เล่าให้ฟังครับ สัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา ตั้งแต่ขั้นตอนเดินทางจนไปถึงหน้าสถานทูต จนเข้าไปสัมภาษณ์คุณต้องเจออะไรบ้าง

เป็นข้อมูล ณ. กันยายน 2561 ครับ
กระทู้นี้จะไม่เน้นเรื่องเอกสารละกันนะครับ เพราะมีเพื่อนๆในพันทิป เขียนไว้ค่อนข้างเยอะแล้ว  แต่วันนี้จะขอเล่าบรรยากาศ ในช่วงเวลาที่ก่อนไปถึงบวกกับการเตรียมตัวตอนที่เพื่อนๆ เดินไปถึงหน้าสถานทูต ละกันครับ   หลายคน (รวมถึง จขกท. เอง) อาจมีความตื่นเต้นไม่น้อย นอนหลับๆตื่นๆ กังวลไปหมดว่า ไปถึงแล้วต้องไปที่ไหนยังไง มีเจ้าหน้าที่อะไร ยังไงบ้าง สารพัดจะจิ้นมโนกันไป  เอาเป็นว่า ขอเล่าให้ฟังละกันครับว่าบรรยากาศ บวกกับ สิ่งที่เป็นจริงๆนั้นเป็นอย่างไร จะได้ไม่ต้องกังวลกันมากเกินไป  หรือ…. ถ้าไม่ตระหนักในเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ ก็จะได้เตรียมตัวกัน  เนื่องจากเป็นกระทู้ของผมเอง  ผมขออนุญาตแบ่งด่าน เป็น 5 ด่าน  และตั้งชื่อด่านของผมเอง  ดังนี้    

A)    ด่านเสาส้ม   (เดี๋ยวจะรู้ทำไมผมเรียกเสาส้ม)
B)    ด่านบันได รปภ.
C)    ด่านห้องฝากของ
D)    ด่านนั่งรอ
E)    ด่านห้องเย็น


1).  เริ่มเลย …… เอาตั้งแต่การเดินทางเลยครับ   เดินทางมา สะดวกๆหน่อย ก็รถไฟฟ้าเลยครับ  ลงสถานีเพลินจิต  แล้วออกที่  Exit 2 ครับ  จากนั้นก็ ซ้ายตลอดๆ ครับ  ซ้ายอย่างเดียว เดินเข้าถนนวิทยุ   // ดูตามแผนที่ข้างล่างก็ได้ครับ  ออกจาก Exit 2 จากสถานีเพลินจิต  ก็เดินเข้า ตึก Park Venture ก็ได้ครับ ที่อยู่ซ้ายมือติดสะพาน BTS นั่นแหละครับ  เดินเข้าตึกลงบันไดเลื่อนลงมา หรือ ออกจาก BTS Exit 2 แล้วจะลงมาที่ถนนก็ได้ ไม่ต่างกัน   เดินเลียบถนนวิทยุที่อยู่ทางซ้ายมือ ก็ไปเลาะฟุตบาต ไปเรื่อยๆครับ  ก็น่าจะราวๆ  15 นาทีครับ เดินแบบไม่ต้องรีบอะไรมาก   เชื่อไหมครับ ระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตรที่คุณเดินไปกว่าจะถึง “ดาวแดงๆ”  สถานทูตอเมริกา   คุณจะไม่เหนื่อยเลยครับ  เพราะคุณจะตื่นเต้นมากกว่าเหนื่อย ^^’




2).  ด่านเสาส้ม :
เดินมาเรื่อยๆ  จะมาถึงหน้าสถานทูต หน้าตาก็เป็นดัง รูปด้านล่าง ผมเอามาจาก Google Map ครับ ซึ่งทุกท่านสามารถหารูปนี้ได้ทั่วไปนะครับ จาก Google  ก็หาเจอ   ไปถึง  ---- > ก็เข้าแถวรอตรงเสาส้มๆ นั่นแหละครับ  จะมีคนยืนรอเป็นแถวงูกินหางอยู่  และจะมีเจ้าหน้าที่ มาเชคที่เสาส้มก่อนว่า เวลาสัมภาษณ์ของคุณ ควรจะให้เข้าไปได้หรือยัง  แนะนำให้ไปเข้าแถวก่อนเวลาสัมภาษณ์ สัก 15-20 นาทีก็พอครับ




Ref: www.google.com/maps/



3)   เมื่อเจ้าหน้าที่  ด่านเสาส้ม เค้าโอเคอนุญาตที่จะให้คุณได้ไปต่อ  เค้าจะให้ ‘คลิปหนีบกระดาษสีดำ’ มาหนีบ พาสปอร์ตคุณไว้  คลิปสีดำอันนี้ ----- >  รักษายิ่งชีพนะครับ  !!!!   ห้ามหาย !!!!    ที่ก้นของคลิปหนีบกระดาษจะระบุเวลาสัมภาษณ์ของคุณไว้  มันคือเวลาที่คุณจองมาสัมภาษณ์นั่นแหละครับ  ( เดี๋ยวนะ …. นี่ผมจำเป็นต้องเอารูปคลิปหนีบกระดาษสีดำมาให้ดูด้วยเหรอเนี่ยะ)   ผมสัมภาษณ์ 7:15 น.  ครับ




3)    ด่านบันได รปภ:
จาก ด่านเสาส้ม ที่ฟุตบาท  หากคุณได้รับอนุญาต ให้ไปต่อ  คุณจะได้เดินขึ้นบันไดไปครับ  ไปด่านรักษาความปลอดภัยครับ  จะมีเจ้าหน้าที่ รปภ.  5 6 7 คนเลยหละครับ  คอยลำเลียงคุณเข้าประตู  ย้ำอีกที   สิ่งของที่ฝากได้ คือ มือถือที่ปิดตาย 1 เครื่องเท่านั้นครับ   ย้ำครับว่า ---- > จะมาตั้งเป็น mode เรือบิน  mode สั่น  mode ไม่มีเสียงอะไร ไม่ได้นะครับ  power off อย่างเดียวนาจา  เจ้าหน้าที่เค้าจะย้ำพอสมควรเรื่องปิดโทรศัพท์  เราก็ควรปฏิบัติตามครับ  

4). ด่านห้องฝากของ :
กระเป๋าใบใหญ่ เป้  ไม่รับฝากครับ   ส่วนกระเป๋าเงิน ที่ใส่กระเป๋ากางเกงได้   เอาเข้าไปได้   // อ้อ วันที่ผมไป สัปดาห์นั้นเป็นช่วงฝนตกครับ (แต่โชคดีเช้านั้นไม่ตก)  แต่ผมก็พกร่มพับคันเล็กๆไป   เจ้าหน้าที่ก็อนุโลมรับฝากอยู่ครับ   (แต่ผมก็คิดอยู่นะว่า ไม่รับฝากผมก็ทิ้งแหละ 100 กว่าบาท)  ผมว่าเจ้าหน้าที่เค้าก็ดูตามความจำเป็นครับ  มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่รับฝาก  อันนี้ผมไม่ได้การันตีบอกว่า --- > เขาจะรับฝากร่มนะครับ   ผมแค่แจ้งว่า  “กรณีของผม” เขาอนุโลมรับฝาก   ครับ  เพราะนึกเล่นๆ ว่าถ้าฝนเทลงมา มันจะดูไม่จืดเลยหละ ….. ขั้นตอนสุดท้าย เวลาฝากของเค้าจะขอบัตรประชาชนไปด้วยครับ  แล้วเค้าจะให้กุญแจมา เป็นสายเกลียวๆ   คุณก็คล้องแขนไว้เลยครับ  (ผมก็เห็น แทบจะทุกคนก็พากัน เอาสายนั้นคล้องแขนกัน โดยมิได้นัดหมาย)   จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการเดินผ่าน เครื่อง ตรวจโลหะ  ก่อนเข้าไปในสถานทูต

4).  มาถึงตรงนี้  ขอพูดเรื่องการแต่งกายเลยละกัน  ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องเดินผ่านเครื่องตรวจโลหะ  ผมแนะนำ แต่งตัวสุภาพ ปกตินี่และครับ ไม่ต้องเวอร์วังอะไรมากมาย  ผมเอง เข็มขัดก็ยังไม่ใส่ด้วยซ้ำไป  เพราะเป็นโลหะขี้เกียจถอดเข้าออก    // ตัวผมเอง ใส่เชิ้ตแขนยาวสีเข้ม  พับแขนมาที่ข้อศอกด้วยซ้ำไป  กางเกงก็เป็นกางเกงขายาวสีเข้ม  แถมชายเสื้อของผมก็ยัง ไม่เอาใส่เข้าข้างในกางเกงด้วยซ้ำ เพราะมันอึดอัดครับ  เข็มขัดก็ไม่ได้ใส่ไป  แต่รวมๆก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดครับ อยู่ในวิสัยสุภาพอยู่ครับ  //  สูท เนคไท  หรือ แจ๊คเกตอะไรแบบนั้นไม่ต้องจัดหรอกครับ บ้านเรามันร้อน (คือใส่ไปเขาก็ไม่ได้ว่าคุณหรอกครับ  แต่ถ้าคุณคิดว่า ใส่ไปแล้วมันเพิ่มความมั่นใจ ก็จัดเลยครับ)   เพราะแท้จริงแล้ว มันมีอะไรอย่างอื่นที่สำคัญกว่ามากๆ ในการที่เค้าจะพิจารณาให้วีซ่าคุณ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า การแต่งกายสุภาพ  ก็ทำให้เจริญหู เจริญตา  บ่งบอกความคิดความอ่านผู้แต่งกาย ในเบื้องต้นได้ ระดับหนึ่งครับ


5). ด่านนั่งรอ :

หลังจากเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัย ปล่อยให้คุณเข้ามา คุณก็มานั่งรอครับในอาคาร  จะมีเป็นเก้าอี้พลาสติก เรียงเป็นแถวๆเหมือนที่คุณนั่งรอกลับบ้านที่หมอชิตนั่นแหละครับ  (มันเหมือนจริงๆ  บอกแบบนี้ได้ เพราะผมก็ไปนั่งรอรถกลับบ้านที่หมอชิตประจำๆจ้า   )    นั่งรอไปครับ  อ้อ ตรงด่านนั่งรอที่หมอชิตนี้  มีห้องน้ำนะครับ  มีแค่ สองห้อง  ไม่แยก ชาย หญิงครับ   ต่อแถวรอใช้ได้เลย  // นั่งรอไป สักพักจะมีเจ้าหน้าที่  ประกาศออกไมโครโฟนเรียกเป็นรอบๆ  ไปครับ ให้คุณไปเข้าแถวอีกครั้ง ที่ซุ้มห้องเจ้าหน้ที่อีกที   เรียกเป็นรอบๆ  ถามว่ารอบไหนบ้าง  จงกำ คลิปหนีปกระดาษสีดำคุณไว้กับตัว  รักษายิ่งชีพ  ----- > ที่ก้นคลิปหนีบกระดาษสีดำจะเขียนเวลาไว้ ซึ่งมันก็คือเวลาที่คุณจองไปนั่นแหละครับ  คลิปสีดำอันนี้  อย่าให้หายเชียว  //  พอเขาเรียกรอบของคุณ  คุณก็เอาต่อแถว  เพื่อยื่น passport ของคุณ  และคลิปสีดำอันนี้ของคุณ ให้คุณเจ้าหน้าที่  

6).  พอเจ้าหน้าที่เรียกรอบของคุณ  คุณก็ไปเข้าแถวเอา passport ไปยื่นเจ้าหน้าที่    คุณเจ้าหน้าที่จะให้ เป็น กระดาษ บาร์โคดมา เค้าจะเอากระดาษ บาร์โคดนี้ แปะเทปกาว แล้วแปะไว้ที่หน้า passport ของเรา  ย้ำ !!!   --- > จงอย่าขีดเขียนอะไร บนกระดาษ บาร์โคดนี้ นะครับ  มองได้อย่างเดียว  (จะฮาไปไหน)  

7).   ขั้นตอนนี้สำคัญนะ อ่านครับ !!!!    ให้คุณจดหมายเลขบาร์โคด ที่เจ้าหน้าที่ให้มา  เค้าจะช่วยขีดเส้นใต้ สีแดงไว้ให้   ให้คุณจดใส่กระดาษทดของตัวคุณเองครับที่คุณสามารถนำมันออกมาจากสถานทูตได้    มันจะเป็นหมายเลข tracking ของไปรษณีย์ไทย เพื่อใช้ตรวจสอบสถานะ passport ของคุณ  ตอนสถานทูตส่ง passport คืนมาให้ กรณีที่วีซ่าคุณอนุมัติ (แต่หากคุณไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่า  เค้าจะคืน passport คุณมาเลยตอนสัมภาษณ์เสร็จ คุณจะทราบเลยว่าคุณไม่ได้ไปต่อ  และอย่าได้เสียใจไป  ไปเที่ยวประเทศอื่นก็ได้ครับ)   // กลับมาที่ ตัวเลข บาร์โคด  ย้ำว่า จดไว้กับตัวนะครับ  ใส่กระดาษทดของคุณที่คุณสามารถเอาออกมาได้  จดใส่มือก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ ….  แล้วถ้าไม่อยากสับสนว่าคือ ตัวเลขไหนกันแน่  บนกระดาษ   จดมันมาทุกหมายเลข บนกระดาษ บาร์โคด นั่นแหละครับ  มีอยู่ 3 หมายเลข จดมาให้หมด  //

8).  เพิ่มเติมครับ  จริงๆ ขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ ยื่น passport กลับมาให้คุณพร้อม กระดาษ บาร์โคด   เจ้าหน้าที่จะบอกคุณแค่ว่า  ให้ไปอ่านคำแนะนำที่ป้ายครับ  เค้าจะไม่อธิบายแบบที่ผมอธิบายไว้ในข้อ 7). ครับ  …… ส่วนป้ายที่ว่า ก็เป็นขั้นตอนตามข้อ 7)  บวกกับ …. บวกกับ …..  คำชี้แจงที่ว่า ให้คุณเข้าไปในด่านห้องเย็น  ด่านต่อไป  //


9).  ด่านห้องเย็น  :
เรียกแบบนี้เพราะแอร์มันเย็นจับใจไปสุดขั้ว บวกกับความตื่นเต้น เข้าไปอีก เพิ่มเติม   คุณเดินเข้ามา คุณก็จะเจอ เจ้าหน้าที่ หน้าตายิ้มแย้มครับ คอยบริการอยู่  เจ้าหน้าที่จะคอยแนะนำให้คุณเข้าไปต่อแถวในห้องเย็น  เป็นแถวงูกินหางเหมือนเดิมครับ   ไปเรื่อยๆ จนคุณเป็นหัวแถว    ตรงนี้จะมี 2 ด่าน

10)   ด่านห้องเย็น #1 :
พอคุณอยู่หัวแถว เค้าจะเรียกคุณไป ….. ด่านนี้ เป็นชั้นแรก    ชั้นแรกจะเป็น เจ้าหน้าที่ คนไทย (เท่าที่ผมสังเกต)  ยังไม่เจาะลึกอะไรมาก  กล่าวคือ  เป็นเจ้าหน้าที่เชคเอกสารครั้งสุดท้าย  รูปเป็นอย่างไรที่โหลดเข้ามา  ถามทั่วๆไป  บางคนแม้จะไปด้วยกันทริปเดียวกัน  แต่หากไม่ใช่สามีภรรยา หรือ คนในครอบครัว  ก็แยกสัมภาษณ์นะครับ  //   เจ้าหน้าที่ เค้าจะบอกว่า หัวแถวเชิญค่ะ / ครับ  แล้วคุณค่อยเดินไป  //    เคสของผม  คุณเจ้าหน้าเรียกไป  แล้วบทสนทาก็เริ่มขึ้น

เจ้าหน้าที่  :  ยื่นพาสปอร์ตเข้ามาในช่องเลยค่ะ  ยื่นเข้ามาลึกๆค่ะ
จกท:   // ยื่นไป
เจ้าหน้าที่  : คุณได้วีซ่าครั้งที่แล้วเมื่อปีอะไรคะ  
จขกท :   ปี 2007  ครับ    
เจ้าหน้าที่ :   รูปที่โหลดมา ไม่ค่อยชัด  มีรูปมาไหม  
จขกท :  เอามาครับ
เจ้าหน้าที่ :   ถ่ายมากี่เดือนแล้ว
จขกท :  สองอาทิตย์ครับ     // พร้อมยื่นรูปให้ทางช่องเดิม
เจ้าหน้าที่ :     //  เอาไป scan ครับ  คือ  เรื่องรูป  ต้องบอกอย่างนี้นะ  เป็นวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่แต่ละท่านครับ   บางท่านก็ให้ไปถ่ายใหม่  ตรงนี้ อย่าตกใจไป   เค้ามีบริการถ่ายรูป ในห้องเย็นนี่แหละครับ  ตู้ถ่ายรูปก็  10 เมตรถัดไปเท่านั้นเอง ….. จงยิ้มสู้กล้อง   พร้อมจ่าย  160 บาท     แล้วกลับมาหา คุณเจ้าหน้าที่ท่านเดิม   ตรงนี้ เจ้าหน้าที่จะอธิบายคุณเอง   เคสของผม จนท. โอเคกับรูป เพียงแค่รับรูปที่ถ่ายมา ไป scan เฉยๆ ครับ
เจ้าหน้าที่ :     สี่นิ้ววางค่ะ ...    // สลับ ซ้าย ขวามเพื่อ scan ลายนิ้วมือ  แล้วจบด้วย นิ้วโป้ สองนิ้วพร้อมกัน
จขกท :   //  ปฏิบิตตาม…. อย่างตื่นเต้น
เจ้าหน้าที่ :   ไปต่อคิวด้านหน้านะคะ ….. ขอให้โชคดีค่ะ  // พร้อมยื่น passport และรูปคืนมาหลังเอารูปไป scan

จากนั้น  คุณก็ไปด่านห้องเย็น #2

11).  ด่านห้องเย็น #2 :
ตรงนี้แหละของจริง .... จะเป็นการสัมภาษณ์  จากเจ้าหน้าที่นักการทูตที่เป็นชาวอเมริกัน   เพื่อสัมภาษณ์เป็นด่านสุดท้าย  มี 3 ช่อง ,  3 ท่านครับ วันนั้น  แล้วแต่ว่า ดวงใคร จะเจอท่านไหน   // และเมื่อคุณไปยืนที่หัวแถว  และโดนเรียกไปก็  ------ >  ตัวใครตัวมันครับ !!!!   ^^   //   วันนั้น   มี 3 ท่าน เป็นเจ้าหน้าที่ฝรั่งผู้ชายคนหนึ่ง  // อีกท่านเป็นสุภาพสตรีช่องกลาง  //  ช่องสุดท้าย เป็นอเมริกันที่น่าจะมีเชื้อสายเอเชีย   //  บางคนโดนถามเยอะมาก  ถามถี่ยิบเลย  และย้ำนะครับ  การที่คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดี   ไม่ได้สัมพันธ์กับการอนุมัติครับ   ของผม เจอคุณเจ้าหน้าที่ที่เป็นฝรั่งผู้ชาย  บทสนทนาคือ

เจ้าหน้าที่  : Why do you want to go to USA ?
จขกท :  To see Broadway Musicals.
เจ้าหน้าที่  : Whom do you go with ?
จขกท : With a friend.
เจ้าหน้าที่ :  Khun. ณเดช (นามสมมติ)  …  four fingers, please     // เราก็วางทาบไป  พร้อมเตรียมตัวตอบคำถามต่อไป ….
เจ้าหน้าที่ :  Have a nice trip. !   // แล้วดึงเอา passport เราไปเก็บไว้ด้านหลัง
จขกท :  // เฮ้ยยย… เดี๋ยวสิ !! ….. เดี๋ยว !!!   แล้วเอกสารพะเรอเกวียน ที่ฉันเตรียมมานี่ล่ะ  เค้าไม่ดูอะไรเลยครับ ผมเดินงงๆออกมา แบบเฮ้ยยย จบแล้วเหรอ

บทสรุปด้านล่างครับ ....
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่