เป็นเรื่องมาเล่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นจรีงกับตัวเอง ด้วยหน้าที่การงานหลักผม เป็นที่ปรึกษาให้กับนักธุระกิจ และ ผมเป็นกรรมการบริษัทพัฒนาที่ดินเพื่อแบ่งเช่า ก็ปัญหามันเริ่มจากทางบริษัทเราได้แบ่งเช่าพื้นที่บางส่วน แต่ก็มีปัญหาฟ้องร้องกับทางผู้เช่ารายนึงเป็นเวลานานที่ถกเถียงกันเรื่องค่าเช่า ได้ต่อสู้คดีกับมาเป็นระยะเวลาสองสามปี และหลายคดีที่พัวพันกัน ใส่ชื่อเข้ามาหลายๆคนเพื่อจะเอาเงินได้มากขึ้น มันก็เป็นเรื่องกระบวนการตามกฏหมายปกติ ทางเราก็ชนะศาลชั้นต้นมาบ้างแล้ว
ทางด้านคู่กรณีของทางเราก็มีการเปลี่ยนทนายไปบ้าง จนเปลี่ยนมาเป็นทนายคนที่สร้างเรื่องนี้ละ นิสัยแย่ ชอบคิดว่าตัวเองเก่ง เคยถกเถียงกับท่านผู้พิพากษา หาทางให้อีกฝ่ายเสียหัว ใช้คำยั่วยุเหมือนอยากให้มีเรื่องกับเค้า มันอาจจะเป็นกลยุทของเค้า
เมื่อคดีบางคดี ถึงที่สิ้นสุด จนมีหมายขับไล่ออกมา แต่ขัดขื่นคำสั่งศาล หมายจับถึงออกมา นี้ขอทดไว้ในใจก่อนนะครับ มันจะมาประจวบเหมาะอีกคดีนึง
เมื่อปีที่แล้ว ทางทนายนี้ พยายามจะเล่นตัวผมทุกวิธีทาง ขนาดถึงขั้นเอาคดีอาญามาเล่น เรื่องโง่ที่ผมไม่เข้าใจคือ เอาสาเหตุว่าผมทำเอกสารขึ้นมาเอง เพื่อหลอกใช้ต่อหน้าศาล ทั้งๆที่ทราบแกใจดี ว่าเอกสารนี้มันมีมาก่อนที่ผมเป็นรับช่วงเป็นกรรมการแล้ว แต่เค้าก็ยังกล้าที่จะเอาเรื่องนี่มาฟ้อง นี้เค้ากะเอาผมเข้าคุกเลยนะนิ แต่ด้วยความจรีงก็ปรากฏ ศาลท่านยกฟ้อง เท่ากับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความเป็นคดีอาญา ทำให้ผมเสียหายทางอาญา ผมก็เลยแจ้งความคืน
เมื่อหมายจับคดีอาญาเบื้องต้นออก มาตรงช่วง หมายจับที่ให้ทดในเมื่อต้น สรุปคือ ผมมีหมายจับสองอัน หมายจับจากขับไล่ ออกที่ที่ผมประกอบการอยู่ ส่วนหมายจับคดีอาญามาจากอีกจังหวัดที่ห่างไป 6-700 กม. เวลาผมก็กะว่า เอาหมายจับพื้นที่ไปก่อน บ่ายๆวันพฤษหัส แต่ในเวลาเดียวกันก็แจ้งตำรวจพื้นที่ของหมายจับคดีอาญาว่าพบตัวผู้ต้องหา เค้าก็ส่งรถมารับ ก็น่าจะใช้เวลาหนึ่งวัน แต่ทางคู่กรณียังไม่ทราบ พอจับจากหมายจับพื้นที่อันแรก ก็ขัดขื่นอยู่ โทรหาทนายเจ้ากรรมของเค้าเอง แต่บินมาช่วยไม่ทัน ต้องมาตอนเช้าแล้วประกันต่อหน้าศาลเอง เป็นตามที่คาด ทนายมาแต่เช้าแต่ไม่ทราบกระบวนการขอประกันตัว ต้องสอบถามหน้าพนักงานศาล ผมก็ส่งมอบหมายจับอีกอันให้กับทางตำรวจพื้นที่กับอีกที่นึงที่ศาลตั้งอยู่ ทางตำรวจประสานงานดีมาก ทางตำรวจอีกที่ก็กำลังจะเดินทางมา พอทางคู่กรณีผมขอประกันตัวเสร็จ ก็เย็นแล้ว บนศาลเค้ารู้ตัวแล้ว ว่ามีหมายจับอีกอันรออยู่ แต่ก็พยายามไกล่เกลี่ย ตอนแรกผมก็ว่าจะขอให้ทางตำรวจปล่อยก่อนแล้วให้เค้าเดินทางไปมอบตัวเอง นอนคุกคืนนึงก็น่าเรียนรู้อะไรบ้าง แต่ทนายเจ้าเรื่องก็พูดแบบวางฟอร์มใหญ่โต พูดกับผมิย่าง คุยกับลูกความเค้าอย่าง ลืมบอกไปว่าทางคู่กรณีผมเป็นชาวยุโรป เลยต้องใช้ล่ามแปล ซึ่งจรีงๆแล้ว ผมก็พูดภาษานั้นได้ เพราะไปเติบโตอยู่ยี่สิบปีได้ตั้งแต่เด็กๆ คู่กรณีผมก็ขอร้องให้เค้าไปมิบตัว สนทนาเป็นภาษาบ้านเค้า ผมก็เห็นใจ แต่พอทนายมาแปลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งลูกความเค้ายึดใช้ภาษาอังกฤษต่อหน้าศาล ก็อย่างว่าแปลเอาดีเข้าตัว เอาชั่วโยนให้ผม เหมือนกับที่ลูกความเค้าติดคุกนี้ เค้าทำถูกต้องกระบวนการ แค่ผมใช้วิธีไม่ใสสะอาด ผมเลยโมโหระเบิดกลางศาล โชคดีว่าท่านผู้พิพากษาออกไปก่อนและให้คุยกันเอง ผทเก็บเอกสารบอกคู่กรณีผมเสียดังเป็นภาษาบ้านเค้าให้เข้าใจ ว่าทั้งหมดนี้ เค้าได้ทนายความที่แย่ ไม่ให้ไม่บอกคุณถึงข้อเสียที่จะเกิด ถ้าคำตัดสินว่าผมผิด ผมก็คงเป็นคนที่ต้องนั่งใส่กุญแจมืออยู่ตอนนี้เช่นกัน แล้วที่เค้าเป็นแบบนี้ ก็ต้องโททษทนายเค้าล้วนๆ ผมก็เดินออกมา สงบสติ ช่วงเวลานั้นผู้พิพากษา ก็กลับเข้ามา เค้าใช้ช่วงเวลาที่ผมไม่อยู่ พยายามเจรจากับผู้พิพากษาเพื่อจะขอมอบตัว ท่านผู้พิพากษาก็เป็นกลางเห็นว่าเค้าน่าจะคิดได้แล้ว ขอให้เค้าไปมอบตัวเองเถอะ ผมไม่พูดตอบอะไรหลังผมเข้าไปอีกรอบ ทางนั้นก็คิดว่าคงได้มอบตัวเองได้ พอเสร็จผมลงไปสูบบุหรี่ เห็นรถตำรวจพื้นที่มารอแล้ว พอเค้าทำการประกันตัวเสร็จ เดินออกมา ผ่านผมตรงทางเค้า ผมกำลังสูบบุหรี่รอ ทนายตัวดีก็ยิ้มเหมือนเย้ยผมว่าทำอะไรไม่ได้ หารู้ไม่ว่า รถตำรวจพื้นที่รอจับส่งมอบให้ตำรวจเจ้าของคดีอยู่ เดินไปที่รถ กำลังจะขึ้นรถ ตำรวจก็เข้ามาล็อกตัวเชิญขึ้นรถไปสถานีตำรวจเพื่อลงประวัติการจับกุมต่อ มันก็เย็นมากแล้ว สรุปได้นอนคุกอีกคืนแต่คนละสถานีตำรวจ ตกค่ำผมก็เข้าไปเพื่อจะถามว่า เค้ามีคนมาเยี่ยม ทานอะไรยัง งั้นผมจะเอามาให้ ทางตำรวจเค้าก็ว่ามีคนมาเยี่ยมแล้ว แต่ตำรวจทั้งสองสถานีที่จับ ต่างว่ากันว่า ทนายมาโวยวายทำใหญ่โต ขู่ด้านกฏหมายต่างๆนานา เช้าวันรุ่งขึ้นทางตำรวจเจ้าของคดีอาญาก็มาถึงและรับตัวออกไปช่วงบ่ายๆ คืนนั้นก็ได้นอนอีกครึ่งวันบนรถตำรวจ พอถึงก็วันอาทิตย์ ไม่สามารถประกันได้ เท่ากับว่านอนอีกคืนที่สถานีตำรวจอีกที รอเช้าวันจันทร์เพื่อประกันตัว
เรื่องเล่านี้ผมอยากจะบอกว่า ทนายที่เห็นแกเงิน ดึงคดีมาให้ แล้วเอาคนไม่เกี่ยวข้องมาใส่ มันก็ทำให้เดือดร้อนหมด เสียเงินติดคุย เพราะทนายไม่อธิบายให้กระจ่างถึงผลเสียและความเสี่ยงที่จะเกิด จากคดีเพ่ง จนกลายเป็นอาญา เช่นนี้