น้ำตาซึม...คิดถึงเทวดาตัวน้อย
👶🏻 4 ปี 1 เดือน 28 วันที่เรารอคอย 👶🏻
เนื่องจากเราเป็นภาวะมีบุตรยาก มีซีสในมดลูก และประจำเดือนมาไม่ตรงกันสักเดือน จึงทำให้เราต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอดเพื่อตรวจ รักษาอาการมีบุตรยาก หมอแนะนำให้เราทำเด็กหลอดแก้ว แต่เรากับสามีเลือกที่จะปล่อยให้เค้ามาเองตามธรรมชาติ แล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง
😍😍😍😍
วินาทีแรกที่รู้ว่ามีแก้วตาดวงใจ 28/7/2561
บอกก่อนนะค่ะเราไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย นอกจากง่วงนอนมาก ขึ้นรถก็สลบไม่รู้ตัวเลย ด้วยความที่เราเป็นคนขี้นอนอยู่แล้วสามีจึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเรา วันนั้นใกล้สิ้นเดือนแล้วแต่ประจำเดือนเรายังไม่มา เราพูดขึ้นมาเล่นๆกับแฟนว่าลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดีไหมประจำเดือนยังไม่มาเลย จะครบเดือนแล้ว ด้วยความที่สามีก็ยังไม่อยากเข้าบ้านเลยคิดได้ว่าเอ่อไปซื้อมาตรวจดีกว่าขับรถเล่นเนอะยังไม่อยากกลับบ้าน ตอนนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. เภสัชถามว่าเอาแบบไหนดีมี 2 แบบ แบบจุ่มกับแบบหยด แต่แบบหยดจะแม่นยำกว่า ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไม่มากเราจึงเลือกแบบหยด เภสัชบอกว่าถ้าจะให้เห็นผลที่แม่นยำ ให้เราตรวจฉี่แรกในตอนเข้า เรากับสามีตื่นเต้นเลยไม่รอเวลา ปรากฎว่าขึ้น 2 ขีดชัดเจนมากจ้า วินาทีนั้นตกใจมาก อึ้งทำไรไม่ถูกไม่ทันตั้งตัว สามีแขนขาอ่อนแรงทันที นางดีใจมาก พอตั้งสติได้ เรากับสามียังไม่มั่นใจเลยพากันออกไปซื้อมาตรวจอีก 2 อัน กลับมาถึงบ้านด้วยอาการมือไม้สั่น แกะที่ตรวจอีกอันทันที ปรากฎว่า 2 ขีดอีกแล้ว ตอนนั้นความมั่นใจว่าเริ่มเพิ่มขึ้น เลยเอาอีกอันไว้ตรวจตอนเช้าฉี่แรก ระหว่างรอให้เช้าตื่นเต้นมาก นอนยิ่ม นอนกอดกันด้วยความหวัง
🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻
เช้าวันที่ 29/7/2561
ฉี่แรกของเช้าวันใหม่รีบตรวจทันทีปรากฎว่า 2 ขีดเช่นกัน วินาทีนั้นรีบอาบน้ำแต่งตัวพากันโรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจให้แน่นอนว่าตั้งท้องจริงรึป่าว ผลออกมาเจอถุงตั้งครรภ์จ้า หมอบอกท้องในมดลูกแน่นอน วินาทีน้ำน้ำตาของความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หมอบอกน้องเกาะต่ำนะค่ะคุณแม่ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้!!! หมอตรวจเจอถุงน้ำเพิ่ม มีขนาด 5 เซ็น และซีสที่มีอยู่แล้วขนาด 2 เซ็น วินาทีนั้นทั้งน้ำตาของการรอคอยและสิ้นหวังไหลออกมาในเวลาเดียวกัน หมอบอกตอนนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เนื่องจากมีน้องมาแล้ว หมอบอกว่าต้องนัดมาดูหัวใจน้องอีกทีและมาดูถุงน้ำว่าจะโตตามน้องหรือบางทีฮอร์โมนบางอย่างอาจทำให้ถุงน้ำฝ่อไปเองกฝ่อเองได้ แต่ถ้าถุงน้ำโตตามตัวน้อง ตอนเราท้องได้ 4 เดือนหมอต้องผ่าเอาถุงน้ำออกเพราะถุงน้ำอาจไปเบียดกับตัวของน้องทำให้น้องอันตราย แต่....ตอนผ่าตัดคุณแม่ต้องทำใจอาจมีผลกระทบกับตัวน้องก็ได้น้องอาจจะหลุดเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือน ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้หมอจึงนัดมาอีกทีในวันที่ 19/8/2561 ด้วยความโชคดีเราเป็นนายตัวเอง พอรู้ว่าเราต้องดูแลเค้าเป็นพิเศษเราหยุดทุกอย่าง เราดูแลเค้าเป็นอย่างดี เฝ้าทะนุถนอม กินแต่ของดีมีประโยชน์ พยายามไม่กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำใจให้สบายเพื่อไม่ให้กระทบกับลูก
🤰🏼🤰🏼🤰🏼🤰🏼
19/8/2561 แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เราได้เห็นและได้ยินเสียงหัวใจดวงน้อยๆ เต้นรัวๆ หมอบอกตอนนี้น้องได้ 6w+ นะค่ะ เราดีใจมากอยากกระโดนกอดสามีมากในวินาทีนั้น อยากโทรหาแม่ที่อยู่ต่างประเทศ อยากบอกทุกคนที่รอคอยหลานว่าวันนี้มีจริง เราจับมือกันแน่นมองดูหัวใจดวงน้อยๆที่เต้นรัว เป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ และอีกหนึ่งข่าวดีก็คือถุงน้ำมีขนาดเล็กเหลือเพียง 4 เซ็น วินาทีนั้นดีใจมาก ตื้นตันน้ำตาไหลด้วยความดีใจ เรารีบบอกข่าวดีกับแม่กับยาย ทุกคนน้ำตาไหลเมื่อได้เห็นหัวใจหลาน ไม่เพียงแต่เราที่รอคอยให้เค้าเกิดมา แต่ทุกคนในครอบครัวต่างรอคอยที่จะเห็นเจ้าตัวน้อยลืมตามองโลกที่อบอุ่นในครอบครัวเดียวกัน จากวินาทีนั้นทุกคนดูแลเราเป็นอย่างดี ความรักความอบอุ่นในครอบครัวก็เพิ่มมากขึ้น
แต่แล้ว!!!! เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น😰☹️😟
วันที่ 23/8/2561 เวลา 15.34 น.
เราไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลยสักนิด เราลุกไปฉี่พอทำความสะอาดมีเลือดสีแดงอ่อนๆติดกระดาษทิชชู่ออกมา วินาทีนั้นแทบจะทรุดลงที่ห้องน้ำ ตั้งสติได้รีบเก็บทิชชู่ทั้งหมดที่มีเลือดถ่ายรูปไว้แล้วโทหาสามีให้มารับไปโรงพยาบาล วินาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไปเราจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ โรงพยาบาลที่เราตั้งใจจะไปฝากครรภ์ในวันเสาร์ที่จะถึง วินาทีที่เข้าห้องตรวจ เรากับสามีกังวลมาก พอหมออุลตร้าซาวหมอก็เจอถุงตั้งครรภ์ที่เห็นตัวน้องอยู่ข้างใน ตอนนี้น้องได้ 7w3d นะค่ะ แต่!!!! "หัวใจน้องไม่เต้นแล้ว" หมอบอก...คุณแม่ค่ะน้องไม่อยู่แล้ว!! หมอบอกว่าเลือดอาจไปเลี้ยงน้องได้ไม่พอหรือโครโมโซมน้องอาจไม่แข็งแรง โดยธรรมชาติร่างกายจะขับของเสียออกมาเองตามธรรมชาติ คุณแม่อย่าเสียใจนะค่ะน้องยังไม่พร้อม พร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ให้เช็ดน้ำตา คำพูดเพียงเท่านี้ทำให้เรากับสามีร้องไห้โฮออกมาทันที วินาทีนั้นเราคิดว่ามันไม่จริง เราพึ่งเห็นหัวใจลูกเมื่อวันที่ 19 นิเอง พึ่งผ่านมา 4 วัน เองมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา มันคือเรื่องจริงหรอ ความหวังความฝันทุกอย่างจบสิ้นลง ตอนนั้นมันตื้อไปหมดสมองเหมือนไม่รับรู้อะไรใดๆทั้งสิ้น หมอถามเรามีประกันสังคมที่ไหน เราบอกมีที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเชียงใหม่ หมอเขียนใบส่งตัวให้เราไปขูดมดลูกที่นั่น วินาทีนั้นที่ออกจากห้องตรวจ เรากับสามีกอดกันร้องไห้ขี้มูกโป่ง พยาบาลต่างเข้ามาปลอบและให้กำลังใจ สามีบอกถ้าไปโรงพยาบาลที่ใช้สิทธิเราขอตรวจอีกครั้งได้ไหมว่าลูกเราไม่มีแล้วจริงๆ สามีไม่เชื่อว่าลูกจะไม่อยู่กับเราแล้ว หลังจากที่เราได้ใบส่งตัวเรารีบไปหาหมอที่ใช้สิทธิประกันสังคมทันที หมอแจ้งว่าไม่สามารถทำการขูดมดลูกให้ได้ถึงแม้จะมีใบส่งตัว ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของนักศึกษาแพทย์ทุกอย่างต้องตรวจให้ระเอียด ต้องเริ่มตรวจใหม่หมดตั้งแต่การตรวจฉี่ว่าตั้งครรภ์จริงรึป่าว วินาทีนั้นเรากับสามีมีความหวังขึ้นมาทันทีว่าตรวจใหม่เราอาจเห็นหัวใจลูกอีกครั้ง อาการปวดท้องเหมือนปวดหน่วงๆ ปวดประจำเดือนเริ่มเกิดขึ้น (แต่เราทนได้เมื่อเทียบกับตอนที่เราปวดท้องประจำเดือนทุกๆเดือน ทุกครั้งมันทรมานมากกว่านี้ เพราะเราเป็นคนปวดท้องรุนแรงทุกครั้งที่มีประจำเดือน) และเราก็ถูกส่งตัวไปห้องคลอดฉุกเฉินทันที ในห้องนั้นมีทั้งหมอทั้งนักศึกษาแพทย์เต็มไปหมด เราแยกไม่ออกคนไหนหมอคนไหนนักศึกษาเพราะเค้าใส่ชุดเหมือนกันหมด แยกออกแค่ผู้ช่วย รวมๆแล้วที่นับดูในห้องมีประมาณ 10 คนได้ มุงกันตรวจและพร้อมกันสอนกันไปด้วย ก็ใช้เวลาในการตรวจนานพอสมควร หมอบอกเดี๋ยวหมอจะใส่เครื่องมือตรวจภายในก่อนนะค่ะมันจะตึงๆหน่อย ครั้งที่สองหมอใช้เครื่องอุลตร้าซาวในช่องคลอด ครั้งที่สามหมอใช้นิ้วคลำในการตรวจพอเค้าคุยกันในภาษาแพทย์เสร็จ มีคนนึงเค้าก็แจ้งเราว่า....คุณแม่ค่ะหมอเจอน้องแล้ว แต่หัวใจน้องไม่เต้นนะค่ะ เราจะยังไม่คอนเฟริมว่าน้องไม่มีชีวิตแล้ว เราต้องรออาจารย์หมอเป็นคนคอนเฟริมเนื่องจากตอนนี้นอกเวลาแล้วคุณหมอไม่อยู่ ตอนนี้เราให้โอกาสน้องก่อนเนอะ ให้เวลาน้อง 1 อาทิตย์ แล้วค่อยมาตรวจใหม่เราอาจจะเห็นหัวใจน้องอีกครั้งตอนนี้น้องอาจยังเล็กมองไม่เห็น ตอนนี้หมอจะยังไม่ทำอะไรให้ แต่ถ้าคุณแม่กลับไปแล้วมีเลือดไหลออกมาเยอะเป็นก้อนๆ ก้อนเล็กๆยังไม่ใช่นะค่ะ ต้องเป็นก้อนเลือดใหญ่ๆเท่าฝ่ามือหรือเหมือนพุงปลาหลุดออกมาให้เก็บใส่ถุงแล้วเอามาโรงพยาบาลด้วย กรือปวดท้องมากจนทนไม่ไหวให้รีบมาก่อนนัดได้เลยค่ะ วินาทีนั้นมีทั้งความหวังและสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน เกิดความสับสนไปหมด คำถามมากมาย เลยถามหมอไปเลยว่าถ้าอีก 1 อาทิตย์น้องไม่อยู่แล้วเราควรทำไงต่อไปค่ะ หมอเลยบอกว่าแสดงว่าคุณแม่แท้งค่ะ แท้งก็มีอยู่ 3 วิธีให้เลือก 1 ขูดมดลูก 2 ใช้ยาสอดให้หลุดเองตามธรรมชาติ 3 ปล่อยให้ธรรมชาติขับออกมาเองถือว่าเป็นการแท้งสมบูรณ์ แต่ถ้าแท้งสมบูรณ์แล้วคุณแม่เป็นภาวะมีบุตรยากหมอไม่แนะนำให้ขูดมดลูกเพราะการขูดมดลูกไม่ได้ช่วยให้มดลูกสะอาดขึ้นหรือทำให้มีลูกง่ายขึ้นในครั้งต่อไปอย่างที่คนเข้าใจ อาจมีผลเสียต่อการมีลูกครั้งต่อไปได้ยากขึ้นมากกว่าเดิม ได้ยินแบบนี้เราหมดหวังแล้วทุกอย่าง ลุกขึ้นพร้อมกับน้ำตาแล้วพากันกลับบ้าน และรอมาตามนัดในครั้งต่อไป ระหว่างที่กลับมาถึงบ้านเราเริ่มมีอาการปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือน เลือดเริ่มไหลมากขึ้นสีเข้มขึ้น เราไม่กล้ากินยาอะไรเลยตอนนั้นเพราะเรามีหวังว่าลูกเราอาจจะยังอยู่ กลัวกินไปแล้วจะส่งผลถึงลูก เราทนต่อการเจ็บปวดทรมาน ปวดหน่วง ปวดเหมือนจะอึแต่ก็ไม่อึ มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สวยงามเลย 😢😢😢
จนถึงคืนวันที่ 25/8/2561
จนถึงประมาณเที่ยงคืน อาการปวดท้อง หน่วงท้องไปถึงหลังเริ่มเพิ่มมากขึ้น เราเดินเข้าเดินออกห้องน้ำเหมือนปวดท้องอึแต่ก็ไม่ออก เข้าออกๆห้องน้ำเราทรมานมากตอนนั้น คิดอะไรไม่ออก เราเลยอธิฐานในห้องน้ำ พูดกับลูกว่า "ลูกตอนนี้แม่ทรมานเหลือเกิน แม่เจ็บปวดมาก ถ้านู๋ไม่ไหวแล้วก็ออกมาดีๆนะลูก อย่าทรมานแม่อีกเลย" จนขึ้นมาบนที่นอนกำลังจะนั่งลงมีความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรไหลลงมา ตอนนั้นเราใส่ผ้าอนามัยอยู่ เรารีบเปิดดูเฮ้ยยยย!! เหมือพุงปลาที่หมอบอกเลย รีบบอกสามีให้ไปเอาถุงมาใส่ลูก ลูกเราหลุดออกมาแล้วแน่เลย ทันใดที่เห็นถุงตั้งครรภ์ลูก สั่นไปทั้งตัวช็อคมากกอดกับสามีร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนขาดสติ พอตั้งสติได้อยากเห็นหน้าลูกสักครั้งจึงหยิบถุงพลาสติกขึ้นมาดูเราเห็นตัวลูกขดอยู่ในถุงใส่ๆข้างในมีน้ำขุ่นๆปนสีแดงๆ เราเด็กตัวน้อยๆนอนงอตัวเหมือนกุ้งเห็นแววตาดวงน้อยๆ 2 ดวงและติ่งขาเล็กๆ 2 ข้าง มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากจริงๆ รู้สึกรักผูกผันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่อีกใจนึกเราก็คิดว่าเค้าสู้มาถึงวันนี้เค้าก็เก่งที่สุดแล้ว เรารีบอาบน้ำสระผมทำอะไรไปโดยขาดสติ สามีรีบเป่าปมให้นั่งร้องไห้ทำอะไรไม่ถูกทั้งสองคน หลังจากที่ลูกหลุดไปความเจ็บปวดกลับไม่ลดลงเลยสักนิด เรากลับเจ็บมากขึ้นเจ็บเหมือนมีคนมาบีบมดลูก นอนไม่ได้เลยได้แต่นั่งบิดไปบิดมา สามีจะพาไปโรงพยาบาลเรายังไม่อยากไปอยากทนให้ถึงที่สุด เรานั่งบิดไปบิดมาจนถึงตี 4 ก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรใหญ่ๆจะหลุดมา แต่มันไม่ยอมหลุดเราตัดสินใจเบ่งก็ไม่ยอมออก ตอนนั้นสั่นไปกมดทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด ยืนเบ่งอยู่ในห้องน้ำ ตอนนั้นมันตื้อไปหมดไม่รู้ว่าจะเป็นวิธีที่ถูกหรือผิดเราตัดสินใจเอาน้ำอุ่นอาบอีกครั้ง เอาฝักบัวจ่อที่ท้อง เพื่อคิดว่าก้อนเลือดจะหลุดออกมาเหมือนที่ตอนเป็นประจำเดือนแล้วเราเอาถึงน้ำร้อนประคบ เราให้สามีไปต้มน้ำอุ่นมาให้กิน ทั้งกินทั้งอาบอยู่ในห้องน้ำน่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงได้ แล้วเรากลั้นใจเบ่งสุดแรงอีกครั้งก้อนนั้นก็ตกลงมามันรู้สึกโล่งมากแต่ยังไม่คลายความเจ็บปวดเลยสักนิด เรารีบบอกสามีไปเอาถุงมาใส่ก้อนเลือดี้เก็บไปให้หมออีก จากนั้นด้วยความอ่อนล้าเราหลับไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่ยังมีอยู่
วันที่ 25/8/2561 ตื่นมาเวลา 09.30 น. ตื่นมาก็รู้สึกได้ว่ายังเจ็บท้องทำไมยังไม่ดีขึ้น พอเข้าห้องน้ำจะเตรียมตัวไปโรงพยาบาล ก็รู้สึกได้ว่ามีก้อนอะไรไหลลงมาอีกรีบเอากระดาษทิชชู่มารองไว้ สุดท้ายก็มีก้อนเลือดใหญ่ๆหลุดมาอีกก้อนนึง เราก็เรียกสามีให้เอาถุงมาเก็บอีดตามเคยเพื่อจะเอาไปให้หมอ รีบแต่งตัวไปหาหมอพร้อมกับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นความเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต
😥😥😥😥😥😥😥😥😥😥
ปล... ความเจ็บปวดยังไม่หมดเพียงเท่านี้เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ
ประสบการณ์แท้งลูก 7 สัปดาห์
👶🏻 4 ปี 1 เดือน 28 วันที่เรารอคอย 👶🏻
เนื่องจากเราเป็นภาวะมีบุตรยาก มีซีสในมดลูก และประจำเดือนมาไม่ตรงกันสักเดือน จึงทำให้เราต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอดเพื่อตรวจ รักษาอาการมีบุตรยาก หมอแนะนำให้เราทำเด็กหลอดแก้ว แต่เรากับสามีเลือกที่จะปล่อยให้เค้ามาเองตามธรรมชาติ แล้ววันนี้ที่รอคอยก็มาถึง
😍😍😍😍
วินาทีแรกที่รู้ว่ามีแก้วตาดวงใจ 28/7/2561
บอกก่อนนะค่ะเราไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย นอกจากง่วงนอนมาก ขึ้นรถก็สลบไม่รู้ตัวเลย ด้วยความที่เราเป็นคนขี้นอนอยู่แล้วสามีจึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเรา วันนั้นใกล้สิ้นเดือนแล้วแต่ประจำเดือนเรายังไม่มา เราพูดขึ้นมาเล่นๆกับแฟนว่าลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจดีไหมประจำเดือนยังไม่มาเลย จะครบเดือนแล้ว ด้วยความที่สามีก็ยังไม่อยากเข้าบ้านเลยคิดได้ว่าเอ่อไปซื้อมาตรวจดีกว่าขับรถเล่นเนอะยังไม่อยากกลับบ้าน ตอนนั้นเวลาประมาณ 20.00 น. เภสัชถามว่าเอาแบบไหนดีมี 2 แบบ แบบจุ่มกับแบบหยด แต่แบบหยดจะแม่นยำกว่า ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไม่มากเราจึงเลือกแบบหยด เภสัชบอกว่าถ้าจะให้เห็นผลที่แม่นยำ ให้เราตรวจฉี่แรกในตอนเข้า เรากับสามีตื่นเต้นเลยไม่รอเวลา ปรากฎว่าขึ้น 2 ขีดชัดเจนมากจ้า วินาทีนั้นตกใจมาก อึ้งทำไรไม่ถูกไม่ทันตั้งตัว สามีแขนขาอ่อนแรงทันที นางดีใจมาก พอตั้งสติได้ เรากับสามียังไม่มั่นใจเลยพากันออกไปซื้อมาตรวจอีก 2 อัน กลับมาถึงบ้านด้วยอาการมือไม้สั่น แกะที่ตรวจอีกอันทันที ปรากฎว่า 2 ขีดอีกแล้ว ตอนนั้นความมั่นใจว่าเริ่มเพิ่มขึ้น เลยเอาอีกอันไว้ตรวจตอนเช้าฉี่แรก ระหว่างรอให้เช้าตื่นเต้นมาก นอนยิ่ม นอนกอดกันด้วยความหวัง
🙏🏻🙏🏻🙏🏻🙏🏻
เช้าวันที่ 29/7/2561
ฉี่แรกของเช้าวันใหม่รีบตรวจทันทีปรากฎว่า 2 ขีดเช่นกัน วินาทีนั้นรีบอาบน้ำแต่งตัวพากันโรงพยาบาลทันที เพื่อตรวจให้แน่นอนว่าตั้งท้องจริงรึป่าว ผลออกมาเจอถุงตั้งครรภ์จ้า หมอบอกท้องในมดลูกแน่นอน วินาทีน้ำน้ำตาของความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หมอบอกน้องเกาะต่ำนะค่ะคุณแม่ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้!!! หมอตรวจเจอถุงน้ำเพิ่ม มีขนาด 5 เซ็น และซีสที่มีอยู่แล้วขนาด 2 เซ็น วินาทีนั้นทั้งน้ำตาของการรอคอยและสิ้นหวังไหลออกมาในเวลาเดียวกัน หมอบอกตอนนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เนื่องจากมีน้องมาแล้ว หมอบอกว่าต้องนัดมาดูหัวใจน้องอีกทีและมาดูถุงน้ำว่าจะโตตามน้องหรือบางทีฮอร์โมนบางอย่างอาจทำให้ถุงน้ำฝ่อไปเองกฝ่อเองได้ แต่ถ้าถุงน้ำโตตามตัวน้อง ตอนเราท้องได้ 4 เดือนหมอต้องผ่าเอาถุงน้ำออกเพราะถุงน้ำอาจไปเบียดกับตัวของน้องทำให้น้องอันตราย แต่....ตอนผ่าตัดคุณแม่ต้องทำใจอาจมีผลกระทบกับตัวน้องก็ได้น้องอาจจะหลุดเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือน ตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ได้หมอจึงนัดมาอีกทีในวันที่ 19/8/2561 ด้วยความโชคดีเราเป็นนายตัวเอง พอรู้ว่าเราต้องดูแลเค้าเป็นพิเศษเราหยุดทุกอย่าง เราดูแลเค้าเป็นอย่างดี เฝ้าทะนุถนอม กินแต่ของดีมีประโยชน์ พยายามไม่กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำใจให้สบายเพื่อไม่ให้กระทบกับลูก
🤰🏼🤰🏼🤰🏼🤰🏼
19/8/2561 แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เราได้เห็นและได้ยินเสียงหัวใจดวงน้อยๆ เต้นรัวๆ หมอบอกตอนนี้น้องได้ 6w+ นะค่ะ เราดีใจมากอยากกระโดนกอดสามีมากในวินาทีนั้น อยากโทรหาแม่ที่อยู่ต่างประเทศ อยากบอกทุกคนที่รอคอยหลานว่าวันนี้มีจริง เราจับมือกันแน่นมองดูหัวใจดวงน้อยๆที่เต้นรัว เป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ และอีกหนึ่งข่าวดีก็คือถุงน้ำมีขนาดเล็กเหลือเพียง 4 เซ็น วินาทีนั้นดีใจมาก ตื้นตันน้ำตาไหลด้วยความดีใจ เรารีบบอกข่าวดีกับแม่กับยาย ทุกคนน้ำตาไหลเมื่อได้เห็นหัวใจหลาน ไม่เพียงแต่เราที่รอคอยให้เค้าเกิดมา แต่ทุกคนในครอบครัวต่างรอคอยที่จะเห็นเจ้าตัวน้อยลืมตามองโลกที่อบอุ่นในครอบครัวเดียวกัน จากวินาทีนั้นทุกคนดูแลเราเป็นอย่างดี ความรักความอบอุ่นในครอบครัวก็เพิ่มมากขึ้น
แต่แล้ว!!!! เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น😰☹️😟
วันที่ 23/8/2561 เวลา 15.34 น.
เราไม่มีอาการอะไรผิดปกติเลยสักนิด เราลุกไปฉี่พอทำความสะอาดมีเลือดสีแดงอ่อนๆติดกระดาษทิชชู่ออกมา วินาทีนั้นแทบจะทรุดลงที่ห้องน้ำ ตั้งสติได้รีบเก็บทิชชู่ทั้งหมดที่มีเลือดถ่ายรูปไว้แล้วโทหาสามีให้มารับไปโรงพยาบาล วินาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไปเราจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ โรงพยาบาลที่เราตั้งใจจะไปฝากครรภ์ในวันเสาร์ที่จะถึง วินาทีที่เข้าห้องตรวจ เรากับสามีกังวลมาก พอหมออุลตร้าซาวหมอก็เจอถุงตั้งครรภ์ที่เห็นตัวน้องอยู่ข้างใน ตอนนี้น้องได้ 7w3d นะค่ะ แต่!!!! "หัวใจน้องไม่เต้นแล้ว" หมอบอก...คุณแม่ค่ะน้องไม่อยู่แล้ว!! หมอบอกว่าเลือดอาจไปเลี้ยงน้องได้ไม่พอหรือโครโมโซมน้องอาจไม่แข็งแรง โดยธรรมชาติร่างกายจะขับของเสียออกมาเองตามธรรมชาติ คุณแม่อย่าเสียใจนะค่ะน้องยังไม่พร้อม พร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ให้เช็ดน้ำตา คำพูดเพียงเท่านี้ทำให้เรากับสามีร้องไห้โฮออกมาทันที วินาทีนั้นเราคิดว่ามันไม่จริง เราพึ่งเห็นหัวใจลูกเมื่อวันที่ 19 นิเอง พึ่งผ่านมา 4 วัน เองมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา มันคือเรื่องจริงหรอ ความหวังความฝันทุกอย่างจบสิ้นลง ตอนนั้นมันตื้อไปหมดสมองเหมือนไม่รับรู้อะไรใดๆทั้งสิ้น หมอถามเรามีประกันสังคมที่ไหน เราบอกมีที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเชียงใหม่ หมอเขียนใบส่งตัวให้เราไปขูดมดลูกที่นั่น วินาทีนั้นที่ออกจากห้องตรวจ เรากับสามีกอดกันร้องไห้ขี้มูกโป่ง พยาบาลต่างเข้ามาปลอบและให้กำลังใจ สามีบอกถ้าไปโรงพยาบาลที่ใช้สิทธิเราขอตรวจอีกครั้งได้ไหมว่าลูกเราไม่มีแล้วจริงๆ สามีไม่เชื่อว่าลูกจะไม่อยู่กับเราแล้ว หลังจากที่เราได้ใบส่งตัวเรารีบไปหาหมอที่ใช้สิทธิประกันสังคมทันที หมอแจ้งว่าไม่สามารถทำการขูดมดลูกให้ได้ถึงแม้จะมีใบส่งตัว ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของนักศึกษาแพทย์ทุกอย่างต้องตรวจให้ระเอียด ต้องเริ่มตรวจใหม่หมดตั้งแต่การตรวจฉี่ว่าตั้งครรภ์จริงรึป่าว วินาทีนั้นเรากับสามีมีความหวังขึ้นมาทันทีว่าตรวจใหม่เราอาจเห็นหัวใจลูกอีกครั้ง อาการปวดท้องเหมือนปวดหน่วงๆ ปวดประจำเดือนเริ่มเกิดขึ้น (แต่เราทนได้เมื่อเทียบกับตอนที่เราปวดท้องประจำเดือนทุกๆเดือน ทุกครั้งมันทรมานมากกว่านี้ เพราะเราเป็นคนปวดท้องรุนแรงทุกครั้งที่มีประจำเดือน) และเราก็ถูกส่งตัวไปห้องคลอดฉุกเฉินทันที ในห้องนั้นมีทั้งหมอทั้งนักศึกษาแพทย์เต็มไปหมด เราแยกไม่ออกคนไหนหมอคนไหนนักศึกษาเพราะเค้าใส่ชุดเหมือนกันหมด แยกออกแค่ผู้ช่วย รวมๆแล้วที่นับดูในห้องมีประมาณ 10 คนได้ มุงกันตรวจและพร้อมกันสอนกันไปด้วย ก็ใช้เวลาในการตรวจนานพอสมควร หมอบอกเดี๋ยวหมอจะใส่เครื่องมือตรวจภายในก่อนนะค่ะมันจะตึงๆหน่อย ครั้งที่สองหมอใช้เครื่องอุลตร้าซาวในช่องคลอด ครั้งที่สามหมอใช้นิ้วคลำในการตรวจพอเค้าคุยกันในภาษาแพทย์เสร็จ มีคนนึงเค้าก็แจ้งเราว่า....คุณแม่ค่ะหมอเจอน้องแล้ว แต่หัวใจน้องไม่เต้นนะค่ะ เราจะยังไม่คอนเฟริมว่าน้องไม่มีชีวิตแล้ว เราต้องรออาจารย์หมอเป็นคนคอนเฟริมเนื่องจากตอนนี้นอกเวลาแล้วคุณหมอไม่อยู่ ตอนนี้เราให้โอกาสน้องก่อนเนอะ ให้เวลาน้อง 1 อาทิตย์ แล้วค่อยมาตรวจใหม่เราอาจจะเห็นหัวใจน้องอีกครั้งตอนนี้น้องอาจยังเล็กมองไม่เห็น ตอนนี้หมอจะยังไม่ทำอะไรให้ แต่ถ้าคุณแม่กลับไปแล้วมีเลือดไหลออกมาเยอะเป็นก้อนๆ ก้อนเล็กๆยังไม่ใช่นะค่ะ ต้องเป็นก้อนเลือดใหญ่ๆเท่าฝ่ามือหรือเหมือนพุงปลาหลุดออกมาให้เก็บใส่ถุงแล้วเอามาโรงพยาบาลด้วย กรือปวดท้องมากจนทนไม่ไหวให้รีบมาก่อนนัดได้เลยค่ะ วินาทีนั้นมีทั้งความหวังและสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน เกิดความสับสนไปหมด คำถามมากมาย เลยถามหมอไปเลยว่าถ้าอีก 1 อาทิตย์น้องไม่อยู่แล้วเราควรทำไงต่อไปค่ะ หมอเลยบอกว่าแสดงว่าคุณแม่แท้งค่ะ แท้งก็มีอยู่ 3 วิธีให้เลือก 1 ขูดมดลูก 2 ใช้ยาสอดให้หลุดเองตามธรรมชาติ 3 ปล่อยให้ธรรมชาติขับออกมาเองถือว่าเป็นการแท้งสมบูรณ์ แต่ถ้าแท้งสมบูรณ์แล้วคุณแม่เป็นภาวะมีบุตรยากหมอไม่แนะนำให้ขูดมดลูกเพราะการขูดมดลูกไม่ได้ช่วยให้มดลูกสะอาดขึ้นหรือทำให้มีลูกง่ายขึ้นในครั้งต่อไปอย่างที่คนเข้าใจ อาจมีผลเสียต่อการมีลูกครั้งต่อไปได้ยากขึ้นมากกว่าเดิม ได้ยินแบบนี้เราหมดหวังแล้วทุกอย่าง ลุกขึ้นพร้อมกับน้ำตาแล้วพากันกลับบ้าน และรอมาตามนัดในครั้งต่อไป ระหว่างที่กลับมาถึงบ้านเราเริ่มมีอาการปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือน เลือดเริ่มไหลมากขึ้นสีเข้มขึ้น เราไม่กล้ากินยาอะไรเลยตอนนั้นเพราะเรามีหวังว่าลูกเราอาจจะยังอยู่ กลัวกินไปแล้วจะส่งผลถึงลูก เราทนต่อการเจ็บปวดทรมาน ปวดหน่วง ปวดเหมือนจะอึแต่ก็ไม่อึ มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สวยงามเลย 😢😢😢
จนถึงคืนวันที่ 25/8/2561
จนถึงประมาณเที่ยงคืน อาการปวดท้อง หน่วงท้องไปถึงหลังเริ่มเพิ่มมากขึ้น เราเดินเข้าเดินออกห้องน้ำเหมือนปวดท้องอึแต่ก็ไม่ออก เข้าออกๆห้องน้ำเราทรมานมากตอนนั้น คิดอะไรไม่ออก เราเลยอธิฐานในห้องน้ำ พูดกับลูกว่า "ลูกตอนนี้แม่ทรมานเหลือเกิน แม่เจ็บปวดมาก ถ้านู๋ไม่ไหวแล้วก็ออกมาดีๆนะลูก อย่าทรมานแม่อีกเลย" จนขึ้นมาบนที่นอนกำลังจะนั่งลงมีความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรไหลลงมา ตอนนั้นเราใส่ผ้าอนามัยอยู่ เรารีบเปิดดูเฮ้ยยยย!! เหมือพุงปลาที่หมอบอกเลย รีบบอกสามีให้ไปเอาถุงมาใส่ลูก ลูกเราหลุดออกมาแล้วแน่เลย ทันใดที่เห็นถุงตั้งครรภ์ลูก สั่นไปทั้งตัวช็อคมากกอดกับสามีร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนขาดสติ พอตั้งสติได้อยากเห็นหน้าลูกสักครั้งจึงหยิบถุงพลาสติกขึ้นมาดูเราเห็นตัวลูกขดอยู่ในถุงใส่ๆข้างในมีน้ำขุ่นๆปนสีแดงๆ เราเด็กตัวน้อยๆนอนงอตัวเหมือนกุ้งเห็นแววตาดวงน้อยๆ 2 ดวงและติ่งขาเล็กๆ 2 ข้าง มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากจริงๆ รู้สึกรักผูกผันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย แต่อีกใจนึกเราก็คิดว่าเค้าสู้มาถึงวันนี้เค้าก็เก่งที่สุดแล้ว เรารีบอาบน้ำสระผมทำอะไรไปโดยขาดสติ สามีรีบเป่าปมให้นั่งร้องไห้ทำอะไรไม่ถูกทั้งสองคน หลังจากที่ลูกหลุดไปความเจ็บปวดกลับไม่ลดลงเลยสักนิด เรากลับเจ็บมากขึ้นเจ็บเหมือนมีคนมาบีบมดลูก นอนไม่ได้เลยได้แต่นั่งบิดไปบิดมา สามีจะพาไปโรงพยาบาลเรายังไม่อยากไปอยากทนให้ถึงที่สุด เรานั่งบิดไปบิดมาจนถึงตี 4 ก็รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรใหญ่ๆจะหลุดมา แต่มันไม่ยอมหลุดเราตัดสินใจเบ่งก็ไม่ยอมออก ตอนนั้นสั่นไปกมดทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด ยืนเบ่งอยู่ในห้องน้ำ ตอนนั้นมันตื้อไปหมดไม่รู้ว่าจะเป็นวิธีที่ถูกหรือผิดเราตัดสินใจเอาน้ำอุ่นอาบอีกครั้ง เอาฝักบัวจ่อที่ท้อง เพื่อคิดว่าก้อนเลือดจะหลุดออกมาเหมือนที่ตอนเป็นประจำเดือนแล้วเราเอาถึงน้ำร้อนประคบ เราให้สามีไปต้มน้ำอุ่นมาให้กิน ทั้งกินทั้งอาบอยู่ในห้องน้ำน่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงได้ แล้วเรากลั้นใจเบ่งสุดแรงอีกครั้งก้อนนั้นก็ตกลงมามันรู้สึกโล่งมากแต่ยังไม่คลายความเจ็บปวดเลยสักนิด เรารีบบอกสามีไปเอาถุงมาใส่ก้อนเลือดี้เก็บไปให้หมออีก จากนั้นด้วยความอ่อนล้าเราหลับไปพร้อมกับความเจ็บปวดที่ยังมีอยู่
วันที่ 25/8/2561 ตื่นมาเวลา 09.30 น. ตื่นมาก็รู้สึกได้ว่ายังเจ็บท้องทำไมยังไม่ดีขึ้น พอเข้าห้องน้ำจะเตรียมตัวไปโรงพยาบาล ก็รู้สึกได้ว่ามีก้อนอะไรไหลลงมาอีกรีบเอากระดาษทิชชู่มารองไว้ สุดท้ายก็มีก้อนเลือดใหญ่ๆหลุดมาอีกก้อนนึง เราก็เรียกสามีให้เอาถุงมาเก็บอีดตามเคยเพื่อจะเอาไปให้หมอ รีบแต่งตัวไปหาหมอพร้อมกับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นความเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต
😥😥😥😥😥😥😥😥😥😥
ปล... ความเจ็บปวดยังไม่หมดเพียงเท่านี้เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ