[CR] ประสบการณ์ขับรถเช่าญี่ปุ่น ทริปเดียว ใช้ GPS 2 รุ่น

ช่วงตามล่าซากุระเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ใช้สิทธิท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเกือบเต็ม 14 วัน  ซื้อ JR Pass และ ขับรถเช่าในบางช่วง ไม่ได้ขับเริ่มจากสนามบินเหมือนบางท่าน แต่จะนั่ง Shinkanzen ไปที่เมืองหนึ่ง แล้วจึงเช่ารถขับต่อ ทางเลือกบริษัทรถเช่า จึงมาที่ JR Rent-A-Car ในเครือของ JR ที่ให้ส่วนลดกับท่านที่มี JR Pass ไปแสดง  ผมเช่ารถ Kei car สองรอบ ได้รถSuzuki WagonR มาพร้อม GPS ของ Clarion  และ รถ Mazda Flair มาพร้อมกับ GPS Mitsubishi NR-MZ005   ในระหว่างขับรถ ได้เปิดใช้ GPS ทั้งสามระบบเปรียบเทียบกัน  ได้ข้อสรุปว่า GPS ที่มากับรถเช่า ดีที่สุดสำหรับในการทำหน้าที่ Navigator   แต่ Google Map ก็ยังจำเป็นต้องใช้ในระหว่างการท่องเที่ยว

- ผมนำ Garmin Nuvi40 จากบ้าน พร้อมโหลดแผนที่ประเทศญี่ปุ่นรองรับภาษาอังกฤษ (Open Street Map)  จะมี Route Preferences ในการเลือกเส้นทางแบบ เวลาที่เร็วกว่า (ถนนใหญ่ใช้ความเร็วได้)  หรือ แบบ ระยะทางสั้น (เส้นทางลัด ถนนซอย ความเร็วจำกัด)
- เนวิเกเตอร์นั่งหน้า เปิด Google Map จากมือถือ อาจมี Alternate Route ให้ข้อมูล เวลาที่คาดว่าจะถึง ระยะทางที่ขับ แต่จะไม่มีข้อมูลว่า มีค่าผ่านทาง มากน้อย แตกต่างกันอย่างไร
- GPS ที่มากับรถเช่า จะให้ข้อมูลค่าผ่านทาง เพื่อประกอบการพิจารณาเลือกว่า จะขับไปทางไหนดี   อีกประเด็นคือ ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้คำนวณ เวลาถึงเป้าหมาย  แตกต่างกัน  เวลาของ  GPS ที่มากับรถเช่า จะใกล้เคียงกว่า  Google Map หรือ Garmin เพราะสองอันหลังนี้ จะคิดที่ความเร็วรถ 80-90 กม./ชม.  อีกประเด็นที่สำคัญเช่นกัน ถ้าเจอทางเข้าอุโมงค์ยาวๆ แบบมีทางแยกในอุโมงค์   สัญญาณ GPS ของ Garmin และ Google Map จะหยุดนำทาง แต่ GPS ที่มากับรถเช่า จะเขียนโปรแกรมให้นำทางต่อไปได้ ไม่ได้พึ่งสัญญาณ GPS

ความเร็วในการขับรถในญี่ปุ่น ค่อนข้างเข้มงวด ในเมืองความเร็ว 40-50 กม/ชม. สามารถเกินได้แค่ 60 กม./ชม.  บนทางด่วน ความเร็ว 80-100 กม./ชม เกินได้ตอนแซงเลนขวาที่ 120 กม./ชม แล้วขับกลับเข้าเลนกลาง  ในระหว่างรถวิ่งความเร็ว  จะไม่สามารถกดเปลี่ยนค่า GPS (เพื่อความปปลอดภัยในการขับรถ) อีกมารยาทหนึ่ง คือ ขับรถผ่านทางรถไฟ ต้องหยุดก่อนเส้นกำหนด ห้ามขับตามคันหน้า เมื่อรถคันหน้าขับข้ามออกไปอีกด้านแล้ว เราจึงขับออกไปได้ (สังเกตจากผู้ใช้รถเขาขับตามกติกาแบบไหน)

      
      
รีวิวนี้ จะเหมาะกับท่านที่ ใช้ GPS ช่วยนำทางข้ามหลายเมือง การพิจารณาทางเลือกที่มีให้ จะทำให้เลือกได้ตรงตามวัตถุประสงค์  แต่ถ้าขับรถเที่ยวในเมือง ไม่ได้ข้ามเมือง แบบทางเลือกคงไม่จำเป็นเท่าไร

GPS ต้องตั้งค่าเมนูให้เป็นภาษาอังกฤษ   เสียงนำทางเป็นภาษาอังกฤษ  แต่ชื่อสถานที่ ภาพบน GPS ยังคงเป็นภาษาญี่ปุ่น  (ไม่ใช่ English 100%)  จึงต้องอาศัย บอกจุดหมายปลายทางด้วย เครื่องมือเสริม MapCode www.japanmapcode.com จะแปลงชื่อสถานที่เป็น รหัสเลขชุด จดเก็บไว้ และ อย่าจดผิด จะนำไปคนละจุดปลายทาง  อีกเครื่องมือคือใช้  Google Translate แอพ,  กดที่ icon กล้อง เพื่อให้แปลปุ่ม ภาษาญี่ปุ่น บน GPS สำหรับบางปุ่มที่ ไม่ได้ขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ

ตัวอย่างแรก มาจากเครื่องเสียง Clarion ที่มี GPS ในตัว
1. จำตำแหน่ง icon Settings
  
2. จำ icon Aa  ที่เป็นการเปลี่ยนค่า Language  ถ้า GPS เป็นภาษาญี่ปุ่นมา ก็ลองเลือกอันดับที่ 1, 2 น่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น กับภาษาอังกฤษ ถ้าไม่ตรง ก็เลื่อนไปเลือกอันดับ 3,4,5 จนกว่าได้เมนูเป็นภาษาอังกฤษ

3. กลับมาที่เมนูหน้าแรก เลือก Destination

4. เลือก MAPCODE ใส่ค่าตัวเลขที่เปลี่ยนชื่อสถานที่มาเป็นโค้ด , กด OK

5. หรือ เลือก Phone Number ใส่ค่าเบอร์โทร, กด OK

6. Route แรกเป็นแบบตามค่า Default  ถ้าพอใจ กด Start เริ่มนำทาง

7.  แต่ถ้ากด More Route จะแสดงทางเลือกแบบอื่นๆ จะมีกี่แบบ แล้วแต่จุดต้นทางปลายทาง  สังเกตที่สีของทางเลือกกับตัวเลือก  จากตัวอย่าง

7.1  Min Highway (engy) จะถึง 12:31 ระยะทาง 267 Km
7.2  Min Highway  จะถึง 10:31  มีค่าผ่านทาง อุโมงค์ 750Y
7.3  Fastest (engy) จะถึง 09:05 มีค่าผ่านทาง 2,550Y
7.4  Fastest จะถึงปลายทางเร็วสุด ในเวลา 08:56 แต่เสียค่าผ่านทาง 6,450Y (วิ่งทางด่วนอ้อมโลก ทางสะดวก)
7.5 Shortest จะถึง 10:39 มีค่าผ่านทาง 750Y ระยะทางสั้นสุด แต่อาจคดเคี้ยวผ่านหมู่บ้าน ทำความเร็วไม่ได้มาก

8. จาก More Route  ผู้ขับ ก็เลือกแบบที่ต้องการได้ จะขับสบาย จะขับถึงเร็ว หรือ จะขับเสียเงินน้อย, กด Start เริ่มนำทาง
  
9. ถ้าสามารถหาค่า MapCode เตรียมทั้งหมดไว้ก่อน หรือจดค่าเก็บไว้ในกระดาษ (ห้ามจดผิดเลขหลักเดียวก็ไปคนละเมือง)   น่าจะมีที่เก็บ Favourite ไว้ในระบบ (Garmin มีวิธีสร้าง Favourite)  ไม่แน่ใจว่าปุ่ม History หรือ  Route หรือเปล่า  
10. ขับรถเช่า เข้าทางลอดภูเขา บางทีเจออุโมงค์ทางแยกตัว Y อย่าขับเพลิน จะไปผิดทาง (สังเกตเป็นอุโมงค์รถวิ่งทางเดียว)
11. ขับรถบนทางด่วน ระหว่างเมือง จะมีจุดสถานีแวะพัก ทั้งแบบเต็มรูป มีร้านค้า อาหาร และแบบขนาดเล็ก ร้านกาแฟ  ห้องน้ำ
12.  มีบางรีวิว แนะนำ ในกรณีต้องใช้ทางด่วน ระยะทางไกล หลายวัน จะสามารถซื้อบัตร ETC แบบเหมาจ่ายต่อวัน (TEP) หรือ มีบัตร Central Nippon Expressway Pass (CEP) คล้ายๆบัตร JR Pass รถไฟ ที่มีให้เลือกเหมาครอบคลุมพื้นที่กำหนด ในระยะเวลาที่กำหนด   

ต่อ GPS ตัวที่สอง รอสักครู่
ชื่อสินค้า:   GPS Clarion และ Mitsubishi NR-MZ005
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่