ด้วยการที่ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุมากขึ้นทุกปี รวมทั้งกระแสการรักษาสุขภาพที่มีมากขึ้นทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในหุ้นโรงพยาบาลที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยมต้องยกให้หุ้นโรงพยาบาลรามคำแหง
หุ้นตัวนี้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้มากถึง 300 เท่าในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา เติบโตจากโรงพยาบาลเล็กๆที่ก่อตั้งเมื่อปี 2531 โดยกลุ่มแพทย์ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาในตอนเริ่มต้นมีจำนวนเตียงอยู่ 115 เตียงแต่ในปัจจุบันมีมากถึง 486 เตียง (เฉพาะของโรงพยาบาลรามคำแหง)
โรงพยาบาลรามคำแหงยังมีบริษัทย่อยในเครือที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งดังนี้
โรงพยาบาลสินแพทย์ จำนวน 287 เตียงบริษัทถือหุ้นอยู่ 32.95%
โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำนวน 200 เตียงบริษัทถือหุ้นอยู่ 42.8%
โรงพยาบาลวิภาราม จำนวน 100 เตียงบริษัทถือหุ้นอยู่ 41.1%
โรงพยาบาลวิภาวดี จำนวน 264 เตียง บริษัทถือหุ้นอยู่ 7.08%
รายได้หลักๆมาจาก
ค่ายาและเวชภัณฑ์ 35.66%
ค่าตรวจรักษาและผ่าตัด 18.26%
ค่าเอ็กซเรย์และอุปกรณ์การแพทย์เท่าๆกัน 7.9%
บริษัทมีนโยบายให้บริษัทในเครือแยกกันบริหารจัดการเพื่อความคล่องตัวในแต่ละพื้นที่ แต่อาศัยเครือข่ายในการส่งคนไข้ระหว่างกัน นอกจากนี้การจัดซื้ออุปกรณ์ทางแพทย์และยารักษาโลกยังรวมศูนย์กลางมาจัดซื้อที่โรงพยาบาลรามคำแหงเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับผู้ขายอีกด้วย
รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องถ้ามองย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ปี 2551
ปี 2551 รายได้ 2,646 ล้านบาท กำไร 439 ล้านบาท
...
...
ปี 2558 รายได้ 3,394 ล้านบาท กำไร 1,018 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 3,806 ล้านบาท กำไร 1,138 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 3,810 ล้านบาท กำไร 1,327 ล้านบาท
หุ้นเข้าตลาดเมื่อปี 2534 ที่ราคา 68 บาทแต่พอช่วงต้มยำกุ้งราคาก็ตกลงมาเหลือแถวๆ 10 บาท หลังจากนั้นกำไรปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หุ้นขึ้นมาได้ 300 เท่าตัว ถ้าเทียบตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2017 กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปีแบบทบต้น
งบการเงินยังคงแข็งแกร่ง ด้วยอัตราทำกำไรเบื้องต้น 40.5% และอัตรากำไรสุทธิ 28.6%
หนี้สินอยู่ในระดับต่ำ (D/E เพียง 0.4 เท่า)
โรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดดีมาก ในช่วงปี 2551 - 2560 โรงพยาบาลรามคำแหงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากถึง 3,500 ล้านบาท
ข้อเสียอย่างเดียวที่มองเห็นคือเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อยมาก หุ้นในตลาดมีทั้งหมด 12 ล้านหุ้นส่วนมากอยู่ในมือของนักลงทุนรายใหญ่และคุณหมอผู้บริหาร ผมมองว่าโอกาสที่จะซื้อวอลุ่มเยอะๆน่าจะยาก
มองไปข้างหน้าธุรกิจโรงพยาบาลก็ยังน่าจะดีอยู่ ด้วยพีอี 23.8 เท่าก็น่าสนใจเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลเอกชนที่อื่น แต่เรื่องสภาพคล่องอย่างเดียวที่เป็นอุปสรรคหลักในการเลือกลงทุนหุ้นตัวนี้ #โรงพยาบาลราม #หุ้น300เท่า
หุ้น 300 เท่า - หุ้นโรงพยาบาลรามคำแหง (By Billionaire VI Page)
หุ้นตัวนี้สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้มากถึง 300 เท่าในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา เติบโตจากโรงพยาบาลเล็กๆที่ก่อตั้งเมื่อปี 2531 โดยกลุ่มแพทย์ร่วมกันจัดตั้งขึ้นมาในตอนเริ่มต้นมีจำนวนเตียงอยู่ 115 เตียงแต่ในปัจจุบันมีมากถึง 486 เตียง (เฉพาะของโรงพยาบาลรามคำแหง)
โรงพยาบาลรามคำแหงยังมีบริษัทย่อยในเครือที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่งดังนี้
โรงพยาบาลสินแพทย์ จำนวน 287 เตียงบริษัทถือหุ้นอยู่ 32.95%
โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม จำนวน 200 เตียงบริษัทถือหุ้นอยู่ 42.8%
โรงพยาบาลวิภาราม จำนวน 100 เตียงบริษัทถือหุ้นอยู่ 41.1%
โรงพยาบาลวิภาวดี จำนวน 264 เตียง บริษัทถือหุ้นอยู่ 7.08%
รายได้หลักๆมาจาก
ค่ายาและเวชภัณฑ์ 35.66%
ค่าตรวจรักษาและผ่าตัด 18.26%
ค่าเอ็กซเรย์และอุปกรณ์การแพทย์เท่าๆกัน 7.9%
บริษัทมีนโยบายให้บริษัทในเครือแยกกันบริหารจัดการเพื่อความคล่องตัวในแต่ละพื้นที่ แต่อาศัยเครือข่ายในการส่งคนไข้ระหว่างกัน นอกจากนี้การจัดซื้ออุปกรณ์ทางแพทย์และยารักษาโลกยังรวมศูนย์กลางมาจัดซื้อที่โรงพยาบาลรามคำแหงเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับผู้ขายอีกด้วย
รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องถ้ามองย้อนหลังกลับไปตั้งแต่ปี 2551
ปี 2551 รายได้ 2,646 ล้านบาท กำไร 439 ล้านบาท
...
...
ปี 2558 รายได้ 3,394 ล้านบาท กำไร 1,018 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 3,806 ล้านบาท กำไร 1,138 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 3,810 ล้านบาท กำไร 1,327 ล้านบาท
หุ้นเข้าตลาดเมื่อปี 2534 ที่ราคา 68 บาทแต่พอช่วงต้มยำกุ้งราคาก็ตกลงมาเหลือแถวๆ 10 บาท หลังจากนั้นกำไรปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หุ้นขึ้นมาได้ 300 เท่าตัว ถ้าเทียบตั้งแต่ปี 2008 ถึง 2017 กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปีแบบทบต้น
งบการเงินยังคงแข็งแกร่ง ด้วยอัตราทำกำไรเบื้องต้น 40.5% และอัตรากำไรสุทธิ 28.6%
หนี้สินอยู่ในระดับต่ำ (D/E เพียง 0.4 เท่า)
โรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดดีมาก ในช่วงปี 2551 - 2560 โรงพยาบาลรามคำแหงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากถึง 3,500 ล้านบาท
ข้อเสียอย่างเดียวที่มองเห็นคือเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อยมาก หุ้นในตลาดมีทั้งหมด 12 ล้านหุ้นส่วนมากอยู่ในมือของนักลงทุนรายใหญ่และคุณหมอผู้บริหาร ผมมองว่าโอกาสที่จะซื้อวอลุ่มเยอะๆน่าจะยาก
มองไปข้างหน้าธุรกิจโรงพยาบาลก็ยังน่าจะดีอยู่ ด้วยพีอี 23.8 เท่าก็น่าสนใจเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลเอกชนที่อื่น แต่เรื่องสภาพคล่องอย่างเดียวที่เป็นอุปสรรคหลักในการเลือกลงทุนหุ้นตัวนี้ #โรงพยาบาลราม #หุ้น300เท่า