Shoplifters ให้ความรู้สึกคล้ายกับกำลังอ่านเรียงความเรื่อง ‘ครอบครัวของฉัน’ ผ่านมุมมองที่ตัวละครแต่ละตัวค่อยๆ เล่ามันออกมาผ่านการกระทำและบทสนทนาระหว่างกัน
และนี่คือสมาชิก ‘ครอบครัวที่ลัก’ จากมุมมองที่ฉันสัมผัส
ความเป็น ‘พ่อ’ ขโมยกันได้ไหม
พ่อ , โอซามุ / แสดงโดย Lily Franky
ถ้าเทียบกับตัวละครคุณพ่อ (ไม่เอาไหน) ทั้งหมดที่ผ่านมาในหนังโครีเอดะ ฉันคิดว่าคุณพ่อนักลักขโมยคนนี้ คือคุณพ่อที่ ‘เอาไหน’ ที่สุด ท่ามกลางคุณสมบัติที่ไม่พร้อมแม้กระทั่งจะเป็นคนดีในสายตาของสังคม แต่ในฐานะพ่อของโชตะ สิ่งเดียวที่เขาภูมิใจในตัวเองได้คือการเป็นนักลักขโมยเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังไม่เคยโดนจับได้ เขาจึงถ่ายทอดวิชาเดียวที่ตัวเองมีให้กับลูกชาย
การพร่ำสอนโชตะว่า ‘คนที่ไปโรงเรียนคือคนที่เรียนหนังสือที่บ้านไม่ได้’ สะท้อนว่าตัวเขาเองเป็นเช่นเด็กบางส่วนของสังคมที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา หรืออาจจะไม่เก่งพอที่จะอยู่รอดได้ในระบบนี้ เมื่อเติบโตมาจึงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้ในสังคม จับพลัดจับผลูเป็นอาชญากรหลบหนี หาเงินไม่เก่ง เป็นได้แค่คนงานก่อสร้างบ้านที่ตัวเองไม่เคยมี แถมยังโชคร้ายบาดเจ็บจนต้องพักงานซะอีก
แม้ตัวละครพ่อคนนี้จะเป็นภาพฉายของสังคมที่เหลื่อมล้ำ แต่ผิดไหมที่เขาใฝ่ฝันจะเป็นพ่อที่ดีของใครสักคน หลายฉากในหนัง ไม่ว่าจะเป็นการถามลูกชายเสมอถึงการเรียกคำว่า ‘พ่อ’ การสอนและถ่ายทอดความรู้นอกระบบต่างๆ ให้กับลูก คือความต้องการที่เรียบง่ายของชายคนหนึ่ง ที่รู้ตัวแล้วว่าคงหลบหนีออกไปจากชีวิตนอกระบบแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วตลอดชีวิต
‘ปลาใหญ่’ อยู่ฝูงเดียวกับปลาเล็กได้หรือ
โชตะ / แสดงโดย Jyo Kairi
โชตะปรากฏตัวในฐานะลูกชายของนักลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งทำงานเข้าขากันได้ดีกับพ่อของเขา ช่วงต้นเรื่อง เราไม่สงสัยในความสัมพันธ์พ่อลูกของทั้งสอง จนความสงสัยค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดละน้อย เมื่อเด็กสาวตัวเล็กถูกรับเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน
เราสัมผัสถึงความเป็นลูกในตัวของโชตะชัดเจน สังเกตได้จากการที่เขาไม่ยอมรับเด็กหญิงมาเป็นน้องสาวในตอนแรก จนพ่อต้องไปตามกลับบ้าน แต่ขณะเดียวกัน ตัวโชตะเองกลับไม่อาจเรียกคำว่าพ่อได้เต็มปาก คล้ายว่าจะสงสัยในที่มาของตัวเอง แล้ววันหนึ่งความสัมพันธ์พ่อลูกก็เริ่มสั่นคลอนลง เมื่อโชตะเริ่มไม่แน่ใจว่าบุคคลที่เขานับถือว่าเป็นพ่อ ได้ช่วยเหลือเขามาจากการถูกทอดทิ้ง หรือว่าที่จริงเป็นความจับพลัดจับผลูจากการทุบกระจกรถเพื่อขโมยของกันแน่
บทสนทนาระหว่างโชตะกับพ่อที่น่าประทับใจครั้งหนึ่ง เขาพูดถึง ‘สวิมมี่’ ฝูงปลาตัวเล็กๆ ที่เอาชนะปลาทูน่าตัวใหญ่ได้ สำหรับเรา เมื่อตามเรื่องไปสักพัก กลับรู้สึกว่าที่จริงแล้วโชตะไม่ใช่ปลาเล็ก เขาน่าจะเป็นเด็กหัวดีจากครอบครัวมีฐานะซึ่งเปรียบเหมือน ‘ปลาใหญ่’ ในสังคม ที่ดันพลัดหลงมาอยู่ร่วมกับครอบครัวที่เหมือนฝูง ‘ปลาเล็ก’ ในสังคมเดียวกัน เขาคือเด็กชายที่กำลังเติบโต เริ่มตั้งคำถามไปวัยของตนว่าตัวเองมาจากไหน ครอบครัวคืออะไร และการเอาตัวรอดต่อไปด้วยอาชีพลักขโมยที่พ่อสอนมานั้นถูกต้องหรือไม่
ที่สุดแล้ว แม้โชตะจะหลุดออกจากครอบครัวลักขโมย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่กลับไปใช้ชีวิตร่วมกับปลาใหญ่ได้อีก ฉากเศร้าที่สุดของเรา คือฉากสุดท้ายระหว่างพ่อลูกขณะนอนบนหมอนใบเดียวกัน ที่ฝ่ายพ่อเลือกตัดความสัมพันธ์กับโชตะด้วยการพูดโกหกตัดเยื่อใย ก่อนที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะละลายหายไปในสักวัน เช่นเดียวกับตุ๊กตาหิมะในคืนนั้น
จริงไหม ที่ผู้ให้กำเนิดทุกคนเป็น ‘แม่’
แม่ / แสดงโดย Ando Sakura
ตัวละครหญิงที่เปิดตัวมาในเรื่องราวแบบเงียบๆ ราวกับไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เมื่อถึงช่วยท้ายของเรื่อง ความจริงได้กลับกลายเป็นว่า เธอคือต้นตอทุกอย่างของความสัมพันธ์อบอุ่นอย่างแปลกประหลาดในครอบครัวนี้ และมันคือสิ่งที่เธอ ‘เลือกเอง’ เพื่อให้ได้มันมา
สังเกตจากมุมมองของคนภายนอก เธอคือคู่ชีวิตของหัวขโมยที่ไม่เอาไหน และตัวเธอเองก็เป็นนักลักเล็กขโมยน้อยเช่นกัน แต่มันต่างกันตรงที่เธอไม่ได้ขโมยของในที่สาธารณะ แต่ฉวยโอกาสลักของที่ติดมาในเสื้อผ้าของคนที่ส่งมาซักรีด บางครั้งอาจจะเป็นลิปสติกหรือเข็มกลัดติดเนคไทเล็กๆ ที่ติดมาในกระเป๋ากางเกง ซึ่งดูเป็นเรื่องเล็กๆ ใช่ไหมล่ะ
ทว่า ไม่ใช่เพียงแค่นั้น นอกเหนือจากทรัพย์สินเล็กน้อยที่เธอเอามาครอบครองอย่างไม่ถูกต้อง เธอคือคนที่กอดเด็กผู้หญิงตัวเล็กแน่นอยู่ในอ้อมแขน ในจังหวะที่กำลังจะนำเด็กหญิงไปส่งคืนสู่ครอบครัว เสียงทะเลาะวิวาทที่ดังออกมาจากบ้านหลังนั้น น่าจะทำให้เธอหวนระลึกถึงเรื่องราวของตัวเองในวัยเด็ก
มีหลายฉากที่ทำให้เราแน่ใจว่าเธอน่าจะโตมาในครอบครัวที่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอพูดกับแฟนหัวขโมยว่า “เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะห่วงใยคนอื่น” หรือตอนที่เธอเผาเสื้อผ้าชุดเก่าของหลินทิ้ง กอดหลินต่อหน้ากองไฟที่มอดไหม้ และพูดใส่หูของเด็กหญิงตัวน้อยว่านั่นไม่ใช่ครอบครัวหรอก
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณย่าก็ละเอียดอ่อนเช่นกัน หลายครั้งที่ทั้งสองจะเดินอยู่ข้างหลังครอบครัวและพูดคุยกันสองต่อสอง ด้วยบทสนทนาแปลกๆ ทำนองว่า เด็กหญิงคนนี้จะมาช่วยเติม ‘สายใย’ ของความเป็นครอบครัวให้เต็มได้
เพียงแต่ว่าในตอนจบเรากลับพบว่า การได้มาของทุกสิ่งในครอบครัวทั้ง แฟนหัวขโมย โชตะ คุณย่า อากิ บ้านหลังนี้ เงินบำนาญคุณย่า รวมทั้งเด็กหญิงที่เธออยากรับมาเป็นลูกสาว และสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีกว่าแม่ที่แท้จริง กลับเป็นการได้มาอย่างไม่ถูกต้องทั้งหมด แถมเธอยังเป็นฆาตกรด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่เธอ ‘เลือก’ ให้มาเป็นของตัวเอง
“เด็กคนนั้นเคยเรียกคุณว่าแม่หรือ” ตำรวจถาม
“นั่นสินะ” เธอตอบ หลังจากเงียบไปนาน หยดน้ำตาพรั่งพรู
ในท่ามกลางความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของเธอ ฉันก็ยังรักตัวละครนี้อยู่ดี และนึกขอบคุณที่เธอเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังทุกอย่างให้เกิดขึ้นมา หากเรา ‘เลือก’ ครอบครัวของตัวเองได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ดีเหลือเกิน
ใครกันแน่คือ ‘ผู้ถูกทอดทิ้ง’
ย่า / แสดงโดย Kiki Kilin
เธอคือคุณย่าเจ้าของ ‘บ้าน’ สถานที่เป็นต้นกำเนิดของความสัมพันธ์ของกลุ่มคนกลุ่มนี้ เป็นคุณย่าที่ใจดีและมีหัวใจที่อบอุ่น คุณย่าเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นบาดแผลเล็กๆ รอบตัวเด็กผู้หญิงแปลกหน้าที่ถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาร่วมมื้ออาหารในบ้าน ทำให้เราเข้าใจไปเองในตอนแรกว่า คุณย่าน่าจะเป็นคนดูแลกลุ่มคนที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้
แต่เรื่องราวที่แท้ของคุณย่ากลับไม่ได้ถูกเล่ามากนัก เรารู้เพียงว่าเธอได้เบี้ยเลี้ยงจากรัฐและลูกชายที่ไม่ดูแล เราได้แต่คาดเดาเอาถึงความสัมพันธ์ของคุณย่ากับหลานสาวที่ชื่อ ‘อากิ’ และความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนมีผลประโยชน์ระหว่างกันกับตัวละคร ‘แม่’ จนกระทั่งได้คำตอบที่หักมุมในตอนท้ายของเรื่องว่า ที่จริงแล้ว คุณย่าต่างหากที่เป็นผู้ถูกทอดทิ้ง
เธอคือคุณย่าคนหนึ่ง ที่สามีไปมีภรรยาใหม่แล้วก็เสียชีวิตไปเสียก่อน ส่วนลูกชายของเธอนั้นก็ไม่เหลียวแลความเป็นอยู่ เพียงส่งสตางค์ให้ด้วยความรู้สึกผิดเท่านั้น ชีวิตของคุณย่าก่อนหน้านี้นั้นเฉกเช่นผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย และไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัว
เราไม่รู้ว่า การเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของคู่นักลักขโมยแปลกหน้าทั้งสองมีเจตนาอย่างไรในตอนแรก แต่ความสัมพันธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นให้กับบ้านของคุณย่าหลังนี้ มันค่อยๆ สะสมจนเกิดเป็นสายใยที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งปรากฏชัดเมื่อเด็กสาวตัวเล็ก ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกคนสุดท้ายที่สร้างรอยยิ้มและเติมเต็มความเป็นบ้าน
“ขอบคุณนะ” ประโยคสุดท้ายที่คุณย่าพูดในลำคอเบาๆ ขณะที่มองครอบครัวของเธอเล่นน้ำอยู่ริมชายหาด เป็นคำพูดที่มาจากความเต็มตื้นในหัวใจว่าอย่างน้อยที่สุด ในวาระสุดท้ายของชีวิต เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
เงินซื้อ ‘ความรัก’ ได้หรือเปล่า
อากิ / แสดงโดย Matsuoka Mayu
เด็กสาววัยรุ่นที่มีปมปัญหาจากครอบครัว เธอมาร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังนี้โดยที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป รู้เพียงว่าเธอสนิทสนมกับคุณย่าเป็นพิเศษ และการที่เธอใส่ชุดนักเรียนมัธยมนั้นไม่ได้แปลว่าเธอไปเรียนหนังสือ แต่เธออาจจะไปหาลำไพ่พิเศษจากอาชีพที่เด็กสาวปกติคงไม่ทำกัน
คำถามหนึ่งที่เธอถามขึ้นกับโอซามุ ว่า “ความรักของพวกเขา ผูกพันกันด้วยอะไร” การที่โอซามุตอบว่าความรักของเขาเป็นมากกว่าเรื่องเซ็กส์หรือเรื่องเงิน เป็นสิ่งที่อากิฟังคำตอบแล้ว เธอแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลย เพราะสำหรับเธอแล้ว เชื่อว่าอาจจะเป็นเงินเท่านั้นที่จะเป็นสิ่งเชื่อมโยงความสัมพันธ์เอาไว้ได้
สำหรับอากิ การที่เธอหนีออกจากบ้าน หนีออกจากความจริงที่เธออิจฉาน้องสาวที่ชื่อซายากะ มาอยู่กับคุณย่าที่เธอไม่ได้ผูกพันทางสายเลือดโดยตรง อาจจะทำให้เธอรู้สึกถึงการเป็นครอบครัวมากกว่าการอยู่บ้านที่แท้จริง และการทำงานในสถานที่อโคจรนั้นก็ทำให้เธอได้พบกับลูกค้าที่เป็นชายหนุ่มไร้เสียง ที่อาจทำให้เธอได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ความรักและความอบอุ่นที่ไม่มีเงื่อนไข นั้นมีอยู่จริง
ทว่า ท้ายที่สุด ตำรวจกลับบอกกับอากิเมื่อเรื่องราวคลี่คลายว่า คุณย่าชวนเธอมาอยู่บ้าน เพียงเพื่อต้องการจะรับเงินเบี้ยเลี้ยงจากพ่อของเธอ (ที่รู้กันแบบลับๆ ว่าอากิหนีมาอยู่ด้วย) เท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งที่ตำรวจพูดจะจริงหรือไม่ นั่นคงจะทำให้เธอหัวใจสลายพอสมควร
ในฉากท้ายๆ หนังไม่ได้บอกเราแน่ชัดว่า อะไรที่ทำให้อากิกลับมาเยือนที่บ้านอันว่างเปล่าของคุณย่าอีกครั้ง ไม่ใช่ความรักและความอบอุ่นที่ไม่มีเงื่อนไขในบ้านหลังนี้หรอกหรือ ที่เธอถวิลหา
‘คุณจะไม่ตีหนูใช่ไหม’
ยูริ , หลิน / แสดงโดย Sasaki Miyu
เด็กหญิงตัวน้อย รอยแผลเต็มตัว บทพูดเพียงน้อยนิด แต่เธอคือกุญแจของเรื่องราวในครอบครัวนี้ หลังจากที่ยูริถูกทอดทิ้งไว้หน้าประตูบ้านให้หิวโหยและเหน็บหนาว จนโชตะและพ่อผ่านมาเห็นหลายวันเข้าก็ทนไม่ได้ เธอจึงค่อยๆ กลายมาเป็นสมาชิกในบ้านซอมซ่อหลังนี้
ยูริเป็นเด็กน้อยที่มีจิตใจอ่อนโยนต่อผู้อื่น เธอนั่งคอยเป็นห่วงเมื่อโชตะไม่ยอมกลับบ้าน เพราะเธอน่าจะเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของคุณยาย แต่เมื่อคุณยายจากไป เธอจึงตกนรกทั้งเป็นเมื่ออยู่กับแม่ใจร้าย ถึงความจริงจะโหดร้าย แต่ยูริก็ไม่เคยพูดถึงแม่ในทางไม่ดีสักครั้ง เธอบอกเพียงว่า แม่ของเธอใจดี และชอบซื้อชุดสวยๆ ให้
เมื่อเรื่องราวของยูริถูกปะติดปะต่อให้ได้รู้ว่า แม่ที่แท้จริงของเธอนั้นเป็นคนทำร้ายให้เธอบาดเจ็บ แม่ที่ไม่แท้จริง ก็รับเธอเป็นลูกสาว เผาชุดนอนเก่าทิ้ง ตัดผม แล้วก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘หลิน’
บาดแผลจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ คือจุดร่วมที่ทำให้แม่ที่ไม่แท้จริงคนนี้รักหลิน และเลือกให้เธอมาเป็นลูกของตัวเอง ดีกว่าให้หลินตกอยู่ในครอบครัวที่จะทำให้เธอเจ็บปวดไปกว่าเดิม นอกจากฉากอาบน้ำกับแม่ที่เราคิดว่ามันดีมากๆ เรายังสะเทือนใจกับฉากในห้องลองชุดว่ายน้ำ ที่หลินถามแม่คนใหม่ของเธอว่า “คุณจะไม่ตีหนูใช่ไหม”
ท้ายที่สุดแล้ว หลินกลับไปเป็นยูริ กลับไปใช้ชีวิตกับแม่ที่แท้จริงของเธอ แต่ยูริไม่กลับไปเป็นยูริคนเดิมอีกต่อไป เธอไม่เชื่อแม่ที่หลอกว่าจะซื้อชุดสวยให้ แล้วเรียกเธอเข้าไปใกล้ๆ เพื่อทำร้ายอีกแล้ว ในฉากสุดท้ายที่ยูริเหม่อมองออกไปนอกระเบียง เราเชื่อว่า ยูริคิดถึงชีวิตช่วงที่เธอได้กลายเป็นเด็กน้อยที่ชื่อว่า หลิน ในครอบครัวกำมะลอนั้น
หนึ่งสองสาม ปลาฉลามขึ้นบก
สี่ห้าหก จิ้งจกยัดไส้
เจ็ดแปดเก้าเธอคิดถึงใคร
สิบรู้ไหม ฉันคิดถึง...
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/
6 สมาชิกใน Shoplifters ‘ครอบครัวที่ลัก’ ที่เรารัก (Spoil)
Shoplifters ให้ความรู้สึกคล้ายกับกำลังอ่านเรียงความเรื่อง ‘ครอบครัวของฉัน’ ผ่านมุมมองที่ตัวละครแต่ละตัวค่อยๆ เล่ามันออกมาผ่านการกระทำและบทสนทนาระหว่างกัน
และนี่คือสมาชิก ‘ครอบครัวที่ลัก’ จากมุมมองที่ฉันสัมผัส
ความเป็น ‘พ่อ’ ขโมยกันได้ไหม
พ่อ , โอซามุ / แสดงโดย Lily Franky
ถ้าเทียบกับตัวละครคุณพ่อ (ไม่เอาไหน) ทั้งหมดที่ผ่านมาในหนังโครีเอดะ ฉันคิดว่าคุณพ่อนักลักขโมยคนนี้ คือคุณพ่อที่ ‘เอาไหน’ ที่สุด ท่ามกลางคุณสมบัติที่ไม่พร้อมแม้กระทั่งจะเป็นคนดีในสายตาของสังคม แต่ในฐานะพ่อของโชตะ สิ่งเดียวที่เขาภูมิใจในตัวเองได้คือการเป็นนักลักขโมยเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังไม่เคยโดนจับได้ เขาจึงถ่ายทอดวิชาเดียวที่ตัวเองมีให้กับลูกชาย
การพร่ำสอนโชตะว่า ‘คนที่ไปโรงเรียนคือคนที่เรียนหนังสือที่บ้านไม่ได้’ สะท้อนว่าตัวเขาเองเป็นเช่นเด็กบางส่วนของสังคมที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงการศึกษา หรืออาจจะไม่เก่งพอที่จะอยู่รอดได้ในระบบนี้ เมื่อเติบโตมาจึงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้ในสังคม จับพลัดจับผลูเป็นอาชญากรหลบหนี หาเงินไม่เก่ง เป็นได้แค่คนงานก่อสร้างบ้านที่ตัวเองไม่เคยมี แถมยังโชคร้ายบาดเจ็บจนต้องพักงานซะอีก
แม้ตัวละครพ่อคนนี้จะเป็นภาพฉายของสังคมที่เหลื่อมล้ำ แต่ผิดไหมที่เขาใฝ่ฝันจะเป็นพ่อที่ดีของใครสักคน หลายฉากในหนัง ไม่ว่าจะเป็นการถามลูกชายเสมอถึงการเรียกคำว่า ‘พ่อ’ การสอนและถ่ายทอดความรู้นอกระบบต่างๆ ให้กับลูก คือความต้องการที่เรียบง่ายของชายคนหนึ่ง ที่รู้ตัวแล้วว่าคงหลบหนีออกไปจากชีวิตนอกระบบแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วตลอดชีวิต
‘ปลาใหญ่’ อยู่ฝูงเดียวกับปลาเล็กได้หรือ
โชตะ / แสดงโดย Jyo Kairi
โชตะปรากฏตัวในฐานะลูกชายของนักลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งทำงานเข้าขากันได้ดีกับพ่อของเขา ช่วงต้นเรื่อง เราไม่สงสัยในความสัมพันธ์พ่อลูกของทั้งสอง จนความสงสัยค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดละน้อย เมื่อเด็กสาวตัวเล็กถูกรับเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน
เราสัมผัสถึงความเป็นลูกในตัวของโชตะชัดเจน สังเกตได้จากการที่เขาไม่ยอมรับเด็กหญิงมาเป็นน้องสาวในตอนแรก จนพ่อต้องไปตามกลับบ้าน แต่ขณะเดียวกัน ตัวโชตะเองกลับไม่อาจเรียกคำว่าพ่อได้เต็มปาก คล้ายว่าจะสงสัยในที่มาของตัวเอง แล้ววันหนึ่งความสัมพันธ์พ่อลูกก็เริ่มสั่นคลอนลง เมื่อโชตะเริ่มไม่แน่ใจว่าบุคคลที่เขานับถือว่าเป็นพ่อ ได้ช่วยเหลือเขามาจากการถูกทอดทิ้ง หรือว่าที่จริงเป็นความจับพลัดจับผลูจากการทุบกระจกรถเพื่อขโมยของกันแน่
บทสนทนาระหว่างโชตะกับพ่อที่น่าประทับใจครั้งหนึ่ง เขาพูดถึง ‘สวิมมี่’ ฝูงปลาตัวเล็กๆ ที่เอาชนะปลาทูน่าตัวใหญ่ได้ สำหรับเรา เมื่อตามเรื่องไปสักพัก กลับรู้สึกว่าที่จริงแล้วโชตะไม่ใช่ปลาเล็ก เขาน่าจะเป็นเด็กหัวดีจากครอบครัวมีฐานะซึ่งเปรียบเหมือน ‘ปลาใหญ่’ ในสังคม ที่ดันพลัดหลงมาอยู่ร่วมกับครอบครัวที่เหมือนฝูง ‘ปลาเล็ก’ ในสังคมเดียวกัน เขาคือเด็กชายที่กำลังเติบโต เริ่มตั้งคำถามไปวัยของตนว่าตัวเองมาจากไหน ครอบครัวคืออะไร และการเอาตัวรอดต่อไปด้วยอาชีพลักขโมยที่พ่อสอนมานั้นถูกต้องหรือไม่
ที่สุดแล้ว แม้โชตะจะหลุดออกจากครอบครัวลักขโมย แต่เขาก็เลือกที่จะไม่กลับไปใช้ชีวิตร่วมกับปลาใหญ่ได้อีก ฉากเศร้าที่สุดของเรา คือฉากสุดท้ายระหว่างพ่อลูกขณะนอนบนหมอนใบเดียวกัน ที่ฝ่ายพ่อเลือกตัดความสัมพันธ์กับโชตะด้วยการพูดโกหกตัดเยื่อใย ก่อนที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะละลายหายไปในสักวัน เช่นเดียวกับตุ๊กตาหิมะในคืนนั้น
จริงไหม ที่ผู้ให้กำเนิดทุกคนเป็น ‘แม่’
แม่ / แสดงโดย Ando Sakura
ตัวละครหญิงที่เปิดตัวมาในเรื่องราวแบบเงียบๆ ราวกับไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เมื่อถึงช่วยท้ายของเรื่อง ความจริงได้กลับกลายเป็นว่า เธอคือต้นตอทุกอย่างของความสัมพันธ์อบอุ่นอย่างแปลกประหลาดในครอบครัวนี้ และมันคือสิ่งที่เธอ ‘เลือกเอง’ เพื่อให้ได้มันมา
สังเกตจากมุมมองของคนภายนอก เธอคือคู่ชีวิตของหัวขโมยที่ไม่เอาไหน และตัวเธอเองก็เป็นนักลักเล็กขโมยน้อยเช่นกัน แต่มันต่างกันตรงที่เธอไม่ได้ขโมยของในที่สาธารณะ แต่ฉวยโอกาสลักของที่ติดมาในเสื้อผ้าของคนที่ส่งมาซักรีด บางครั้งอาจจะเป็นลิปสติกหรือเข็มกลัดติดเนคไทเล็กๆ ที่ติดมาในกระเป๋ากางเกง ซึ่งดูเป็นเรื่องเล็กๆ ใช่ไหมล่ะ
ทว่า ไม่ใช่เพียงแค่นั้น นอกเหนือจากทรัพย์สินเล็กน้อยที่เธอเอามาครอบครองอย่างไม่ถูกต้อง เธอคือคนที่กอดเด็กผู้หญิงตัวเล็กแน่นอยู่ในอ้อมแขน ในจังหวะที่กำลังจะนำเด็กหญิงไปส่งคืนสู่ครอบครัว เสียงทะเลาะวิวาทที่ดังออกมาจากบ้านหลังนั้น น่าจะทำให้เธอหวนระลึกถึงเรื่องราวของตัวเองในวัยเด็ก
มีหลายฉากที่ทำให้เราแน่ใจว่าเธอน่าจะโตมาในครอบครัวที่บกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอพูดกับแฟนหัวขโมยว่า “เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะห่วงใยคนอื่น” หรือตอนที่เธอเผาเสื้อผ้าชุดเก่าของหลินทิ้ง กอดหลินต่อหน้ากองไฟที่มอดไหม้ และพูดใส่หูของเด็กหญิงตัวน้อยว่านั่นไม่ใช่ครอบครัวหรอก
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุณย่าก็ละเอียดอ่อนเช่นกัน หลายครั้งที่ทั้งสองจะเดินอยู่ข้างหลังครอบครัวและพูดคุยกันสองต่อสอง ด้วยบทสนทนาแปลกๆ ทำนองว่า เด็กหญิงคนนี้จะมาช่วยเติม ‘สายใย’ ของความเป็นครอบครัวให้เต็มได้
เพียงแต่ว่าในตอนจบเรากลับพบว่า การได้มาของทุกสิ่งในครอบครัวทั้ง แฟนหัวขโมย โชตะ คุณย่า อากิ บ้านหลังนี้ เงินบำนาญคุณย่า รวมทั้งเด็กหญิงที่เธออยากรับมาเป็นลูกสาว และสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีกว่าแม่ที่แท้จริง กลับเป็นการได้มาอย่างไม่ถูกต้องทั้งหมด แถมเธอยังเป็นฆาตกรด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่เธอ ‘เลือก’ ให้มาเป็นของตัวเอง
“เด็กคนนั้นเคยเรียกคุณว่าแม่หรือ” ตำรวจถาม
“นั่นสินะ” เธอตอบ หลังจากเงียบไปนาน หยดน้ำตาพรั่งพรู
ในท่ามกลางความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของเธอ ฉันก็ยังรักตัวละครนี้อยู่ดี และนึกขอบคุณที่เธอเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังทุกอย่างให้เกิดขึ้นมา หากเรา ‘เลือก’ ครอบครัวของตัวเองได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ดีเหลือเกิน
ใครกันแน่คือ ‘ผู้ถูกทอดทิ้ง’
ย่า / แสดงโดย Kiki Kilin
เธอคือคุณย่าเจ้าของ ‘บ้าน’ สถานที่เป็นต้นกำเนิดของความสัมพันธ์ของกลุ่มคนกลุ่มนี้ เป็นคุณย่าที่ใจดีและมีหัวใจที่อบอุ่น คุณย่าเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นบาดแผลเล็กๆ รอบตัวเด็กผู้หญิงแปลกหน้าที่ถูกเชื้อเชิญให้เข้ามาร่วมมื้ออาหารในบ้าน ทำให้เราเข้าใจไปเองในตอนแรกว่า คุณย่าน่าจะเป็นคนดูแลกลุ่มคนที่ถูกทอดทิ้งเหล่านี้
แต่เรื่องราวที่แท้ของคุณย่ากลับไม่ได้ถูกเล่ามากนัก เรารู้เพียงว่าเธอได้เบี้ยเลี้ยงจากรัฐและลูกชายที่ไม่ดูแล เราได้แต่คาดเดาเอาถึงความสัมพันธ์ของคุณย่ากับหลานสาวที่ชื่อ ‘อากิ’ และความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนมีผลประโยชน์ระหว่างกันกับตัวละคร ‘แม่’ จนกระทั่งได้คำตอบที่หักมุมในตอนท้ายของเรื่องว่า ที่จริงแล้ว คุณย่าต่างหากที่เป็นผู้ถูกทอดทิ้ง
เธอคือคุณย่าคนหนึ่ง ที่สามีไปมีภรรยาใหม่แล้วก็เสียชีวิตไปเสียก่อน ส่วนลูกชายของเธอนั้นก็ไม่เหลียวแลความเป็นอยู่ เพียงส่งสตางค์ให้ด้วยความรู้สึกผิดเท่านั้น ชีวิตของคุณย่าก่อนหน้านี้นั้นเฉกเช่นผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย และไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัว
เราไม่รู้ว่า การเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของคู่นักลักขโมยแปลกหน้าทั้งสองมีเจตนาอย่างไรในตอนแรก แต่ความสัมพันธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นให้กับบ้านของคุณย่าหลังนี้ มันค่อยๆ สะสมจนเกิดเป็นสายใยที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งปรากฏชัดเมื่อเด็กสาวตัวเล็ก ก้าวเข้ามาเป็นสมาชิกคนสุดท้ายที่สร้างรอยยิ้มและเติมเต็มความเป็นบ้าน
“ขอบคุณนะ” ประโยคสุดท้ายที่คุณย่าพูดในลำคอเบาๆ ขณะที่มองครอบครัวของเธอเล่นน้ำอยู่ริมชายหาด เป็นคำพูดที่มาจากความเต็มตื้นในหัวใจว่าอย่างน้อยที่สุด ในวาระสุดท้ายของชีวิต เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
เงินซื้อ ‘ความรัก’ ได้หรือเปล่า
อากิ / แสดงโดย Matsuoka Mayu
เด็กสาววัยรุ่นที่มีปมปัญหาจากครอบครัว เธอมาร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังนี้โดยที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป รู้เพียงว่าเธอสนิทสนมกับคุณย่าเป็นพิเศษ และการที่เธอใส่ชุดนักเรียนมัธยมนั้นไม่ได้แปลว่าเธอไปเรียนหนังสือ แต่เธออาจจะไปหาลำไพ่พิเศษจากอาชีพที่เด็กสาวปกติคงไม่ทำกัน
คำถามหนึ่งที่เธอถามขึ้นกับโอซามุ ว่า “ความรักของพวกเขา ผูกพันกันด้วยอะไร” การที่โอซามุตอบว่าความรักของเขาเป็นมากกว่าเรื่องเซ็กส์หรือเรื่องเงิน เป็นสิ่งที่อากิฟังคำตอบแล้ว เธอแทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลย เพราะสำหรับเธอแล้ว เชื่อว่าอาจจะเป็นเงินเท่านั้นที่จะเป็นสิ่งเชื่อมโยงความสัมพันธ์เอาไว้ได้
สำหรับอากิ การที่เธอหนีออกจากบ้าน หนีออกจากความจริงที่เธออิจฉาน้องสาวที่ชื่อซายากะ มาอยู่กับคุณย่าที่เธอไม่ได้ผูกพันทางสายเลือดโดยตรง อาจจะทำให้เธอรู้สึกถึงการเป็นครอบครัวมากกว่าการอยู่บ้านที่แท้จริง และการทำงานในสถานที่อโคจรนั้นก็ทำให้เธอได้พบกับลูกค้าที่เป็นชายหนุ่มไร้เสียง ที่อาจทำให้เธอได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่า ความรักและความอบอุ่นที่ไม่มีเงื่อนไข นั้นมีอยู่จริง
ทว่า ท้ายที่สุด ตำรวจกลับบอกกับอากิเมื่อเรื่องราวคลี่คลายว่า คุณย่าชวนเธอมาอยู่บ้าน เพียงเพื่อต้องการจะรับเงินเบี้ยเลี้ยงจากพ่อของเธอ (ที่รู้กันแบบลับๆ ว่าอากิหนีมาอยู่ด้วย) เท่านั้นเอง ไม่ว่าสิ่งที่ตำรวจพูดจะจริงหรือไม่ นั่นคงจะทำให้เธอหัวใจสลายพอสมควร
ในฉากท้ายๆ หนังไม่ได้บอกเราแน่ชัดว่า อะไรที่ทำให้อากิกลับมาเยือนที่บ้านอันว่างเปล่าของคุณย่าอีกครั้ง ไม่ใช่ความรักและความอบอุ่นที่ไม่มีเงื่อนไขในบ้านหลังนี้หรอกหรือ ที่เธอถวิลหา
‘คุณจะไม่ตีหนูใช่ไหม’
ยูริ , หลิน / แสดงโดย Sasaki Miyu
เด็กหญิงตัวน้อย รอยแผลเต็มตัว บทพูดเพียงน้อยนิด แต่เธอคือกุญแจของเรื่องราวในครอบครัวนี้ หลังจากที่ยูริถูกทอดทิ้งไว้หน้าประตูบ้านให้หิวโหยและเหน็บหนาว จนโชตะและพ่อผ่านมาเห็นหลายวันเข้าก็ทนไม่ได้ เธอจึงค่อยๆ กลายมาเป็นสมาชิกในบ้านซอมซ่อหลังนี้
ยูริเป็นเด็กน้อยที่มีจิตใจอ่อนโยนต่อผู้อื่น เธอนั่งคอยเป็นห่วงเมื่อโชตะไม่ยอมกลับบ้าน เพราะเธอน่าจะเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของคุณยาย แต่เมื่อคุณยายจากไป เธอจึงตกนรกทั้งเป็นเมื่ออยู่กับแม่ใจร้าย ถึงความจริงจะโหดร้าย แต่ยูริก็ไม่เคยพูดถึงแม่ในทางไม่ดีสักครั้ง เธอบอกเพียงว่า แม่ของเธอใจดี และชอบซื้อชุดสวยๆ ให้
เมื่อเรื่องราวของยูริถูกปะติดปะต่อให้ได้รู้ว่า แม่ที่แท้จริงของเธอนั้นเป็นคนทำร้ายให้เธอบาดเจ็บ แม่ที่ไม่แท้จริง ก็รับเธอเป็นลูกสาว เผาชุดนอนเก่าทิ้ง ตัดผม แล้วก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ‘หลิน’
บาดแผลจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ คือจุดร่วมที่ทำให้แม่ที่ไม่แท้จริงคนนี้รักหลิน และเลือกให้เธอมาเป็นลูกของตัวเอง ดีกว่าให้หลินตกอยู่ในครอบครัวที่จะทำให้เธอเจ็บปวดไปกว่าเดิม นอกจากฉากอาบน้ำกับแม่ที่เราคิดว่ามันดีมากๆ เรายังสะเทือนใจกับฉากในห้องลองชุดว่ายน้ำ ที่หลินถามแม่คนใหม่ของเธอว่า “คุณจะไม่ตีหนูใช่ไหม”
ท้ายที่สุดแล้ว หลินกลับไปเป็นยูริ กลับไปใช้ชีวิตกับแม่ที่แท้จริงของเธอ แต่ยูริไม่กลับไปเป็นยูริคนเดิมอีกต่อไป เธอไม่เชื่อแม่ที่หลอกว่าจะซื้อชุดสวยให้ แล้วเรียกเธอเข้าไปใกล้ๆ เพื่อทำร้ายอีกแล้ว ในฉากสุดท้ายที่ยูริเหม่อมองออกไปนอกระเบียง เราเชื่อว่า ยูริคิดถึงชีวิตช่วงที่เธอได้กลายเป็นเด็กน้อยที่ชื่อว่า หลิน ในครอบครัวกำมะลอนั้น
หนึ่งสองสาม ปลาฉลามขึ้นบก
สี่ห้าหก จิ้งจกยัดไส้
เจ็ดแปดเก้าเธอคิดถึงใคร
สิบรู้ไหม ฉันคิดถึง...
https://www.facebook.com/MyOwnPrivateFilm/