ผมได้ตกลงคบกับผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาครับ คนๆนี้เป็นคนที่ผมเคยคบด้วยมาก่อนในช่วงต้นปีแต่ห่างๆกันไป และตกลงกลับมาคบกันอีกครั้ง โดยตกลงที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันที่อพาร์ทเม้นต์ก่อน ซึ่งหลังจากตกลงคบกันได้ 2 วัน ก็พบว่าแฟนเก่าของเธอติดต่อเข้ามา โดยที่เธอไม่กล้ารับสาย และบอกกับผมว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว ผมจำได้ว่าวันนั้น ผู้ชายคนนั้นติดต่อเข้ามาประมาณ 30 ครั้ง ทั้งทางเบอร์ และไลน์ แต่ผมก็ให้เกียรติด้วยการไม่ยุ่งและปล่อยให้เคลียร์กันเอง
ชีวิตคู่ดำเนินผ่านไปด้วยความปกติครับ ผมตกลงกับแม่ของเธอในการจะเดินทางไปคุยเรื่องการหมั้นหมายในวันที่ 25 ส.ค. ที่บ้านของเธอใน ตจว. (วันที่เงินเดือนผมออก) แต่ปัญหาเริ่มเข้ามาตรงที่เงินเก็บผมหมดจากการใช้เงินในการดาวน์รถให้เธอ และซื้อบ้านให้ตัวผมเอง ทำให้ผมช๊อตเงินอยู่ทั้งหมด 8 วัน (นับจากวันที่ 17 ถึงวันที่ 25)
สิ่งที่แย่ที่สุดครั้งแรกเกิดขึ้นกับผมครับ เธอขอผมไปเที่ยวผับ ในวันที่ 22 ส.ค. โดยเธอหลอกผมว่าไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ผมมาทราบทีหลังว่าเธอไปผับกับแฟนเก่า ผมทั้งไปรับ และไปส่งเธอ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในผับนั้นคือแฟนอีกคนของเธอ (และมารู้ทีหลังอีกครั้งว่ามันคือวันครบรอบการคบกันสองปีของทั้งคู่) ในคืนนั้นเวลา 02.30 น. ก็มีสายปริศนาโทรมาโดยที่เธอแอบไปรับสายคุยที่ระเบียงอยู่ประมาณ 20 นาที และกลับเข้ามามีปากเสียงกับผมเล็กน้อยว่าในสายคือใคร (เธอโกหกว่าเป็นพี่ที่เคยจีบน้องสาวเธอ)
วันต่อมา (23 ส.ค.) เธอหลอกผมว่าจะไปประชุมที่บริษัท หลอกให้ผมขับรถไปส่งที่สถานี BTS โดยที่แฟนอีกคนของเธอรออยู่ และทั้งคู่ก็เดินทางไป ตจว. โดยเธอปิดการติดต่อผมทุกช่องทางไป 3 วันเต็มๆ ช่วงนี้ผมเจ็บปวดหัวใจมากๆที่เป็นแบบนี้ และผมมาติดต่อเธอได้ในวันที่ 25 ส.ค. (เธออยู่บ้านของเธอที่ต่างจังหวัดและแฟนอีกคนกลับไปแล้ว) และบอกกับเธอว่าคนเลวๆอย่างเธอผมควรจะฆ่าให้ตายซะ จะได้ไม่ต้องไปหลอกคนอื่นอีก วันนั้นเธอมาขอโอกาสผมในการกลับมาคบกันอีกครั้ง ซึ่งผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงตอบตกลงไปทั้งๆที่ผมเกลียดเธอเหลือเกิน และคิดในใจแค่ว่า การที่เธอกลับมาในครั้งนี้สิ่งที่ผมจะทำคือการแก้แค้นเท่านั้น
วันที่ 26 ส.ค. เธอตรวจตั้งครรภ์ และพบว่าตัวเธอเองตั้งครรภ์ จึงมาแจ้งกับผม โดยเธอยืนยันว่าลูกในท้องของเธอคือลูกผม ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่จากการที่เธออยู่กับผมตลอดเวลาตัวติดกันเกือบจะตลอด ไม่มีเวลาแอบออกไปไหนเลยในช่วงเดือนที่ผ่านมา มันก็พอทำให้เชื่อได้นิดหน่อยว่าน่าจะเป็นลูกของผม ผมเลยเลือกที่จะตัดความแค้นออก และเลือกที่จะดูแลเด็กในท้อง แต่ก็บอกตามตรงว่ารักเธอน้อยลงมากๆ เธอเดินทางกลับมาหาผมในคืนวันเดียวกัน พร้อมกับแม่ของเธอ ผมก็รับกลับมาพร้อมกับดูแลต่อ จนกระทั่ง...
เธอและแฟนอีกคนของเธอได้ทำแสบกับผมอีกครั้ง โดยการนัดกันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าผมไปขู่ฆ่าเธอจนเป็นเรื่องเป็นราว ต้องเข้าโรงพักคุยอยู่ 2 ชม. และสุดท้ายตำรวจเข้าใจว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย ก็ให้เลิกแล้วต่อกัน เธอทำให้ผมเพิ่มความเกลียดในตัวเธอมากขึ้น แต่ผมก็พยายามปลงด้วยการคิดในใจเสมอว่ายังมีเด็กในท้องอยู่ และปล่อยวาง แต่มันก็ยังไม่จบครับ
ผมย้ายมาอยู่บ้านใหม่ของผมก่อน โดยมาจัดอะไรให้เข้าที่ ส่วนเธอยังอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์เก่าของเธอ เธอทำแสบอีกครั้ง เพื่อนแฟนอีกคนของเธอมารับเธอหนีไปพักที่อื่น เธอเก็บเสื้อผ้าไปต่อหน้าต่อตาแม่เธอทันที จนแม่ของเธอต้องโทรมาร้องไห้บอกผมว่าเธอทำเรื่องอีกแล้ว ผมก็ช่วยดำเนินการให้แม่ของเธอเท่าที่จะช่วยได้ โดยที่ในใจผมก็คิดแล้วว่าผมไม่รักเธออีกแล้ว ผมก็ปลง และปล่อยวาง ได้ไม่กี่ ชม.เธอก็ติดต่อกลับมาหาผมอีก โดยบอกว่า เธอตัดสินใจเลือกผมแล้ว ผมก็คิดในใจ เฮ้อ... อีกแล้วเหรอวะ ไม่จบซักที ผมก็เห็นแก่เด็กในท้อง ก็เอาน่ะ รับไว้ดูแลละกัน ผมก็คิดไว้สองด้าน ด้านนึงผมคิดว่าผมต้องโดนเธอเลวใส่อีกแน่ๆ อีกด้านคิดว่าคงจบแล้ว
สองวันต่อมาผมก็ส่งแม่ของเธอกลับต่างจังหวัดไป พร้อมกับพาเธอย้ายมาอยู่กับผมที่บ้านของผม ผมดูแลเด็กในท้องอย่างดี ไม่เคยพาไปกินของข้างทาง ทานอาหารดีที่สุด เน้นสุขภาพ ให้เงินเธอใช้วันละ 1-2 พัน และไม่ให้เธอทำงาน พาเธอไปทุกที่ที่ทำให้เธอสุขภาพจิตดีและมีความสุข แต่ตลอดเวลาผมก็จับได้ตลอดว่าเธอยังคงแอบคุยกะผู้ชายคนนั้นเสมอ ทั้งทางไลน์ก็ดี โทรศัพท์ก็ดี ช่องทางอื่นก็ดี มีปากเสียงกันอยู่เสมอ ผมก็คิดในใจว่า เพื่อลูกๆ ไม่ใช่เพื่อมัน ประคองไว้ก่อน และสุดท้ายเธอก็เลวอีกครั้งครับ
ผมพาเธอกลับจากหัวหิน และผมพาเธอไปฝากครรภ์ครั้งที่สอง (13 ก.ย.) ผมได้ข้อสรุปว่าลูกในท้องเป็นของผมแน่นอนแล้วจากอายุครรภ์ ผมก็โล่งใจ ปรากฏว่าโล่งใจได้ไม่นานนัก เธอบอกผมว่าอยากกลับบ้านต่างจังหวัด ผมคิดในใจถึง 90% ว่ามันต้องทำเลวกับเราอีกแน่ๆ แต่ก็เก็บไว้ในใจ เพราะคิดว่า ถ้ามันทำอีก เราก็จะได้หายเหนื่อยซะที ผมเสนอให้เธอนั่งเครื่องบินกลับ แต่เธอไม่เอาขอนั่งรถทัวร์ และขอลงรถที่สถานีปลายทางในตัวจังหวัด ทั้งๆที่ควรจะลงในตัวอำเภอ ผมคิดไว้ว่าจะให้เงินเธอติดตัวไว้ใช้อยู่ต่างจังหวัดประมาณ 5,000 แต่ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอต้องทำแสบกะผมอีกแน่ๆ เลยแกล้งลืมเงินไว้ที่บ้าน และให้ไปแค่ 2,000 ตอนที่ผมไปส่ง แล้วสิ่งที่ผมคิดได้ก็เกิดขึ้นจริงๆครับ
เธอหลอกผมโดยเดินทางไปลงรถที่จังหวัดอยุธยา และให้ผู้ชายอีกคนของเธอมารับเธอไป และปิดทุกช่องทางการติดต่อผมเหมือนเดิม ซึ่งในครั้งนี้ผมเตรียมพร้อมโดนมาแล้ว จึงไม่รู้สึกอะไร และครั้งนี้ผมขอตัดขาดเธอจริงๆสักที ครั้งนี้ที่เธอไปจากผม ผมมีความสุขมากที่ผมหลุดพ้นจากชีวิตบัดซบนี้สักที หลังจากที่โดนหลอกมาถึง 5-6 ครั้ง ผมนอนใช้ชีวิตที่บ้านอย่างมีความสุขในเช้าวันถัดไปจนกระทั่ง...
ตอนเที่ยงๆเธอฝากน้องสาวเธอมาทวงรถที่ผมซื้อไว้ให้เธอ โดยอ้างเหตุผลว่าผมซื้อไว้ในชื่อของเธอ (ทั้งๆที่ผมใช้เงินทุกบาทของผมซื้อมา) ผมตะลึงงึงงันกับความหน้าด้านหน้าทนและความเลวของเธอมาก ที่เธอยังกล้าให้น้องสาวของเธอติดต่อมาหาผมเพื่อทวงของอีก ผมปฏิเสธไป คิดว่าเรื่องจะจบ เธอก็ยังคงโทรเข้ามาหาผม ผมจึงปฏิเสธสายเธอไปและติดต่อสอบถามทนายถึงเรื่องนี้ ทนายบอกว่าผมสามารถเอาเอกสารที่ผมมีขอใช้สิทธิเอาเงินคืนก่อนส่งมอบรถกลับให้เธอได้ ผมจึงสบายใจและไม่สนใจเรื่องนี้อีก
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ผมได้รับรู้เลยว่า คนที่เลวที่สุดที่ผมพบเจอมาในชีวิตนี้ ยังไม่เลวเท่ากับที่ผมได้พบเจอมาจากเธอเลย และอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่าคือ ทุกครั้งที่มีอะไรกัน เธอคิดเงินผมด้วยนะครับ ซึ่งผมก็ให้ทุกครั้ง ตอนนี้ด้านมืดและด้านสว่างของผมในหัวตีกันไปหมดว่าผมควรปล่อยวาง และส่งเงินให้แม่ของเธอเพื่อดูแลลูกของเธอทุกๆเดือน หรือจะปล่อยเธอไปให้พ้นๆโดยไม่รับผิดชอบอะไรอีก และสิ่งที่ผมงงที่สุดสิ่งที่สองคือ ผู้ชายคนนั้นรับสภาพได้ไงที่สามารถคบกับเธอต่อได้โดยที่เธอยังคงมีอะไรกับผมทุกวันก่อนหน้านั้น และยังมีลูกในท้องของผมติดอยู่ในตัวเธออีกต่างหาก
ปล.ผมเลิกรักเธอตั้งแต่โดนหลอกครั้งที่สองนะครับ หลังจากนั้นแค่ต้องการดูแลลูก อย่าหาว่าผมเป็นคนไม่ฉลาดนะครับ เพราะตอนนี้ผมออกมาจากชีวิตของเธอเต็มตัวแล้ว
อีกเรื่องคือมีคนสอบถามเรื่องผู้ชายของเธอว่ามีกี่คน เธอคบซ้อนระหว่างผมและผู้ชายอีกคนที่เธอบอกผมว่าเป็นแฟนเก่าครับ แค่ 2 คน
เคยมีใครเจอหนักเท่าผมบ้างไหมครับ ขอสอบถามหน่อย
Update ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.ย. มันมาพร้อมแฟน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมา 2 คน มาที่หน้าบ้านผม อ้างการมีสิทธิ์ในตัวรถยนต์ที่เป็นชื่อของมัน(แต่เงินผมจ่าย) และขอให้พ่อของผมซึ่งตอนนั้นอยู่บ้านคนเดียวส่งมอบกุญแจรถให้ ซึ่งพ่อผมได้ส่งมอบรถให้มันไปแล้วครับ โชคไม่ดีที่ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านเพราะผมไปทำงานจึงทำอะไรไม่ได้เลย
และในคืนเดียวกันมีการติดต่อพูดคุยระหว่างผมและแฟนของมันครับ ผมบอกให้มันอย่ามายุ่งกับครอบครัวผมและคุณพ่อของผมอีก ส่วนฝ่ายนั้นบอกผมว่าให้ผมเลิกยุ่งกับฝ่ายหญิงซะ ผมรังเกียจขนาดนี้ผมคงจะยุ่งหรอกครับ 555
ก่อนการจบการสนทนา ผมได้รับทราบมาว่าผู้หญิงก็หลอกฝ่ายชายฝั่งนั้นเช่นกันว่าเป็นลูกของเขา เนื่องจากเขาบอกกับผมในการสนทนาว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา ผมล่ะขำก๊ากอยู่ในใจ (เอ็งก็โดนมันหลอกเหมือนกันนี่หว่า555) แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ทักท้วงอะไร ปล่อยให้มันหน้ามืดตามัวต่อไป ก่อนวางผมก็ถามอีกคำถามว่าเขารับได้เหรอ ที่ผมมีอะไรกันมาเป็นเดือนๆ แล้วมาอยู่กับคุณต่อ เขาบอกรับได้ ก็ตามนั้นครับ ขอส่งมอบผู้หญิงคนนี้ให้กับชายผู้ใจกว้างขวางดุจแม่น้ำต่อไปครับ
และมีหลังไมค์มาค่อนข้างเยอะถึงโปรไฟล์ผู้ชายอีกคนของเธอครับ ผมจะไม่ให้ข้อมูลอะไรมากนอกจากว่า ผู้ชายคนนี้ที่เธอหนีไปอยู่ด้วย มีภรรยาแล้ว มีลูกด้วยกันแล้วอีก 3 คนครับ ถ้าว่ากันตามตรงเธอก็อยู่ในสถานะเมียน้อยครับตอนนี้
ประสบการณ์ในการพบเจอผู้หญิงที่เลวที่สุดในชีวิตของผม
ชีวิตคู่ดำเนินผ่านไปด้วยความปกติครับ ผมตกลงกับแม่ของเธอในการจะเดินทางไปคุยเรื่องการหมั้นหมายในวันที่ 25 ส.ค. ที่บ้านของเธอใน ตจว. (วันที่เงินเดือนผมออก) แต่ปัญหาเริ่มเข้ามาตรงที่เงินเก็บผมหมดจากการใช้เงินในการดาวน์รถให้เธอ และซื้อบ้านให้ตัวผมเอง ทำให้ผมช๊อตเงินอยู่ทั้งหมด 8 วัน (นับจากวันที่ 17 ถึงวันที่ 25)
สิ่งที่แย่ที่สุดครั้งแรกเกิดขึ้นกับผมครับ เธอขอผมไปเที่ยวผับ ในวันที่ 22 ส.ค. โดยเธอหลอกผมว่าไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ผมมาทราบทีหลังว่าเธอไปผับกับแฟนเก่า ผมทั้งไปรับ และไปส่งเธอ โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ในผับนั้นคือแฟนอีกคนของเธอ (และมารู้ทีหลังอีกครั้งว่ามันคือวันครบรอบการคบกันสองปีของทั้งคู่) ในคืนนั้นเวลา 02.30 น. ก็มีสายปริศนาโทรมาโดยที่เธอแอบไปรับสายคุยที่ระเบียงอยู่ประมาณ 20 นาที และกลับเข้ามามีปากเสียงกับผมเล็กน้อยว่าในสายคือใคร (เธอโกหกว่าเป็นพี่ที่เคยจีบน้องสาวเธอ)
วันต่อมา (23 ส.ค.) เธอหลอกผมว่าจะไปประชุมที่บริษัท หลอกให้ผมขับรถไปส่งที่สถานี BTS โดยที่แฟนอีกคนของเธอรออยู่ และทั้งคู่ก็เดินทางไป ตจว. โดยเธอปิดการติดต่อผมทุกช่องทางไป 3 วันเต็มๆ ช่วงนี้ผมเจ็บปวดหัวใจมากๆที่เป็นแบบนี้ และผมมาติดต่อเธอได้ในวันที่ 25 ส.ค. (เธออยู่บ้านของเธอที่ต่างจังหวัดและแฟนอีกคนกลับไปแล้ว) และบอกกับเธอว่าคนเลวๆอย่างเธอผมควรจะฆ่าให้ตายซะ จะได้ไม่ต้องไปหลอกคนอื่นอีก วันนั้นเธอมาขอโอกาสผมในการกลับมาคบกันอีกครั้ง ซึ่งผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงตอบตกลงไปทั้งๆที่ผมเกลียดเธอเหลือเกิน และคิดในใจแค่ว่า การที่เธอกลับมาในครั้งนี้สิ่งที่ผมจะทำคือการแก้แค้นเท่านั้น
วันที่ 26 ส.ค. เธอตรวจตั้งครรภ์ และพบว่าตัวเธอเองตั้งครรภ์ จึงมาแจ้งกับผม โดยเธอยืนยันว่าลูกในท้องของเธอคือลูกผม ผมก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่จากการที่เธออยู่กับผมตลอดเวลาตัวติดกันเกือบจะตลอด ไม่มีเวลาแอบออกไปไหนเลยในช่วงเดือนที่ผ่านมา มันก็พอทำให้เชื่อได้นิดหน่อยว่าน่าจะเป็นลูกของผม ผมเลยเลือกที่จะตัดความแค้นออก และเลือกที่จะดูแลเด็กในท้อง แต่ก็บอกตามตรงว่ารักเธอน้อยลงมากๆ เธอเดินทางกลับมาหาผมในคืนวันเดียวกัน พร้อมกับแม่ของเธอ ผมก็รับกลับมาพร้อมกับดูแลต่อ จนกระทั่ง...
เธอและแฟนอีกคนของเธอได้ทำแสบกับผมอีกครั้ง โดยการนัดกันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าผมไปขู่ฆ่าเธอจนเป็นเรื่องเป็นราว ต้องเข้าโรงพักคุยอยู่ 2 ชม. และสุดท้ายตำรวจเข้าใจว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย ก็ให้เลิกแล้วต่อกัน เธอทำให้ผมเพิ่มความเกลียดในตัวเธอมากขึ้น แต่ผมก็พยายามปลงด้วยการคิดในใจเสมอว่ายังมีเด็กในท้องอยู่ และปล่อยวาง แต่มันก็ยังไม่จบครับ
ผมย้ายมาอยู่บ้านใหม่ของผมก่อน โดยมาจัดอะไรให้เข้าที่ ส่วนเธอยังอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์เก่าของเธอ เธอทำแสบอีกครั้ง เพื่อนแฟนอีกคนของเธอมารับเธอหนีไปพักที่อื่น เธอเก็บเสื้อผ้าไปต่อหน้าต่อตาแม่เธอทันที จนแม่ของเธอต้องโทรมาร้องไห้บอกผมว่าเธอทำเรื่องอีกแล้ว ผมก็ช่วยดำเนินการให้แม่ของเธอเท่าที่จะช่วยได้ โดยที่ในใจผมก็คิดแล้วว่าผมไม่รักเธออีกแล้ว ผมก็ปลง และปล่อยวาง ได้ไม่กี่ ชม.เธอก็ติดต่อกลับมาหาผมอีก โดยบอกว่า เธอตัดสินใจเลือกผมแล้ว ผมก็คิดในใจ เฮ้อ... อีกแล้วเหรอวะ ไม่จบซักที ผมก็เห็นแก่เด็กในท้อง ก็เอาน่ะ รับไว้ดูแลละกัน ผมก็คิดไว้สองด้าน ด้านนึงผมคิดว่าผมต้องโดนเธอเลวใส่อีกแน่ๆ อีกด้านคิดว่าคงจบแล้ว
สองวันต่อมาผมก็ส่งแม่ของเธอกลับต่างจังหวัดไป พร้อมกับพาเธอย้ายมาอยู่กับผมที่บ้านของผม ผมดูแลเด็กในท้องอย่างดี ไม่เคยพาไปกินของข้างทาง ทานอาหารดีที่สุด เน้นสุขภาพ ให้เงินเธอใช้วันละ 1-2 พัน และไม่ให้เธอทำงาน พาเธอไปทุกที่ที่ทำให้เธอสุขภาพจิตดีและมีความสุข แต่ตลอดเวลาผมก็จับได้ตลอดว่าเธอยังคงแอบคุยกะผู้ชายคนนั้นเสมอ ทั้งทางไลน์ก็ดี โทรศัพท์ก็ดี ช่องทางอื่นก็ดี มีปากเสียงกันอยู่เสมอ ผมก็คิดในใจว่า เพื่อลูกๆ ไม่ใช่เพื่อมัน ประคองไว้ก่อน และสุดท้ายเธอก็เลวอีกครั้งครับ
ผมพาเธอกลับจากหัวหิน และผมพาเธอไปฝากครรภ์ครั้งที่สอง (13 ก.ย.) ผมได้ข้อสรุปว่าลูกในท้องเป็นของผมแน่นอนแล้วจากอายุครรภ์ ผมก็โล่งใจ ปรากฏว่าโล่งใจได้ไม่นานนัก เธอบอกผมว่าอยากกลับบ้านต่างจังหวัด ผมคิดในใจถึง 90% ว่ามันต้องทำเลวกับเราอีกแน่ๆ แต่ก็เก็บไว้ในใจ เพราะคิดว่า ถ้ามันทำอีก เราก็จะได้หายเหนื่อยซะที ผมเสนอให้เธอนั่งเครื่องบินกลับ แต่เธอไม่เอาขอนั่งรถทัวร์ และขอลงรถที่สถานีปลายทางในตัวจังหวัด ทั้งๆที่ควรจะลงในตัวอำเภอ ผมคิดไว้ว่าจะให้เงินเธอติดตัวไว้ใช้อยู่ต่างจังหวัดประมาณ 5,000 แต่ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเธอต้องทำแสบกะผมอีกแน่ๆ เลยแกล้งลืมเงินไว้ที่บ้าน และให้ไปแค่ 2,000 ตอนที่ผมไปส่ง แล้วสิ่งที่ผมคิดได้ก็เกิดขึ้นจริงๆครับ
เธอหลอกผมโดยเดินทางไปลงรถที่จังหวัดอยุธยา และให้ผู้ชายอีกคนของเธอมารับเธอไป และปิดทุกช่องทางการติดต่อผมเหมือนเดิม ซึ่งในครั้งนี้ผมเตรียมพร้อมโดนมาแล้ว จึงไม่รู้สึกอะไร และครั้งนี้ผมขอตัดขาดเธอจริงๆสักที ครั้งนี้ที่เธอไปจากผม ผมมีความสุขมากที่ผมหลุดพ้นจากชีวิตบัดซบนี้สักที หลังจากที่โดนหลอกมาถึง 5-6 ครั้ง ผมนอนใช้ชีวิตที่บ้านอย่างมีความสุขในเช้าวันถัดไปจนกระทั่ง...
ตอนเที่ยงๆเธอฝากน้องสาวเธอมาทวงรถที่ผมซื้อไว้ให้เธอ โดยอ้างเหตุผลว่าผมซื้อไว้ในชื่อของเธอ (ทั้งๆที่ผมใช้เงินทุกบาทของผมซื้อมา) ผมตะลึงงึงงันกับความหน้าด้านหน้าทนและความเลวของเธอมาก ที่เธอยังกล้าให้น้องสาวของเธอติดต่อมาหาผมเพื่อทวงของอีก ผมปฏิเสธไป คิดว่าเรื่องจะจบ เธอก็ยังคงโทรเข้ามาหาผม ผมจึงปฏิเสธสายเธอไปและติดต่อสอบถามทนายถึงเรื่องนี้ ทนายบอกว่าผมสามารถเอาเอกสารที่ผมมีขอใช้สิทธิเอาเงินคืนก่อนส่งมอบรถกลับให้เธอได้ ผมจึงสบายใจและไม่สนใจเรื่องนี้อีก
เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้ผมได้รับรู้เลยว่า คนที่เลวที่สุดที่ผมพบเจอมาในชีวิตนี้ ยังไม่เลวเท่ากับที่ผมได้พบเจอมาจากเธอเลย และอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่าคือ ทุกครั้งที่มีอะไรกัน เธอคิดเงินผมด้วยนะครับ ซึ่งผมก็ให้ทุกครั้ง ตอนนี้ด้านมืดและด้านสว่างของผมในหัวตีกันไปหมดว่าผมควรปล่อยวาง และส่งเงินให้แม่ของเธอเพื่อดูแลลูกของเธอทุกๆเดือน หรือจะปล่อยเธอไปให้พ้นๆโดยไม่รับผิดชอบอะไรอีก และสิ่งที่ผมงงที่สุดสิ่งที่สองคือ ผู้ชายคนนั้นรับสภาพได้ไงที่สามารถคบกับเธอต่อได้โดยที่เธอยังคงมีอะไรกับผมทุกวันก่อนหน้านั้น และยังมีลูกในท้องของผมติดอยู่ในตัวเธออีกต่างหาก
ปล.ผมเลิกรักเธอตั้งแต่โดนหลอกครั้งที่สองนะครับ หลังจากนั้นแค่ต้องการดูแลลูก อย่าหาว่าผมเป็นคนไม่ฉลาดนะครับ เพราะตอนนี้ผมออกมาจากชีวิตของเธอเต็มตัวแล้ว
อีกเรื่องคือมีคนสอบถามเรื่องผู้ชายของเธอว่ามีกี่คน เธอคบซ้อนระหว่างผมและผู้ชายอีกคนที่เธอบอกผมว่าเป็นแฟนเก่าครับ แค่ 2 คน
เคยมีใครเจอหนักเท่าผมบ้างไหมครับ ขอสอบถามหน่อย
Update ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ก.ย. มันมาพร้อมแฟน และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจมา 2 คน มาที่หน้าบ้านผม อ้างการมีสิทธิ์ในตัวรถยนต์ที่เป็นชื่อของมัน(แต่เงินผมจ่าย) และขอให้พ่อของผมซึ่งตอนนั้นอยู่บ้านคนเดียวส่งมอบกุญแจรถให้ ซึ่งพ่อผมได้ส่งมอบรถให้มันไปแล้วครับ โชคไม่ดีที่ผมไม่ได้อยู่ที่บ้านเพราะผมไปทำงานจึงทำอะไรไม่ได้เลย
และในคืนเดียวกันมีการติดต่อพูดคุยระหว่างผมและแฟนของมันครับ ผมบอกให้มันอย่ามายุ่งกับครอบครัวผมและคุณพ่อของผมอีก ส่วนฝ่ายนั้นบอกผมว่าให้ผมเลิกยุ่งกับฝ่ายหญิงซะ ผมรังเกียจขนาดนี้ผมคงจะยุ่งหรอกครับ 555
ก่อนการจบการสนทนา ผมได้รับทราบมาว่าผู้หญิงก็หลอกฝ่ายชายฝั่งนั้นเช่นกันว่าเป็นลูกของเขา เนื่องจากเขาบอกกับผมในการสนทนาว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขา ผมล่ะขำก๊ากอยู่ในใจ (เอ็งก็โดนมันหลอกเหมือนกันนี่หว่า555) แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ไม่ทักท้วงอะไร ปล่อยให้มันหน้ามืดตามัวต่อไป ก่อนวางผมก็ถามอีกคำถามว่าเขารับได้เหรอ ที่ผมมีอะไรกันมาเป็นเดือนๆ แล้วมาอยู่กับคุณต่อ เขาบอกรับได้ ก็ตามนั้นครับ ขอส่งมอบผู้หญิงคนนี้ให้กับชายผู้ใจกว้างขวางดุจแม่น้ำต่อไปครับ
และมีหลังไมค์มาค่อนข้างเยอะถึงโปรไฟล์ผู้ชายอีกคนของเธอครับ ผมจะไม่ให้ข้อมูลอะไรมากนอกจากว่า ผู้ชายคนนี้ที่เธอหนีไปอยู่ด้วย มีภรรยาแล้ว มีลูกด้วยกันแล้วอีก 3 คนครับ ถ้าว่ากันตามตรงเธอก็อยู่ในสถานะเมียน้อยครับตอนนี้