ก็งง ๆ ครับ กับการเปิด "โรงเรียนการเมือง" ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย
ว่าเพื่ออะไร

ในเมื่อคนที่เข้าโรงเรียน  ก็มีแต่ "คนกันเอง" ทั้งนั้น
หัวหน้านักเรียน ก็ว่าที่หัวหน้าพรรค  ตามด้วยนักเรียนที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค 48 คน
บุคคลภายนอกที่สนใจอีก 24 คน  ก็คนคุ้น ๆ กันนั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้มีชื่อเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรค

รวมมีคนเข้าโรงเรียน 72 คน

วิทยากรก็  นำด้วย  สุเทพ  เทือกสุบรรณ   ศุภชัย  พานิชภักดิ์   นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง รปช.   นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เลขาธิการ รปช.
นายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)    นายบรรเจิด สิงคะเนติ    นายจรัส สุวรรณมาลา

สุเทพ  บอกว่า
"รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีบทบัญญัติที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปประเทศเพื่อไปสื่อสารให้คนอื่น ๆ เข้าใจ
  เพราะการเมืองยุคใหม่จึงต้องศึกษาให้เข้าใจเพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชานได้
  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองทั้งสิ้นเป็นการบริการเชิงวิชาการเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้ร่วมก่อตั้งพรรคและผู้ที่สนใจกันเอง
  ไม่ได้ไปโฆษณาชวนเชื่อ หรือหาเสียง"

https://www.prachachat.net/politics/news-216555



ก็งง ๆ ครับ   ว่าเขาเล่นอะไรกัน

ป่านนี้  ผ่านมาสี่ห้าปี   นายสุเทพกับพวก  ยังต้องมานั่งเรียนเรื่องการปฏิรูปกันอยู่อีกหรือ ?
ก็เรียกร้องให้มีการปฏิรูป  เสนอแนวทางการปฏิรูปเองกับมือ  ไม่ยอมเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปก่อน
ผ่านมาจะห้าปี  ดันมานั่งเรียนเรื่องปฏิรูปกันซะงั้น

แต่พอมองดูสถานการณ์รอบ ๆ ตัวพรรครวมพลังประชาชาติไทย   ก็เข้าใจ

ปชป. น่ะ  ของตาย  ยังไง ๆ ก็มีนายทุนพรรค
เพื่อไทย  ไม่ต้องห่วงเรื่องทุน
กลุ่ม 3 ส.  พรรคพลังประชารัฐ   ทั้งทุนทั้งอื่น ๆ  มีเกินพอ
อนาคตใหม่  ก็ทุนพอตัว  ติดลมบนกระแสโซเชียล
กลุ่มอื่น  พรรคอื่น  ก็ล้วนอุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยทุนกันทั้งนั้น

แต่รวมพลังประชาชาติไทยของนายสุเทพกับพวก  เหมือนลิเกนอกวิก
วิกเขาจะเปิดแสดงกันแล้ว แต่คณะลิเกยังหาชุดใส่ไม่ได้เลย  เพราะไม่มีทุน

ก็ต้องมีการเคลื่อนไหวเรียกแขกหาทุน

ก็โธ่  คนเล่นการเมืองสไตล์นี้   คอยดูเหอะ  อีกหน่อยก็จัดโต๊ะจีน  จัดสัมนา  จัดนั่นจัดนี่ระดมทุน
แต่คงไม่เหมือนตอนอยู่กับ ปชป. ที่หาเงินง่ายใช้คล่อง  ทุนล้น
ตอนนี้  ลุงกำนันคงต้องดิ้นหนัก  หาแม่เหล็กมาใส่พรรค ให้ปรากฎชื่อเสียงเรียงนามเข้าหูนายทุน
ไม่งั้นได้น้อย   ขาดทุนป่นปี้

ใครไม่เชื่อ  ดูโรงเรียนอาชีวะที่เกาะสมุยของนายสุเทพสิครับ
ว่ามีนายทุนหน้าไหน "จ่าย"  ในนามการบริจาคให้มั่ง



ก็เป็นการดิ้นอีกเฮือกครับ   ให้มีชื่อติดหู มีข่าวติดตา
ให้มีบทบาท มีเวทีเล่น  แสงสปอร์ตไลท์ส่องจับ   เพื่อเวลาหาทุนจะได้ง่าย ได้เยอะ

การเมืองแบบไทย ๆ   หากมีโอกาสได้ร่วมรัฐบาล  นายทุนก็หนุนเยอะ
สุเทพจึงต้องปั่นกระแสไม่ให้ตก   ให้พรรคตัวเองคือตัวเลือกในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลแน่ ๆ อยู่ตลอด



ก็คงเห็นกันอยู่นั่นแหละครับ  ว่าเป็นการดิ้นไปตามประสา  ให้มีเวที มีบทบาทบ้าง
เลยปล่อย ๆ กันมั่ง  ไม่เป็นพิษเป็นภัยก็ปล่อยไป   ห้ามซะก็ขัดใจกันเปล่า ๆ
ปล่อยให้ดิ้นไป  ไม่มีผลข้างเคียงอะไร  ไม่มีกระแส  ไม่มีอำนาจต่อรอง  ไม่มีผลทางการเมือง
เลี้ยงไว้ใช้ยามจำเป็น   ไม่จำเป็นก็เอามาร่วมเป็นเบ๊ไว้คอยชนแทน   แต่ต้องอยู่ในโอวาท  ดื้อมากก็ตัดหางปล่อยวัด

และดีไม่ดี   อาจมีการ "ปล่อยวัด"  หากมีเสียงพอแล้วในการจัดตั้งรัฐบาล
ทิ้งให้ไปเป็นฝ่ายค้านร่วมกับเพื่อไทย - อนาคตใหม่   ให้ฝ่ายค้านอ่อนแอเล่น ๆ

หากถึงตอนนั้น  สุเทพมีหวังร้องหาใบบัวบก
ข้อหากบฎแลกเพื่อหวังกลับเข้าสู่อำนาจรัฐ  ปัดเป่าทุกคดี  มีผลประโยชน์  กลับโดนปล่อยวัดนี่

จะสงสาร หรือ สมน้ำหน้า ?



ส่วนตัวผม  ผมเชื่อว่าสุเทพจะโดนหนักขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะผมเชื่อว่าผลพวงจากการแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อปี 2552   ถึงเวลาทำงานแล้ว

จะเป็นอย่างที่ผมคิดผมเชื่อไหม

อีกไม่นาน...