พระพุทธองค์ได้ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “พระพุทธเจ้าทั้งหลายในกาลก่อน ล้วนแต่มีอุปัฏฐากอันเลิศ แต่ก็ไม่ยิ่งไปกว่าที่อานนท์ได้เป็นแก่เราในกาลนี้ แม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายอันจักมีมาในอนาคต ก็ล้วนแต่จักมีอุปัฏฐากอันเลิศ แต่ก็จักไม่ยิ่งไปกว่าอานนท์ที่ได้เป็นแก่เราในกาลนี้ อานนท์ได้เป็นอุปัฏฐากที่ดีที่สุด และฉลาดเฉลียวของเรา อานนท์ย่อมรู้จักกาลเวลาอันเหมาะสม ที่จะให้แขกผู้มาเยี่ยมเยียนเข้ามาหาเรา อานนท์ปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านั้นด้วยถ้อยคำและท่าทางที่น่าปลาบปลื้มยิ่งนัก แขกทุกคนได้รับความพอใจอย่างสูงสุด จากการกระทำของอานนท์เสมอ เมื่ออานนท์กล่าวเรื่องราวใดๆ คนเหล่านั้นพากันสนใจฟังมากไปกว่าที่อานนท์ตั้งใจกล่าว อานนท์ได้เป็นอุปัฏฐากอันเลิศของเราเช่นนี้ตลอดมา”
พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ส่วนตัวผมคิดว่า พระพุทธเจ้าของเราก็คือ ที่สุดของพระพุทธเจ้าเช่นกัน แม้ธรรมจะเสมอเหมือนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่รายละเอียดคือ คือ 4 อสงไขยแสนกัป เจอพระพุทธเจ้าน้อยมาก องค์อื่นๆ ต้องเจอเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อสร้างบารมี แต่พระโพธิสัตว์เรา เจอแค่24 พระพุทธเจ้า ก็สามารถสำเร็จได้ และอายุศาสนา คำสอนที่สืบต่อ ก็ยาวนานที่สุดเมื่อเทียบเป็นช่วงอายุคน และอุบัติช่วงที่มนุษย์อายุน้อยที่สุดคือ 100 ปีเท่านั้น บางยุคเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแม้จะอายุมาก แต่ ศาสนาก็เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
ผมไม่รู้ว่า พระอัครสาวก ได้รับการยกย่องเช่นนี้หรือเปล่า ว่าไม่มีใครยิ่งกว่าแม้ในอดีตและอนาคต
พระอานนท์คือสุดยอดอุปัฏฐาก ไม่ว่าในอดีตหรือในอนาคตจะไม่มีใครดีกว่านี้ อย่างมากก็แค่เท่ากัน
พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ ส่วนตัวผมคิดว่า พระพุทธเจ้าของเราก็คือ ที่สุดของพระพุทธเจ้าเช่นกัน แม้ธรรมจะเสมอเหมือนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ แต่รายละเอียดคือ คือ 4 อสงไขยแสนกัป เจอพระพุทธเจ้าน้อยมาก องค์อื่นๆ ต้องเจอเป็นแสนเป็นล้าน เพื่อสร้างบารมี แต่พระโพธิสัตว์เรา เจอแค่24 พระพุทธเจ้า ก็สามารถสำเร็จได้ และอายุศาสนา คำสอนที่สืบต่อ ก็ยาวนานที่สุดเมื่อเทียบเป็นช่วงอายุคน และอุบัติช่วงที่มนุษย์อายุน้อยที่สุดคือ 100 ปีเท่านั้น บางยุคเมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแม้จะอายุมาก แต่ ศาสนาก็เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว
ผมไม่รู้ว่า พระอัครสาวก ได้รับการยกย่องเช่นนี้หรือเปล่า ว่าไม่มีใครยิ่งกว่าแม้ในอดีตและอนาคต