ลัทธิซานตา มัวร์เต (Santa Muerte) หรือ “นักบุญแห่งความตาย” ลัทธิเล็กๆ ที่มีจุดกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก เริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงปี 2010
ในฐานะลัทธิของกลุ่มอาชญากร ผู้ค้ายาเสพติด นักโทษในเรือนจำ พวกเขาเชื่อว่าเทพองค์นี้จะช่วยปกป้องจากอันตรายทั้งในโลกนี้และโลกหน้า หากผู้ที่นับถือใช้ชีวิตแบบเสี่ยงตายพระองค์ถึงจะช่วยพวกเขา
จึงไม่แปลกที่เหล่านักโทษจะเริ่มหันมานับถือลัทธินี้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้รับการรับรองจากคริสตจักร เพราะถือเป็นลัทธิเทียมเท็จ มีคำสอนที่ผิดเพี้ยน และมันคือการสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของสังคมในรูปแบบหนึ่ง
ในหลายประเทศนั้นมีชื่อเรียกกันต่างออกไปในประเทศอังกฤษเรียกว่าลัทธินี้ว่า “
Sacred Death” หรือ “
ศาสนาแห่งความตาย” โดยยึดถือนักบุญหญิงองค์หนึ่ง เป็นดั่งเทพที่ช่วยปกป้องอันตรายทั้งปวงกับพวกเขา หลังจากนั้นชาวเม็กซิกันจึงเริ่มหันมาเข้าลัทธิแห่งนี้มากขึ้นในเวลาอันรวดเร็วไม่เพียงแต่เริ่มเป็นที่รู้จักกันในหมู่อาชญากรและประชาชนเท่านั้น กลุ่ม LGBT ในประเทศเม็กซิโกก็ยังนับถือซานตามัวร์เต้เป็นผู้พิทักษ์ของพวกเขาด้วย
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า ซานตา มัวร์เต มีต้นกำเนิดจากทวีปยุโรป และแผ่ขยายไปยังโลกใหม่พร้อมกับการรุกรานของสเปน ย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 18 คริสตจักรคาทอลิกลงมติให้ทำลายแท่นบูชาและไม่รับรองให้ ”ซานตา มัวร์เต” เป็นนักบุญ ช่วงทศวรรษที่ 1980
กลุ่มมาเฟีย ผู้ค้ายาเสพติด และกลุ่มอาชญากรรมอื่นๆ หันมานับถือนักบุญแห่งความตาย
โดยเชื่อว่านักบุญซานตา มัวร์เต นั้นสามารถคุ้มครองให้ผู้คนรอดพ้นจากความตายได้ แต่จะเลือกให้พรเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตท้าทายความตายเท่านั้น
อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าลัทธิแห่งนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก
วัฒนธรรมชาวแอซเท็ก ซึ่งเคยปกครองดินแดนเม็กซิโกในอดีตซึ่งมีประเพณีบูชาโครงกระดูก ลัทธิซานตา มัวร์เต จะนำโครงกระดูกเพศหญิงมาเพื่อเป็นตัวแทนของนักบุญพร้อมประดับด้วยเครื่องแต่งกายสีสันสดใสมีงานเฉลิมฉลองในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
พิธีบูชานักบุญแห่งความตาย
แต่ที่เรื่องราวที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับลัทธิแห่งนี้เริ่มจากอาชญากรรายใหญ่ในเม็กซิโกถูกจับและพบว่ามีส่วนพัวพันกับการลักพาตัวหญิงสาว 8 รายและฆาตกรรมเด็กวัย 10 ขวบ 2 ราย โดยให้เหตุผลว่าทำไปเพื่อบูชายัญนักบุญซานตามัวร์เต
พิธีบูชานักบุญแห่งความตายถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในปี 2001 เมื่อหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Dona Queta. ได้นำโครงกระดูกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญแห่งความตายออกมาเดินแห่บนท้องถนนในเม็กซิโก
Dona Queta
ศูนย์กลางการนับถือนักบุญแห่งความตายนั้นอยู่ใน
ย่าน Tepito. ซึ่งถือเป็นย่านฉาวโฉ่ของอาชญากรรมประเภทต่างๆ
ขณะที่อาชญากรทั่วไปขอพรให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการลักลอบขนโคเคน ผู้คนทั่วไปขอพรเรื่องความรัก เงิน สุขภาพ และอื่นๆทั่วไป
ปัจจุบันลัทธิที่นับถือซานตามัวร์เต ได้แพร่ขยายไปยังประเทศต่างๆ ในแถบลาตินอเมริกาและในอเมริกากลาง
มีผู้ที่หันมานับถือสูงขึ้นเป็นล้านๆ คนในเวลาอันรวดเร็ว รูปแบบนักบุญในร่างโครงกระดูกของซานตามัวร์เตกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปทั้งในร้านขายของฝาก บ้านเรือนผู้คน ตามท้องถนน แม้คริสตจักรคาทอลิกจำนวนมากจะต่างไม่เห็นชอบในการเกิดขึ้นของลัทธิแห่งความตายนี้ แต่ลัทธิซานตามัวร์เต้ก็ยังคงเป็นที่รู้จักและมีผู้ที่หันมานับถือเพิ่มจำนวนขึ้นมาโดยตลอดทั้งในเม็กซิโกและต่างประเทศ
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เห็นความแตกต่างทางความเชื่อของคนหลากหลาย ต่างพื้นเพ ที่มา ไม่ได้นิยมชมชอบ "ความรุนแรงและอาชญากรรมในทุกรูปแบบ"
นักวิชาการเรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า "
ความเชื่อแบบคาทอลิกพื้นบ้าน"
คาทอลิกพื้นบ้าน (Folk Catholicism) เป็นศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกรูปแบบหนึ่งที่พบได้ในกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่นับถือนิกายนี้ทั่วโลก
โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แม้ศาสนิกชนจะนิยามตนเองว่าเป็นคริสตัง
แต่ทว่าการประพฤติปฏิบัติหรือถือธรรมเนียมบางประการขัดแย้งกับหลักคำสอนหรือธรรมเนียมปฏิบัติของนิกายโรมันคาทอลิกสายหลัก
คริสตังเหล่านี้จะมีการผสานความเชื่อกับหลักปฏิบัตินอกธรรมเนียมคาทอลิก โดยมีการบูชานักบุญร่วมกับเทพเจ้านอกศาสนาคริสต์ที่บางส่วนได้แยกออกไปเป็นลัทธิต่างหาก อาทิ
วูดูของเฮติ, ซันเตรีอาของคิวบา และกาดอมเบลของบราซิล ซึ่งทั้งสามลัทธินี้เป็นสานผสานความเชื่อระหว่างคาทอลิกกับศาสนาพื้นเมืองของชาวแอฟริกันตะวันตก นอกจากนี้ยังมีการผสานความเชื่อแบบคาทอลิกเข้ากับศาสนาดั้งเดิมของชาวอเมริกันพื้นเมือง อาทิ
ชาวมายาในกัวเตมาลา และชาวเกชัวในเปรู พวกเขายืนยันว่าพวกเขาเป็นคริสตชนที่ดี แม้ว่าจะบูชาเทพเจ้านอกคริสต์ศาสนาไปด้วยก็ตาม
ในประเทศญี่ปุ่น มีคริสต์ศาสนิกชนที่ตกทอดมาแต่ยุคเอะโดะอาศัยอยู่ในประเทศอย่างหลบซ่อน เรียกว่า
คะกุเระคิริชิตัง (ญี่ปุ่น: 隠れキリシタン) หรือ
คริสตังลับ พวกเขามีการ
ผสานความเชื่อคาทอลิกเข้ากับพุทธ, ชินโต และการบูชาบรรพบุรุษ ซึ่งปัจจุบันแม้ญี่ปุ่นจะให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาแล้ว แต่ยังมีคริสตชนบางส่วนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับศาสนจักรคาทอลิกเพราะยังยึดถือศาสนาในแนวทางนี้ จึงถูกเรียกว่า
ฮะนะเระคิริชิตัง (離れキリシタン) หรือ
คริสตังแปลกแยก
ในประเทศไทย คริสตังไทยสามารถลอยกระทงได้โดยไม่ถือว่าผิดหลักศาสนา แต่เปลี่ยนจากการอธิษฐานถึงพระแม่คงคา ไปเป็นอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าที่ประทานน้ำแก่มนุษย์แทน ส่วนคริสตังไทยเชื้อสายจีนสามารถไหว้บรรพบุรุษในประเพณีไหว้เจ้าได้ เพราะเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพชนผู้ล่วงลับ
นอกจากนี้มีชุมชนกะเหรี่ยงแห่งหนึ่งหนึ่งบูชาไม้กางเขนคล้องสายประคำที่ปักริมท้องนา เบื้องหน้าจัดโต๊ะบูชาสังเวยเครื่องเซ่นเพื่อให้พระเจ้าอวยพรสำหรับการเพาะปลูก อันแสดงให้เห็นถึงการผสานความเชื่อระหว่างคาทอลิกกับศาสนาผีซึ่งแต่เดิมจะบูชาโพสพแต่ที่นี้ได้เปลี่ยนไปบูชาพระเจ้าแทน
ที่มา : -
https://www.spokedark.tv/posts/santa-muerte/,
http://www.flagfrog.com/santa-muerte/,
https://th.wikipedia.org/wiki/คาทอลิกแบบพื้นบ้าน
[CR] "ซานตา มัวร์เต" เทพแห่งความตาย
ในฐานะลัทธิของกลุ่มอาชญากร ผู้ค้ายาเสพติด นักโทษในเรือนจำ พวกเขาเชื่อว่าเทพองค์นี้จะช่วยปกป้องจากอันตรายทั้งในโลกนี้และโลกหน้า หากผู้ที่นับถือใช้ชีวิตแบบเสี่ยงตายพระองค์ถึงจะช่วยพวกเขา
จึงไม่แปลกที่เหล่านักโทษจะเริ่มหันมานับถือลัทธินี้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้รับการรับรองจากคริสตจักร เพราะถือเป็นลัทธิเทียมเท็จ มีคำสอนที่ผิดเพี้ยน และมันคือการสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของสังคมในรูปแบบหนึ่ง
ในหลายประเทศนั้นมีชื่อเรียกกันต่างออกไปในประเทศอังกฤษเรียกว่าลัทธินี้ว่า “Sacred Death” หรือ “ศาสนาแห่งความตาย” โดยยึดถือนักบุญหญิงองค์หนึ่ง เป็นดั่งเทพที่ช่วยปกป้องอันตรายทั้งปวงกับพวกเขา หลังจากนั้นชาวเม็กซิกันจึงเริ่มหันมาเข้าลัทธิแห่งนี้มากขึ้นในเวลาอันรวดเร็วไม่เพียงแต่เริ่มเป็นที่รู้จักกันในหมู่อาชญากรและประชาชนเท่านั้น กลุ่ม LGBT ในประเทศเม็กซิโกก็ยังนับถือซานตามัวร์เต้เป็นผู้พิทักษ์ของพวกเขาด้วย
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า ซานตา มัวร์เต มีต้นกำเนิดจากทวีปยุโรป และแผ่ขยายไปยังโลกใหม่พร้อมกับการรุกรานของสเปน ย้อนกลับไปในสมัยศตวรรษที่ 18 คริสตจักรคาทอลิกลงมติให้ทำลายแท่นบูชาและไม่รับรองให้ ”ซานตา มัวร์เต” เป็นนักบุญ ช่วงทศวรรษที่ 1980
กลุ่มมาเฟีย ผู้ค้ายาเสพติด และกลุ่มอาชญากรรมอื่นๆ หันมานับถือนักบุญแห่งความตาย
โดยเชื่อว่านักบุญซานตา มัวร์เต นั้นสามารถคุ้มครองให้ผู้คนรอดพ้นจากความตายได้ แต่จะเลือกให้พรเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตท้าทายความตายเท่านั้น
อีกทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าลัทธิแห่งนี้ได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมชาวแอซเท็ก ซึ่งเคยปกครองดินแดนเม็กซิโกในอดีตซึ่งมีประเพณีบูชาโครงกระดูก ลัทธิซานตา มัวร์เต จะนำโครงกระดูกเพศหญิงมาเพื่อเป็นตัวแทนของนักบุญพร้อมประดับด้วยเครื่องแต่งกายสีสันสดใสมีงานเฉลิมฉลองในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
แต่ที่เรื่องราวที่ถูกพูดถึงเกี่ยวกับลัทธิแห่งนี้เริ่มจากอาชญากรรายใหญ่ในเม็กซิโกถูกจับและพบว่ามีส่วนพัวพันกับการลักพาตัวหญิงสาว 8 รายและฆาตกรรมเด็กวัย 10 ขวบ 2 ราย โดยให้เหตุผลว่าทำไปเพื่อบูชายัญนักบุญซานตามัวร์เต
พิธีบูชานักบุญแห่งความตายถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ในปี 2001 เมื่อหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Dona Queta. ได้นำโครงกระดูกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักบุญแห่งความตายออกมาเดินแห่บนท้องถนนในเม็กซิโก
ศูนย์กลางการนับถือนักบุญแห่งความตายนั้นอยู่ในย่าน Tepito. ซึ่งถือเป็นย่านฉาวโฉ่ของอาชญากรรมประเภทต่างๆ
ขณะที่อาชญากรทั่วไปขอพรให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการลักลอบขนโคเคน ผู้คนทั่วไปขอพรเรื่องความรัก เงิน สุขภาพ และอื่นๆทั่วไป
ปัจจุบันลัทธิที่นับถือซานตามัวร์เต ได้แพร่ขยายไปยังประเทศต่างๆ ในแถบลาตินอเมริกาและในอเมริกากลาง มีผู้ที่หันมานับถือสูงขึ้นเป็นล้านๆ คนในเวลาอันรวดเร็ว รูปแบบนักบุญในร่างโครงกระดูกของซานตามัวร์เตกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปทั้งในร้านขายของฝาก บ้านเรือนผู้คน ตามท้องถนน แม้คริสตจักรคาทอลิกจำนวนมากจะต่างไม่เห็นชอบในการเกิดขึ้นของลัทธิแห่งความตายนี้ แต่ลัทธิซานตามัวร์เต้ก็ยังคงเป็นที่รู้จักและมีผู้ที่หันมานับถือเพิ่มจำนวนขึ้นมาโดยตลอดทั้งในเม็กซิโกและต่างประเทศ
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อให้เห็นความแตกต่างทางความเชื่อของคนหลากหลาย ต่างพื้นเพ ที่มา ไม่ได้นิยมชมชอบ "ความรุนแรงและอาชญากรรมในทุกรูปแบบ"
นักวิชาการเรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า "ความเชื่อแบบคาทอลิกพื้นบ้าน"
คาทอลิกพื้นบ้าน (Folk Catholicism) เป็นศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกรูปแบบหนึ่งที่พบได้ในกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่นับถือนิกายนี้ทั่วโลก
โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา แม้ศาสนิกชนจะนิยามตนเองว่าเป็นคริสตัง
แต่ทว่าการประพฤติปฏิบัติหรือถือธรรมเนียมบางประการขัดแย้งกับหลักคำสอนหรือธรรมเนียมปฏิบัติของนิกายโรมันคาทอลิกสายหลัก
คริสตังเหล่านี้จะมีการผสานความเชื่อกับหลักปฏิบัตินอกธรรมเนียมคาทอลิก โดยมีการบูชานักบุญร่วมกับเทพเจ้านอกศาสนาคริสต์ที่บางส่วนได้แยกออกไปเป็นลัทธิต่างหาก อาทิ วูดูของเฮติ, ซันเตรีอาของคิวบา และกาดอมเบลของบราซิล ซึ่งทั้งสามลัทธินี้เป็นสานผสานความเชื่อระหว่างคาทอลิกกับศาสนาพื้นเมืองของชาวแอฟริกันตะวันตก นอกจากนี้ยังมีการผสานความเชื่อแบบคาทอลิกเข้ากับศาสนาดั้งเดิมของชาวอเมริกันพื้นเมือง อาทิ ชาวมายาในกัวเตมาลา และชาวเกชัวในเปรู พวกเขายืนยันว่าพวกเขาเป็นคริสตชนที่ดี แม้ว่าจะบูชาเทพเจ้านอกคริสต์ศาสนาไปด้วยก็ตาม
ในประเทศญี่ปุ่น มีคริสต์ศาสนิกชนที่ตกทอดมาแต่ยุคเอะโดะอาศัยอยู่ในประเทศอย่างหลบซ่อน เรียกว่าคะกุเระคิริชิตัง (ญี่ปุ่น: 隠れキリシタン) หรือคริสตังลับ พวกเขามีการผสานความเชื่อคาทอลิกเข้ากับพุทธ, ชินโต และการบูชาบรรพบุรุษ ซึ่งปัจจุบันแม้ญี่ปุ่นจะให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาแล้ว แต่ยังมีคริสตชนบางส่วนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับศาสนจักรคาทอลิกเพราะยังยึดถือศาสนาในแนวทางนี้ จึงถูกเรียกว่าฮะนะเระคิริชิตัง (離れキリシタン) หรือคริสตังแปลกแยก
ในประเทศไทย คริสตังไทยสามารถลอยกระทงได้โดยไม่ถือว่าผิดหลักศาสนา แต่เปลี่ยนจากการอธิษฐานถึงพระแม่คงคา ไปเป็นอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าที่ประทานน้ำแก่มนุษย์แทน ส่วนคริสตังไทยเชื้อสายจีนสามารถไหว้บรรพบุรุษในประเพณีไหว้เจ้าได้ เพราะเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพชนผู้ล่วงลับ
นอกจากนี้มีชุมชนกะเหรี่ยงแห่งหนึ่งหนึ่งบูชาไม้กางเขนคล้องสายประคำที่ปักริมท้องนา เบื้องหน้าจัดโต๊ะบูชาสังเวยเครื่องเซ่นเพื่อให้พระเจ้าอวยพรสำหรับการเพาะปลูก อันแสดงให้เห็นถึงการผสานความเชื่อระหว่างคาทอลิกกับศาสนาผีซึ่งแต่เดิมจะบูชาโพสพแต่ที่นี้ได้เปลี่ยนไปบูชาพระเจ้าแทน
ที่มา : - https://www.spokedark.tv/posts/santa-muerte/, http://www.flagfrog.com/santa-muerte/, https://th.wikipedia.org/wiki/คาทอลิกแบบพื้นบ้าน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้