วันนี้ผมพาทุกท่านมาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ไม่ใช่จะพาท่านมารักษาหรือเยี่ยมไข้ใดๆ แต่ผมจะพาท่านไปทำความรู้จักกับร้านหนังสือที่เอกลักษณ์ร้านหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ ร้านนี้เห็นชื่อร้านแล้วท่านอาจจะงงว่าอ่านว่าอย่างไร? ซึ่งคำว่า “คฤศตัง” นี้อ่านออกเสียงว่า คิด-สะ-ตัง ในความหมายที่ว่า “คริสตัง” นั้นเอง
ใช่แล้วครับร้าน “คฤศตัง” แห่งนี้เป็นร้านหนังสือที่ว่าด้วยความเป็นคริสต์ศาสนา คาทอลิก แต่ผมอยากจะบอกท่านว่าไม่ใช่แค่ร้านหนังสือที่จัดจำหน่ายเฉพาะพระคัมภีร์ในศาสนาคริสต์เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วในร้านหนังสือแห่งนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่แฝงอยู่
ร้านหนังสือที่แสดงความเป็นคริสตัง (ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก) อย่างแท้จริง
ผมมีโอกาสได้พบกับท่านบาทหลวงอนุชา ไชยเดช ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย ที่เป็นผู้ดำเนินการ “คฤศตัง” แห่งนี้ ท่านเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของร้านหนังสือแห่งนี้ว่า
“ร้านนี้เกิดจากแนวความคิดที่ว่า ถ้ามีคนต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องศาสนาคริสต์ เขาจะหาซื้อหนังสือได้จากที่ไหนบ้าง? แล้วเราก็พบว่าใน ปี ค.ศ. 1796 (พ.ศ. 2339) มีการจัดพิมพ์หนังสือคำสอนคริสตังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เราซาบซึ้งในการเผยแพร่หลักธรรมของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย ซึ่งหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เผยแพร่ทั่วไป แต่เผยแพร่ในวงจำกัดในหมู่มิชชันนารี (missionary) ที่เข้ามาสอนศาสนาในประเทศไทย”
ท่านบาทหลวงอนุชา ไชยเดช ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
คุณพ่ออนุชา เล่าให้ฟังต่อว่า
“เราจึงคิดจะทำร้านหนังสือขึ้นมา โดยตั้งชื่อร้านให้สอดคล้องกับเล่มนี้โดยตั้งชื่อร้าน “คริสตัง” ทับศัพท์มาจากคำว่า “คนที่นับถือคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก” โดยฟอนต์ของตัวหนังสือชื่อร้าน “คฤศตัง” นี้ เป็นลายมือของท่านคาดินัลองค์แรกของประเทศไทย ท่านชื่อว่าคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ที่ก่อตั้งก่อทุนสื่อสิ่งพิมพ์คาทอลิกสร้างสรรค์ โดยใช้คำว่า “คฤศตัง” ตามที่เห็นจากในหนังสือคำสอนเก่า”
“คำสอนของพระสันตะปาปา เป็นเรื่องหลักของสื่อคาทอลิกที่จะต้องทำ คือเมื่อพระสันตะปาปาออกพระสมณสาส์นหรือพระสมณลิขิตเตือนใจ ต่างๆ ออกมา เราก็จัดการแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็เผยแพร่ ซึ่งถือว่าทางร้านเราอาจจะเป็นร้านเดียวที่มีหนังสือคำสอนภาษาไทยที่เป็นพระสมณสาส์นต่างๆ เหล่านี้วางจำหน่าย
“หลายท่านที่สนใจเรื่องราวทางคริสตศาสนาแต่ว่าไปเสริช์หาข้อมูลทางกูเกิ้ลเอา ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้นอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลที่ถูกต้องก็ขอให้มาที่ร้านเราเลย เช่น อยากรู้จุดตั้งต้นจริงๆ ของคริสตศาสนา , อยากรู้เรื่องราวของแม่ชีเทเรซา , อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำสอนด้านงานสังคม ฯลฯ ก็เข้ามาพูดคุยสอบถามที่ร้านเราได้เลย”
ทำไมร้าน “คฤศตัง” ถึงขายหนังสือราคาถูกมาก?
ผมตั้งคำถามนี้ขึ้นมา หลังจากที่ผมได้เดินดูหนังสือดูในร้าน “คฤศตัง” สักพักใหญ่ ซึ่งผมพบว่าราคาขายของหนังสือทุกเล่มในร้านนี้ ถ้าเทียบจากขนาดของหนังสือ จำนวนหน้ากระดาษ และคุณภาพของรูปเล่มแล้ว จะพบว่าราคาถูกกว่าหนังสือที่ขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดมาก
ยกตัวอย่างเช่น หนังสือ “สาธุการ” หนังสือปกแข็งสีเลือดหมูเข้มเล่มใหญ่นี้ ผมลองหยิบขึ้นดูด้วยมือเดียวเกือบยกไม่ขึ้น เพราะหนังสือหนักมากเกือบจะ 5 กิโลได้ พิมพ์รูปเล่มอย่างดี ผมเปิดดูภายในเล่มปรากฎว่าเป็นหนังสือโน๊ตเพลงสำหรับบรรเลงในโบสถ์ทั้งหมด ดูแล้วน่าจะมีหลายร้อยเพลง หนังสือเล่มนี้ราคาแค่ 950 บาทเอง ผมคิดว่าถ้าเป็นหนังสือประเภทอื่นที่มีขนาดและคุณภาพใกล้เคียงกันน่าจะมีราคามากกว่า 2,000 บาทแน่ๆ
ส่วนหนังสือใหม่ล่าสุด ที่เป็นหนังสือแนะนำของร้านนี้ “สมณลิขิตเตือนใจ จงชื่นชมยินดีเถิด” เล่มนี้เป๋นหนังสือแปลจดหมายของพระสันตะปาปาฟรังซิส เกี่ยวกับการเรียกไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในโลกปัจจุบัน เล่มนี้ราคาขายแค่ 70 บาทเอง ผมคิดว่าสำหรับชาวคริสตังแล้วเล่มนี้น่าสนใจมาก
ผมลองสอบถามกับคุณพ่ออนุชา ว่าทำไมหนังสือแต่ละเล่มราคาขายถึงได้ถูกมาก? ซึ่งคุณพ่ออนุชาก็ให้ความกระจ่างแก่ผมว่า
“หนังสือที่ขายในร้าน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เราพิมพ์เอง มีหนังสือคำสอนต่างๆ มีพระคัมภีร์ต่างๆ มีสื่อวีดีทัศน์ต่างๆ , มีประวัตินักบุญ , ประวัติศาสนาทั่วไป , มีหนังสือจากสำนักพิมพ์คาทอลิกต่างๆ ส่วนหนังสือนักเขียนไทยที่มีชื่อเสียงหลายๆ ท่านที่เป็นคริสต์เราก็จะทยอยนำเอามาขายเช่น หนังสือของคุณปะการัง , คุณพิบูลศักดิ์ ละครพล , อุชเชนี ฯลฯ”
คุณพ่ออนุชายังกล่าวเสริมอีกว่า
“เราทำร้านหนังสือของเราเอง คือมีคนเคยถามเราว่า ทำไมไม่เอาหนังสือของเราไปวางขายในร้านหนังสือใหญ่ๆ ? ขอตอบว่าเราเคยพยายามทำแล้ว แต่สิ่งที่เราพบปัญหาสำคัญประการหนึ่งก็คือ การหักเปอร์เซ็นต์ของร้านหนังสือใหญ่ ที่เขาหักเปอร์เซ็นต์เราสูงมากถึง 60% ทำให้เราไม่สามารถขายหนังสือในราคาที่เหมาะสมได้ ดังนั้นเราจึงควรมีร้านขายหนังสือของเราเอง เพื่อเป็นการพิมพ์เองขายเอง จะได้ตั้งราคาขายหนังสือไม่ให้สูงมากนักได้ โดยไม่ต้องไปผ่านกระบวนการการจัดจำหน่ายของร้านหนังสือใหญ่
“และอีกประการสำคัญก็คือ สำหรับสื่อมวลชนคาทอลิกเรามีกองทุนสื่อสิ่งพิมพ์สร้างสรรค์ เหมือนกับเป็นกองทุนถาวรที่มีเม็ดเงินสำหรับหล่อเลี้ยงงานพิมพ์ ซึ่งบางส่วนเป็นการทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ด้วย สำหรับการขายหนังสือของเรา เราไม่ได้หวังผลกำไรที่มากจนเกินไป แต่เราขายในราคาเท่าที่เราอยู่ได้เท่านั้น”
พระวรสารทั้ง 4 เป็นฉบับครบสมบูรณ์แบบของคาทอลิก ที่มีทั้งพระธรรมเก่าและพระธรรมใหม่ ส่วนพระวรสารทั้ง 4 ก็เป็นคำสอนที่เขียนโดยนักบุญทั้ง 4 องค์ ซึ่งนักบุญทั้ง 4 องค์ที่จะพูดถึงช่วงชีวิตของพระเยซูเจ้า
หนังสือพระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์ หรือที่เรารู้จักกันนามว่า “ไบเบิ้ล” นั้นเอง
ไม่ใช่ขายแต่หนังสือเพียงอย่างเดียว ยังมีสิ้นค้าอื่นที่หลากหลายวางขายด้วย
ผมเดินสำรวจทั่วร้านหนังสือ “คฤศตัง” แล้วก็พบว่ามีสินค้าอื่นวางขายอีกมากมาย นอกจากหนังสือแล้วสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอย่างผมเห็นและรับรู้ได้ว่าร้านนี้เป็นของทางคริสต์แน่ๆ ก็คือ ตุ๊กตารูปพระเยซู , ตุ๊กตาแม่ชี ,รูปภาพต่างๆ และอีกมากมายที่วางขายอยู่ร้าน
ซึ่งคุณพ่ออนุชาได้ให้ความกระจ่างแก่ผมว่า
“ตุ๊กตารูปพระ, พระเบบี๋ , สายประคำเล็กๆ น้อยๆ และรูปภาพต่างๆ ที่ร้านเราก็มีวางขายด้วย ซึ่งบางคนที่มาเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ เขาอยากได้สิ่งของบางอย่างเพื่อนำไปให้กำลังใจแก่คนป่วย เขาก็สามารถมาเลือกหาซื้อที่ร้านของเราได้”
“คฤศตัง” ร้านหนังสือที่ว่าด้วยความเป็นคริสต์ศาสนา คาทอลิก
วันนี้ผมพาทุกท่านมาที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ไม่ใช่จะพาท่านมารักษาหรือเยี่ยมไข้ใดๆ แต่ผมจะพาท่านไปทำความรู้จักกับร้านหนังสือที่เอกลักษณ์ร้านหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ ร้านนี้เห็นชื่อร้านแล้วท่านอาจจะงงว่าอ่านว่าอย่างไร? ซึ่งคำว่า “คฤศตัง” นี้อ่านออกเสียงว่า คิด-สะ-ตัง ในความหมายที่ว่า “คริสตัง” นั้นเอง
ใช่แล้วครับร้าน “คฤศตัง” แห่งนี้เป็นร้านหนังสือที่ว่าด้วยความเป็นคริสต์ศาสนา คาทอลิก แต่ผมอยากจะบอกท่านว่าไม่ใช่แค่ร้านหนังสือที่จัดจำหน่ายเฉพาะพระคัมภีร์ในศาสนาคริสต์เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วในร้านหนังสือแห่งนี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่แฝงอยู่
ร้านหนังสือที่แสดงความเป็นคริสตัง (ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก) อย่างแท้จริง
ผมมีโอกาสได้พบกับท่านบาทหลวงอนุชา ไชยเดช ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย ที่เป็นผู้ดำเนินการ “คฤศตัง” แห่งนี้ ท่านเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของร้านหนังสือแห่งนี้ว่า
“ร้านนี้เกิดจากแนวความคิดที่ว่า ถ้ามีคนต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องศาสนาคริสต์ เขาจะหาซื้อหนังสือได้จากที่ไหนบ้าง? แล้วเราก็พบว่าใน ปี ค.ศ. 1796 (พ.ศ. 2339) มีการจัดพิมพ์หนังสือคำสอนคริสตังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เราซาบซึ้งในการเผยแพร่หลักธรรมของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย ซึ่งหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เผยแพร่ทั่วไป แต่เผยแพร่ในวงจำกัดในหมู่มิชชันนารี (missionary) ที่เข้ามาสอนศาสนาในประเทศไทย”
ท่านบาทหลวงอนุชา ไชยเดช ผู้อำนวยการสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
คุณพ่ออนุชา เล่าให้ฟังต่อว่า
“เราจึงคิดจะทำร้านหนังสือขึ้นมา โดยตั้งชื่อร้านให้สอดคล้องกับเล่มนี้โดยตั้งชื่อร้าน “คริสตัง” ทับศัพท์มาจากคำว่า “คนที่นับถือคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก” โดยฟอนต์ของตัวหนังสือชื่อร้าน “คฤศตัง” นี้ เป็นลายมือของท่านคาดินัลองค์แรกของประเทศไทย ท่านชื่อว่าคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู ที่ก่อตั้งก่อทุนสื่อสิ่งพิมพ์คาทอลิกสร้างสรรค์ โดยใช้คำว่า “คฤศตัง” ตามที่เห็นจากในหนังสือคำสอนเก่า”
“คำสอนของพระสันตะปาปา เป็นเรื่องหลักของสื่อคาทอลิกที่จะต้องทำ คือเมื่อพระสันตะปาปาออกพระสมณสาส์นหรือพระสมณลิขิตเตือนใจ ต่างๆ ออกมา เราก็จัดการแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็เผยแพร่ ซึ่งถือว่าทางร้านเราอาจจะเป็นร้านเดียวที่มีหนังสือคำสอนภาษาไทยที่เป็นพระสมณสาส์นต่างๆ เหล่านี้วางจำหน่าย
“หลายท่านที่สนใจเรื่องราวทางคริสตศาสนาแต่ว่าไปเสริช์หาข้อมูลทางกูเกิ้ลเอา ซึ่งข้อมูลที่ได้นั้นอาจจะถูกบ้างผิดบ้าง แต่ถ้าอยากได้ข้อมูลที่ถูกต้องก็ขอให้มาที่ร้านเราเลย เช่น อยากรู้จุดตั้งต้นจริงๆ ของคริสตศาสนา , อยากรู้เรื่องราวของแม่ชีเทเรซา , อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำสอนด้านงานสังคม ฯลฯ ก็เข้ามาพูดคุยสอบถามที่ร้านเราได้เลย”
ทำไมร้าน “คฤศตัง” ถึงขายหนังสือราคาถูกมาก?
ผมตั้งคำถามนี้ขึ้นมา หลังจากที่ผมได้เดินดูหนังสือดูในร้าน “คฤศตัง” สักพักใหญ่ ซึ่งผมพบว่าราคาขายของหนังสือทุกเล่มในร้านนี้ ถ้าเทียบจากขนาดของหนังสือ จำนวนหน้ากระดาษ และคุณภาพของรูปเล่มแล้ว จะพบว่าราคาถูกกว่าหนังสือที่ขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดมาก
ยกตัวอย่างเช่น หนังสือ “สาธุการ” หนังสือปกแข็งสีเลือดหมูเข้มเล่มใหญ่นี้ ผมลองหยิบขึ้นดูด้วยมือเดียวเกือบยกไม่ขึ้น เพราะหนังสือหนักมากเกือบจะ 5 กิโลได้ พิมพ์รูปเล่มอย่างดี ผมเปิดดูภายในเล่มปรากฎว่าเป็นหนังสือโน๊ตเพลงสำหรับบรรเลงในโบสถ์ทั้งหมด ดูแล้วน่าจะมีหลายร้อยเพลง หนังสือเล่มนี้ราคาแค่ 950 บาทเอง ผมคิดว่าถ้าเป็นหนังสือประเภทอื่นที่มีขนาดและคุณภาพใกล้เคียงกันน่าจะมีราคามากกว่า 2,000 บาทแน่ๆ
ส่วนหนังสือใหม่ล่าสุด ที่เป็นหนังสือแนะนำของร้านนี้ “สมณลิขิตเตือนใจ จงชื่นชมยินดีเถิด” เล่มนี้เป๋นหนังสือแปลจดหมายของพระสันตะปาปาฟรังซิส เกี่ยวกับการเรียกไปสู่ความศักดิ์สิทธิ์ในโลกปัจจุบัน เล่มนี้ราคาขายแค่ 70 บาทเอง ผมคิดว่าสำหรับชาวคริสตังแล้วเล่มนี้น่าสนใจมาก
ผมลองสอบถามกับคุณพ่ออนุชา ว่าทำไมหนังสือแต่ละเล่มราคาขายถึงได้ถูกมาก? ซึ่งคุณพ่ออนุชาก็ให้ความกระจ่างแก่ผมว่า
“หนังสือที่ขายในร้าน ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เราพิมพ์เอง มีหนังสือคำสอนต่างๆ มีพระคัมภีร์ต่างๆ มีสื่อวีดีทัศน์ต่างๆ , มีประวัตินักบุญ , ประวัติศาสนาทั่วไป , มีหนังสือจากสำนักพิมพ์คาทอลิกต่างๆ ส่วนหนังสือนักเขียนไทยที่มีชื่อเสียงหลายๆ ท่านที่เป็นคริสต์เราก็จะทยอยนำเอามาขายเช่น หนังสือของคุณปะการัง , คุณพิบูลศักดิ์ ละครพล , อุชเชนี ฯลฯ”
คุณพ่ออนุชายังกล่าวเสริมอีกว่า
“เราทำร้านหนังสือของเราเอง คือมีคนเคยถามเราว่า ทำไมไม่เอาหนังสือของเราไปวางขายในร้านหนังสือใหญ่ๆ ? ขอตอบว่าเราเคยพยายามทำแล้ว แต่สิ่งที่เราพบปัญหาสำคัญประการหนึ่งก็คือ การหักเปอร์เซ็นต์ของร้านหนังสือใหญ่ ที่เขาหักเปอร์เซ็นต์เราสูงมากถึง 60% ทำให้เราไม่สามารถขายหนังสือในราคาที่เหมาะสมได้ ดังนั้นเราจึงควรมีร้านขายหนังสือของเราเอง เพื่อเป็นการพิมพ์เองขายเอง จะได้ตั้งราคาขายหนังสือไม่ให้สูงมากนักได้ โดยไม่ต้องไปผ่านกระบวนการการจัดจำหน่ายของร้านหนังสือใหญ่
“และอีกประการสำคัญก็คือ สำหรับสื่อมวลชนคาทอลิกเรามีกองทุนสื่อสิ่งพิมพ์สร้างสรรค์ เหมือนกับเป็นกองทุนถาวรที่มีเม็ดเงินสำหรับหล่อเลี้ยงงานพิมพ์ ซึ่งบางส่วนเป็นการทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ด้วย สำหรับการขายหนังสือของเรา เราไม่ได้หวังผลกำไรที่มากจนเกินไป แต่เราขายในราคาเท่าที่เราอยู่ได้เท่านั้น”
พระวรสารทั้ง 4 เป็นฉบับครบสมบูรณ์แบบของคาทอลิก ที่มีทั้งพระธรรมเก่าและพระธรรมใหม่ ส่วนพระวรสารทั้ง 4 ก็เป็นคำสอนที่เขียนโดยนักบุญทั้ง 4 องค์ ซึ่งนักบุญทั้ง 4 องค์ที่จะพูดถึงช่วงชีวิตของพระเยซูเจ้า
หนังสือพระคัมภีร์คาทอลิก ฉบับสมบูรณ์ หรือที่เรารู้จักกันนามว่า “ไบเบิ้ล” นั้นเอง
ไม่ใช่ขายแต่หนังสือเพียงอย่างเดียว ยังมีสิ้นค้าอื่นที่หลากหลายวางขายด้วย
ผมเดินสำรวจทั่วร้านหนังสือ “คฤศตัง” แล้วก็พบว่ามีสินค้าอื่นวางขายอีกมากมาย นอกจากหนังสือแล้วสิ่งที่ทำให้ลูกค้าอย่างผมเห็นและรับรู้ได้ว่าร้านนี้เป็นของทางคริสต์แน่ๆ ก็คือ ตุ๊กตารูปพระเยซู , ตุ๊กตาแม่ชี ,รูปภาพต่างๆ และอีกมากมายที่วางขายอยู่ร้าน
ซึ่งคุณพ่ออนุชาได้ให้ความกระจ่างแก่ผมว่า
“ตุ๊กตารูปพระ, พระเบบี๋ , สายประคำเล็กๆ น้อยๆ และรูปภาพต่างๆ ที่ร้านเราก็มีวางขายด้วย ซึ่งบางคนที่มาเยี่ยมไข้ที่โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ เขาอยากได้สิ่งของบางอย่างเพื่อนำไปให้กำลังใจแก่คนป่วย เขาก็สามารถมาเลือกหาซื้อที่ร้านของเราได้”