สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงาน วันแรก ของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call Option
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index ได้เผขิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนักหน่วง จากปัจจัยความวิตกกังวล ต่อ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่กำลังคลุกรุ่นอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเป็นเวเนซุเอล่า อาเจนติน่า และ ตุรกี ที่ยังไม่มีข้อสรุป หรือ อินโดนิเซีย
ที่ไกล้จะปะทุได้ทุกเมื่อ บวกกับ ความไม่แน่นอนของประธนาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ที่ประกาศขึ้นภาษีจาก จีน เพิ่มเป็น 267 พันล้านเหรียญ
นอกจากนั้นเขากำลังเล็งไปที่ญี่ปุ่น ภายหลังจากสหรัฐ ขาดดุลการค้า ต่อ ญี่ปุ่น ค่อนข้างมาก ด้วยปัจจัยทั้งหลายที่กล่าวมานั้น ได้ทำให้ดัชนีร่วง
หลุดระดับ 1700 จุด ลงมา จนกระทั้งวันศุกร์ ดัชนีปิดตัวไปที่ระดับ 1689 จุด -4.45 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับไปยืนเหนือ 1700 จุด ได้อีกครั้ง หรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้น 12.08 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 22,319.14 จุด หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที
ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อเป็นเวลา 6 วันทำการก่อนหน้านี้
ส่วนในช่วงที่ตลาดเปิดทำการนั้น ดัชนีนิกเกอิเปิดขยับลง 53.41 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 22,253.65 จุด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ นำโดยหุ้นกลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ กลุ่มเวชภัณฑ์ และกลุ่มเครื่องจักร
สำหรับข้อมูลที่มีการเปิดเผยในช่วงเช้านี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 3.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 1.9% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ฝั่งสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันศุกร์ (7 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังถูกกดดัน หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของ
แรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,916.54 จุด ลดลง 79.33 จุด หรือ -0.31%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,871.68 จุด ลดลง 6.37 จุด หรือ -0.22%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,902.54 จุด ลดลง 20.18 จุด หรือ -0.25%
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
ปธน.ทรัมป์กล่าว หลังจากผ่านพ้นกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสตามเวลาสหรัฐ หรือเมื่อวานนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย
สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการดังกล่าว หลังการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.
ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันคิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล
รายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.9%
เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลดลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวลดลง 0.49% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลดลง 0.54%
หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลง 0.81% และหุ้นอเมซอนปรับตัวลดลง 0.32%
ฝั่งยุโรป ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันถึง 3 วัน อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินความเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์แล้ว ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาท
ทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.08% แตะที่ระดับ 373.77 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,252.22 จุด เพิ่มขึ้น 8.38 จุด หรือ +0.16%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,959.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.04%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,277.70 จุด ลดลง 41.26 จุด หรือ -0.56%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า
คาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.9%
เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากฝั่งสหรัฐ มักมีอิทธิพลต่อบรรยากาศการซื้อขายในฝั่งยุโรป
อย่างไรก็ดี การซื้อขายยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
หุ้นดอยซ์แบงก์ตลาดหุ้นเยอรมนี ปรับตัวลดลง 1.45% หลังมีข่าวผู้ถือหุ้นรายใหญ่จากจีนเตรียมขายหุ้นของทางธนาคารในสัดส่วน 7.6%
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day : ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนักหน่วง ภายหลังจากไม่สามารถเคลียร์ผ่าน
แนวต้านระดับ 1735 จุด ขึ้นไปได้ เนื่องจากมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมอยู่ ซึ่งทำให้ร่วงหลุดเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นลงมาอย่างง่ายดาย
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ ดัชนียังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways 1660 – 1735 จุด ต้องมาดูกันว่า ท้ายที่สุด ดัชนีจะเลือกทางเดินไป
ในทิศทางใด / หากดัชนีสามารถฟื้นตัว ทะยานขึ้นไปเคลียร์ High 1735 จุด ผ่านไปได้ ก็จะเป็นการทลาย Double Top ทำให้กลายเป็นภาพ
Cup with Handle แทนที่ / หรือถ้าหาดดัชนี ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และ หลุด Low 1660 จุด ลงมา ก็ยืนยันรูปแบบกลับตัว Double Top
และเข้าสู่โหมดพักฐาน อีกครั้ง
S50U18 TF Day : ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนักหน่วง ภายหลังจากไม่สามารถเคลียร์ผ่าน
แนวต้านระดับ 1143 จุด ขึ้นไปได้ เนื่องจากมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมอยู่ ซึ่งทำให้ร่วงหลุดเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นลงมาอย่างง่ายดาย
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ ดัชนียังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways 1100 – 1143 จุด ต้องมาดูกันว่า ท้ายที่สุด ดัชนีจะเลือกทางเดินไปใน
ทิศทางใด / หากดัชนีสามารถฟื้นตัว ทะยานขึ้นไปเคลียร์ High 1735 จุด ผ่านไปได้ ก็จะเป็นการทลาย Double Top ทำให้กลายเป็นภาพ
Cup with Handle แทนที่ / หรือถ้าหาดดัชนี ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และ หลุด Low 1660 จุด ลงมา ก็ยืนยันรูปแบบกลับตัว Double Top
และเข้าสู่โหมดพักฐาน อีกครั้ง
S50U18 TF60 Min : เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีมีความพยายามที่จะเคลียร์เส้นแนวต้าน Downtrend line แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถผ่านพ้นขึ้นไปได้
จึงทำให้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา และย่อตัวหลุดเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นลงมาอย่างง่ายดาย ซึ่งต้องมาดูกันว่าบริเวณ Support Zone 1100 – 1110 จะสามารถเห็นการฟื้นตัวของดัชนีได้หรือไม่ //หากดัชนีไม่หลุดบิรเวณแนวรับนี้ลงไป และฟื้นตัวขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะกลับไปทดสอบ Downtrend line อีกครั้ง / แต่ถ้าหากไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นไปได้เลย และ ทำ New Low หลุด 1100 จุดลงมา ก็มีโอกาสที่จะเข้าสู่โหมด "พักฐาน"
ก็เป็นได้
Resistance : 1116 1120 1125 1130 / 1695 1700 1707 1715
Support : 1105 1100 1096 1090 / 1685 1680 1676 1670
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (10 Sep 18)
สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงาน วันแรก ของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call Option
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index ได้เผขิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนักหน่วง จากปัจจัยความวิตกกังวล ต่อ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่กำลังคลุกรุ่นอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเป็นเวเนซุเอล่า อาเจนติน่า และ ตุรกี ที่ยังไม่มีข้อสรุป หรือ อินโดนิเซีย
ที่ไกล้จะปะทุได้ทุกเมื่อ บวกกับ ความไม่แน่นอนของประธนาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ที่ประกาศขึ้นภาษีจาก จีน เพิ่มเป็น 267 พันล้านเหรียญ
นอกจากนั้นเขากำลังเล็งไปที่ญี่ปุ่น ภายหลังจากสหรัฐ ขาดดุลการค้า ต่อ ญี่ปุ่น ค่อนข้างมาก ด้วยปัจจัยทั้งหลายที่กล่าวมานั้น ได้ทำให้ดัชนีร่วง
หลุดระดับ 1700 จุด ลงมา จนกระทั้งวันศุกร์ ดัชนีปิดตัวไปที่ระดับ 1689 จุด -4.45 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ ว่าดัชนีจะสามารถฟื้นตัวกลับไปยืนเหนือ 1700 จุด ได้อีกครั้ง หรือไม่
Fundamental
เอเชียเช้านี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้น 12.08 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 22,319.14 จุด หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที
ในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อเป็นเวลา 6 วันทำการก่อนหน้านี้
ส่วนในช่วงที่ตลาดเปิดทำการนั้น ดัชนีนิกเกอิเปิดขยับลง 53.41 จุด หรือ 0.24% แตะที่ 22,253.65 จุด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเช้านี้ นำโดยหุ้นกลุ่มกระดาษและเยื่อกระดาษ กลุ่มเวชภัณฑ์ และกลุ่มเครื่องจักร
สำหรับข้อมูลที่มีการเปิดเผยในช่วงเช้านี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2561 ขยายตัว 3.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 1.9% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ฝั่งสหรัฐ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนลบเมื่อวันศุกร์ (7 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังถูกกดดัน หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาด รวมทั้งตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของ
แรงงานที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,916.54 จุด ลดลง 79.33 จุด หรือ -0.31%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,871.68 จุด ลดลง 6.37 จุด หรือ -0.22%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,902.54 จุด ลดลง 20.18 จุด หรือ -0.25%
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
ปธน.ทรัมป์กล่าว หลังจากผ่านพ้นกำหนดเส้นตายที่กำหนดไว้ในช่วงเที่ยงคืนวันพฤหัสตามเวลาสหรัฐ หรือเมื่อวานนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย
สำหรับการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐต่อมาตรการดังกล่าว หลังการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในวันที่ 22-23 ส.ค.
ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันคิดเป็นวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐจะทำสงครามการค้ากับญี่ปุ่นเป็นประเทศต่อไป หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล
รายงานว่า ปธน.ทรัมป์เตรียมพุ่งเป้าแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าทวิภาคีกับญี่ปุ่น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการรายงานเมื่อวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.9%
เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวลดลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ปรับตัวลดลง 0.49% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลดลง 0.54%
หุ้นแอปเปิลปรับตัวลดลง 0.81% และหุ้นอเมซอนปรับตัวลดลง 0.32%
ฝั่งยุโรป ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันถึง 3 วัน อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินความเคลื่อนไหวทั้งสัปดาห์แล้ว ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาท
ทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดบวก 0.08% แตะที่ระดับ 373.77 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,252.22 จุด เพิ่มขึ้น 8.38 จุด หรือ +0.16%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,959.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด หรือ +0.04%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,277.70 จุด ลดลง 41.26 จุด หรือ -0.56%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีอิทธิพลต่อการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่า
คาดในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 201,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 191,000 ตำแหน่ง
ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.4% จากระดับ 0.3% ในเดือนก.ค. และเพิ่มขึ้น 2.9%
เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2552 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7%
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากฝั่งสหรัฐ มักมีอิทธิพลต่อบรรยากาศการซื้อขายในฝั่งยุโรป
อย่างไรก็ดี การซื้อขายยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อคืนนี้ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ
หุ้นดอยซ์แบงก์ตลาดหุ้นเยอรมนี ปรับตัวลดลง 1.45% หลังมีข่าวผู้ถือหุ้นรายใหญ่จากจีนเตรียมขายหุ้นของทางธนาคารในสัดส่วน 7.6%
Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์
Technical Analysis
SET index TF Day : ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนักหน่วง ภายหลังจากไม่สามารถเคลียร์ผ่าน
แนวต้านระดับ 1735 จุด ขึ้นไปได้ เนื่องจากมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมอยู่ ซึ่งทำให้ร่วงหลุดเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นลงมาอย่างง่ายดาย
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ ดัชนียังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways 1660 – 1735 จุด ต้องมาดูกันว่า ท้ายที่สุด ดัชนีจะเลือกทางเดินไป
ในทิศทางใด / หากดัชนีสามารถฟื้นตัว ทะยานขึ้นไปเคลียร์ High 1735 จุด ผ่านไปได้ ก็จะเป็นการทลาย Double Top ทำให้กลายเป็นภาพ
Cup with Handle แทนที่ / หรือถ้าหาดดัชนี ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และ หลุด Low 1660 จุด ลงมา ก็ยืนยันรูปแบบกลับตัว Double Top
และเข้าสู่โหมดพักฐาน อีกครั้ง
S50U18 TF Day : ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีได้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมาอย่างหนักหน่วง ภายหลังจากไม่สามารถเคลียร์ผ่าน
แนวต้านระดับ 1143 จุด ขึ้นไปได้ เนื่องจากมีสัญญาณ Bearish Divergence ปกคลุมอยู่ ซึ่งทำให้ร่วงหลุดเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นลงมาอย่างง่ายดาย
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพใหญ่ ดัชนียังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways 1100 – 1143 จุด ต้องมาดูกันว่า ท้ายที่สุด ดัชนีจะเลือกทางเดินไปใน
ทิศทางใด / หากดัชนีสามารถฟื้นตัว ทะยานขึ้นไปเคลียร์ High 1735 จุด ผ่านไปได้ ก็จะเป็นการทลาย Double Top ทำให้กลายเป็นภาพ
Cup with Handle แทนที่ / หรือถ้าหาดดัชนี ไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ และ หลุด Low 1660 จุด ลงมา ก็ยืนยันรูปแบบกลับตัว Double Top
และเข้าสู่โหมดพักฐาน อีกครั้ง
S50U18 TF60 Min : เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีมีความพยายามที่จะเคลียร์เส้นแนวต้าน Downtrend line แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถผ่านพ้นขึ้นไปได้
จึงทำให้เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรออกมา และย่อตัวหลุดเส้น EMA ทั้ง 3 เส้นลงมาอย่างง่ายดาย ซึ่งต้องมาดูกันว่าบริเวณ Support Zone 1100 – 1110 จะสามารถเห็นการฟื้นตัวของดัชนีได้หรือไม่ //หากดัชนีไม่หลุดบิรเวณแนวรับนี้ลงไป และฟื้นตัวขึ้นมา ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะกลับไปทดสอบ Downtrend line อีกครั้ง / แต่ถ้าหากไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นไปได้เลย และ ทำ New Low หลุด 1100 จุดลงมา ก็มีโอกาสที่จะเข้าสู่โหมด "พักฐาน"
ก็เป็นได้
Resistance : 1116 1120 1125 1130 / 1695 1700 1707 1715
Support : 1105 1100 1096 1090 / 1685 1680 1676 1670
*EOD End of day
ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ
สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ