โดนบังคับคดี จากสัญญาประนีประนอมยอมความ

เรื่องเดิมคือ ได้ทำสัญญาเช่าตึกในที่ดินวัด แล้วเอาออกเช่าช่วงต่อ โดยที่วัดไม่ทราบและในสัญญาไม่ได้ระบุว่ายอมให้ผู้เช่าออกเช่าช่วงได้
ต่อมาสัญญาเช่าครบกำหนด ผู้ให้เช่ายกเลิกสัญญา โดยอ้างเรื่องเช่าช่วง  แต่ก่อนหน้านั้นหลายเดือน ผู้ให้เช่า(ไวยาวัจกร ทำการแทนเจ้าอาวาส) ได้
ส่งหนังสือมายังผู้เช่าว่าจะต่อสัญญาเช่า และขอเก็บเงิน โดยผู้เช่าได้จ่ายเงินไปแล้ว และได้ใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐาน
  ต่อมา เมื่อขึ้นศาล ได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยสัญญาระบุว่า ให้จำเลย มาทำสัญญาเช่ากับโจทก์(วัด) ภายใน7 วันนับแต่วันทำสัญญานี้ ถ้าไม่ทำให้บังคับตามฟ้องเดิม
โดยวันต่อมา จำเลย ก็โทรไปหาไวยวัจจกร เพื่อนัดวันทำสัญญา แต่ ทางไวยาวัจจกรให้จำเลยโทรคุยกับลูกน้องของไวยาวัจจกร และได้ตอบจำเลยบ่ายเบี่ยงว่าไม่ว่าง จนครบกำหนด7 วัน

   โดยทางจำเลยรอต่ออีก 7วัน จึงไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ ว่า ได้ติดต่อผู้ให้เช่าแล้ว แต่ถูกบ่ายเบี่ยง
    และต่อมาอีก2 เดือน จำเลยได้รับหมายบังคับคดี
   เรียนถามว่า เรื่องนี้สามารถทำอย่างไรได้บ้าง จำเลยเป็นผู้สูงอายุ(78ปี) และไม่รู้ขั้นตอน ตอนนี้ไม่ต้องการเช่าตึกนั้นแล้ว แต่กลัวต้องจ่ายค่าเสียหายตามที่โจทก์เรียกร้อง(ตามฟ้องดิม)
และตอนนี้ได้ไปขอพบโจทก์เพื่อบอกคืนตึก แต่ไวยาวัจจกร ก็ไม่ยอมให้พบ
  จำเลยได้ไปขอคำแนะนำจากทนายอาสา ที่ศาล โดยทนายบอกให้ศาลยื่นไต่สวนฉุกเฉินได้
  เรียนถามว่า เรื่องนี้ควรทำอย่างไรต่อ จำเลยกังวลกับเรื่องค่าเสียหายมาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่