปแล้ว เราถามไกด์ว่าทำไมต้องมาทำฟาร์มที่นี้ ไกด์บอกว่าที่ดินถูก

จากนั้นขับออกจาก Geiranger Fjord ก็เจอฝรั่งโบกรถ ไม่รู้อะไรดลใจ ก็จอดให้ขึ้นมากัน 2 คน เป็นผู้หญิงมาจากโปแลนด์
เธอ 2 คนเล่าว่าใช้วิธีนี้ตลอดการเดินทาง โอ้ววววว!!!  

เมื่อส่ง 2 คนนั้นเสร็จ ก็ย้อนกลับไปโรงแรม Hjelle hotel โรงแรมที่ไม่คิดว่าวิวจะสวยขนาดนี้
เจ้าของโรงแรมบอกว่า King Chulalongkong รัชกาลที่ 5 ท่านเคยมาประทับและทานอาหารกลางวันที่นี้ แต่เราพยายามอ่านลิงค์ที่เจ้าของส่งมาให้ ยังไม่เห็นหลักฐานยืนยัน แต่จากสภาพโรงแรมและรูปถ่ายในโรงแรม มีสิทธิ์เป็นไปได้
ตึกใหม่ (ที่เราพัก)

ตึกเก่า

นี่คือลิงค์ที่เจ้าของส่งมาให้อ่าน https://www.mn.uio.no/astro/tjenester/publikum/almanakken/innhold/tema2007b.html

แนะนำว่าเมืองนี้ stryn เป็นเมืองที่บรรยากาศสวยงามมาก เจ้าของโรงแรมก็แฟร์ดี เราบอกว่าต้องcheck out ตั้งแต่ 6 โมง ขอเป็นแซนด์วิชได้มั้ย เค้าก็โอเคที่จะทำไว้ให้พร้อมน้ำส้ม1ขวดใหญ่ ให้เราไปหยิบที่ตู้แช่เอาเองเลย 555

ตอนที่ 2 https://ppantip.com/topic/38073912
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่